บทที่ 1264 เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า
“นายท่านผู้ปกครอง ได้โปรดรับเผ่าพันธุ์กินเลนเพลิงโลหิตไว้ดูแลด้วยเถิด”
กิเลนแดงที่ยังอยู่ห่างจ้าวเฟิงอีกหลายลี้ค้อมร่างลงน้อยๆ แล้วเอ่ยอย่างนอบน้อม
“…ผู้อาวุโสสูงสุด!” เผ่าพันธุ์กินเลนเพลิงโลหิตแต่ละตัวปากอ้ากว้างตาเบิกโต ยืนอึ้งตะลึงอยู่กับที่ ไม่รู้จะพูดอะไร
ส่วนเผ่าพันธุ์บรรพกาลนับไม่ถ้วนฝั่งจ้าวเฟิงใจสั่นสะท้านรุนแรง สายตาที่มองจ้าวเฟิงร้อนผ่าวขึ้นทันใด
แม้กระทั่งเผ่าพันธุ์กินเลนเพลิงโลหิตยังอยากให้นายท่านรับดูแล นายท่านมีความสามารถเท่าใดเชียว?
ตอนนี้ พวกเขายิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวจ้าวเฟิงมากขึ้น
แม้กระทั่งพวกที่ไม่โดนจ้าวเฟิงลงตราผนึกดวงใจทมิฬก็เคารพนับถือเขาเป็นอย่างยิ่ง ไม่กล้าคิดทรยศแม้เพียงนิด
“เขาเป็นใครกันแน่?” เสี่ยวหลิงจิตใจสั่นสะท้าน ดวงตางามทอประกายระยิบระยับ
จ้าวเฟิงเพิ่งทะลวงขั้นเทพโบราณได้เท่านั้น ส่วนผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตก็คือคนชั้นยอดในบรรดาเทพโบราณ แต่ในตอนนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดกลับร้องขอให้จ้าวเฟิงรับดูแลพวกเขา
สายตาของทุกคนจ้องมายังจ้าวเฟิงทันที
“ผู้อาวุโส ท่านเข้าใจอะไรผิดรึไม่?”
นานหลังจากนั้น จ้าวเฟิงพูดอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร
ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตเป็นถึงเทพโบราณชั้นยอด ถ้าต่อสู้กันซึ่งหน้า จ้าวเฟิงไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้เขากลับนอบน้อมกับตนถึงเพียงนี้ ทำให้จ้าวเฟิงค่อนข้างแปลกใจ
“ผู้อาวุโสสูงสุด เขาเป็นเพียงแค่เทพโบราณ ถึงแม้พลังจะไม่เลว แต่ไม่มีสิทธิแม้กระทั่งจะร่วมมือกับพวกเรา ไยท่าน…”
กิเลนเขาหักพูดขึ้นทันทีหลังจากที่ดึงสติกลับมาได้ สมาชิกเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตที่เหลือก็พยักหน้า
“หุบปาก!” ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตตวาดอย่างโมโห
รัศมีอำนาจรอบกายเขาก่อเป็นพายุคลั่งเมฆเพลิงขนาดใหญ่หอบม้วนออกมา สมาชิกเผ่าทั้งหมดปิดปากเงียบทันที ยืนตัวเหยียดตรงอยู่กับที่
“ท่านคือผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้า ในวันหนึ่งจะต้องพัฒนากลายเป็น ‘นายแห่งเนตรเทพเจ้า’ ที่ปกครองฟ้าดิน!”
กิเลนสีแดงเอ่ยอย่างจริงจัง
เผ่าพันธุ์บรรพกาลทั้งหมดที่นั่นอดรู้สึกเคารพนับถืออย่างสูงไม่ได้
นายแห่งเนตรเทพเจ้า!
นั่นคือคำที่สลักลงในวิญญาณของพวกเขา เป็นตัวแทนพลังแข็งแกร่งที่ครอบครองฟ้าดิน เป็นตัวแทนผู้แข็งแกร่งที่สุดในผืนพสุธา
“หรือว่าคนคนนี้จะพัฒนาเป็นผู้แข็งแกร่งเช่นนั้นได้?”
ดวงตาทั้งสองของเถียหั่วพลันส่องประกาย มองประเมินจ้าวเฟิงอย่างละเอียด
“แต่ว่าดวงตาของเขาไม่ใช่ประเภทไหนเลยในแปดเนตรเทพเจ้า!”
ในใจของเถียหั่วพลันมีคำถามผุดขึ้น
ตอนที่ปะทะกับจ้าวเฟิง เขาได้เห็นถึงความสามารถที่คาดไม่ถึงของเนตรเทพเจ้าอีกฝ่าย แต่พลังนั่นไม่ใช่หนึ่งในแปดเนตรเทพเจ้าแน่นอน
ในใจของคนอื่นๆ ก็เกิดคำถามนี้เช่นกัน
พลังของแปดเนตรเทพเจ้า พวกเขารู้กันบ้างไม่มากก็น้อย แต่ความสามารถที่ตาซ้ายของจ้าวเฟิงสำแดงออกมา เหมือนว่าจะไม่ใช่ประเภทใดเลยในนั้น
หรือว่าจะเป็น…เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า?
“ข้าทายว่าเนตรเทพเจ้าของท่านน่าจะเป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!”
ในตอนนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตพูดอย่างจริงจัง
เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า! ใจของทุกคนสั่นสะท้านรุนแรง!
เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าเป็นสิ่งที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ในผืนพสุธาคาดเดาถึงมาโดยตลอด ใครก็ไม่อาจพิสูจน์ได้ และเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าก็ไม่เคยปรากฏขึ้นมาเลย….
‘เป็นไปไม่ได้ เจ้าเด็กนี่จะเป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าไปได้อย่างไรกัน!’
กิเลนเขาหักปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
นับจากแรกเริ่มกำเนิดแปดเนตรเทพเจ้า ทั่วทั้งปฐพีก็มีผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่ทำนายถึงเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า แต่ผ่านไปไม่รู้กี่ร้อยล้านปี จนแล้วจนรอดเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าก็ไม่ปรากฏขึ้น!
ดังนั้นหลายคนจึงเชื่อว่าไม่มีเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!
“เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า?” จ้าวเฟิงพึมพำเบาๆ
เรื่องนี้ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
“ท่านสัมผัสถึงข้าได้อย่างไร?” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ถามขึ้น
เขารู้สึกว่าผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตตามหาตนอย่างมีจุดประสงค์
เช่นนั้นอีกฝ่ายสัมผัสถึงเนตรเทพเจ้าของตนได้อย่างไร?
“ช่วงก่อนหน้านี้ข้าสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน รู้สึกว่าพลังดั้งเดิมของมิติแห่งนี้เปลี่ยนไป…”
กิเลนสีแดงเล่าตรงๆ โดยไม่ปิดบัง
ที่จริงแล้ว ในตอนนั้นที่จ้าวเฟิงทะลวงขั้นในห้วงฝันบรรพกาล ตาซ้ายแปรสภาพ กิเลนแดงตัวนี้ก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ เขาอาศัยการรับรู้ของตัวเองออกตามหา แต่ว่าตอนที่เขาใกล้จะเจอจ้าวเฟิง จ้าวเฟิงก็ทะลวงขั้นสำเร็จและออกจากห้วงฝันบรรพกาลไปแล้ว ดังนั้นกิเลนแดงจึงให้เผ่าของตนก่อความวุ่นวายในเขตนี้ ลองบีบให้จ้าวเฟิงออกมา
หลังจากที่เจอจ้าวเฟิงแล้วจึงให้เถียหั่วสู้กับจ้าวเฟิงเพื่อพิสูจน์ความคิดของตน อีกทั้งยังยกระดับพลังของเถียหั่วอยู่ตลอด ลองบีบเค้นความสามารถของตาซ้ายจ้าวเฟิงเพื่อพิสูจน์การคาดเดาของเขา
สุดท้ายเขาก็มั่นใจ จ้าวเฟิงคือผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้า!
“ได้โปรดยกโทษให้ข้าที่ใช้วิธีไร้เหตุผลเช่นนี้ด้วย!”
กิเลนแดงเอ่ยอย่างลุแก่โทษ
คนของเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตใจสั่นสะท้านไม่หยุด
ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจ ผู้อาวุโสสูงสุดให้มารุกรานเผ่าพันธุ์บรรพกาลอื่นๆ ที่นี่ก็เพื่อบีบให้จ้าวเฟิงออกมา
แต่ผู้อาวุโสสูงสุดมั่นใจว่าความสามารถเนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงก็คือความสามารถของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าได้อย่างไร?
จุดนี้แม้แต่จ้าวเฟิงก็สงสัยเป็นอย่างมากเช่นกัน
“เนตรเทพเจ้าพัฒนาได้ยาก ในช่วงนั้นอาจพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากมาย เผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตยินดีรับใช้นายท่านผู้ปกครอง!”
หลังจากที่อธิบายจบแล้ว กิเลนแดงก็เอ่ยอย่างเคารพอีกครั้ง
“แน่นอนว่าข้ายินดีรับพวกเจ้าเอาไว้ แต่เจ้าอันตรายเกินไป!” จ้าวเฟิงยิ้มพูดขึ้น
เผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตอย่างน้อยเป็นขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอด หากได้มาเป็นบริวาร จ้าวเฟิงก็ยินดีเป็นอย่างมาก แต่ผู้อาวุโสสูงสุดมีพลังแข็งแกร่งยิ่งนัก จ้าวเฟิงไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายมีแผนร้ายอะไรหรือไม่
เขาจึงไม่วางใจที่จะให้อีกฝ่ายมาอยู่ข้างกายตน
“ข้ายินดีทำพันธะสัญญาโลหิตกับท่าน!”
กิเลนแดงพูดออกมาตรงๆ ราวกับคาดการณ์เอาไว้แล้ว
“ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านจะทำได้อย่างไร?” เผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตพลันตื่นตะลึงเป็นที่สุด
ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาจะลงนามสัญญากับเด็กหนุ่มที่ต่ำต้อย!
หากเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าจริงๆ พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่ประเด็นคือเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าสัมผัสได้แต่ไม่มีตัวตน จะให้คนเชื่อได้อย่างไร
“อีกอย่าง คนในเผ่าพวกนี้ของเจ้าเหมือนว่าจะไม่พอใจข้ามาก ข้าไม่วางใจนัก!”
สายตาของจ้าวเฟิงกวาดไปยังเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตกลุ่มนั้น
“เจ้า…” เผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตแต่ละตัวโกรธเคืองเป็นที่สุด แต่ติดที่อำนาจของผู้อาวุโสสูงสุด เลยไม่กล้าทำเรื่องนอกลู่นอกทาง
“หากนายท่านยินดี สามารถชี้แนะคนในเผ่าของข้าได้ พวกเขาจะต้องเลื่อมใสฝีมือของท่านเป็นแน่!”
กิเลนแดงพูดเชิงขอความคิดเห็น
สายตาของจ้าวเฟิงไหววูบ
เผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตคือขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอด นอกจากเทพโบราณขั้นเจ็ดเช่นเถียหั่ว ในนั้นจะต้องมีเทพโบราณขั้นแปดกระทั่งขั้นเก้าอย่างแน่นอน หรือว่ากิเลนแดงตัวนี้หวังให้ตนเอาชนะเทพโบราณขั้นแปดหรือขั้นเก้า?
แต่ว่าผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตดูเหมือนมั่นใจอย่างเห็นได้ชัดว่าจ้าวเฟิงจะต้องจัดการคนของเผ่าเขาได้
“ได้!” จ้าวเฟิงตอบรับไปก่อนชั่วคราว
เขาจะดูสิว่ากิเลนแดงตัวนี้จะทำอะไร
สมาชิกเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตที่นั่นวางใจลงทันที
แค่เพียงหนึ่งในพวกเข มีคนในเผ่าเอาชนะจ้าวเฟิงได้ ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาก็จะไม่ลงนามพันธะสัญญา
“รอให้ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงในเผ่ามาก่อนเถอะ เจ้าเด็กนี่ต้องแพ้แน่นอน!”
กิเลนเขาหักพูดอย่างเลือดเย็น
เผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตที่นี่เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยส่วนหนึ่งของทั้งเผ่าเท่านั้น ยังมีคนในเผ่าที่อยู่ที่อื่น ทำเรื่องที่พวกเขาทำอยู่ก่อนหน้านี้ คนที่เหลือก็อยู่ในเผ่า
“นายท่านรอสักครู่ อีกไม่นานเท่าใดคนในเผ่าของข้าก็จะตามมาทั้งหมด!”
ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มพูดขึ้น
จากนั้น คนของทั้งสองฝั่งก็หยุดอยู่ที่พื้นที่แห่งนี้ ฝั่งของจ้าวเฟิงอยู่ห่างจากเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตไกลช่วงระยะหนึ่ง อีกฝ่ายพลังน่ากลัวเกินไป หากเข้าใกล้มากเกินคนฝั่งของจ้าวเฟิงรู้สึกไม่ปลอดภัย
“นายท่าน หากข้ามองไม่ผิดแล้วละก็ พลังเนตรเทพเจ้าของท่านน่าจะสามารถควบคุมใช้พลังของฟ้าดินได้!”
ในตอนนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตส่งกระแสเสียงให้จ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ ท่าทางผู้อาวุโสสูงสุดเหมือนจะมีวิธีอะไรดีๆ
“ใช่แล้ว!” จ้าวเฟิงตอบตรงไปตรงมา
ตามการตื่นขึ้นไม่หยุดของเนตรเทพเจ้า อำนาจควบคุมของเขาต่อฟ้าดินผืนนี้เพิ่มขึ้นไม่หยุด
“เนตรเทพเจ้าทุกดวงสามารถครอบครองพลังอย่างหนึ่ง ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเนตรเทพของนายท่านมีพลังชนิดใด แต่ก่อนหน้านี้ข้าเห็นนายท่านควบคุมพลังของฟ้าดินผืนนี้ พลังที่ควบคุมเช่นนั้นแม้แต่ข้าก็ไม่อาจทำได้ คนที่ทำได้…”
ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตเล่าช้าๆ จ้าวเฟิงฟังอย่างละเอียด สิ่งที่อีกฝ่ายรู้มากกว่าเขานัก
“นายท่านลองใช้พลังเนตรเทพเจ้าดั้งเดิมมาควบคุมฟ้าดินผืนนี้ดูได้…”
ผู้อาวุโสสูงสุดพูดความคิดของตน
“บางทีอาจจะเป็นเช่นนี้!” หลังจากจ้าวเฟิงฟังจบก็จมลงสู่ห้วงความคิด
ก่อนหน้าที่เนตรเทพเจ้าของเขายังไม่ตื่นขึ้นสู่ก้าวต่อไป เขาก็ปิดมิติแห่งนี้ ไล่อัจฉริยะของดินแดนเทพรกร้างออกไปด้วยการใช้พลังเนตรเทพเจ้าดั้งเดิม หลังจากนั้นเมื่อเนตรเทพเจ้าตื่นขึ้น ความคิดของจ้าวเฟิงก็สามารถผสานไปกับฟ้าดินของห้วงฝันบรรพกาล ได้รับความสามารถบางอย่างมา เขาจึงไม่ได้ลองใช้พลังเนตรเทพเจ้าดั้งเดิม
“จ้าวเฟิง เผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตนั่นมีปัญหาแน่นอน พวกเขาจะต้องส่งเทพแท้จริงขั้นแปดหรือกระทั่งเทพแท้จริงขั้นเก้ามาอย่างแน่นอน..”
เสี่ยวหลิงเอ่ยอย่างเป็นกังวล
เผชิญหน้ากับเทพแท้จริงขั้นเก้า จ้าวเฟิงจะชนะได้อย่างไร
ฐานะเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าของจ้าวเฟิง นางก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“เจ้าออกไปก่อน ถึงตอนนั้นเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล ข้ามีวิธีหนีอย่างปลอดภัย!”
จ้าวเฟิงเตรียมทดลองทำตามคำพูดเมื่อครู่ของผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิต
วู้ม! ทันใดนั้น ตาซ้ายของจ้าวเฟิงเผยหมอกแสงมายาเป็นประกาย จากนั้นความคิดของเขาพร้อมด้วยพลังเนตรเทพเจ้าดั้งเดิมก็ผสานเข้าไปในฟ้าดิน
ครืน! ตอนนี้เอง ทั่วบริเวณหลายแสนลี้ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดสัมผัสได้ถึงพลังกดดันในฟ้าดินอย่างไม่เคยมีมาก่อน เสี้ยวขณะนี้ ทั้งฟ้าและผืนดินราวกับมีความคิด ทุกความคิดของมันสามารถครอบครองทุกอย่างที่นี่ และตัดสินความเป็นความตายของพวกมันได้
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?”
เผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตทุกคนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัว ประเมินฟ้าดินรอบด้าน พวกเขาพลันรู้สึกเหมือนมีผู้แข็งแกร่งชั้นยอดคนหนึ่งมองพวกตนอยู่
ท้องฟ้าเปลี่ยนไป กดดันเป็นอย่างยิ่ง กลิ่นอายบรรพกาลดั้งเดิมรวมทั้งไอสวรรค์ถูกควบคุมโดยสมบูรณ์แบบจากฝ่ายตรงข้าม
“แตกต่างออกไปนิดหน่อยจริงๆ ด้วย!” มุมปากของจ้าวเฟิงยกขึ้นนิดๆ
ฟุ่บ! เสี้ยวขณะต่อมา ความคิดของจ้าวเฟิงพร้อมด้วยพลังเนตรเทพเจ้าดั้งเดิมกลุ่มนั้นก็กลับสู่ร่าง
“ไม่ผิดคาด พลังเนตรเทพเจ้าดั้งเดิมของคนคนนี้สามารถควบคุมมิติแห่งนี้ได้!”
สายตาของผู้อาวุโสสูงสุดฉายประกายขึ้นเล็กน้อย