บทที่ 1217 งานประลองยุทธ์ผาเก่า
“ผู้เยาว์ เจ้าช่างใจกล้าเสียจริง…”
ดวงตาผู้อาวุโสเผ่าภูติทมิฬทอประกายเย็นชา พูดเน้นย้ำทีละคำ
จิตสังหารเย็นเสียดกระดูกแจ่มแจ้งจนคนแถวนั้นสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
“พวกเราไป!” ผู้อาวุโสเผ่าภูติทมิฬแค่นเสียงอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะพาพวกคนรุ่นเยาว์ของเผ่าเดินทางจากไป หากไม่ใช่เพราะคนของเผ่าหมอกสวรรค์อยู่ที่นี่ และปฐมเทพเจี้ยนเฟิงก็ยังรู้จักจ้าวเฟิงอีก เมื่อครู่เขาคงลงมือสังหารจ้าวเฟิงไปแล้ว
หลังจากที่คนของเผ่าภูติทมิฬจากไป คนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์จึงถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที
พลานุภาพและจิตสังหารของเทพแท้จริงขั้นสี่ไม่ได้รับมือง่ายดายอย่างนั้น
“อันตรายเหลือเกิน ไม่นึกเลยว่าเขาจะรู้จักกับคนของเผ่าหมอกสวรรค์ด้วย!”
หานหนิงเอ๋อร์ถอนใจอย่างตื่นตะลึง
ถึงแม้พลังของจ้าวเฟิงจะแกร่งกล้าอย่างยิ่ง ไม่มีทางถูกสังหารโดยเทพแท้จริงขั้นสี่ แต่หากเป็นเช่นนี้สถานะของพวกเขาสองคนก็จะปรากฏออกมา
โชคดีที่จ้าวเฟิงรู้จักกับคนของเผ่าหมอกสวรรค์ จึงแก้ปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไป
เผ่าหมอกสวรรค์เป็นขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอด แข็งแกร่งยิ่งกว่าสำนักรากฐานเทพและหอมังกรเหลืองขั้นหนึ่ง
“ปฐมเทพเจี้ยนเฟิง ขอบคุณที่ท่านช่วยข้าแก้ไขปัญหา!”
จ้าวเฟิงเอ่ยพร้อมระบายยิ้มขณะเดินไปหาปฐมเทพเจี้ยนเฟิง
“ไยถึงพูดเช่นนี้ ตอนนั้นที่อยู่ในรังหงส์ หากไม่ใช่เพราะสหายจ้าวจับโหวชิ่ง ล่อกำลังพลของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ไป…”
ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงมองจ้าวเฟิงด้วยแววตายกย่อง
ตอนอยู่ในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ จ้าวเฟิงจับโหวชิ่งเพื่อล่อกองกำลังของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ต่อหน้าเทพที่แท้จริงจำนวนมากของเผ่านั้น และท้ายที่สุดยังหนีพ้นจากเงื้อมมือของเทพแท้จริงขั้นสี่ไปได้
ผลงานการรบเช่นนี้ทำให้ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงชื่นชมยิ่ง
อีกอย่างตอนนั้นจ้าวเฟิงล่อยอดฝีมือของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ไป ทำให้เผ่าหมอกสวรรค์พ้นจากอันตรายมาได้
เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงชราผู้หนึ่งและสตรีผมฟ้าอีกคนของเผ่าหมอกสวรรค์ถึงมองไปที่จ้าวเฟิงอย่างอดไม่ได้
พวกเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องของเผ่าหมอกสวรรค์ในรังหงส์มาบ้าง
ในตอนนั้น เผ่าหมอกสวรรค์เผชิญหน้ากับการคุกคามจากเผ่าปีศาจวารีสวรรค์และขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอดอีกกลุ่ม จ้าวเฟิงจับโหวชิ่งเพื่อยื้อเผ่าปีศาจวารีสวรรค์เอาไว้ ทำให้เผ่าหมอกสวรรค์หนีจากอันตรายไปได้
คนที่สามารถจับเป็นโหวชิ่ง คุกคามเทพแท้จริงขั้นสี่ หนำซ้ำยังหนีพ้นไปได้อย่างราบรื่น
บุรุษหนุ่มผมทองผู้นี้ย่อมไม่ธรรมดาแน่!
หญิงชราผมฟ้าฝ่ายเผ่าหมอกสวรรค์ผงกศีรษะน้อยๆ
ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงผูกมิตรกับผู้ที่มีศักยภาพเช่นนี้ด้านนอก เป็นประโยชน์อย่างหนึ่งต่อเผ่าหมอกสวรรค์
“ปฐมเทพเจี้ยนเฟิง ชื่อเสียงของข้าไม่ค่อยดีนัก ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้อีกแล้ว!”
จ้าวเฟิงลอบส่งกระแสจิตบอกปฐมเทพเจี้ยนเฟิง
“เข้าใจแล้ว!” อีกฝ่ายเข้าใจในทันที
การกระทำทั้งหมดในตอนนั้นของจ้าวเฟิง พูดได้ว่าเป็นการยั่วโทสะคนทั้งเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ แต่เบื้องหลังของจ้าวเฟิงเหมือนจะไม่มีขั้วอำนาจใด ดังนั้นเขาจึงไม่หวังให้ชื่อเสียงของตนเองลือกระฉ่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการล่าสังหารของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์
“สหายจ้าว เจ้าต้องการแผนที่แถวนี้หรือ?”
จู่ๆ ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงก็เอ่ยปากถาม
“ใช่แล้ว ข้าจำต้องเดินทางไกลเพื่อออกจากเขตผาเก่า!”
จ้าวเฟิงบอกอย่างตรงไปตรงมา
ในเวลาเดียวกัน เขาเองก็ลอบส่งสัญญาณบอกปฐมเทพเจี้ยนเฟิงว่าพอจะช่วยเขาโดยการให้สถานะได้หรือไม่ สถานะที่มีสิทธิ์จะใช้ค่ายกลส่งข้ามระดับสูงได้
“เดินทางออกจากเขตผาเก่า?”
ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงตื่นตะลึงไปเล็กน้อย
ดินแดนเทพรกร้างกว้างขวางไร้ขอบเขต ต่อให้เป็นเพียงเขตพื้นที่เดียวในนั้นก็ยังไพศาลเกินจะเปรียบ
ศิษย์เผ่าหมอกสวรรค์ที่ออกเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ ปกติแล้วจะไม่ไปจากเขตผาเก่า
“เรื่องนี้ยุ่งยากเสียแล้ว ต่อให้เป็นคนของเผ่าหมอกสวรรค์ที่ออกไปหาประสบการณ์ ก็ทำได้เพียงยืมใช้ค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งไม่กี่แห่งแถวนี้!”
ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงเอ่ยอย่างลำบากใจ
เวลาเดียวกันเขายังคงครุ่นคิด หรือว่าขั้วอำนาจของจ้าวเฟิงจะอยู่เขตอื่น?
มิฉะนั้นคนที่ไม่มีขั้วอำนาจใดหนุนหลัง เหตุใดจึงมีพลังถึงขนาดนี้ได้
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!” จ้าวเฟิงผงกศีรษะ
ขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปในเขตผาเก่ามีจำนวนสิบกว่าแห่ง ขั้วอำนาจบางส่วนที่อยู่ค่อนข้างไกลจากเผ่าหมอกสวรรค์จะไม่เห็นแก่หน้าพวกเขาแม้แต่น้อย
แน่นอนว่ายังมีขั้วอำนาจที่เป็นศัตรูกับเผ่าหมอกสวรรค์ ไม่แน่ว่าอาจจะลงมือทำร้ายสมาชิกที่เดินทางหาประสบการณ์ของเผ่า
“ต่อให้ทางจะยาวไกลและยากลำบาก ข้าก็ยังต้องเดินทางไปที่เขตเทพสวรรค์ นี่ถือได้ว่าเป็นการฝึกปรือฝีมือของข้าเหมือนกัน”
จ้าวเฟิงเอ่ยปนยิ้ม
“เขตเทพสวรรค์?”
เผ่าหมอกสวรรค์สามคนมีท่าทีตื่นตะลึงไปเล็กน้อย
ระหว่างเขตเทพสวรรค์และเขตผาเก่าคั่นกลางด้วยสามเขต ระยะทางเส้นนี้ไม่ได้ไกลแค่ธรรมดา!
แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจจริงๆ ก็คือเหตุใดจ้าวเฟิงจึงต้องเดินทางไปเขตเทพสวรรค์
“ฮ่าๆ สหายจ้าวไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจริงๆ!”
ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงหัวเราะเสียงดัง
จ้าวเฟิงเป็นเพียงแค่ปฐมเทพเท่านั้น แต่กลับอยากจะเดินทางผ่านสามเขตพื้นที่ การตัดสินใจและความกล้าแบบนี้ทำให้เขานับถือ
“สหายจ้าว หากเจ้าไปที่เผ่าหมอกสวรรค์ของข้า ข้าพอจะช่วยย่นระยะทางได้บ้าง แต่ครั้งนี้พวกเราก็มีเรื่องสำคัญ จึงช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้!”
เมื่อพูดจบ บริเวณหว่างคิ้วของปฐมเทพเจี้ยนเฟิงปรากฏกลุ่มแสงสีฟ้าอ่อนลอยออกมา
ฟิ้ว! จ้าวเฟิงไม่ต่อต้าน รับแสงสีฟ้ากลุ่มนั้นเข้าไปในหว่างคิ้วของตนเอง
‘แผนที่ แผนที่ของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งขึ้นไปสิบแห่ง!’
ดวงตาจ้าวเฟิงเปล่งประกาย “ขอบคุณเจ้ามาก!”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างตื้นตัน
แผนที่ชุดนี้อาจเป็นแผนที่อาณาเขตกว้างที่สุดซึ่งปฐมเทพเจี้ยนเฟิงได้มาจากเผ่าหมอกสวรรค์ และแผนที่ชุดนี้ยังละเอียดอย่างยิ่ง มีลักษณะคล้ายเป็นแผนที่จริงๆ
“ใช่แล้ว ด้วยความสามารถของสหายจ้าว ย่อมต้องเข้าสู่อันดับรายชื่อปฐมเทพของเขตผาเก่าได้แน่ พอถึงตอนนั้น สถานะของเจ้าจะยืมใช้ค่ายกลส่งข้ามก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว!”
ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงพลันนึกอะไรบางอย่างออก จึงบอกไป
“อันดับรายชื่อปฐมเทพของเขตผาเก่า?”
จ้าวเฟิงเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้
ด้วยพลังของตน การจะเข้าไปในอันดับรายชื่อดังกล่าวไม่ยากเย็นนัก
แต่การแข่งขันเข้าสู่รายชื่อ ร้อยปีจึงจะจัดสักครั้ง เหลืออีกห้าสิบปีจึงจะถึงรอบต่อไป
เวลาห้าสิบปี ต่อให้จ้าวเฟิงจะใช้ค่ายกลส่งข้ามขนาดเล็กก็น่าจะเดินทางออกจากเขตผาเก่าไปนานแล้ว
“สหายจ้าวไม่รู้หรือ? ช่วงนี้ผู้ถูกเลือกของขั้วอำนาจห้าดาวในเขตผาเก่า ‘งานประลองยุทธ์ผาเก่า’ ขึ้น งานนี้รวบรวมอัจฉริยะจำนวนมากของเขตผาเก่าเพื่อร่วมกันประลองแลกเปลี่ยนฝีมือ ถึงแม้จะไม่ใช่การต่อสู้จัดอันดับเข้ารายชื่อปฐมเทพของเขตผาเก่า แต่อัจฉริยะบางส่วนในรายชื่อที่ว่านี้ก็จะมาเข้าร่วมด้วย หากสหายจ้าวเอาชนะอัจฉริยะพวกนี้ได้ละก็…”
ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงเอ่ยแนะนำกับจ้าวเฟิง
เขาเดินทางไกลครั้งนี้ก็เพื่อไปเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ผาเก่า ทำความรู้จักอัจฉริยะแต่ละพื้นที่ของเขตผาเก่า และจะได้ท้าประลองบุคคลบนรายชื่อปฐมเทพในปัจจุบัน
“งานประลองยุทธ์ผาเก่า?” จ้าวเฟิงไม่เคยได้ยินมาก่อน
หานหนิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ เองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน
อย่างไรเสีย หอมังกรเหลืองและสำนักรากฐานเทพก็ตกอยู่ในศึกสู้รบ ไหนเลยจะสนใจงานประลองยุทธ์นี้ได้
‘สถานะของข้าค่อนข้างเปราะบาง ถ้าหากเป็น ‘การประลองรายชื่อปฐมเทพเขตผาเก่า’ ข้าคงไปเข้าร่วมไม่ได้ แต่ ‘งานประลองยุทธ์ผาเก่า’ นี่อาจจะยังพอได้!’
จ้าวเฟิงคิดคำนวณในใจ
การประลองรายชื่อปฐมเทพเขตผาเก่า พูดได้ว่าเป็นงานชุมนุมของทั่วทั้งเขตผาเก่า ขั้วอำนาจในเขตจะมาเข้าร่วมกันหมด เพื่อร่วมชมความสามารถที่โดดเด่นในสนามประลองของลูกศิษย์ขั้วอำนาจตน
แต่ ‘งานประลองยุทธ์ผาเก่า’ จะอยู่ในระดับต่ำลงมาเล็กน้อย ขั้วอำนาจที่เข้าร่วมน่าจะมีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และจำนวนคนก็น้อยนิดอย่างยิ่ง
ขั้วอำนาจบางแห่งอาจส่งแค่สายลับมาเก็บข้อมูลกลับไป
“หากทุกคนในเผ่าหมอกสวรรค์ไม่รังเกียจละก็ พอจะพาข้าเดินทางไปด้วยได้หรือไม่ ให้ข้าได้เห็นงานประลองยุทธ์ผาเก่าสักหน่อย!”
จ้าวเฟิงมองเผ่าหมอกสวรรค์สามคน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ในงานประลองยุทธ์ผาเก่าจะมีอัจฉริยะในรายชื่อปฐมเทพมาด้วย ถึงตอนนั้นขอแค่จ้าวเฟิงเอาชนะคนหนึ่งในนั้นก็จะมีชื่อเสียงได้
เพราะจ้าวเฟิงไม่ขึ้นกับขั้วอำนาจใดๆ ดังนั้นจะต้องมีขั้วอำนาจไม่น้อยที่อยากได้เขาเป็นพวก การให้ใช้ค่ายกลส่งข้ามก็น่าจะรวมอยู่ในนั้นด้วย
“เช่นนั้นก็เดินทางไปด้วยกันเถอะ”
หญิงชราผมฟ้าของเผ่าหมอกสวรรค์เอ่ยทันที
มีมากขึ้นอีกคนหนึ่งก็ไม่มีผลกระทบใดๆ
หนำซ้ำนางเองก็อยากเห็นความสามารถของจ้าวเฟิงด้วย
“ท่านผู้นี้คือ?”
จู่ๆ หญิงชราผมฟ้าของเผ่าหมอกสวรรค์ก็มองหานหนิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ
ประสาทสัมผัสเทพที่แกร่งกล้าของนางยังมองเห็นใบหน้าบางส่วนของหานหนิงเอ๋อร์เท่านั้น แต่รูปโฉมของหานหนิงเอ๋อร์สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ต่อให้เห็นเพียงเลือนรางก็นับได้ว่างามควรเมือง
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ บุคลิกและร่างกายของนางมีกลิ่นอายชีวิตที่พิเศษเฉพาะ น่าสงสัยอย่างยิ่ง
“นี่คือน้องสาวของข้า นางก็จะเดินทางไปที่เขตเทพสวรรค์ด้วย!”
จ้าวเฟิงเอ่ยพลางยิ้ม
เขาเรียกหานหนิงเอ๋อร์เป็นน้องสาวก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นสงสัย
หากจ้าวเฟิงพาคนแปลกหน้าที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดเดินทางไปเขตเทพสวรรค์ด้วย หนำซ้ำพลังยังอ่อนแอ จะชวนให้คนสงสัยได้ง่าย
จากนั้น จ้าวเฟิงกับหานหนิงเอ๋อร์จึงออกจากตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งนี้พร้อมกับเผ่าหมอกสวรรค์
เหล่าผู้ล่าที่คอยซุ่มดูจ้าวเฟิงทำได้เพียงสลายตัวหายไปเอง
“ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงจะเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ผาเก่าด้วย!”
“หนุ่มผมทองผู้นั้นเป็นใครกันแน่? ท่าทางเหมือนว่าปฐมเทพเจี้ยนเฟิงจะเคารพเขาอย่างยิ่ง!”
หลังจากที่คนอื่นๆ ในเผ่าหมอกสวรรค์เดินทางจากไปแล้ว ผู้คนที่เหลือต่างถกเถียงกัน
งานประลองยุทธ์ผาเก่าเป็นที่รวมตัวอัจฉริยะส่วนมากของเขตผาเก่า ร่วมกันประลองฝีมือและเพิ่มขีดความสามารถ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีคุณสมบัติไปเข้าร่วมชมด้วย
……
จ้าวเฟิงและพวกติดตามเผ่าหมอกสวรรค์ ใช้ค่ายกลส่งข้ามเดินทางไปเผ่าระดับสี่ดาวที่ดูแลที่ดินแห่งนี้
เมื่อใช้ค่ายกลที่ควบคุมดูแลโดยเผ่าสี่ดาวครึ่ง พวกจ้าวเฟิงและเผ่าหมอกสวรรค์ข้ามอาณาเขตของขั้วอำนาจสี่ดาวห้าถึงหกกลุ่มทันที
“ที่นี่คือถิ่นของ ‘หอดารา’ งานประลองยุทธ์ผาเก่าก็จัดขึ้น ณ ‘เขาเบญจดารา’ อันเป็นพื้นที่ในปกครอง!”
ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงแนะนำกับจ้าวเฟิง
ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนจึงจะจัดงานประลองยุทธ์ผาเก่า ถือได้ว่าพวกเผ่าหมอกสวรรค์มาถึงก่อนเวลา
ดังนั้นทุกคนจึงพักอยู่ในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายใกล้ๆ เป็นการชั่วคราว
“สหายจ้าว ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งนี้ปกครองโดยหอดารา จัดอยู่ในระดับที่สูงกว่าตำหนักที่ขั้วอำนาจสี่ดาวธรรมดาดูแลอยู่มาก!”
ตลอดทางที่ผ่านมา ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงผู้นี้พูดมากที่สุด
รองลงมาก็เป็นสตรีขั้นปฐมเทพของเผ่าหมอกสวรรค์ ส่วนหานหนิงเอ๋อร์แทบไม่พูดอะไร
“อืม ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
เมื่อมองไป ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งนี้ใหญ่กว่าของเกาะเทียนอวี่ห้าเท่าตัว คนธรรมดาทั่วไปมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของมัน ในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ เก่าแก่ น่าเกรงขาม เรียงรายเต็มไปหมด
เพราะเรื่องงานประลองยุทธ์ผาเก่า จึงทำให้ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายทุกแห่งในอาณาเขตของหอดารามีคนจอแจ หลั่งไหลมากันไม่ขาดสาย พบเห็นเทพแท้จริงขั้นสองขั้นสามได้ทุกที่ และยังเจอเทพแท้จริงขั้นสี่ไม่น้อยทีเดียว
“ปฐมเทพตี้หลิน!”
สายตาของจ้าวเฟิงเหลือบไปเห็นปฐมเทพตี้หลินที่อยู่ในอาคารหลังหนึ่ง
แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่เห็นจ้าวเฟิง อย่างไรเสียคนที่นี่ก็มากจนคนคนเดียวถูกกลืนไปท่ามกลางฝูงชน
“ดูแล้วปฐมเทพตี้หลินคงเป็นตัวแทนเผ่าหยกทองมาเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ผาเก่า!”
จ้าวเฟิงพึมพำ
ทว่าในตอนนี้เขาอยู่กับเผ่าหมอกสวรรค์ ถึงปฐมเทพตี้หลินจะเห็นเขาก็ไม่กล้าลงมือแน่