Skip to content

King of Gods 1256

King Of Gods

บทที่ 1256 ศึกแรก

“เขาคือ?”

หลายคนเห็นจ้าวเฟิงแวบแรกแทบจะจำไม่ได้

ผมสีเงินดุจความฝันทั้งศีรษะและดวงตาช่างพร่างพรายชวนหลงใหล ทำให้บุคลิกของจ้าวเฟิงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

ศิษย์หญิงจำนวนไม่น้อยจิตใจเต้นแรงเพียงเสี้ยวขณะที่เห็นจ้าวเฟิง เกือบจะตกเป็นเชลยไปในทันที

“เส้นผมงดงามจริงๆ!” เสียงเบาหวิวอย่างหลงใหลของศิษย์หญิงดังขึ้น

“ตากับผมของพี่เฟิง!” จากที่ไกลๆ บนใบหน้าที่ปลื้มปีติของจ้าวหยูเฟย คลื่นเขียวมรกตอันอ่อนละมุนลอยเอ่อในดวงตางาม

นางรู้ ทุกครั้งที่เนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงแปรสภาพ สีของเส้นผมก็จะเปลี่ยนไป

และครั้งนี้นางรู้สึกว่าเนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าดินอย่างแน่นอน

จ้าวเฟิงในตอนนี้ยืนอยู่ที่นั่น ท่าทางสบายใจไร้กังวล สีหน้าเผยความมั่นใจและนิ่งเฉย ทำให้จิตใจร้อนรนของนางสงบลงอย่างน่าประหลาด

“หยูเฟย เขาเป็นอะไรไปน่ะ?” ข่งเตี๋ยแตะแขนนวลของหยูเฟย พูดขึ้นอย่างตกใจ

ก่อนหน้านี้นางคิดว่าจ้าวเฟิงไม่คู่ควรกับจ้าวหยูเฟย แต่ขณะนี้นางมีความรู้สึกชั่ววูบว่าอยากจะแย่งคู่รักกับหยูเฟยเสียอย่างนั้น

“เจ้าเด็กนี่ทะลวงขั้นเทพแท้จริง ยังมีใจไปเปลี่ยนสภาพสีผมอีกรึ!”

ชายหนุ่มจำนวนมากรอบๆ มองไปยังจ้าวเฟิง ในใจเกิดความริษยาขึ้นเล็กน้อย

บนท้องฟ้า เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณที่ดุจดั่งผู้สูงส่งแววตาฉายประกาย มองไปยังจ้าวเฟิงอย่างละเอียด

“เส้นผมของเขาพิเศษมาก ผมทุกเส้นราวกับมีชีวิต ทั้งยังส่องประกายสะท้อนแสงไปตามทิวทัศน์รอบด้านได้อีกด้วย…”

“ตอนที่เขาทะลวงขอบเขตมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณอดสงสัยไม่ได้

“ช้าก่อน กลิ่นอายบนร่างเขา…”

หลังจากที่เทพโบราณฝูหลิงรับรู้อย่างละเอียด สีหน้าก็เปลี่ยนไป ไม่อยากจะเชื่อ

จ้าวเฟิงเดินออกมาจากตำหนัก สะบัดหนึ่งฝ่ามือ

หนังสือท้าประลองแต่ละฉบับลอยมายังเบื้องหน้าของเขา เนื้อหาข้างในซ้ำซากน่าเบื่อ

“คิดไม่ถึงเลยว่ามีศิษย์เผ่าเดียวกันอยากจะศึกษาแลกเปลี่ยนวิชากับข้ามากเพียงนี้!”

จ้าวเฟิงยิ้มสบายๆ

แต่รอยยิ้มนี้ สำหรับศิษย์หลักเหล่านั้นก็คือการดูถูกเหยียดหยามพวกเขา

“ไอ้หนู ต่อให้เจ้าทะลวงตำแหน่งเทพสำเร็จก็ไม่มีสิทธิ์มากำเริบเสิบสานเช่นนี้! ”

ในเวลานี้ ชายหนุ่มผมเงินหน้าตาดีคนหนึ่งพลันตะโกนขึ้นมา ผมสีเงินเหมือนกัน แต่ผมเงินของเขาไม่อาจเทียบเคียงกับผมของจ้าวเฟิงได้เลย

“ข้าจะมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะมาพูด!”

จ้าวเฟิงพูดอย่างราบเรียบ รัศมีอำนาจอันไร้รูปร่างแผ่กระจาย

เสี้ยวขณะนี้ ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหมุนตลบ ฟ้าดินฟากหนึ่งหมุนโคจรโดยมีจ้าวเฟิงเป็นศูนย์กลาง

“กลิ่นอายกลุ่มนี้ เทพแท้จริงขั้นห้า!”

รัศมีอำนาจกลุ่มนี้เพียงกระจายออก ที่นั่นก็มีคนวิเคราะห์ออกมาได้ทันที

“สวรรค์ จ้าวเฟิงทำสำเร็จแล้วจริงๆ เขาทะลวงถึงเทพขั้นห้าได้!”

“เหตุการณ์ประหลาดในฟ้าดินนั่นหายไปแล้วชัดๆ แต่เขากลับไปถึงเทพขั้นห้าได้สำเร็จ!” เสียงเซ็งแซ่รอบด้านดังขึ้นไม่หยุด

“เทพแท้จริงขั้นห้า!” สีหน้าของจางอวี่ถงเคร่งเครียดเป็นที่สุด

“คนคนนี้มีความสามารถเพียงนี้เชียว?”

เซี่ยโหวอู่แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตมีสีหน้าตื่นตะลึง จ้องไปยังจ้าวเฟิง

ทะลวงถึงเทพขั้นห้าได้เลย นั่นคือเรื่องที่มีเพียงอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจึงจะทำได้ แต่ตอนนี้ คนรุ่นเยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงกลับทำได้ถึงจุดนี้

“พี่เฟิง!” จ้าวหยูเฟยร่ำไห้เพราะความยินดีอย่างสุดซึ้ง หยดน้ำวาววับจากดวงตาทั้งสองไหลอาบแก้มขาวผ่อง

จ้าวเฟิงทะลวงถึงเทพขั้นห้าได้ในคราวเดียว เช่นนั้นเผ่าพันธุ์วิญญาณจะต้องไม่กีดกันพวกเขาทั้งสองอีกต่อไปอย่างแน่นอน

บนท้องฟ้า เมฆขาวม้วนตลบไม่หยุด “เจ้าเด็กนี่เป็นเทพแท้จริงขั้นห้าจริงๆ ด้วย!”

เทพโบราณฝูหลิงเอ่ยอย่างยินดี

“คิดไม่ถึงเลยว่าเผ่าพันธุ์วิญญาณจะมีคนที่สามารถทะลวงถึงเทพขั้นห้าได้ในทันที!”

เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณอีกคนหนึ่งเอ่ยอย่างทอดถอนใจ

สามารถไปถึงเทพขั้นห้าได้ทันที นั่นก็เป็นการแสดงถึงพรสวรรค์ของเขา จะต้องไปถึงเทพแท้จริงขั้นเก้าหรือกระทั่งจอมเทพได้อย่างแน่นอน

“การกระทำของพวกเราก่อนหน้านี้เกินกว่าเหตุเกินไปหน่อยหรือไม่…”

ยามนี้ เทพโบราณคนหนึ่งยิ้มฝืดเฝื่อนอย่างจนใจ

เทพโบราณคนอื่นๆ นิ่งเงียบไปทันใด

……

“เทพแท้จริงขั้นห้า เป็นไปได้อย่างไรกัน?” ชายหนุ่มผมเงินคนนั้นตะลึงพรึงเพริดไป

จ้าวเฟิงที่เขาดูถูกเมื่อครู่ทะลวงไปถึงเทพขั้นห้าได้ในคราวเเดียว เทียบเคียงได้กับผู้ถูกเลือกของแดนศักดิ์สิทธิ์!

“ข้าเพิ่งจะทะลวงขั้นเทพได้ ต้องการคู่มือฝึกฝนทำพลังให้มั่นคงอยู่พอดี หนังสือท้าประลองพวกนี้ช่างมาได้ถูกเวลาเสียจริง…”

จ้าวเฟิงหัวเราะลั่น

“ข้าคือเทพแท้จริงจื้อกัง เป็นหนึ่งในศิษย์ที่ส่งหนังสือท้าประลองให้เจ้า หากมีปัญญา เจ้าก็จงตอบรับคำท้าประลองของข้าเสีย!”

ชายหนุ่มผมเงินคนนั้นเอ่ยขึ้นทันใด

เมื่อครู่เขาพูดว่าจ้าวเฟิงกำเริบเสิบสาน สุดท้ายจ้าวเฟิงแสดงพลังที่แท้จริงออกมา ทุกคนตกใจเป็นอย่างยิ่ง ทำเอาเขาจนคำพูด เสียหน้าเป็นที่สุด ตอนนี้หากเขาเอาชนะจ้าวเฟิงได้ซึ่งหน้า ก็จะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้

แต่เงื่อนไขก่อนหน้าคือจ้าวเฟิงจะกล้ารับคำท้าของเขาหรือไม่

“ทำไมจะไม่กล้า!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างสงบ

“ดี!” เทพแท้จริงจื้อกังยินดีเล็กน้อย

สำหรับเขา จ้าวเฟิงทะลวงไปถึงเทพแท้จริงขั้นห้าได้ ความมั่นใจเพิ่มมากเกินไป และคิดว่าตัวเองเก่งกาจ

ฟุ่บ! ฟุ่บ! เงาสองร่างจากไปไกลอย่างรวดเร็ว

“จ้าวเฟิงทะลวงเทพแท้จริงขั้นห้าได้ นี่เป็นศึกแรกหลังจากที่เขาไปถึงขั้นเทพ รีบไปดูเร็ว!”

“แต่เทพแท้จริงจื้อกังนั่นก็เป็นเทพแท้จริงขั้นห้าเช่นกัน แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก…”

ศิษย์นอกเผ่าและศิษย์ในเผ่ามากมายจากไปอย่างไวว่อง

“พวกเราก็ไปเถอะ!” จางอวี่ถงรีบพูดขึ้น

สายตาของเขาในตอนนี้ไม่อาจย้ายไปจากจ้าวเฟิงได้

จ้าวเฟิงทะลวงถึงเทพขั้นห้าได้ จะต้องกลายเป็นศิษย์อายุน้อยที่โดดเด่นเจิดจ้าที่สุดในเผ่าแน่ แม้กระทั่งเขาก็ทำได้เพียงแค่สยบอยู่ใต้แสงของจ้าวเฟิงเท่านั้น

ดังนั้นจางอวี่ถงจึงเจ็บใจยิ่งนัก!

“สหายจางวางใจเถิด แม้จ้าวเฟิงจะทะลวงตำแหน่งเทพขั้นห้าได้ แต่ศึกนี้มันต้องแพ้อย่างแน่นอน!” ศิษย์หลักคนหนึ่งเอ่ยอย่างจริงจัง

จ้าวเฟิงเพิ่งจะทะลวงตำแหน่งเทพได้ก็กล้ายโสโอหัง

ท้าประลองเทพแท้จริงขั้นห้าเสียแล้ว

รอบตำหนักของจ้าวเฟิงพลันไร้ซึ่งคน

สมาชิกทั้งหมดล้วนย้ายไปใกล้ๆ กับเวทีประลองเพียงเวทีเดียวในพื้นที่ของศิษย์นอกเผ่า

บนเวทีประลอง เทพแท้จริงจื้อกังและจ้าวเฟิงประจันหน้ากันอยู่ไกลๆ

“เทพแท้จริงจื้อกังมี ‘สายเลือดบริสุทธิ์’ สามารถใช้พลังสายเลือดเพิ่มความแข็งแกร่งให้พลังเทพ นอกจากนั้นเคล็ดวิชาฝึกฝนของเขาก็เป็นเคล็ดวิชาพิเศษที่หลอมรวมพลังเทพโดยเฉพาะ หากเทพแท้จริงขั้นห้าทั่วไปสู้กับเขา เพียงเสี้ยวขณะที่ประมือก็จะเสียเปรียบทันที”

ศิษย์ที่ค่อนข้างรู้เรื่องเทพแท้จริงจื้อกังคนหนึ่งยิ้มพูด

“จ้าวเฟิงถึงแม้จะมีพรสวรรค์โดดเด่น ทะลวงถึงเทพแท้จริงขั้นห้าได้ แต่ก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของเทพแท้จริงจื้อกังเด็ดขาด!” ศิษย์ในเผ่าคนหนึ่งสรุป

“เจ้าเพิ่งจะทะลวงเทพแท้จริงขั้นห้าได้ ไม่ใช่คู่มือของข้า…”

เทพแท้จริงจื้อกังยิ้มเอ่ย หากสามารถเอาชนะอัจฉริยะเช่นนี้ได้ ในใจของเขาจะเต็มไปด้วยความรู้สึกสำเร็จ

“พูดจาไร้สาระมากจริง!”

จ้าวเฟิงปรายตามองอย่างเย็นชา คำพูดเหยียดหยาม

“หึ ข้าจะให้เจ้าได้รู้จักพลังเทพของข้า!”

เทพแท้จริงจื้อกังโกรธเคือง แต่ก็ทำได้เพียงแค่แค่นเสียงเย็นเท่านั้น

ครืน! ในร่างของเขา พลังเทพที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งพลันปะทุออกมา

ลำแสงพลังเทพขาวแวววาวแต่ละสายเกาะรวมตัวกันราวกับวัตถุจริง แม้กระทั่งลวดลายบนลำแสงพลังเทพก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ในขณะเดียวกัน เทพแท้จริงจื้อกังกระตุ้นพลังสายเลือดทันใด พลังเทพรอบด้านมีไอร้อนสีแดงอ่อนลอยเอ่อโดยพลัน กลิ่นอายเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

“สวรรค์ วิชาของเทพแท้จริงจื้อกังก้าวไปอีกขั้น เมื่อใช้คู่กับพลังสายเลือด พลังเทพของเขาจะไร้ขีดจำกัดจนเกือบถึงขั้นหก!”

“เฮ้อ ท่าทางจ้าวเฟิงคงหมดหวังแล้ว แต่หลังจากนี้เขาต้องไล่ตามเทพแท้จริงจื้อกังได้ทันแน่นอน!”

ศิษย์รอบด้านไม่น้อยอดเสียดายแทนจ้าวเฟิงไม่ได้

หากจ้าวเฟิงหาเทพแท้จริงขั้นห้าประลองเอาตามสะดวกก็คงไม่อับอายเท่าใดนัก

ครืน! เทพแท้จริงจื้อกังสะบัดมือ ลำแสงพลังเทพสีแดงที่ราวกับวัตถุจริงสายหนึ่งโจมตีมายังจ้าวเฟิงด้วยความเร็วดุจสายฟ้า

“พลังเทพ!” จ้าวเฟิงพูดพึมพำ

ก่อนหน้าที่ยังไม่ได้ทะลวงตำแหน่งเทพ ระดับความแข็งแกร่งของพลังเทพเขาก็ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ไม่รู้ว่าระดับความแข็งแกร่งของพลังเทพเขาในตอนนี้จะสู้เทพแท้จริงจื้อกังได้หรือไม่

ฝ่ามือของจ้าวเฟิงสะบัด พลังเทพบริสุทธิ์สายหนึ่งดุจดั่งคมมีดวาววับโจมตีออกไป

ครืน บึ้ม! ทั้งสองใช้พลังเทพบริสุทธิ์โจมตี พุ่งปะทะเข้าด้วยกัน

“ฮ่าๆ เจ้าเพิ่งจะทะลวงเทพแท้จริงขั้นห้าได้ พลังเทพของเจ้าอยู่ต่อหน้าข้าก็รับไม่ได้แม้แต่หนึ่งกระบวนท่า!”

ครั้นเห็นจ้าวเฟิงใช้เพียงแค่พลังเทพ เทพแท้จริงจื้อกังพลันหัวเราะเหยียดหยาม

แต่พอเขาพูดจบ ในเถ้าธุลีที่ระเบิดออกก็มีประกายแสงพลังเทพสีขาววาววับสายหนึ่งพุ่งออกมา พลังเทพดุจคมมีดสีขาวพุ่งมายังเขา!

“เป็นไปได้อย่างไร?” เทพแท้จริงจื้อกังพลันชะงักคำพูด โคจรพลังเทพต้านทานพลังที่เหลือนี้

ส่วนผู้ชมการต่อสู้รอบด้านก็ตะลึงไปทันที

ผลลัพธ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงเลย

“ไม่ เป็นไปไม่ได้!”

สีหน้าของเทพแท้จริงจื้อกังเหี้ยมเกรียมขึ้นเล็กน้อย พาพลังเทพมหาศาลพุ่งไปโจมตีจ้าวเฟิงทันที

ครั้งนี้เทพแท้จริงจื้อกังไม่ดูแคลนจ้าวเฟิง สำแดงเคล็ดวิชาในฉับพลัน ทั้งยังใช้พลังเสวียนอ้าวร่วมด้วย

“เจ้าอ่อนแอเกินไป!” จ้าวเฟิงพูดออกมาไม่กี่คำ ทำให้เทพแท้จริงจื้อกังแทบจะตกอยู่ในความคุ้มคลั่ง

ครืน บึ้ม! ร่างของจ้าวเฟิงพลันปะทุพลัง

ในขณะเดียวกัน ประกายแสงอัสนีห้าสีกลุ่มหนึ่งค่อยๆ ทะลักล้นออกมาจากในร่างของเขา ทั่วทั้งร่างของเขาดุจมีมังกรอัสนีห้าสีตัวหนึ่งร้องคำรามออกมา

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!

ระกายแสงสายฟ้าห้าสีเส้นหนึ่งทะลุผ่านร่างเทพแท้จริงจื้อกัง พลังรอบด้านเขาถูกทำลายสิ้น ร่างที่ไหม้เกรียมไปแถบหนึ่งร่วงไปยังพื้นดิน

เฮือก!

ผืนดินและท้องฟ้าเงียบงัน!

กระบวนท่าเดียวเอาชนะเทพแท้จริงจื้อกัง นี่เป็นสิ่งที่คนเพิ่งทะลวงถึงเทพแท้จริงขั้นห้าทำได้รึ?

ศิษย์หลักเหล่านั้น แต่ละคนส่ายหน้าไม่หยุด ไม่กล้าเชื่อสิ่งที่เห็น

“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” เซี่ยโหวอู่แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตยังตื่นตะลึง

“แข็งแกร่งยิ่งนัก สง่างามเหลือเกิน!”

ศิษย์หญิงบางคนพลันหลงใหลในท่าทีที่จ้าวเฟิงแสดงออกมา

“อ่อนแอเกินไป!” จ้าวเฟิงพูดเสียงเบา

ประโยคนี้ดังเข้าไปในหูของกลุ่มคนที่อยู่ที่นั่น แล้วดังก้องขึ้นทันใด

อ่อนแอเกินไป? อ่อนแอเกินไป!

โดยเฉพาะพวกที่เคยหาเรื่องจ้าวเฟิงและในตอนนี้กลับไม่กล้าล่วงเกินเขา แต่ละคนกัดฟันกรอด สั่นเทิ้มไปทั้งตัว

บนก้อนเมฆ เทพโบราณทั้งหลายก็ตะลึงพรึงเพริดไปเช่นกัน

“ทำไมถึงแข็งแกร่งเพียงนี้? หรือว่าตอนเขาอยู่ในมิตินั่นก็ทำให้ขอบเขตพลังมั่นคงสมบูรณ์แล้ว?”

“จะต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ เจ้าจ้าวเฟิงนี่ฝึกฝนเคล็ดวิชาพิเศษ พลังเทพแข็งแกร่งมากนัก แล้วรากฐานเทพที่เขาสร้างขึ้นก็มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง…”

เทพโบราณทั้งหลายเอ่ยชมเชยจ้าวเฟิง ยิ่งมองยิ่งถูกใจ

ใจของเทพโบราณสองคนในนั้นพลันมีความคิดหนึ่งขึ้น…รับจ้าวเฟิงเป็นศิษย์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version