Skip to content

King of Gods 1301

King Of Gods

บทที่ 1301 การเข้าร่วมของเผ่าที่แข็งแกร่ง

‘ฮ่าๆ ก็แค่เทพแท้จริงขั้นห้า มิติดั้งเดิมเกรงว่าจะไม่สามารถโอบอุ้มหนองน้ำแห่งความตายระดับนี้ได้ ไม่กลัวว่ามิติมรณะจะถูกทำลายลงไปหรือ?’

เทพโบราณเฮยจี๋หัวเราะเสียงเย็นในใจ ถึงจะเป็นเขาก็ไม่กล้ารีบร้อนเก็บวารีมรณะมากจนเกินไป อย่างไรเสียมิติดั้งเดิมนี้ก็เกี่ยวโยงกับเนตรมรณะ หากได้รับความเสียหายก็จะเท่ากับว่าเนตรมรณะเสียหายไปด้วย

ทว่าในวินาทีถัดมา สีหน้าของเทพโบราณเฮยจี๋ก็ค้างแข็งไป

เห็นเพียงเนตรมรณะของจ้าววั่นโคจรอย่างบ้าคลั่ง ประหนึ่งระลอกน้ำวนสีดำขนาดใหญ่สูบเอาวารีมรณะในสระน้ำไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วในการดูดรับของมันเร็วกว่าเทพโบราณเฮยจี๋ไม่น้อย

‘เป็น…ไปได้อย่างไร เขาไม่กลัวตายหรือ?’

เทพโบราณเฮยจี๋ร่างกายค้างทื่อ ตื่นตะลึงในใจ

อีกด้านหนึ่ง จ้าวเฟิง หลินเฉิงอู่ และสตรีโฉมงามนางนั้นกำลังตรึงกำลังเทพอสูรเนตรมรณะไว้สุดแรง

พวกหลินเฉิงอู่ทั้งสองเองก็พบความพิเศษของจ้าววั่น

เทียบกับเทพโบราณเฮยจี๋แล้ว พวกเขาหวังว่าจ้าววั่นจะได้ครอบครองวารีมรณะส่วนใหญ่มากกว่า

“เทพโบราณเฮยจี๋ เหตุใดเจ้าจึงเชื่องช้าเช่นนี้ ช้าเสียยิ่งกว่าร่างแยกของจ้าวเฟิงเสียอีก!”

สตรีนางนั้นหัวเราะเสียงใส ทำให้สีหน้าของเทพโบราณเฮยจี๋บึ้งตึงไป

จ้าววั่นหัวเราะน้อยๆ ไม่พูดอะไรทั้งนั้น

ถึงแม้ว่าเขาจะทะลวงเทพแท้จริงขั้นห้าได้ไม่นาน แต่เมื่อมีคทาคำสาปมรณะ ได้รับคำแนะนำจากผู้แข็งแกร่งและมีทรัพยากรระดับสูงของห้วงฝันบรรพกาล ในตอนนี้จึงแตะขั้นห้าระดับสุดยอด อยู่ไม่ไกลจากขั้นหกนัก

เขาในตอนนี้ได้รับการยอมรับเบื้องต้นจากคทาคำสาปมรณะ จนสามารถปลดปล่อยพลังบางส่วนของคทาได้แล้ว

ภายในมิติมรณะ

สังเกตได้ว่าทุกครั้งที่วารีมรณะหลั่งไหลเข้าไป เมื่อมันหมุนวนรอบคทาคำสาปมรณะเองแล้วก็จะทะลักเข้าในตัวคทาด้วย

คทาคำสาปมรณะถูกผนึกมาเป็นระยะเวลานาน สูญเสียพลังไปมาก

วารีมรณะพวกนี้เป็นยารักษาของมันในตอนนี้

ในเวลาเดียวกันกับที่ดูดซึมสายน้ำมรณะ คทาคำสาปมรณะยังลดทอนคุณภาพของสายน้ำลงไปส่วนหนึ่งและดูดซึมเข้าไปในมิติมรณะเพื่อให้จ้าววั่นได้ใช้ ระหว่างทั้งสองเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน

‘นี่มันเรื่องอะไรกัน? หรือว่าเนตรมรณะของเขาไปแตะระดับเนตรปฐมเทพแล้ว มิฉะนั้นจะทนไหวได้อย่างไร?’

เทพโบราณเฮยจี๋สังเกตจ้าววั่นอยู่ตลอดเวลา

ก่อนนี้เขาคิดว่าจ้าววั่นไม่ได้เข้าใจเรื่องนี้มากนัก เมื่อครู่นี้จึงดูดซึมอย่างอาจหาญ

แต่นานขนาดนี้แล้ว ฝ่ายตรงข้ามยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ความเร็วในการดูดไม่ลดลงไปแม้แต่น้อย

ตอนนั้นเอง มิติมรณะของเทพโบราณเฮยจี๋มีแนวโน้มว่าจะรับไม่ไหวอีกต่อไป

ผ่านไปอีกสักพัก เทพโบราณเฮยจี๋ก็จำต้องหยุดการดูดซึม ครั้นปรายตามองจ้าวเฟิงแวบหนึ่งแล้วจึงนั่งขัดสมาธิและทำการปรับสมดุลครู่หนึ่ง

แต่ในตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง วารีมรณะในสระน้ำเหลืออีกไม่มากแล้ว ผลึกเสวียนอ้าวมรณะด้านบนมีจำนวนนับไม่ถ้วน

อีกฟากหนึ่ง เทพอสูรเนตรมรณะที่ถูกจ้าวเฟิงและพวกยื้ออยู่ก็ค่อยๆ อ่อนแอลงไป

“มันจะตายแล้ว!” จ้าวเฟิงพึมพำ จากนั้นจึงถอยไปหลายก้าว

หลินเฉิงอู่และสตรีโฉมงามหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย และถอยเข้าไปใกล้สระน้ำอีกหลายส่วน เพื่อรับรองว่าถึงตอนนั้นจะได้ประโยชน์มาไม่น้อย

ในเวลาหนึ่ง คนทั้งสามโจมตีเทพอสูรเนตรมรณะอย่างรุนแรงพร้อมกัน

โครม บึ้ม! ร่างของเทพอสูรเนตรมรณะอับแสงลงไปช้าๆ จากนั้นจึงระเบิดออก

สวบ~ สตรีโฉมงามและหลินเฉิงอู่ทะยานไปบนสระน้ำส่วนที่แห้งแล้วทันที

จ้าวเฟิงแสร้งทำเป็นเข้าใกล้สระน้ำ ดวงตาซ้ายจ้องที่ด้านหลังเทพอสูรเนตรมรณะที่ตายไป ระลอกมิติปรากฏขึ้นช้าๆ ด้านบนระลอกมิติมีผลึกสีเหลี่ยมข้าวหลามตัดสีดำเข้มซึ่งสาดซัดไอมรณะหนาแน่นออกมา

นี่ก็คือผลึกเสวียนอ้าวในร่างเทพอสูรเนตรมรณะตนนั้น แต่ด้วยดวงตาของจ้าวเฟิงจึงสามารถมองเห็นว่าในผลึกชิ้นนี้มีวัตถุทรงกลมคล้ายดวงตาอยู่

จ้าวเฟิงกำลังจะเก็บเอาผลึกสี่เหลี่ยมนั้นเอาไว้

แต่ร่างเทพโบราณเฮยจี๋กลับปรากฏขึ้นใกล้เคียง เขาตะปบกรงเล็บขุดลึกลงไป กลุ่มหมอกควันสีดำบนนั้นหมุนวนจนเกิดแรงดึงดูดมหาศาล ดึงผลึกเสวียนอ้าวชิ้นนั้นให้หลุดออกจากอาณาเขตของจ้าวเฟิง

“เป้าหมายของคนผู้นี้คือ…”

จ้าวเฟิงสีหน้าเคร่งขรึมลงไป ก่อนจะใช้เสวียนอ้าวมิติไหววูบกายเข้าไป

เพราะเขามีดวงตาข้างซ้ายจึงพบว่าผลึกสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดสีดำชิ้นนี้ค่อนข้างพิเศษ ถึงอยากได้มันมาครอบครอง แต่เป้าหมายตั้งแต่แรกของเทพโบราณเฮยจี๋เหมือนจะเป็นผลึกเสวียนอ้าวในเทพอสูรตนนั้นมาโดยตลอด

ฟิ้ว! จ้าวเฟิงทอวูบไหวกายต่อเนื่อง ชิงเข้าใกล้ผลึกสี่เหลี่ยมก่อนแล้วคว้าเอาไว้ได้ในครั้งเดียว

“สหายจ้าวมีวิชาดีจริงๆ!”

เทพโบราณเฮยจี๋เห็นจ้าวเฟิงได้ผลึกเสวียนอ้าวชิ้นนั้นไปแล้วจึงไม่ได้ลงมือซ้ำอีก

อีกฟากหนึ่ง หลินเฉิงอู่และสตรีโฉมงามก็หยุดชะงักมองจ้าวเฟิงและเทพโบราณเฮยจี๋

“จ้าวเฟิง เจ้าได้อะไรมา?”

“พวกเราสี่คนร่วมมือกันเป็นการชั่วคราว เจ้าคิดจะฮุบของเอาไว้คนเดียวหรือ?”

ทั้งสองย่อมรู้ว่าตนเองน่าจะพลาดสมบัติที่ล้ำค่ากว่าไปเสียแล้ว

“นี่คือผลึกเสวียนอ้าวในร่างเทพอสูรตนนั้น ระดับขั้นน่าจะสูงกว่าผลึกเสวียนอ้าวในสระน้ำไม่น้อย ถ้าหากเจ้ายินดียกผลึกเสวียนอ้าวชิ้นนี้ให้กับข้า ข้าก็ไม่ต้องการผลึกเสวียนอ้าวพวกนั้นแล้ว!”

จ้าวเฟิงไม่หวาดระแวงแต่อย่างใด เอาผลึกเสวียนอ้าวที่เพิ่งได้มาเมื่อครู่ออกมาทันที

เมื่อเอ่ยจบจ้าวเฟิงก็มองที่เทพโบราณเฮยจี๋

ในสายตาของทุกคน ผลึกเสวียนอ้าวในมือจ้าวเฟิงเป็นดังที่เขาพูดเอาไว้ ก็แค่ระดับขั้นสูงกว่าผลึกเสวียนอ้าวชิ้นอื่นๆ เท่านั้น แต่เหมือนเทพโบราณเฮยจี๋รู้อะไรบางอย่าง แค่ต้องดูว่าเขาจะยอมเปิดปากบอกหรือไม่ หากเขาไม่พูด อีกทั้งสองคนก็คงไม่ต่อต้านอะไร ผลึกเสวียนอ้าวชิ้นนี้ก็จะตกเป็นของจ้าวเฟิง

แต่สุดท้ายสิ่งที่เทพโบราณเฮยจี๋พูดกลับทำให้จ้าวเฟิงประหลาดใจ

“ข้าไม่มีความเห็น!” เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

แต่ในใจเขากลับหัวเราะ ‘ทั้งหมดที่นี่ถือว่าพวกเจ้าได้ไปแค่ชั่วคราวเท่านั้น พอถึงเวลานั้นแล้วก็จะตกเป็นของข้า!’

หลินเฉิงอู่และสตรีโฉมงามไม่จำเป็นต้องใช้ผลึกเสวียนอ้าวพวกนี้ พวกเขาเพียงแต่สนใจมูลค่าของผลึกเสวียนอ้าวเท่านั้น หลังจากชั่งน้ำหนักในใจแล้ว พวกเขาก็ตอบตกลงไปในที่สุด

พวกเขารู้สึกว่าต้องขัดขวางเทพโบราณเฮยจี๋ให้ถึงที่สุด ในเมื่อเทพโบราณเฮยจี๋ไม่ไยดีอะไร พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องบีบคั้นจ้าวเฟิงอีก

ในที่สุด จ้าวเฟิงจึงได้ผลึกเสวียนอ้าวที่พิเศษชิ้นนั้นมาครอบครอง

ก่อนที่จะเก็บมันเข้าไปในมิติเก็บของ จ้าวเฟิงโคจรดวงตาซ้ายเล็กน้อยเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด เขาจึงพบว่าในผลึกเสวียนอ้าวมีเนตรมรณะข้างหนึ่งซ่อนอยู่!

‘หรือว่าหลังจากผู้แข็งแกร่งที่นี่ตายลง เนตรเทพเจ้าก็เจอเหตุการณ์บางอย่างจนกลายเป็นเทพอสูร?’

จ้าวเฟิงครุ่นคิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไม่สนใจอีก

ถึงแม้ว่าเขาได้มาเพียงผลึกเสวียนอ้าวที่พิเศษชิ้นนี้ แต่เมื่อครู่จ้าววั่นดูดซึมวารีมรณะสีดำจำนวนมากมา โดยรวมแล้วผลเก็บเกี่ยวของจ้าวเฟิงมากที่สุดในบรรดาคนที่ไปด้วยกัน

ผลึกเสวียนอ้าวมรณะในสระน้ำถูกคนอื่นๆ สามคนแบ่งกันไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงสิ่งของผุพังส่วนหนึ่งที่คล้ายคลึงกับสมุนไพรแห้งกรอบ หรือไม่ก็หินแร่ที่ไม่มีพลังเท่านั้น

“ไปกันเถอะ ด้านหน้ามีทางเดิน น่าจะไปถึงจุดสำคัญแห่งอื่นได้!”

เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ยขึ้นมาในทันที ก่อนจะเดินนำลิ่วอยู่ด้านหน้า

ทว่าตอนที่เพิ่งเข้าไปในอุโมงนั้นเอง เทพโบราณเฮยจี๋ก็ชะงักฝีเท้าแล้วจึงเดินไปทีละก้าว

“ก่อนหน้านี้กับดักกลไกระหว่างทางถูกข้ากำจัดไปหมดแล้ว ดังนั้นเลยเดินกันได้ตามสะดวก แต่ต่อไปนี้ต้องระมัดระวังแล้ว พวกเจ้าอย่าไปแตะโดนอะไรเข้าก็แล้วกัน!”

เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ยอย่างเคร่งขรึม

คนอื่นๆ ที่เหลือผงกศีรษะ พวกเขาไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้ใด แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าจะต้องมีฝีมือสูงส่งกว่าพวกเขาตอนนี้มากนัก พวกเขาแน่ใจอย่างยิ่งว่ากับดักกลไกที่นี่สามารถสังหารพวกตนได้ทันที หากไม่ใช่เพราะเทพโบราณเฮยจี๋ชำนาญค่ายกลและกลไก พวกเขาอาจจะถอดใจไม่สำรวจต่อก็ได้ เดินทางต่อไปไม่นานนักก็ปรากฏทางเดินหลายสาย แต่ทุกคนไม่รู้จักทิศทางที่นี่ จึงจำต้องให้เทพโบราณเฮยจี๋เป็นคนเลือก

ระหว่าทาง ทุกคนเดินผ่านห้องใหญ่น้อยมากมาย มีบางส่วนที่ถล่มไปแล้ว แต่ภายในยังคงมีเทพอสูรบางตนซุกซ่อนอยู่

ในมิติบางส่วนทุกคนก็เจอทรัพยากรล้ำค่าที่มีเสวียนอ้าวมรณะแฝงอยู่

“หรือว่าที่นี่คือสถานที่ซึ่งทายาทเนตรมรณะผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งอาศัยอยู่?”

สตรีวงหน้างามนางนั้นเอ่ยด้วยสีหน้าออกจะเหนื่อยหน่าย สำรวจมาจนถึงตอนนี้ สิ่งที่ทุกคนเจอล้วนแต่เป็นของที่เกี่ยวกับเสวียนอ้าวมรณะทั้งสิ้น จึงทำให้นางหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง

“น่าจะเป็นไปไม่ได้ ที่ด้านนอกก่อนนี้พวกเราก็เจอเทพอสูรที่มีเสวียนอ้าวชีวิตหรือเสวียนอ้าวทำลายล้างไม่น้อย…”

หลินเฉิงอู่เอ่ยเสียงเรียบ

“ทุกท่าน ซากปรักหักพังแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก อย่าได้รีบร้อนไป!”

เทพโบราณเฮยจี๋หัวเราะน้อยๆ

ทุกคนผงกศีรษะ อย่างน้อยๆ ตอนที่มองมาจากด้านนอกซากปรักหักพังแห่งนี้ก็มโหฬารจริงๆ แต่เพราะอุปสรรคจากค่ายกลและกลไก จึงทำให้ทุกคนดินทางเชื่องช้ามาก พื้นที่ที่สำรวจแล้วน่าจะไม่ถึงหนึ่งในร้อยของซากปรักหักพังแห่งนี้ด้วยซ้ำ

ในขณะนี้เอง เหนือซากปรักพัง

มีเงาเกือบสิบร่างโบยบินใกล้เข้ามา ร่างของคนเป็นผู้นำตระหง่านดุจเจดีย์ นัยน์ตาสีทองแน่วแน่ห้าวหาญอย่างยิ่ง

“เทพโบราณจวี้หลิง มันอยู่ด้านล่างนี้เอง!”

ชายหนุ่มผิวทองคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างยิ้มพลางเอ่ย

คนผู้นี้ก็คือเทพโบราณหลิวจินผู้ที่เกือบจะเอาชนะทุกคนที่เหลือของเผ่าพันธุ์วิญญาณตอนงานประลองเดิมพันของสองเผ่า

“แหล่งกำเนิดพลังทำลายล้างในร่างข้าก็ได้มาจากโอกาสของซากปรักหักพังแห่งนี้ แต่กลไกภายในซับซ้อนยิ่งนัก ข้าไม่สามารถสำรวจต่อได้…”

เทพโบราณหลิวจินเอ่ยต่อ

ก่อนนี้เขาออกเดินทางเพื่อฝึกฝีมือ แล้วเข้ามาในนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ได้โอกาสต่างๆ จนทะลวงผ่านขั้นเทพโบราณ จนสุดท้ายกลับไปที่เผ่าถึงกลายเป็นอาวุธสังหารของการประลองสองเผ่า เสียดายก็แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ให้กับจ้าวเฟิง

“ครั้งนี้พวกเราเตรียมตัวมาดี อย่างน้อยๆ น่าจะสามารถขุดเอาสมบัติจากมิติแห่งนี้มาได้มากแน่!” เทพโบราณจวี้หลิงเอ่ยเสียงต่ำ

“ข้าเองก็เคยสำรวจซากปรักหักพังของเผ่าความลับสวรรค์มาหลายแห่ง!”

ชายชราชุดคลุมยาวสีม่วงข้างเขายิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ และในเวลานี้เอง เทพอสูรจำนวนมากพากันกรูเข้ามาจากรอบทิศ

“รนหาที่ตาย!” เทพโบราณจวี้หลิงร่างสะท้าน แก่นแท้พลังเขย่าฟ้า เพลิงสีทองเต้นระเร่าอย่างบ้าคลั่ง

พายุเพลิงทองปั่นป่วนหมุนกวาดไปทั่วทุกทิศ พัดวนจนเศษหินและเศษซากปรักหักพังกระจายออกไปทั่วบริเวณ

เทพอสูรที่พลังต่ำกว่าเทพแท้จริงขั้นเจ็ดยังไม่ทันเข้าใกล้กลุ่มคน ก็ถูกพลังที่รุนแรงดังกล่าวซัดจนแหลกเป็นผุยผง

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

เทพอสูรค่อนข้างแข็งแกร่งตัวที่เหลือรู้สึกถึงอันตรายที่มาจากเทพโบราณจวี้หลิงอย่างลึกซึ้ง จนเกิดความหวาดกลัวขึ้น

ยามนั้น นิ้วสีทองของเทพโบราณจวี้หลิงชี้ไปอย่างต่อเนื่อง

เปรี๊ยะ! เพลิงสีทองวาวระยับหลายเส้นสายพุ่งทะยานออกมา ทะลวงผ่านร่างของเทพอสูรตนอื่นๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่โดยพลัน

“อ๊าก…” เพลิงสีทองลุกโชนทั่วร่างของพวกมัน ร่างกายค่อยๆ แหลกละเอียดจนสุดท้ายกลายเป็นฝุ่นธุลี

‘เทพโบราณขั้นแปด ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!’

เทพโบราณหลิวจินตื่นตะลึงในใจ

“เตรียมสำรวจกันเถอะ!” เทพโบราณจวี้หลิงเอ่ยเสียงเรียบหลังจากจัดการทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว

“เหมือนว่าก่อนนี้จะมีคนเคยมาที่นี่แล้ว!”

หลังจากที่ชายชราชุดม่วงสังเกตรอบบริเวณแล้วก็กล่าวเสียงต่ำ

“แบบนี้ก็ดี ให้พวกเขาล่วงหน้าไปสำรวจก่อน…”

เทพโบราณจวี้หลิงเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งเฉย จากนั้นทางฝั่งเผ่าเปลวทองถึงเจอปากทางเข้าและพากันเดินเข้าไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version