Skip to content

King of Gods 1203

King Of Gods

บทที่ 1203 บททดสอบสุดท้าย

“ดวงตาสีทองนั่น หรือว่า?”

ปฐมเทพคงหยวนมองตรงไปยังจ้าวเฟิง หยุดอยู่ที่ดวงตาสีทองล้ำลึกดุจอำพัน เหมือนว่านึกอะไรขึ้นได้

ถึงแม้เขาจะสังเกตถึงเอกลักษณ์ผมทองตาทองของจ้าวเฟิงนานแล้ว แต่เผ่าพันธุ์ในดินแดนเทพรกร้างมีมากมาย ผิว ผม และตาสีอะไรก็มีทั้งนั้น

ดังนั้น ปฐมเทพคงหยวนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เนตรสวรรค์ที่เคยประลองกับเขาจะเป็นสิ่งจ้าวเฟิงที่สำแดงออกมา

อย่างไรเสีย จ้าวเฟิงก็ช่างอ่อนแอ เล็กน้อยด้อยค่าในสายตาของเขา

จนกระทั่งเมื่อครู่ ในยามที่ตาซ้ายของจ้าวเฟิงสำแดงพลังที่คาดไม่ถึงออกมา ปฐมเทพคงหยวนถึงนึกสงสัย จ้าวเฟิงก็คือเจ้าของเนตรสวรรค์สีทองข้างนั้น คนที่ใช้เนตรข้ามนภาเอาชนะตนเองได้

“สังหารสี่คนในชั่วพริบตา!”

เทพแท้จริงขั้นสี่คนหนึ่งใจเต้นระรัว

แต่เดิมเขาก็คือกลุ่มเดียวกับจ้าวเฟิง แต่ตอนผู้แข็งแกร่งแดนศักดิ์สิทธิ์มิติล้อมโจมตีจ้าวเฟิง เขาก็ไม่ได้เลือกช่วยอีกฝ่าย แต่ฉวยโอกาสโจมตีคนของแดนศักดิ์สิทธิ์

สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ จ้าวเฟิงถูกผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติล้อมโจมตี สุดท้ายปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ทั้งยังโจมตีคนหลายคนของฝ่ายตรงข้าม

ฟู่ ฟู่! บนกระดานหิน มังกรวารีล้างโลกาที่ถูกฟันขาดออกเป็นสองท่อน กายเชื่อมติดเข้าด้วยกันเอง ก่อนจะฟื้นฟูอย่างช้าๆ

แต่ว่าเขาในยามนี้ กลิ่นอายพลังอ่อนแอเป็นอย่างมาก ไม่มีความสามารถจะต่อสู้

“นี่มันคือสายเลือดอะไรกัน?”

ผู้แข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติตกใจจนร้องเสียงหลง

ผู้แข็งแกร่งสามคนถูก ‘คมมิติ’ สังหารลงอย่างสิ้นเชิง ส่วนมังกรวารีล้างโลกาถูกฟันขาดออกเป็นสองท่อน แต่ยังคงมีชีวิตอยู่ดี

“เอาละ ตอนนี้เหลืออยู่สิบคนพอดี พวกเจ้าทั้งหมดเข้ารอบ!”

ผู้อาวุโสโปร่งแสงกลางอากาศยิ้มพูดขึ้น

สายตาของทุกคนกวาดผ่าน เหลือเพียงแค่สิบคนจริงๆ ด้วย ในนั้นมีแดนศักดิ์สิทธิ์มิติสี่คน ที่เหลืออีกหกคนต้องเป็นคนของเขตชะตาสวรรค์และเขตผาเก่าอย่างแน่นอน

“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ พักฟื้นระยะหนึ่งก่อน ใครก็ห้ามลงมือทั้งนั้น!”

ผู้อาวุโสที่คลุมชุดคลุมมิติพูดประโยคนี้จบก็หายไปทันที

“สหายน้อยคนนี้ วิชาของเจ้าเมื่อครู่ช่างชวนให้หวาดหวั่นเสียจริง!”

ชายวัยกลางคนผมสีน้ำตาลคนหนึ่งมายังข้างกายจ้าวเฟิง

ฝีมือของจ้าวเฟิงช่างน่าตกใจนัก

ยิ่งเมื่อรวมกับคุณสมบัติกายพิเศษของมังกรวารีล้างโลกา พลังฝึกตนเทพแท้จริงขั้นสี่ของเสี่ยวหลิง กลุ่มจ้าวเฟิงสามคนกลายเป็นกำลังที่ไม่อาจประมาทได้

“ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้ว!”

จ้าวเฟิงเอ่ยไปตามมารยาท

พลังเนตรเทพลอกแบบของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งจริงๆ แต่คนทั้งหมดที่นั่นไม่รู้ว่านั่นคือวิชาอะไร นี่ก็คือเหตุผลที่คนผู้นี้มาตีสนิทกับจ้าวเฟิง

การทดสอบรอบที่สองจบลง เหลือคนสิบคนพักรักษาอยู่ที่นี่ชั่วคราว

ไม่มีใครรู้ว่ารอบต่อไปจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นไร สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือรักษาสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดไว้เท่านั้น

“รอบต่อไปหากมีอันตราย เจ้าก็สละสิทธิ์ไปทันที!”

จ้าวเฟิงพูดกับมังกรวารีล้างโลกา

มังกรวารีล้างโลกาใช้พลังทำลายล้างดั้งเดิมหมดไปมหาศาล ตอนนี้อ่อนแอยิ่งนัก พลังกำลังถอดถอย ไม่ใช่จะฟื้นฟูได้ในเวลาสั้นๆ

ยังดีที่ถึงไม่มีการช่วยเหลือจากมังกรวารีล้างโลกา แต่ข้างกายจ้าวเฟิงก็ยังมีเสี่ยวหลิงเทพแท้จริงขั้นสี่คนนี้

หลังจากที่กินของล้ำค่ารักษาบาดแผลบางอย่าง จ้าวเฟิงก็เริ่มรับรู้ทำความเข้าใจเสวียนอ้าวมิติ จ้าวเฟิงเชื่อว่า ไม่ว่าบททดสอบต่อไปคืออะไร เสวียนอ้าวมิติน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง

หลังจากนั้นหลายวัน บาดแผลของทุกคนหายดีพอควรแล้ว แต่ผู้อาวุโสร่างโปร่งแสงก็ยังไม่ปรากฏตัว

ผ่านไปอีกสิบวัน บางคนเริ่มอดทนไม่ไหว

“ตาแก่นั่นไม่ใช่ว่าลืมพวกเราไปแล้วหรอกนะ!”

หลายคนค่อนข้างร้อนรน

แต่จ้าวเฟิงนั่งอยู่ที่เดิมตลอด ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

สำหรับจ้าวเฟิง สามารถบรรลุเสวียนอ้าวมิติได้ก่อนการทดสอบรอบที่สามจะเริ่ม ก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวเลย

เสวียนอ้าวมิติขั้นที่สองกับเสวียนอ้าวเวลาขั้นที่หนึ่งของจ้าวเฟิง ก็เป็นเพราะมาที่นี่จึงบรรลุได้ พรึ่บ!

จ้าวเฟิงมายังมิติเนตรเทพเจ้า ชายชราผมขาวคนหนึ่งสาธิต ‘ฝ่ามือครองสวรรค์’ ต่อ

“ข้าสามารถผสานเสวียนอ้าวมิติเข้าไปในเคล็ดวิชาฝ่ามือได้แล้ว!”

จ้าวเฟิงพูดขึ้นด้วยใบหน้ายินดี

‘ฝ่ามือครองสวรรค์’ ที่มีเสวียนอ้าวมิติ ถึงจะเป็น ‘ฝ่ามือครองสวรรค์’ ที่แท้จริง

ฝ่ามือเดียวเมินเฉยต่อมิติ ที่ที่วิชาฝ่ามือปกคลุมเวลาจะไหลช้าลง ศัตรูคิดอยากหลบก็หลบไม่ได้ มีแต่ต้องถูกบดขยี้เท่านั้น

ในยามนี้เอง กายของจ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ ความคิดกลับมาในร่าง

ครืน ครืน ครืน! กระดานหินที่ทุกคนอยู่สั่นไหวอย่างรุนแรง

ตรงกลางกระดานหิน ก้อนหินเล็กใหญ่นับไม่ถ้วนลอยตัวขึ้นข้างบน

“ถอยเร็ว!” คนทั้งหมดรีบถอยไปริมขอบด้านข้างทันที

ครืน ครืน! เบื้องหน้าทุกคนมีหินสีขาวนับไม่ถ้วนลอยอยู่!

ครืน ตูม ตูม!

ก้อนหินทั้งหมดเริ่มรวมตัวกัน ก่อร่างเป็นยอดเขายักษ์สูงถึงพันจั้งลูกหนึ่งในชั่วพริบตา

ยอดยักษ์สีขาวลูกนี้ก่อร่างจากหินสีขาวทั้งหมด อีกทั้งทั่วทุกด้านมีบันไดมุ่งไปสู่ยอดเขา

พรึ่บ! บนยอดเขา ผู้อาวุโสกึ่งโปร่งแสงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

“ผู้ที่มาถึงยอดเขาได้คือผู้ชนะ!”

เสี้ยวขณะนี้ บนร่างของผู้อาวุโสกึ่งโปร่งแสงพลันเปล่งประกายสีเงินอันลึกซึ้งออกมาชั้นหนึ่ง

“แบบทดสอบรอบสุดท้าย?”

หลายคนตกใจเล็กน้อย

“คนที่มาถึงยอดเขาคนแรกจะได้ ‘ชุดคลุมมิติ’ ไป!”

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง

การทดสอบรอบสุดท้ายไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้เลย บางทีเขาอาจจะมีโอกาสได้ ‘ชุดคลุมมิติ’ มาครอบครองก็เป็นได้

“เขาลูกนี้จะมีกลไกอะไร?”

ชายชราคนหนึ่งเหยียบไปบนขั้นบันไดด้วยความสงสัย

เสี้ยวขณะที่เหยียบไปยังขั้นบันได ชายชราคนนี้ก็รู้ทันที เส้นทางที่มุ่งไปสู่ยอดเขาทำได้เพียงแค่เดินไปทีละก้าวๆ ไม่อาจบินได้

นอกจากนั้น เขายังสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ในดินแดนเทพรกร้าง ขั้วอำนาจใหญ่ทุกกลุ่มมีการฝึกฝนและแบบทดสอบมากมาย หนึ่งในนั้น แบบทดสอบแรงดึงดูดเป็นประเภทที่ธรรมดาที่สุด

บททดสอบประเภทนี้ ปกติแล้วเกี่ยวกับพลังและจิตใจที่แน่วแน่

“เพียงแค่นี้งั้นรึ?”

จ้าวเฟิงก็เหยียบบันไดขั้นแรก รู้สึกถึงการจำกัดของแรงดึงดูดเช่นกัน

แต่จ้าวเฟิงไม่เชื่อว่าการทดสอบสุดท้ายจะเป็นแรงดึงดูดอย่างเดียว

“ชุดคลุมมิติเป็นของข้า!”

ผู้แข็งแกร่งที่ฝึกกายคนหนึ่งเห็นว่าการทดสอบรอบนี้เป็นแรงดึงดูดจึงดีใจนักหนา ขึ้นไปยังบันไดขั้นแรกอย่างรวดเร็ว แล้วห้อตะบึงอย่างบ้าคลั่งไปตลอดทาง

“เอ๋?” ผู้แข็งแกร่งที่ฝึกกายคนนี้รู้สึกไม่ชอบมาพากลเล็กน้อย

หันหลังกลับไปดู เห็นเพียงขั้นบันไดใต้เท้าเขาเคลื่อนถอยหลัง

“นี่มัน…เรื่องอะไรกัน?” ผู้แข็งแกร่งคนนี้ตื่นตกใจทันใด

ยามที่เขามุ่งไปข้างหน้าอยู่ตลอด ขั้นบันไดใต้เท้าก็ถอยไปข้างหลังไม่หยุด

หรือก็คือ ความเร็วในการมุ่งไปข้างหน้าของเขาจะต้องเร็วกว่าความเร็วของขั้นบันได้ที่เคลื่อนถอยหลัง จึงจะสามารถเคลื่อนไปข้างหน้าต่อได้

แต่ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไปข้างหน้าระยะหนึ่ง แรงดึงดูดบนขั้นบันไดก็เพิ่มขึ้นหลายส่วน คิดจะทำให้ได้ถึงจุดนี้ยังยากลำบากเกินไป

“หึ ก็แค่ทดสอบพลังและความตั้งใจแน่วแน่มิใช่รึ?”

ผู้แข็งแกร่งที่ฝึกกายไม่ยอมแพ้ ทั่วร่างแผ่กระจายพลังแก่นแท้ที่น่าหวาดหวั่นออกมา ต้านทานการสะกดของแรงดึงดูด ก่อนพุ่งทะยานออกไป

“ไป!”

“จะรั้งท้ายไม่ได้!”

คนที่เหลือต่างเหยียบไปบนบันไดเส้นทางหนึ่ง ต้านทานการควบคุมของแรงดึงดูด ทะยานไปข้างหน้า

ตึง! จ้าวเฟิงก็เหยียบไปบนขั้นบันไดเช่นเดียวกัน ก้าวออกไปไกลสิบก้าวทันที

“แรงดึงดูดเพิ่มขึ้นจริงๆ ด้วย!” จ้าวเฟิงพูดพึมพำ

ในขณะเดียวกันนี้ บันไดก็ถอยหลังลง หากจ้าวเฟิงไม่เคลื่อนไปข้างหน้าต่อ สุดท้ายก็จะกลับมาอยู่ที่เดิม แต่ว่าต่อให้จ้าวเฟิงเคลื่อนไปข้างหน้าต่อ เขาก็ไปไม่ถึงปลายทาง

ดังนั้น จ้าวเฟิงจึงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ รอให้บันไดเคลื่อนถอยหลังส่งเขากลับไปที่เดิม

“เสี่ยวเฮย เจ้าว่าอย่างไร?”

จ้าวเฟิงเอ่ยถาม

การทดสอบรอบสุดท้ายเหมือนว่าจะไม่ง่ายเพียงนั้น มังกรวารีล้างโลการอบรู้หูตากว้างไกล บางทีอาจจะหาช่องโหว่ได้

“แรงดูดของทุกทางน่าจะกำหนดตามพลังฝึกตน ดังนั้นปฐมเทพและเทพแท้จริงที่ก้าวข้ามความท้าทายได้จะยิ่งได้เปรียบ!”

สีหน้าของมังกรวารีล้างโลกาเคร่งเครียด เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาสังเกตจากปฏิกิริยาของคนอื่น

“ที่แท้ข้าได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ!”

จ้าวเฟิงคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง

แต่ว่า หากเป็นอย่างที่มังกรวารีล้างโลกาพูดมาจริงๆ ปฐมเทพคงหยวนคือครึ่งเทพ แต่กลับมีพลังเทพแท้จริงขั้นสี่ นั่นไม่ใช่ว่าจะได้เปรียบที่สุดหรอกรึ

“หากว่ารอบแรกเป็นการทดสอบความเข้าใจในเคล็ดวิชาประเภทมิติของพวกเรา รอบที่สองคิดได้ว่าเป็นการทดสอบพลังต่อสู้ รอบที่สามเป็นไปได้มากว่าจะเป็นการทดสอบศักยภาพ!”

สายตาของมังกรวารีล้างโลกาลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง

“ศักยภาพ?” จ้าวเฟิงสูดหายใจเข้าลึก

ศักยภาพ ของแบบนี้ใครจะคาดเดาได้?

ถึงแม้ยามขั้วอำนาจใหญ่ทุกกลุ่มคัดเลือกอัจฉริยะ ก็ค่อนข้างให้ความสำคัญกับศักยภาพ แต่ผู้คนส่วนมากคิดว่าศักยภาพหมายถึงคุณสมบัติสายเลือด แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่แค่นั้น

อย่างน้อยๆ สำหรับจ้าวเฟิง จิตใจของคนคนหนึ่งก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของศักยภาพ

“ทางเส้นนี้จะต้องไปให้สุดในทีเดียว หากหยุดพักก็จะย้อนกลับมาที่เดิม!”

ในเวลานี้ จ้าวเฟิงที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น

“เอ๋?” ดวงตาของมังกรวารีล้างโลกาเป็นประกาย

คิดให้ละเอียดแล้ว สิ่งที่จ้าวเฟิงพูดนั้นถูกต้องจริงๆ

จ้าวเฟิงสามารถวิเคราะห์จุดนี้ออกมาได้รวดเร็วเช่นนี้ ก็เป็นศักยภาพอย่างหนึ่งด้วยไม่ใช่รึ

“อ๊าก…”

ไหล่เขาครึ่งทาง ผู้แข็งแกร่งที่ฝึกกายคนนั้นต้านแรงกดดันไม่ไหว นึกท้อใจขึ้นทันใด

ฟู่ ฟู่! ขั้นบันไดถอยหลังอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักผู้แข็งแกร่งคนนี้ก็ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น

ส่วนขั้นบันไดอื่นๆ คนไม่น้อยยังคงยืนหยัดปีนต่อไป แต่ขั้นบันไดถอยกลับไม่หยุด พวกเขาเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ได้ไกลเท่าไหร่เลย

ตุบ! จ้าวเฟิงนั่งลงบนพื้น หลับตาลง

“นายท่าน นี่ท่านกำลังทำอะไรน่ะ?”

สายตาของมังกรวารีล้างโลกาฉายแววตกใจ

เขาบาดเจ็บหนัก ไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีหวังที่จะชิง ‘ชุดคลุมมิติ’ ได้เลย จึงนั่งอยู่กับที่รักษาบาดแผล แต่จ้าวเฟิงทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน?

“ตอนนี้ไม่มีวิธี นั่งฝึกฝนไปพลางคิดไปพลางก็แล้วกัน!”

จ้าวเฟิงตอบกลับ

ถึงแม้ที่นี่จะมีภูเขางอกเพิ่มมา แต่ก็ยังคงเป็นสถานที่ฝึกฝนศักดิ์สิทธิ์สำหรับบรรลุเสวียนอ้าวมิติ

บนยอดเขา ผู้อาวุโสกึ่งโปร่งแสงคนนั้นส่ายหัวเบาๆ มองไปยังคนที่ปีนอยู่บนยอดเขา

“คนที่มีพลังแข็งแกร่ง สามารถมาถึงที่นี่ได้ทันที แต่หากไม่มีพลังพรสวรรค์ที่เยี่ยมยอด ทั้งยังไม่ยอมรับการไม่มีความสามารถของตนเอง ไม่คิดว่าจะจัดการกับปัญหาอย่างไร ไม่อาจรับความล้มเหลวได้ รู้เพียงแค่ทะลวงไปข้างหน้าเท่านั้น ในวันข้างหน้าจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร…”

“เอ๋? สามารถโคจรเสวียนอ้าวเวลาได้!”

ปฐมเทพคงหยวนที่กำลังปีนขึ้นไปอยู่พบว่าเขาสามารถใช้พลังของเวลาได้ ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนถอยหลังของบันไดช้าลง

เช่นนั้นแล้ว เขาก็ประหยัดแรงไปได้ไม่น้อย ความเร็วยามปีนก็เพิ่มขึ้นเยอะ

คนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติที่เหลือเห็นภาพนี้แล้วก็เข้าใจทันที

แต่ว่า คนของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติสี่คนที่นี่ นอกจากปฐมเทพคงหยวน ก็มีอีกแค่คนเดียวเท่านั้นที่เสวียนอ้าวเวลาถึงขอบเขตขั้นที่หนึ่ง

“จริงๆ ด้วย การทดสอบรอบนี้ เสวียนอ้าวมิติก็มีข้อได้เปรียบ!”

เทพแท้จริงขั้นสี่จากแดนศักดิ์สิทธิ์มิติยิ้มน้อยๆ โคจรเสวียนอ้าวเวลา ลดความเร็วของขั้นบันไดที่เคลื่อนถอยหลังลง

“บัดซบ ไม่ยุติธรรมเลย!” มีคนพูดบ่น แต่ว่าพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้

ปฐมเทพคงหยวนเห็นตัวเองได้เปรียบคนทั้งหมด จึงยิ้มออกมาอย่างได้ใจทันที

ชุดคลุมมิติจะต้องเป็นของเขา จากนั้น ปฐมเทพคงหยวนมองไปยังจ้าวเฟิงที่อยู่ตีนเขา รอยยิ้มยิ่งฉีกกว้าง

“แต่เดิมคิดว่ารอบนี้จะเอาชนะเจ้าซึ่งๆ หน้า ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยอมแพ้เองแล้ว!”

ปฐมเทพคงหยวนเย่อหยิ่ง มองต่ำลงมายังจ้าวเฟิง ยิ้มอย่างเหยียดหยาม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version