บทที่ 1255 ก้าวหนึ่งถึงเทพโบราณ
รากฐานเทพขั้นที่เจ็ด นั่นคือสัญลักษณ์ของเทพโบราณเชียว!
ขณะนี้ ท้องฟ้ารอบๆ ปั่นป่วนไม่หยุด แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น ราวกับเป็นลางบอกความตื่นเต้นและความพลุ่งพล่านในใจของจ้าวเฟิง
“…จะสำเร็จหรือไม่?”
จ้าวเฟิงสูดหายใจลึก ในใจนอกจากความวาดหวังแล้ว ที่มีมากกว่าคือความกระสับกระส่ายและกังวล ด้วยพลังแฝงของเขา สามารถทะลวงถึงตำแหน่งเทพขั้นหกได้ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
รากฐานเทพขั้นที่เจ็ดจะสร้างได้สำเร็จรึ? แน่นอน ตอนนี้เขาคิดอยากจะเข้าไปยุ่งก็ยุ่งไม่ได้แล้ว
“การแปรสภาพของเนตรเทพเจ้ายังไม่เสร็จสิ้น!” จ้าวเฟิงพึมพำเสียงเบา
ตอนนี้พลังดวงวิญญาณของเขาผสานไปกับฟ้าดินผืนนี้ แต่กลับสามารถควบคุมสรรพสิ่งทั่วบริเวณสิบล้านกว่าลี้ อีกทั้งขอบเขตยังขยายออกไปเรื่อยๆ
……
ยามที่รากฐานเทพขั้นเจ็ดเริ่มก่อร่างขึ้นในห้วงฝันบรรพกาล
ในเผ่าพันธุ์วิญญาณ รอบตำหนักที่จ้าวเฟิงอยู่อาศัย กลิ่นอายเทพที่ผสานเข้ากับฟ้าดินกลุ่มนั้นชัดเจนจนทุกคนล้วนสัมผัสได้
“เขายังคงทะลวงตำแหน่งเทพ!”
“ยังไม่เสร็จสิ้นอีก?”
คลื่นยักษ์โหมกระหน่ำในใจของทุกคน ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ!
“ทำไมจึงไม่มีปรากฏการณ์ประหลาด?”
สายตาของจางอวี่ถงเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ในใจของเขาเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีรางๆ
“ข้ารู้ พี่เฟิงไม่มีทางล้มเหลว…” จากที่ไกลๆ จ้าวหยูเฟยร้องไห้ด้วยความดีใจ
บนท้องฟ้า ในใจของเทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหลายค่อนข้างสั่นสะท้าน
“เจ้าเด็กนี่ยังทะลวงตำแหน่ง แต่กลับไม่มีเหตุการณ์ประหลาดในฟ้าดิน? มิติที่เขาอยู่มีพลังประเภทนี้?”
เทพโบราณชุดคลุมดำพูดขึ้นอย่างสงสัย
สำหรับมิติลึกลับที่จ้าวเฟิงครอบครอง แม้กระทั่งเขาก็ยังเกิดความสนใจ
“อยากจะไปดูเสียจริง ว่าอีกมิติหนึ่งของเจ้าเด็กนี่จะเป็นเช่นไร!”
เทพโบราณอีกคนอยากรู้เป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวังเสียล่ะ…” สีหน้าของเทพโบราณฝูหลิงผ่อนคลายลงเล็กน้อย ปรากฏรอยยิ้มบางๆ ขึ้น
เขายังสนับสนุนให้จ้าวหยูเฟยอยู่เคียงคู่กับจ้าวเฟิง ในเมื่อคนอื่นๆ อาจนำผลประโยชน์มาให้เผ่าพันธุ์วิญญาณ แต่ไม่มีทางนำความสุขมาให้จ้าวหยูเฟยได้เพียงพอ
……
ผ่านไปหลายวัน ในห้วงฝันบรรพกาล
ภายใต้พลังลึกลับของหมอกแสงมายา เงารากฐานเทพขั้นเจ็ดมั่นคงได้อย่างยากลำบากยิ่ง
“โครงสร้างของรากฐานเทพก่อร่างสำเร็จแล้ว…”
จ้าวเฟิงถอนหายใจยาว ในใจนึกว่าตนโชคดีอยู่หลายส่วน
ฟู่! ทันใดนั้น หมอกแสงดุจความฝันบนรากฐานเทพขั้นที่เจ็ด มีบางส่วนไหลเข้าไปในรากฐานเทพ หมอกแสงที่ไหลเข้าไปในนั้น หลังจากที่บิดโค้งอยู่ชั่วขณะก็กลายเป็นพลังที่เติมเต็มรากฐานเทพ เหมือนกับตอนรากฐานเทพห้าขั้นด้านล่างไม่ผิดเพี้ยน
“ใช่แล้ว พลังเนตรเทพเจ้าก็คือหนึ่งในศักยภาพของข้า!”
ความคิดจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงสั่นไหว สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ รากฐานเทพที่ใช้พลังเนตรเทพเจ้าสร้างไม่ค่อยแตกต่างกับแก่นแท้ของรากฐานเทพห้าขั้นด้านล่างเลย มันแฝงไว้ด้วยพลังเทพอัสนีเทวะห้าธาตุ อีกทั้งยังมีพลังสายเลือดและพลังแก่นแท้ชีวิตต่างๆ
ท่ามกลางเวลาที่เคลื่อนผ่านไป รากฐานเทพขั้นเจ็ดค่อยๆ สมบูรณ์ขึ้น ทั้งยังส่องประกายพร่างพราย
“รากฐานเทพขั้นเจ็ด เทพโบราณ!”
จ้าวเฟิงจิตใจฮึกเหิม ไม่อาจบรรยายความรู้สึกในตอนนี้ได้
ทะลวงได้ถึงตำแหน่งเทพขั้นหกในก้าวเดียวก็เป็นเรื่องในตำนาน เป็นเรื่องที่ไม่อาจพิสูจน์ได้แล้ว แต่ไปถึงเทพโบราณได้เลยยิ่งไม่เคยมีมาก่อน!
ฟู่ ฟู่! คลื่นวนไอสวรรค์ห้าสีรอบป่าสีดำแผ่ขยายไปไม่หยุด หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะเดียวกันนี้เอง ขอบเขตที่พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงสามารถขยายแผ่ออกไปก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ วิญญาณของจ้าวเฟิงเกิดการตอบรับอย่างน่าอัศจรรย์
ห้วงฝันบรรพกาลก็คือร่างของเขา และในที่บางหนึ่ง หัวใจของเขากำลังเต้นอย่างรุนแรง
ครืน ฟู่ ฟู่! ตอนนี้เอง ในป่าสีดำผืนนั้นก็มีเสียงแผดก้องดังมา
เห็นเพียงเงามายาของรากฐานเทพขั้นเจ็ดลอยอยู่กลางท้องฟ้า โปร่งแสงขาวแวววาวไปหมดทุกส่วน บนนั้นมีแสงมหัศจรรย์หลากสีไหลเวียน กลายเป็นจุดเด่นตาที่สุดในฟ้าดิน
ความคิดทั้งหมดของจ้าวเฟิงรวบรวมไปบนรากฐานเทพขั้นเจ็ด
“รากฐานเทพขั้นเจ็ดสำเร็จแล้ว แต่เทียบกับหกขั้นก่อนหน้ายังไม่ค่อยมั่งคงเท่าไหร่!”
ยิ่งเป็นขั้นหลังๆ ความยากในการสร้างรากฐานเทพก็จะยิ่งมากขึ้น ถึงจะเป็นดวงตาเทพเจ้า แต่ฝืนสร้างรากฐานเทพขั้นเจ็ดออกมาได้ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว
และต่อมาจ้าวเฟิงก็ต้องพึ่งตนเอง หลังจากที่ทำให้รากฐานเทพมั่นคงแล้วก็ต้องทะลวงขั้นให้สูงขึ้นไปไม่หยุด
ฟู่ ฟู่! คลื่นวนไอสวรรค์และเงารากฐานเทพค่อยๆ เลือนหายไป
สายตาของจ้าวเฟิงหยุดอยู่ที่ร่างของตนเอง
เส้นผมและตาซ้ายของเขาเป็น ‘สีเงินมายา’ พร่างพราย
“การแปรสภาพของตาซ้ายก็ใกล้เสร็จสิ้นลงแล้วเช่นกัน!” จ้าวเฟิงสัมผัสได้
วู้ม วู้ม! ตาซ้ายที่ทำให้ใจสั่นไหวและสว่างพร่างพรายเป็นอย่างยิ่งโคจรขึ้นช้าๆ
หมอกแสงมายาดุจความฝันรอบกายของเขาแทรกซึมเข้าไปในตาซ้ายทีละน้อย
เสี้ยวขณะหนึ่ง หมอกแสงมายาทั้งหมดก็ผสานเข้าไปในตาซ้ายจนสิ้น และตาซ้ายสีเงินก็หยุดโคจรลง
ขวับ! พลังดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงมุดกลับเข้ามาในร่างทันที
ข้อมูลนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปยังวิญญาณของเขาทันใด
“รากฐานเทพขั้นเจ็ด!”
จ้าวเฟิงกำหมัดทั้งสอง รู้สึกเหมือนร่างกายกลายเป็นคนยักษ์บรรพกาลอย่างไรอย่างนั้น พลังในกายยิ่งทะลักล้นมหาศาล ประหนึ่งปราณได้ดูดกลืนดวงดาว
นี่ก็คือพลังของรากฐานเทพขั้นเจ็ด?
ฟุ่บ! หลังเก็บความรู้สึกตื่นเต้นในใจ ความคิดของเขาจมดิ่งเข้าไปในมิติเนตรเทพเจ้า
ลูกทรงกลมสีทองลึกลับแปรสภาพเป็นลูกกลมลูกเล็ก ‘สีเงินมายา’ ด้านบนมีเส้นพร่างพรายหลายเส้นก่อร่างเป็นดวงตาง่ายๆ ข้างหนึ่งในชั่วพริบตา
“ดวงตาเทพเจ้า ‘สีเงินมายา’ นี่มีจุดพิเศษอะไรกัน?”
จ้าวเฟิงครุ่นคิด และเส้นผมสลวยของเขาก็สะบัดพลิ้วขึ้นเอง มีสีเฉดเดียวกัน
ในตอนที่เตรียมสำรวจความเปลี่ยนแปลงของดวงตาเทพเจ้า ใจของจ้าวเฟิงก็เกิดความรู้สึกอย่างหนึ่ง
“หืม? ทัณฑ์อัสนีเทพแท้จริง?”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไป
เพราะสร้างรากฐานเทพขั้นเจ็ดได้ทันที อีกทั้งเกิดการแปรสภาพที่น่ามหัศจรรย์ของดวงตาเทพเจ้า ทำให้เขาลืมด่านเคราะห์อัสนีที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดไป
“แต่ว่าตอนนี้ต้องเรียกว่า ‘ทัณฑ์อัสนีเทพโบราณ’ แล้วกระมัง! ”
จ้าวเฟิงหัวเราะเจ้าเล่ห์
ฟู่! เขาเคลื่อนย้ายพลังเทพเศษเสี้ยวหนึ่งจากในรากฐานเทพ
ลำพังแค่พลังเทพในนั้นก็แข็งแกร่งกว่าพลังเทพอัสนีเทวะห้าธาตุของเขาก่อนหน้านี้ไม่รู้กี่เท่า
วู้ม แซ่ด แซ่ด! หลังจากผสานพลังเสวียนอ้าวทั้งหลายแล้ว อานุภาพของพลังเทพกลุ่มนี้ก็เพิ่มทบเท่าขึ้นอีกครั้ง
“ให้ข้าได้สัมผัส ‘ทัณฑ์อัสนีเทพโบราณ’ สักหน่อยเถอะ!”
จ้าวเฟิงเงยหน้าคำราม
ครืน ตูม ตูม! ไม่นานเท่าใด ฟ้าดินมืดสลัว เมฆดำม้วนตลบ สายฟ้าโหมกระหน่ำ
กลิ่นอายกดดันน่ากลัวทำให้สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งในบริเวณหลายหมื่นลี้ตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง พากันหลบหนีไปนอกอาณาเขต
ครืน ครืน เปรี้ยง!
สายฟ้าในเมฆดำยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมังกรสายฟ้าบรรพกาลหลายตัวพุ่งทะยานคำรามก้อง อำนาจสะท้านภพ
“พลังของทัณฑ์อัสนีแข็งแกร่งนัก!” จ้าวเฟิงจิตใจสั่นสะท้าน
หากเป็นอัสนีของเทพแท้จริงทั่วไป เขาหลับตาไม่ทำอะไรเลยก็สามารถผ่านไปได้
แต่ทัณฑ์อัสนีในตอนนี้ ทรงพลังน่าครั่นคร้าม ต่อให้เขาเป็น ‘ปฐมเทพโบราณ’ แล้วก็จำเป็นต้องทุ่มสุดกำลังจึงจะได้ แค่เพียงเขาผ่านด่านเคราะห์ทัณฑ์เทวะไปได้ เขาก็จะได้ชื่อว่าเป็นเทพโบราณที่แท้จริง!
ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทันใดนั้น มังกรอัสนีมหึมาตัวหนึ่งก็ม้วนตัวฟาดผ่าลงมา ในหัวของมังกรตัวนั้นแผ่สายฟ้าเส้นเล็กละเอียดนับไม่ถ้วนออกมา ราวกับพ่นหมอกอัสนีอย่างไรอย่างนั้น
“กายศักดิ์สิทธิ์อัสนีเทวะ!”
บนร่างของจ้าวเฟิง แสงอัสนีห้าสีแต่ละชั้นเคลื่อนไหว ดุจลูกอัสนีห้าสีลูกหนึ่ง วิบวับพร่างพราย ทั้งยังให้ความรู้สึกเปี่ยมไปด้วยพลัง
ครืน บึ้ม! แสงอัสนีใหญ่ยักษ์สายหนึ่งฟาดผ่ามายังจ้าวเฟิง
เพียงแค่ทัณฑ์อัสนีสายเดียวก็แทบจะสามารถทำให้เทพแท้จริงขั้นหกบาดเจ็บหนัก และสังหารเทพแท้จริงขั้นห้าในชั่วเสี้ยววินาที
ดีที่จ้าวเฟิงมีกายศักดิ์สิทธิ์อัสนีเทวะและกายวิญญาณอัสนี เมื่อเผชิญหน้ากับทัณฑ์เทวะสายนี้ เขามั่นใจเป็นอย่างมาก นอกจากนั้น จ้าวเฟิงเลือกป่าแห่งนี้ก็เพราะคำนึงว่าไม้ข่มสายฟ้า แต่ผิวดินรอบกายเขาในเวลานี้ระเบิดเป็นผุยผง กลายเป็นธุลีไปหมด
ร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศ นิ่งไม่ไหวติง ดุจภูเขาอัสนีลูกหนึ่ง กระทั่งในเวลานี้ ร่างกายของจ้าวเฟิงก็กำลังดูดซับพลังของทัณฑ์อัสนีกลุ่มนี้อยู่ และวิญญาณของเขาก็กำลังดูดซับพลังของทัณฑ์อัสนีเช่นกัน
“ผลลัพธ์ของการฝึกฝนช่างดีเยี่ยมนัก!”
จ้าวเฟิงพบว่า หลังจากที่ทนรับการโจมตีของสายฟ้าสายนี้ได้ ร่างกายและวิญญาณของเขาก็ได้รับการเสริมสร้างในระดับหนึ่ง
ผลลัพธ์ของการฝึกนี้ดีกว่าการฝึกฝนอัสนีเทวะที่ตัวเขาใช้ผลึกเทพอัสนีหลายสิบเท่า
เหตุเพราะทะลวงเทพโบราณได้ในก้าวแรก ขอบเขตพลังของจ้าวเฟิงไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ทุกๆ ด้านยังไม่ถึงมาตรฐานของเทพโบราณ แต่ทัณฑ์อัสนีนี้กลับช่วยเขาฝึกฝนทุกด้านให้มั่นคง อีกด้านหนึ่ง สายแร่ผลึกเซียนระดับล่างที่อยู่ใต้พื้นดินลึก เดิมทีพลังแห้งเหือดไปแล้ว
แต่ในยามนี้มีจ้าวเฟิงเป็นสื่อนำ พลังทัณฑ์อัสนีจึงหลั่งไหลเข้าไปในสายแร่ผลึกเซียนระดับล่างไม่ขาดสาย
ก่อนหน้าที่จะทะลวงตำแหน่งเทพ เขาก็คิดวางแผนเอาไว้หมดแล้ว ทัณฑ์อัสนีนั่นจะต้องใช้ให้ดีๆ ต้องเก็บมันเอาไว้
ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง! ฟ้าดินสั่นสะเทือน หมื่นอัสนีแปลบปลาบ ทัณฑ์อัสนีสายที่สองฟาดผ่าลงมาในชั่วพริบตา พลังของมันน่ากลัวยิ่งกว่าสายแรกนัก!
ทุกสรรพสิ่งรอบกายจ้าวเฟิงแทบจะกลายเป็นเถ้าธุลี
จากนั้นสายที่สาม สายที่สี่…พลังก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น!
ร่างของจ้าวเฟิงขาดวิ่นไร้สภาพ ทั่วร่างไหม้เกรียม
ดีที่เขามีสภาวะกายอมตะ พลังฟื้นฟูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พอจะฝืนต้านทานความเสียหายของร่างกายได้
พรึ่บ! จ้าวเฟิงคลุมชุดคลุมมิติ
ชุดคลุมมิติเป็นอาวุธเทพชั้นยอด ไม่มีทางถูกทำลายจากทัณฑ์อัสนี และผลการป้องกันของมันก็สามารถลดแรงระเบิดในชั่วพริบตาของทัณฑ์อัสนีได้
เมื่อคลุมชุดคลุมมิติ โคจรพลังเทพสุดกำลัง จ้าวเฟิงปะทะกับมังกรอัสนีบรรพกาลอีกครั้ง
……
หลังจากนั้นครึ่งวัน เสียงเลื่อนลั่นค่อยๆ เบาลง เมฆดำบนท้องฟ้าสลายไป กลับคืนสู่ความสดใส ด้านล่าง ในหลุมไหม้ดำขนาดยักษ์มีร่างไหม้เกรียมที่แตกหักไปทุกชุ่น ควันดำลอยอ้อยอิ่ง
หลังจากนั้นสิบกว่าวัน บาดแผลของจ้าวเฟิงค่อยๆ สมานตัว
หลังผ่านการชะล้างของทัณฑ์อัสนี อีกทั้งร่างกายซ่อมแซมประกอบขึ้นใหม่ ขอบเขตพลังฝึกตนของเขาก็ยิ่งมั่นคงมากขึ้น
“เทพโบราณขั้นเจ็ด…” จ้าวเฟิงยืนอึ้งอยู่กับที่ ในใจตื่นเต้นลิงโลด
อีกนานหลังจากนั้น ในที่สุดเขาก็สงบลงได้
คำโบราณว่าไว้ว่า ต้นไม้เด่นเกินผืนป่าจะหักโค่นเพราะลม
ทะลวงเทพแท้จริงขั้นห้าได้ทันทีชื่อเสียงก้องไกลไปทั่วเขตเทพสวรรค์ ถึงเทพแท้จริงขั้นหกเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ทว่าถึงเทพโบราณขั้นเจ็ดแข็งแกร่งน่าครั่นคร้ามเกินไป หากเพียงพูดออกไป ไม่แน่ว่าอาจจะนำหายนะมาก็เป็นได้
ฟู่ ฟู่! กลิ่นอายของจ้าวเฟิงลดลงช้าๆ กลับไปเป็นปกติอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงหยิบเอาหินผนึกเทพหลายก้อนออกมา โคจรเสวียนอ้าวผนึก กระตุ้นพลังบางส่วนของหินผนึกเทพ จากนั้นก็สะกดเอาไว้บนรากฐานเทพที่อยู่ในจุดตันเถียน กลิ่นอายของจ้าวเฟิงค่อยๆ อำพรางไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
……
เผ่าพันธุ์วิญญาณ กลุ่มคนรอบตำหนักของจ้าวเฟิงยังไม่สลายตัวไป แต่กลับรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ยังไม่ออกมาอีกรึ?”
“ตกลงเจ้าเด็กนั่นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ลูกศิษย์ที่มุ่งดูรอบๆ สงสัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเหตุการณ์การทะลวงตำแหน่งเทพของจ้าวเฟิงครั้งนี้ผิดปกติเกินไป
“กลิ่นอายเทพที่ประสานไปกับฟ้าดินกลุ่มนั้นสลายไปตั้งนานแล้ว แต่เจ้าเด็กนั่นไยจึงไม่ออกมาอีก!”
จางอวี่ถงมีสีหน้ายากจะคาดเดาอารมณ์
บนท้องฟ้า เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหลายก็รอจนหมดความอดทนแล้ว
“หรือว่าพวกเราลงมือบีบให้เจ้าเด็กนั่นออกมา?” เทพโบราณชุดคลุมดำเอ่ยเสนอ
เขาสนใจมิติระดับสูงของจ้าวเฟิงยิ่งนัก แต่เพิ่งจะพูดประโยคนี้จบ เขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นมิติกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นในตำหนัก
ตู้ม! ประตูตำหนักกระแทกเปิดออกอย่างรุนแรง
“ช่างครึกครื้นเสียจริง!”
จ้าวเฟิงมองกองหนังสือท้าประลองเบื้องหน้า กวาดสายตาไปยังกลุ่มคนนับไม่ถ้วนที่ล้อมดูอยู่แถวนั้นแล้วยิ้มขึ้นน้อยๆ