Skip to content

King of Gods 1258

King Of Gods

บทที่ 1258 อ่อนแอเกินไปกันทั้งนั้น

“จ้าวเฟิง…พวกเราก็แค่สนองความต้องการของเจ้าเท่านั้น!”

ชายหนุ่มผอมเห็นกระดูกและมีกระสีดำมากมายคนนั้นพูดอย่างเย็นชา

พวกเขาสามคนร่วมมือกันจัดการกับเทพแท้จริงขั้นเดียวกันผู้หนึ่ง เมื่อเรื่องราวแพร่ออกไปจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของพวกเขา ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้เขาจึงย้ำอีกครั้ง ว่าเป็นจ้าวเฟิงที่บอกให้พวกเขาบุกไปพร้อมกันสามคน

“อย่าบอกนะว่าจ้าวเฟิงจะประลองกับคนขั้นเดียวกันสามคนเพียงลำพัง เขาเพิ่งจะทะลวงตำแหน่งเทพ…”

คนทั้งหลายด้านล่างเวทีล้วนคิดว่าจ้าวเฟิงอวดดีมากเกินไปหน่อย

จ้าวเฟิงมองคนเบื้องหน้าทั้งสาม รอยยิ้มหยอกล้อที่มุมปากปรากฏอยู่โดยตลอด

“บุก!” ชายหนุ่มผิวมีกระดำคนนั้นตะโกนเสียงต่ำ

เขาหงุดหงิดกับท่าทีกำเริบเสิบสานทั้งยังไม่สะทกสะท้านของจ้าวเฟิงนานแล้ว

ครืน! ครืน! ครืน! กลิ่นอายพลังเทพน่าหวั่นเกรงสามกลุ่มปะทุขึ้นมา ทั้งสามไม่ได้รีบร้อนโจมตีจ้าวเฟิง แต่กลับรักษาระยะห่างกับจ้าวเฟิง สำแดงการโจมตีระยะไกล

ครืน ตูม บึ้ม! จ้าวเฟิงยืนอยู่กลางเวที ดุจภูเขาอัสนีห้าสีตั้งตระหง่านไม่ไหวติง

การโจมตีของขั้นเดียวกันทั้งสามซัดมายังร่างของเขา ไม่อาจสร้างความบาดเจ็บแม้เพียงนิด

“ร่างกายแข็งแกร่งยิ่งนัก!” สายตาของทั้งสามจ้องจ้าวเฟิงอย่างตื่นตระหนก

“พวกเจ้ามีปัญญาแค่นี้เองรึ?”

จ้าวเฟิงยักไหล่ ราวกับการโจมตีเมื่อครู่เหมือนแค่สะกิดเขาเท่านั้น

“เจ้าเด็กนี่…”

คนทั้งสามที่ต่อสู้กับจ้าวเฟิง แต่ละคนกัดฟันกรอด โกรธแค้นเป็นที่สุด

ทั้งสามคนสื่อสารกันครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจสำแดงไพ่ตายบางอย่าง ดับความโอหังของจ้างเฟิงลงเสียบ้าง

“ปีศาจทมิฬพลิกกาย!”

“ค้อนดาราเริงระบำ!”

“ทัณฑ์เทพกำเนิดสวรรค์!”

ขั้นห้าสุดยอดทั้งสามคนสำแดงไพ่ตายก้นหีบทันที วายุคลั่งพลังล้นฟ้าอันน่าพรั่นพรึงดุจจะท่วมทั้งเวทีประลองจนมิด

“ลูกไม้ตื้นๆ!” ในเวลานี้เอง จ้าวเฟิงยิ้มเย็นขึ้น

วู้ม แซ่ด แซ่ด! บนร่างของเขา พลังอัสนีห้าสีนั่นพลันส่องประกายเจิดจ้า

เห็นเพียงมิติเขตแดนสายฟ้าห้าสีหอบม้วนกวาดไปรอบทิศโดยมีจ้าวเฟิงเป็นศูนย์กลาง พลังอื่นๆ ในพื้นที่เขตแดนแห่งนี้โดนบดขยี้โดยอัสนีเทวะห้าธาตุทันที

พลังทั้งหมดที่ชายหนุ่มทั้งสามปล่อยออกมาถูกทำลายไปสิ้นตามการแผ่ขยายของเขตแดนอัสนีห้าสีนี้ ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มทั้งสามที่ตัวอยู่ในมิติเขตแดนแห่งนี้ยังโดนพลังอัสนีเทวะมหาศาลกดอัด ทั่วทั้งร่างถูกควบคุมอย่างหนัก

นี่คือ ‘เขตแดนอัสนีเทวะห้าธาตุ’ กระบวนใหม่ที่จ้าวเฟิงอนุมานได้หลังจากทะลวงขั้นเทพโบราณแล้ว โดยการนำเคล็ดวิชาที่สมบูรณ์ทั้งสองมาผสานกัน

“ไสหัวไปซะ!” จ้าวเฟิงอยู่กลางเขตแดนอัสนีเทวะห้าธาตุ ตะโกนขึ้นทันใด

ทั่วทั้งเขตแดน อัสนีห้าสีลั่นแปลบปลาบ กระหน่ำซัดอย่างบ้าคลั่ง

ตุบ! ตุบ! ตุบ! ชายหนุ่มสามคนนั้นโดนระเบิดจากแก่นแท้พลังอัสนีเทวะ ลอยลงมาจากเวที

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” หลังจากที่ถูกซัดร่วงมา ท่าทางของชายหนุ่มทั้งสามเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

“แพ้แล้ว!” ผู้ชมการต่อสู้รอบด้านล้วนยืนอยู่ที่เดิมอย่างอึ้งตะลึง ในหัวขาวโพลน

เทพแท้จริงขั้นห้าสุดยอดสามคนยังอะไรจ้าวเฟิงไม่ได้?

“ไม่น่าเชื่อ!” เซี่ยโหวอู่จ้องจ้าวเฟิงเขม็ง อุทานอย่างตกตะลึง

บนท้องฟ้า เทพโบราณทั้งหลายยิ่งตื่นเต้นยกใหญ่ ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรั้งจ้าวเฟิงให้อยู่ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณให้ได้

เห็นจ้าวเฟิงเจิดจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ศิษย์หลักที่เคยส่งหนังสือท้าประลองเขาในยามนั้นรู้สึกเสียใจทันใด แต่หนังสือท้าประลองอยู่ในมือของจ้าวเฟิง จะประลองหรือไม่ จ้าวเฟิงเป็นคนตัดสินใจ

“จ้าวเฟิง ขั้นห้าสุดยอดพวกนั้นไม่ใช่คู่มือของเจ้า ให้ข้าแลกเปลี่ยนวิชากับเจ้าเป็นเช่นไร?” ในตอนนี้เอง จางอวี่ถงเดินออกมาจากฝูงชน

ถ้าให้เจ้าพวกไม่ได้ความพวกนั้นสู้กับจ้าวเฟิง จะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าเกรงขามให้ฝ่ายตรงข้าม

สู้ให้เขาออกโรงหยุดเหตุการณ์การประลองครั้งนี้เสียยังจะดีกว่า

“สหายจาง!”

หลายคนที่แพ้การต่อสู้เมื่อครู่พลันมองไปยังจางอวี่ถงอย่างตกใจ

“จางอวี่ถงจะลงมือ เขาเป็นถึงเทพแท้จริงขั้นหกเชียวนะ!”

เสียงตื่นตะลึงของลูกศิษย์ที่เหลือรอบด้านดังขึ้นไม่หยุด ศิษย์หญิงไม่น้อยปิดปากด้วยความตกใจ

“ก็ดี เช่นนั้นข้าก็จะเล่นเป็นเพื่อนเจ้า!” จ้าวเฟิงยังคงยิ้มหยอกล้อ มองประเมินจางอวี่ถง

คำนี้ของเขาเพียงเอ่ยออกไป ด้านล่างเวทีก็ส่งเสียงแตกตื่นขึ้นอีกครั้ง

เผชิญหน้ากับจางอวี่ถงเทพแท้จริงขั้นหก จ้าวเฟิงกลับพูดว่า ‘จะเล่นเป็นเพื่อนเขา’ น้ำเสียงนี้ราวกับจ้าวเฟิงตอบรับคำท้าประลองของผู้อ่อนแอในฐานะของผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง

“ดี เช่นนั้นพวกเราก็มาเล่นกันเถอะ!”

ในตาของจางอวี่ถงมีแสงเย็นเยือกฉายวูบผ่าน แต่ก็ยังคงรักษารอยยิ้มราบเรียบ ก้าวขึ้นไปบนเวที

“ให้ตาย สหายจ้าว นี่เจ้าคิดจะทำอะไร…” พานฮ่าวไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว

จางอวี่ถงเป็นถึงสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ กำลังรบที่แท้จริงของเขาไม่ใช่เพียงเทพแท้จริงขั้นหกทั่วไปหรอก!

บนท้องฟ้า สีหน้าของเทพโบราณทั้งหลายเคร่งเครียดเช่นกัน

พวกเขาก็รู้ ความขัดแย้งระหว่างจ้าวเฟิงกับจางอวี่ถงไม่อาจคลี่คลายได้ง่ายๆ และจ้าวเฟิงไม่มีทางเป็นคู่มือของเทพแท้จริงขั้นหกเผ่าพันธุ์วิญญาณได้เลย

ถึงตอนนั้น หากจ้าวเฟิงตกอยู่ในอันตราย พวกเขาก็จะพุ่งออกไปหยุดการประลองทันที ในตอนนี้เอง เทพโบราณทั้งหลายสัมผัสอะไรได้ สายตามองไปยังที่ไกลๆ พร้อมกัน

เห็นเพียงผู้อาวุโสรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางสง่างามทรงอำนาจเดินมาช้าๆ

“ผู้อาวุโสสี่!” เทพโบราณฝูหลิงและเทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณบางคนรีบเคารพอย่างนอบน้อม

ผู้อาวุโสสี่คนนี้เพียงพยักหน้าน้อยๆ เท่านั้น สายตามองไปยังเบื้องล่างโดยไม่พูดอะไร

ครืน ฟู่ ฟู่! รอบกายจางอวี่ถง หมอกสีขาววิบวับแต่ละกลุ่มโหมซัดบ้าคลั่ง

มือของเขาเพียงสะบัดไป หมอกขาววิบวับพวกนี้ก็เปลี่ยนรูปกลายเป็นอาวุธตามแต่ปรารถนา

ฟิ้ว! จางอวี่ถงพุ่งไปยังจ้าวเฟิงทันที อาวุธชนิดต่างๆ รอบกายดุจอวัยวะของเขาก็ไม่ปาน ควบคุมได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำการโจมตีไปยังจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงกระตุ้นพลังป้องกันร่างกาย จากนั้นปะทะเข้ากับจางอวี่ถง

เคร้ง เคร้ง เปรี้ยง! รอบกายของจ้าวเฟิงแผ่อัสนีวาววับเย็นเยือกจำนวนหนึ่งออกมาไม่หยุด

สีหน้าของจางอวี่ถงเรียบเฉย พลังอาวุธทุกชนิดรอบด้านค่อยๆ เพิ่มขึ้น การโจมตียิ่งรุนแรงขึ้นอีก

“คนคนนี้รวดเร็ว การโจมตีแข็งแกร่ง ทั้งยังเชี่ยวชาญการป้องกัน จัดการยากนัก…”

สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งเครียดเล็กน้อย กายของเขาทนการโจมตีที่รุนแรงของจางอวี่ถงไม่ค่อยไหว

อีกฝ่ายคือเทพแท้จริงขั้นหก พลังแท้จริงไม่ธรรมดาเลย

วู้ม! จ้าวเฟิงอดขับเคลื่อนพลังตาซ้ายไม่ได้

ทันใดนั้น ตาซ้ายของจ้าวเฟิงลอยเอ่อไปด้วยประกายแสงมายาดุจความฝัน

หลังจากที่กระตุ้นตาซ้ายแล้ว การตอบสนองและการวิเคราะห์ของจ้าวเฟิงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ เมื่อเขาสังเกตวิธีการโจมตีของจางอวี่ถง

วิธีการฝึกฝนของเคล็ดวิชาที่จางอวี่ถงสำแดงก็ปรากฏขึ้นในหัวไม่หยุด

จ้าวเฟิงเชื่อว่า หากรอจนจางอวี่ถงสำแดงเคล็ดวิชานี้ออกมาจนครบถ้วน เขาจะขโมยเคล็ดวิชานี้มาไว้ในมือได้โดยตรง

วู้ม แซ่ด แซ่ด! จ้าวเฟิงเรียนรู้เคล็ดวิชาของจางอวี่ถงพลางสำแดงออกมา

“หืม? นี่มัน…เคล็ดวิชาของข้า!”

จางอวี่ถงเผยสีหน้าตกใจ เขารู้สึกเหมือนจู่ๆ จ้าวเฟิงก็ไม่เหมือนเดิม แต่จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปตระหนก ร้องตะโกนออกมา

หากบอกว่าจ้าวเฟิงฝึกฝนเคล็ดวิชาเหมือนกับเขา เขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด หลังสู้กันอย่างต่อเนื่อง เคล็ดวิชาที่จ้าวเฟิงใช้ออกมาก็ยิ่งคล้ายคลึงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งตาซ้ายของจ้าวเฟิงยังสามารถปรับเคล็ดวิชาให้เหมาะสมอยู่ตลอด ทำให้เคล็ดวิชายิ่งเหมาะกับตนเองมากขึ้น

บนท้องฟ้าและผืนดินเงียบงัน

ไม่มีใครคิดว่าจ้าวเฟิงจะสามารถงัดข้อกับจางอวี่ถงที่เป็นเทพแท้จริงขั้นหกได้

“สายเลือดดวงตาของเขา!” เซี่ยโหวอู่จับจ้องไปยังดวงตาของจ้าวเฟิง

เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายประเภทเดียวกันที่เดี๋ยวมีอยู่เดี๋ยวเลือนหาย

เคร้ง บึ้ม บึ้ม! บนเวทีประลอง แสงอัสนีและแสงประกายถี่ยิบสอดประสานเข้าด้วยกัน

‘จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องเอาชนะมันให้เร็วที่สุด!’ จู่ๆ สีหน้าของจางอวี่ถงก็เคร่งเครียด ทั่วร่างส่องแสงสีขาวเจิดจ้า

ครืน! ร่างของเขาโปร่งแสงดุจผลึกแก้วทันใด สาดประกายแสงพร่างพรายเจิดจ้า พลังสายเลือดมหาศาล กระตุ้นไอสวรรค์ฟ้าดินฟากหนึ่ง

“ใช้สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ ท่าทางเจ้าจะให้ความสำคัญกับข้ามาก หากข้าไม่ลงมือสุดกำลังก็คงไม่ใช่คู่มือของเจ้าจริงๆ!”

เผชิญหน้ากับจางอวี่ถงที่กระตุ้นสายเลือดจนกำลังรบเพิ่มขึ้นเท่าตัว ร่างของจ้าวเฟิงชะงักเล็กน้อย

“หึ!” จางอวี่ถงเพียงแค่นเสียงเย็นเท่านั้น ไม่ได้ฟังคำพูดของจ้าวเฟิง

สำหรับเขา ตนกระตุ้นสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ ทุ่มสุดพลัง จ้าวเฟิงก็พ่ายแพ้แล้ว

แต่ในเวลานี้เอง ร่างของจ้าวเฟิงพลันแผ่รัศมีอำนาจที่น่ากริ่งเกรงออกมา

ครืน ครืน! แสงสายฟ้าห้าสีแต่ละสายสาดออกมาจากร่างของเขา รากฐานเทพในกายของจ้าวเฟิงแผ่กระจายกลิ่นอายขั้นหกออกมา!

“นี่มัน…เทพแท้จริงขั้นหก!” จางอวี่ถงรู้สึกสติพร่าเลือน ยืนอึ้งอยู่กับที่ไปทันใด

ส่วนกลุ่มคนที่อยู่รอบเวที แต่ละคนก็ราวกับคนโง่งม ตะลึงงันอยู่กับที่

ครืน แซ่ด แซ่ด! หลังจากที่จ้าวเฟิงยกระดับพลังถึงเทพแท้จริงขั้นหกแล้ว ความสามารถในทุกๆ ด้านก็เพิ่มพุ่งพรวด

“ไสหัวลงไปซะ!” เขาแปลงเป็นประกายอัสนีสายหนึ่ง รุกโจมตีจางอวี่ถงในชั่วพริบตา

“แย่แล้ว!” สีหน้าของจางอวี่ถงเปลี่ยนไปทันใด ประกายแสงโปร่งใสลอยรอบตัว ผิวกายปรากฏคลื่นลายน้ำ

ครืน บึ้ม! ฝ่ามือเดียวของจ้าวเฟิงเพียงซัดออกไป พลังเทพอัสนีก็ทะลวงผ่านร่างของจางอวี่ถง ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บอะไรให้กับอีกฝ่ายมากนัก แต่พลังกายของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ฝ่ามือเดียวก็ซัดจางอวี่ถงลอยไปไกล

จางอวี่ถง แพ้!

“สวรรค์ จ้าวเฟิงมีพลังฝึกตนถึงเทพแท้จริงขั้นหกเชียวรึ!”

“เขาจะต้องทะลวงเทพแท้จริงขั้นหกได้ในทันทีอย่างแน่นอน!”

“สวรรค์ อัจฉริยะฟ้าประทาน!”

หลังจากเงียบงันไปชั่วครู่ เสียงร้องตกใจก็ดังเซ็งแซ่ไปทั่วทุกทิศ

ทะลวงตำแหน่งเทพขั้นหกได้ในทันที นี่คือเรื่องที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ในตำนาน ในวันนี้พวกเขากลับได้เห็นกับตาตนเอง

จางอวี่ถงนอนอยู่บนพื้น หัวเราะเบาๆ อย่างน่าอนาถ

ครั้งนี้เขาแพ้อย่างสมบูรณ์แล้ว!

บนท้องฟ้าลมเมฆถาโถม เทพโบราณทั้งหลายตื่นเต้นเต็มกำลัง

“บอกเรื่องทุกอย่างของเด็กนี่กับข้า!” ผู้อาวุโสสี่คนนั้นพูดกับผู้อาวุโสข้างกาย

เทพโบราณเหล่านี้สีหน้าค่อนข้างย่ำแย่ พยักหน้าให้ ไม่กล้าปิดบัง พูดทุกอย่างออกไป

สีหน้าผู้อาวุโสสี่เผ่าพันธุ์วิญญาณค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น เทพโบราณที่เหลือราวกับนั่งบนพรมเข็ม ก้มหน้างุด ท่าทางสำนึกผิด

“หึ วันข้างหน้าเด็กผู้นี้คืออันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ข้าจะเป็นคนอบรมเขาเอง!”

ผู้อาวุโสสี่เผ่าพันธุ์วิญญาณแค่นเสียงเย็น

ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณที่เหลือพยักหน้าเออออทันที

บนเวที เบื้องหน้าของจ้าวเฟิงมีหนังสือท้าประลองหลายฉบับลอยอยู่

ศิษย์หลักไม่น้อยด้านล่างเวทีหน้าเปลี่ยนสี

ลึกๆ ในใจพวกเขาเสียใจเป็นที่สุด ในตอนนั้นทำไมถึงต้องฟังแผนของจางอวี่ถง ส่งหนังสือท้าประลองไปให้จ้าวเฟิง

ตอนนี้พวกเขาไม่ใช่คู่มือของจ้าวเฟิง และยิ่งไม่กล้าล่วงเกินอีกฝ่าย

“ช่างเถอะ อ่อนแอเกินไปทั้งนั้น!” จ้าวเฟิงกวาดตามองหนังสือท้าประลองเบื้องหน้า ความคิดขยับเล็กน้อย แสงอัสนีทางหนึ่งวาบผ่าน ทำลายหนังสือท้าประลองเป็นเศษธุลี

เห็นหนังสือท้าประลองถูกทำลาย คนจำนวนไม่น้อยวางใจลง แต่ประโยคนั้นที่จ้าวเฟิงพูดกลับเหมือนกระบี่คมแทงเข้าไปยังหัวใจของพวกเขา หนำซ้ำพวกเขาก็จนปัญญาจะทำอะไร

ในที่สุดเหตุการณ์ท้าประลองก็จบลง

ชื่อของจ้าวเฟิงต้องเลื่องลือไปทั่วเขตเทพสวรรค์หรือกระทั่งทั่วดินแดนเทพรกร้างแน่นอน

ในตอนที่ทุกคนคิดว่าทุกอย่างจะจบลงแล้ว เสียงกังวานก็ลอยมา “จ้าวเฟิง ข้าสนใจในสายเลือดดวงตาของเจ้านัก…”

เห็นเพียงเซี่ยโหวอู่แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตก้าวออกมาอย่างเนิบช้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version