Skip to content

King of Gods 1234

King Of Gods

บทที่ 1234 หนีออกจากเขตผาเก่า

หลังจากที่จ้าวเฟิงรู้เรื่องป้ายค้นหาแล้ว เขาก็ไม่กล้าประวิงเวลาอีก

จ้าวเฟิงเอาชุดคลุมมิติออกมาเพิ่มพลังเสวียนอ้าวมิติ เพื่อเพิ่มระยะทางการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาแต่ละครั้ง หลังจากเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาติดต่อกันสิบกว่าครั้ง จ้าวเฟิงจึงหยุดลง

ขวับ! จ้าวเฟิงเอาหานหนิงเอ๋อร์ออกมาจากโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา

หานหนิงเอ๋อร์เองก็รู้จักหน้าที่ โคจรเนตรชีวิตช่วยจ้าวเฟิงรักษาอาการบาดเจ็บ

ช่วงที่หยุดพัก จ้าวเฟิงก็ใช้เวลาเพื่อฝึกตนเพิ่มพลังด้วย

ทิศทางที่จ้าวเฟิงฝึกตนไปได้นั้นมีมากมายอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้เขากลับจดจ่อฝึกเสวียนอ้าวมิติเป็นหลัก ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เสวียนอ้าวมิติของจ้าวเฟิงไปแตะขั้นที่สองโดยสมบูรณ์ ทันทีที่ทะลวงผ่านขั้นสาม ระยะทางที่จ้าวเฟิงเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาได้จะเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเมื่อมีชุดคลุมมิติอยู่ จ้าวเฟิงจะทำความเข้าใจเสวียนอ้าวมิติง่ายดายกว่าเดิม

เมื่อพลังทั้งหมดฟื้นฟูกลับมา สภาพร่างกายของตนอยู่ในสภาวะดีเยี่ยม จ้าวเฟิงก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ทำสลับไปมาเช่นนี้

เวลาสามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเสวียนอ้าวมิติของจ้าวเฟิงถึงขั้นสามอย่างราบรื่น และจากการเพิ่มพลังของชุดคลุมมิติ ขอบเขตพลังเสวียนอ้าวมิติของเขาจะไปถึงขั้นสี่

ในตอนนี้จ้าวเฟิงเข้าใกล้เขตพื้นที่ต่อไปเข้าไปทุกที

วันหนึ่ง จ้าวเฟิงที่กำลังเดินทางอยู่พบว่าตนเองคล้ายถูกจ้องอยู่ จึงรีบเรียกเนตรสวรรค์ออกมา

เนตรสวรรค์สามารถมองได้ในระยะไกลยิ่ง ในเวลาเดียวกันตัวของมันก็มีครรลองสายตากว้างไกล เท่ากับว่าทัศนวิสัยของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

“โดนเจอตัวแล้วจริงๆ ด้วย!” จ้าวเฟิงตื่นตกใจ

ในมือของผู้นำกลุ่มนั้นมีป้ายค้นหาชิ้นหนึ่ง

“พวกเขาเดาออกว่าข้าจะเดินทางออกจากเขตผาเก่า ดังนั้นจึงเพิ่มกำลังคนแถวนี้!”

เหล่าคนที่ไล่ตามจับจ้าวเฟิงย่อมไม่ใช่คนโง่ ต้องล่วงรู้เป้าหมายของจ้าวเฟิง

แต่ถึงจะรู้ว่าอันตรายเบื้องหน้าหนักหนา จ้าวเฟิงก็จำเป็นต้องบุกไปอยู่ดี ต้องบุกฝ่าไปเท่านั้นจึงจะมีโอกาสรอดชีวิต

จ้าวเฟิงเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา รีบร้อนหลบหนี ในเวลาเดียวกัน เขายังเรียกเนตรสวรรค์ออกมาเป็นประจำเพื่อสำรวจสถานการณ์รอบบริเวณ

“แต่ป้ายค้นหายังไม่ได้เพิ่มระดับ เทพแท้จริงธรรมดาพวกนั้นไล่ตามข้าไม่ทันหรอก!”

จ้าวเฟิงไม่ลนลาน เดินทางต่อไป

เสวียนอ้าวมิติของเขาแตะขั้นที่สาม บวกกับการเพิ่มพลังจากชุดคลุมมิติจะถึงขั้นสี่ได้

เสวียนอ้าวมิติขั้นสี่สำแดงการเคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาได้ไกลอย่างยิ่ง ทิ้งห่างเทพแท้จริงขั้นห้าทั่วไปจนไม่เห็นฝุ่น แต่เมื่อร่องรอยของจ้าวเฟิงถูกค้นเจอแล้ว ต้องมีเทพโบราณลงมือแน่นอน

รอบนอกเขตผาเก่า แท่นค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอดพลันส่องแสงขึ้น

วูบ! เงาร่างคนสามคนปรากฏขึ้นภายใน

“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าคนนั้นจะหนีออกจากเขตผาเก่า!”

ชายวัยกลางคนที่ร่างกายเปล่งแสงสีม่วงวูบวาบหัวเราะเยาะ

“อย่าหัวเราะไป หากเจ้าหนุ่มนี่หนีออกจากเขตผาเก่าได้ จะจับเขาก็ยิ่งยุ่งยากแล้ว!”

สีหน้าโฉมงามผิวม่วงอีกคนหนึ่งจริงจัง

“เหอะ จะต้องจับให้ได้ก่อนที่เขาจะออกจากเขตผาเก่า!”

ดวงตาสองข้างของชายชราคนกลางที่เป็นผู้นำเย็นชา สีหน้าขึงขัง

“รับทราบ เทพโบราณเย่หลง (มังกรราตรี)!”

อีกสองคนเห็นเทพโบราณเย่หลงเคร่งขรึมขนาดนี้ จึงผงกศีรษะทันใด

เทพโบราณเย่หลงคือเทพโบราณขั้นเจ็ดของตำหนักรัตติกาลม่วง ครั้งนี้ถูกส่งมาจับจ้าวเฟิงที่พื้นที่รอบนอกของเขตผาเก่า

ในฐานะที่ตำหนักรัตติกาลม่วงเป็นขั้วอำนาจห้าดาว ตื้นลึกหนาบางไม่ธรรมดา กลุ่มที่ส่งออกมาไม่ได้มีเพียงแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น ในนั้นยังมีเทพโบราณถึงสามคน

สำหรับตำหนักรัตติกาลม่วงแล้ว ถึงแม้เทพโบราณสามคนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เป้าหมายของพวกเขาเป็นแค่คนรุ่นหลังในขั้นปฐมเทพเท่านั้น ดังนั้นกระบวนทัพเช่นนี้จึงถือว่ายิ่งใหญ่มากแล้ว

“พวกเรานำป้ายค้นหามากขนาดนี้มาด้วย จนถึงตอนนั้น ต่อให้เจ้าหนุ่มนั่นหลบซ่อนตัวในจุดลึกเท่าไหร่ เราก็สามารถขุดเขาออกมาได้!”

ชายวัยกลางคนยิ้มเยาะ

นอกเหนือจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ ขั้วอำนาจห้าดาวก็คือขั้วอำนาจปกครองในเขตหนึ่ง คงอยู่มายาวนานหลายล้านปี

ห้ามประมาทพลังและศักยภาพของพวกเขาเป็นอันขาด ยกตัวอย่างเช่นป้ายค้นหาชิ้นนี้ ขั้วอำนาจทั่วไปอยากจะสร้างสักชิ้นก็ลำบากอย่างมาก

ส่วนอีกฟากหนึ่ง เทพโบราณเฮยเทียนใช้ค่ายกลส่งข้ามเดินทางไม่หยุด

ช่วงนี้อุปกรณ์ในมือเขาสัมผัสได้ถึงการเชื่อมโยงของตราเทพบรรพกาลอยู่สม่ำเสมอ

“ฮ่าๆ เจ้าหนุ่มนี่ ดูไปแล้วเจ้าคงยังไม่รู้ว่าวันตายของเจ้ากำลังจะมาถึงกระมัง!”

เทพโบราณเฮยเทียนอดหัวเราะชั่วร้ายไม่ได้

เทพโบราณเฮยเทียนยังได้ยินข่าวเกี่ยวกับจ้าวเฟิงอีกระหว่าทาง

“ไม่นึกเลยว่าคนผู้นี้จะอยู่ใกล้กับเป้าหมายของข้า บางทีถึงตอนนั้นอาจจะจัดการได้พร้อมกัน!”

เทพโบราณเฮยเทียนยกมุมปากขึ้นน้อยๆ

อีกฟากหนึ่ง จ้าวเฟิงที่กำลังใช้พลังทั้งหมดโบยบินหนีไปยังไม่รู้ว่าตำหนักรัตติกาลม่วงเคลื่อนกำลังพลใหญ่เพียงนี้ และยิ่งไม่รู้ว่ายังมีผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณผู้หนึ่งไล่ตามเขามาหลายปี

“ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในขั้วอำนาจสี่ดาวใกล้ๆ นี้เป็นเทพแท้จริงขั้นสี่!”

ในตอนที่จ้าวเฟิงหนีไป เขาได้สำรวจข้อมูลแผนที่ในสมองของตนอย่างละเอียด ขั้วอำนาจสี่ดาวใกล้ๆ นี้ไม่ต่างจากเกาะเทียนอวี่มากนัก

เปรี๊ยะ!

ครั้งนี้จ้าวเฟิงเปลี่ยนทิศทางเล็กน้อย เขาหนีไปที่ขั้วอำนาจสี่ดาวแห่งนี้ อย่างไรเสีย เส้นทางของเขาก็ถูกเปิดเผยแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป

ในหอโบราณเหล็กทมิฬมีผู้แข็งแกร่งหลายสิบคน หนึ่งในนั้นมีเทพแท้จริงขั้นสามอยู่ด้วย

ทันใดนั้นขอบฟ้าไกลเกิดระลอกมิติที่รุนแรงขึ้น

วูบ! เงาคนร่างหนึ่งทะยานออกมา

“นี่มันเคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตา?”

องครักษ์ผู้หนึ่งตะลึงในวิชาของจ้าวเฟิง รู้สึกเคารพชื่นชมโดยสัญชาตญาณ จนถึงขั้นมองข้ามใบหน้าของจ้าวเฟิงไปเลยทีเดียว

“จ้าวเฟิง นั่นจ้าวเฟิง!”

“นั่นไม่ใช่คนที่โดนประกาศจับจากหลายพื้นที่ในเขตผาเก่าหรอกหรือ!”

พริบตานั้น ผู้แข็งแกร่งรอบค่ายกลแตกตื่นทันที เทพแท้จริงขั้นสามผู้หนึ่งโบยบินขึ้นมา

พวกเขาเอาแต่ตรวจสอบคนที่ใช้ค่ายกลส่งข้ามอย่างเข้มงวด ใครก็ไม่คาดคิดว่าจ้าวเฟิงจะปรากฏตัวด้วยวิธีเช่นนี้ จงใจเปิดเผยร่องรอยของตนเองก่อน

ในตำหนักเหล็กทมิฬอีกแห่ง เทพแท้จริงขั้นสี่ผู้หนึ่งโผล่ออกมาทันทีพร้อมกลิ่นอายพลังสะเทือนฟ้า

สวบ! สวบ! เทพแท้จริงขั้นสามกับเทพแท้จริงขั้นสี่ปรากฏกายที่เบื้องหน้าจ้าวเฟิง จ้องเขาอย่างเอาจริงเอาจัง

จ้าวเฟิงเป็นแค่ปฐมเทพเท่านั้น แต่ยามนี้การมาถึงของเขากลับทำให้ขั้วอำนาจสี่ดาวแห่งนี้รู้สึกได้ถึง แรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน

กระทั่งขณะที่เทพแท้จริงขั้นสี่เผชิญหน้ากับจ้าวเฟิงยังไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

ตอนทั้งเขตผาเก่าประกาศคำสั่งจับจ้าวเฟิง ย่อมชี้แจงขอบเขตพลังของจ้าวเฟิงและบรรดาผู้ช่วยของเขา

“ข้าต้องการใช้ค่ายกลส่งข้าม!”

จ้าวเฟิงมองทุกคนจากเบื้องบน เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ

ด้านล่างเงียบสนิท คำพูดของจ้าวเฟิงเหมือนทำให้พวกเขาว่ารู้สึกยากจะขัดขืน

“จับเขาไว้” เทพแท้จริงขั้นสี่ส่งกระแสจิตบอกเทพแท้จริงหลายคน

ทันใดนั้นเอง ร่างของจ้าวเฟิงเริ่มขยับ

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! แสงในอากาศสว่างวาบ จ้าวเฟิงเคลื่อนผ่านคนทั้งหมด ไปปรากฏกายเหนือแท่นค่ายกลในหอโบราณเหล็กทมิฬ

เฮือก! ทุกคนที่นี่ชะงักนิ่งกับที่ ความกลัวผุดขึ้นในใจ

ปฐมเทพผู้หนึ่งกลับฝ่าผ่านพวกเขาไปโผล่ที่ค่ายกลส่งข้ามได้ตามใจปรารถนา

ส่วนพกเขามองไม่เห็นกระทั่งเสี้ยวเงาของจ้าวเฟิง เรื่องขัดขวางยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“กระตุ้นค่ายกล ไม่เช่นนั้นแล้วทุกคนที่นี่ต้องตาย!” เสียงเย็นชาของจ้าวเฟิงดังขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้ คนทั้งขั้วอำนาจสี่ดาวราวตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ร่างกายไร้เรี่ยวแรง

ปฐมเทพผู้หนึ่งพูดว่าจะสังหารพวกเขาต่อหน้าทุกคน แต่กลับไม่มีใครสงสัยว่าฝ่ายข้ามจะทำได้หรือไม่

“หากส่งเจ้าไป พวกเราก็ต้องตายเหมือนกัน!”

เทพแท้จริงขั้นสี่ผู้นั้นเอ่ยอย่างอับจนหนทาง

หากพวกเขาส่งจ้าวเฟิงไป ไม่ใช่เพียงขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งเบื้องบนจะไม่ปล่อยพวกเขา แต่ตำหนักรัตติกาลม่วงก็ไม่ปล่อยไปด้วยเช่นกัน

“เช่นนั้นก็ตายเสียเถอะ!”

จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ กระตุ้นพลังเทพห้าธาตุทันที จากนั้นผลักฝ่ามือแสงสายฟ้าห้าสีขนาดใหญ่สายหนึ่งออกไป

บึ้ม ตูม!

เขาอัสนีห้าสีตรงดิ่งออกไปทิศหนึ่ง สมาชิกไม่น้อยตายอนาถใต้ฝ่ามือนั้น

“ลงมือ!” เทพแท้จริงขั้นสี่ตะโกนเสียงต่ำ เทพแท้จริงทุกคนที่นั่นต่างก็พุ่งไปหาจ้าวเฟิงโดยพลัน

ขวับ! ชุดสีเงินของจ้าวเฟิงโบกสะบัด บริวารทั้งหมดปรากฏตัวขึ้น

แค่มังกรวารีล้างโลกาสาดซัดสายเลือดล้ำค่าของเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาออกมา ก็กดข่มพลังสายเลือดของผู้แข็งแกร่งทั้งหมดเอาไว้แล้ว

“นี่เป็นสายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาจริงๆ ด้วย!”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? นั่นเป็นถึงสายเลือดทำลายล้างโบราณสิบลำดับแรกเลยเชียว!”

พวกเทพแท้จริงที่จะขัดขวางจ้าวเฟิงถูกเขย่าขวัญจนแข้งขาอ่อน

อย่างไรเสีย ส่วนมากคนพวกนี้ก็เป็นเทพแท้จริงขั้นหนึ่งหรือขั้นสอง ด้วยพลังฝึกตนของพวกเขา จะมาต้านทานสายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาที่มีพลังฝึกตนขั้นสามได้อย่างไร

คนเดียวในเหตุการณ์โชคดีหน่อยก็คือเทพแท้จริงขั้นสี่ผู้นั้น

“ข้อมูลไม่ผิดจริงๆ จ้าวเฟิงยังมีผู้ช่วยที่มากความสามารถจำนวนมาก ต่อให้เจอเทพแท้จริงขั้นห้าก็ยังรับมือไหว!”

เทพแท้จริงขั้นสี่ตื่นตะลึง

และในเวลานั้นเอง จ้าวเฟิงโคจรดวงตาสีทอง ปลดปล่อยวิชาดวงตามายาใส่คนบางส่วน

ตึก! ตึก! เมื่อปฐมเทพเผชิญหน้ากับวิชาดวงตามายาของจ้าวเฟิงก็ไม่มีแรงจะต่อต้าน เดินตรงมาหาเขาด้วยดวงตาเหม่อลอย

หลังจากกระตุ้นค่ายกล พวกจ้าวเฟิงก็จากไป

เมื่อหนีออกจากที่นี่แล้ว จ้าวเฟิงจึงตามหาขั้วอำนาจสี่ดาวแห่งถัดไป และบังคับใช้ค่ายกลส่งข้ามโบราณ

เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ จ้าวเฟิงใช้การเคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาไปหยิบยืมค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจสี่ดาว

หลายวันต่อมา จ้าวเฟิงก็เดินทางถึงขอบชายแดนเขตผาเก่า

“รีบกระตุ้นค่ายกลส่งข้าม!”

จ้าวเฟิงยืนบนแท่นค่ายกล ใช้วิชาดวงตามายาควบคุมสมาชิกผู้หนึ่ง

ส่วนทุกคนรอบบริเวณนั้นทำได้เพียงมองจ้าวเฟิงและพวก แต่ไม่กล้าลงมือทำอะไร

“หลังจากใช้ค่ายกลส่งข้ามนี้แล้ว ข้าก็จะหนีออกจากเขตผาเก่าได้เรียบร้อย!”

จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

แต่ยามนี้เอง ขอบฟ้าห่างไกลมีเมฆสีม่วงม้วนตัวมา ฟากฟ้าปกคลุมไปด้วยแสงม่วงเข้มชั้นหนึ่ง ฟ้าดินเหมือนกลายเป็นยามราตรีสีม่วง

“เทพโบราณมาแล้ว!” ดวงตาจ้าวเฟิงตื่นตระหนก

เขาจงใจปล่อยให้เส้นทางของตนเปิดเผยออกไป และบังคับยืมค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจสี่ดาวบางส่วน ถึงแม้ว่าจะทำให้การเดินทางเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้ความเร็วในการติดตามเขาของเทพโบราณเพิ่มขึ้นด้วย

วู้ม ฟิ้ว! ค่ายกลใต้ฝ่าเท้าจ้าวเฟิงสอดประสานเข้าหากันอย่างสมบูรณ์ แสงสีเงินชั้นหนึ่งปกคลุมเขาเอาไว้ภายใน

“รีบขวางเขาเร็ว!” ผู้มาเยือนก็คือกลุ่มเทพโบราณของตำหนักรัตติกาลม่วง

พวกเขาเองก็คาดคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะจงใจเปิดเผยตัว แล้วบีบบังคับใช้ค่ายกลส่งข้าม

และในเวลานั้นเอง ค่ายกลส่งข้ามแห่งหนึ่งใกล้ๆ จ้าวเฟิงเปล่งแสงออกมา

อาศัยแค่เสวียนอ้าวมิติที่สูงส่งลึกล้ำ จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ว่าเทพโบราณอีกคนหนึ่งกำลังมาถึง

“เร็วเข้า ทำลายค่ายกลส่งข้ามนั่น!”

สมาชิกของขั้วอำนาจสี่ดาวเห็นเทพโบราณของตำหนักรัตติกาลม่วงมาถึง จึงไม่หวั่นเกรงต่อความตาย ลงมือทันที ทว่าการโจมตีของพวกเขาทำลายการป้องกันของพวกจ้าวเฟิงไม่ได้เลย

พรึ่บ! ร่างของพวกจ้าวเฟิงหายไปในค่ายกลส่งข้าม

ตอนที่จ้าวเฟิงและพวกปรากฏตัวขึ้นบนค่ายกลส่งข้ามอีกแห่ง เขาพลันปล่อยหมัดสองข้าง ค่ายกลส่งข้ามแถวนั้นสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนจะพังทลายลงเป็นเศษเล็กเศษน้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version