บทที่ 1304 กำราบเจ้าแมวขโมย
“เจ้าแมวตัวนี้? เป็นไปได้อย่างไรกัน…”
เหล่าทายาทเนตรเทพเจ้าที่ทะยานไปหาเจ้าแมวขโมยตัวน้อยเบิกตากว้าง นัยน์ตาแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างไม่มีสิ้นสุด
เห็นๆ อยู่ว่าวิชาดวงตาของหลินเฉิงอู่พุ่งโดนเจ้าแมวขโมยตัวน้อย แต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยความเสียหายใดๆ เอาไว้เลย หนำซ้ำเจ้าแมวขโมยไม่ได้มีการป้องกันร่างกายที่ชัดเจน แถมไม่ได้ใช้ท่าร่างที่สูงส่งอะไรหลบหลีกด้วยซ้ำ
วิชาดวงตาสายมิติกระบวนท่านี้พุ่งผ่านร่างของมันไปอย่างคาดคิดไม่ถึง
“หรือว่าร่างเจ้าแมวขโมยตัวนี้จะไม่ใช่ร่างจริง?”
สตรีโฉมงามนางนั้นพึมพำอย่างตื่นตกใจ
สีหน้าชายชราชุดเขียวเคร่งขรึมเล็กน้อย เหมือนมองเห็นอะไรบางอย่าง
“ไม่ใช่ เจ้าแมวขโมยตัวนี้ครอบครองเสวียนอ้าวมิติที่สูงส่งอย่างยิ่ง!”
หลินเฉิงอู่มองเจ้าแมวขโมยน้อยด้วยความจริงจัง
กระบวนท่าโจมตีเมื่อครู่เขาเป็นคนปลดปล่อยออกมา แล้วตัวเขาเองก็ครอบครองเนตรมิติด้วย ดังนั้นจึงมีแต่เขาที่เข้าใจเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างชัดเจน ดูผิวเผินแล้วเหมือนคมดาบมิติแวววาวเมื่อครู่พุ่งผ่านมาจากร่างเจ้าแมวขโมยตัวน้อยไป แต่ที่จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น
ในวินาทีที่คมดาบปะทะโดนร่างเจ้าแมวขโมย มันก็ใช้เสวียนอ้าวมิติที่สูงส่งย้ายคมดาบจากอีกฝั่งไปยังอีกฝั่ง
ในสายตาคนนอก คมดาบสีขาวสายนี้จึงเหมือนทะลุผ่านร่างเจ้าแมวขโมยไปโดยตรง นี่ก็คือความสามารถในการเคลื่อนย้ายมิติระยะสั้น หลินเฉิงอู่เองก็ทำเป็นเช่นกัน แต่เจ้าแมวขโมยกลับทำอะไรที่โดดเด่นกว่านั้น มันสำแดงเสวียนอ้าวมิติออกมาได้เลือนรางมาก คนที่เสวียนอ้าวมิติค่อนข้างต่ำไม่อาจสังเกตเห็น
หากมองจากด้านนี้แล้ว ความสามารถในด้านมิติของเจ้าแมวขโมยน้อยเหมือนจะร้ายกาจกว่าหลินเฉิงอู่ผู้มีเนตรมิติด้วยซ้ำไป
“ที่แท้แล้วเป็นแบบนี้นี่เอง เจ้าแมวขโมยตัวนี้ร้ายกาจอะไรเช่นนี้”
บุรุษหนุ่มชุดเหลืองมองประเมินเจ้าแมวขโมยตัวน้อยอย่างตื่นตกใจ
“เหอะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ สมบัติสำหรับฝึกตนทั้งหมดในกล่องผลึกคงโดนเจ้าแมวขโมยตัวนี้กินไปจนหมดแน่!”
ชายชราชุดเขียวแค่นเสียงต่ำ เมื่อเอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมา ทุกคนต่างมีสีหน้าดูไม่ได้ทั้งสิ้น พวกเขาเป็นทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งสิ้น เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเทพโบราณเลื่องชื่อ แต่ในตอนนี้กลับถูกเจ้าแมวขโมยตัวน้อยปั่นหัวขนาดนี้ อันที่จริงก็ชวนให้เคียดแค้นอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียทุกคนต่างก็เป็นเทพโบราณ คนอายุน้อยที่สุดอย่างบุรุษหนุ่มชุดเหลืองก็ยังมีอายุหลายร้อยปี ส่วนชายชราชุดเขียวนั้นเกรงว่าจะมีอายุเป็นพันเป็นหมื่นปีแล้ว
แววตาพวกเขาโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง ครุ่นคิดวางแผนอย่างรอบคอบ
เมื่อเปรียบกับสมบัติฝึกตนที่นี่ ถ้าหากสามารถสยบเจ้าแมวน้อยตัวนี้ได้ ก็ย่อมจะได้ประโยชน์มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
“ยกแมวขโมยตัวนี้ให้ข้าจัดการเถอะ!”
ร่างชายชราชุดเขียวพุ่งทะยานออกไปทันที บีบเข้าไปใกล้เจ้าแมวขโมยตัวน้อยในกล่องผลึก
‘จะปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จไม่ได้!’
สตรีโฉมงามมีสีหน้าร้อนรน
นางย่อมล่วงรู้ความคิดของชายชราชุดเขียว
“เทพโบราณเฮยจี๋?”
หลินเฉิงอู่มองเทพโบราณเฮยจี๋เล็กน้อย
เหมือนว่าตั้งแต่เจ้าแมวขโมยน้อยปรากฏตัว เทพโบราณเฮยจี๋ก็เปลี่ยนไปไม่พูดจา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ส่วนเทพโบราณเสวียนหมัวที่อยู่อีกด้านเหมือนตกอยู่ในสภาพเดียวกัน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขายังพบว่าสีหน้าจ้าวเฟิงค่อนข้างประหลาด
สวบ! สวบ! ยามนี้เอง ชายชราชุดเขียวและกายวัฏสงสารของสตรีโฉมงามก็ไปถึงข้างเจ้าแมวขโมยตัวน้อย
“เจ้าแมวน้อย เจ้าลอบกินสมบัติของพวกเราไปมากเพียงนี้ หากไม่ติดตามข้า เจ้าจะต้องตายวันนี้แน่นอน!” ดวงตาสีทองของชายชราชุดเขียวสาดซัดกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงที่ทำลายล้างฟ้าดินออกมา หนำซ้ำแรงกดดันจากกลิ่นอายกลุ่มนี้ยังส่งผลต่อขั้นวิญญาณโดยเฉพาะ
สิ่งมีชีวิตทั่วๆ ไป หากอยู่ภายใต้แรงกดดันวิญญาณจากพลังทำลายล้างกลุ่มนี้ พลังวิญญาณจะอ่อนกำลังลงไปช้าๆ จนสุดท้ายต้องยอมศิโรราบต่อฝ่ายตรงข้าม แต่เหมือนเจ้าแมวขโมยตัวน้อยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ มันก็แค่มองชายชราชุดเขียวอย่างหยามเหยียด ก่อนจะกระโจนไปอีกทางแล้วกลืนสมบัติสองสามชิ้นลงท้องไปอีก
“เป็นไปได้อย่างไร คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าแมวขโมยตัวนี้จะเมินเฉยต่อแรงกดดันวิญญาณจากเนตรดับสูญ!”
ชายชราชุดเขียวมุมปากกระตุกเบาๆ
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองทะลุผ่านไป เขาพบว่าเมื่อครู่บนกายวิญญาณของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยปรากฏม่านสีเข้มประหลาดชั้นหนึ่ง ปกคลุมวิญญาณของมันเอาไว้ภายใน
เป็นเพราะเคล็ดวิชาป้องกันวิญญาณที่ลึกลับนี้ ถึงทำให้เจ้าแมวขโมยตัวน้อยไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ก่อนนี้เจ้าแมวขโมยไม่รู้เคล็ดวิชาวิญญาณประเภทนี้ด้วย…
“ฮึๆ จะกำราบสัตว์ไม่ได้ทำเช่นนี้!” สตรีโฉมงามด้านหลังหัวเราะเสียงใส
และในเวลานี้เอง นางควบคุมกายวัฏสงสารให้ร่อนลงข้างๆ เจ้าแมวขโมยตัวน้อย
เทพโบราณผู้หนึ่งกำกระบี่เอาไว้ ก่อนเอ่ยตามคำสั่งของสตรีโฉมงามว่า “เจ้าแมวน้อย หากเจ้ายินดีติดตามเจ้านายข้า ในภายหน้าจะมีสมบัติเช่นนี้อีกนับไม่ถ้วน เจ้าอยากกินเท่าไหร่ก็มีเท่านั้น…”
เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโบกกรงเล็บอย่างหงุดหงิด เหมือนกำลังจะบอกว่าตนเองกำลังกินอาหารอยู่ อย่ามารบกวนมัน
ถัดจากนั้นบุรุษหนุ่มชุดเหลืองและหลินเฉิงอู่ก็ผลัดกันลงมือ ทดลองกำราบฝึกเจ้าแมวขโมยลึกลับที่แข็งแกร่งตัวนี้
สุดท้ายทุกคนก็โดนปฏิเสธทั้งนั้น แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมถอดใจ
ในความรู้สึกของทุกคน เจ้าแมวขโมยตัวนี้จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตในซากปรักหักพังเนตรเทพเจ้าแห่งนี้แน่ หนำซ้ำยังแข็งแกร่งและมีความสามารถพิเศษเฉพาะด้วย
เมื่อกำราบมันแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะได้ข้อมูลสำคัญอะไรจากปากมันก็เป็นได้
“ให้ข้าจับเจ้าเสีย!”
บุรุษหนุ่มชุดเหลืองเกรี้ยวกราดเล็กน้อย โคจรเคล็ดวิชาเพื่อลองจับเจ้าแมวขโมย
แล้วจึงเห็นเถาวัลย์เขียวเส้นเหนียวที่บิดเบี้ยวผุดขึ้นรอบๆ มิติแห่งนี้ ก่อนตรงดิ่งไปรัดรั้งเจ้าแมวขโมยตัวน้อยอย่างรวดเร็ว
เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยที่กำลังกินโอสถต่างๆ เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ สีหน้าของมันก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
ทันทีทันใด อักขระและสัญลักษณ์สีเงินลึกลับบนขาทั้งสี่ของมันก็ขยับบิดเบี้ยว ร่างกายของมันเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แข็งแกร่งและทรงพลังมากขึ้น
ในเวลาเดียวกัน ทุกคนในที่นี้ต่างก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากสายเลือดที่เขย่าฟ้าดินกลุ่มนั้นอีกครั้ง
“ช่างเป็นพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งเหลือเกิน ข้าจะต้องครอบครองเจ้าแมวตัวนี้ให้ได้!”
ชายชราชุดเขียวมีสีหน้าตื่นเต้นเหลือประมาณ
ฟุ่บ ฟุ่บ! กรงเล็บเจ้าแมวขโมยน้อยแหลมคมและเป็นสีเงินเข้มมากขึ้น มันโบกกรงเล็บส่งๆ กลางอากาศก็พลันปรากฏคมดาบสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วน ประหนึ่งพายุคลั่งที่สว่างแสบตา ทำลายล้างเถาวัลย์ทั้งหมดได้ราวกับมีชีวิต
“พวกเจ้าไม่ลองดูหรือ?” สตรีโฉมงามมองจ้าวเฟิงและเทพโบราณเฮยจี๋
นอกจากจ้าวเฟิง เทพโบราณเฮยจี๋ และเทพโบราณเสวียนหมัว คนอื่นที่เหลือลองกำราบเจ้าแมวขโมยตัวน้อยหมดแล้ว
“เจ้าแมวตัวนี้…ยากจะกำราบได้!” เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ยด้วยสีหน้าสงสัย
สตรีโฉมงามผงกศีรษะ ในความรู้สึกของนาง เทพโบราณเฮยจี๋กำลังสังเกตหาจุดอ่อนของเจ้าแมวขโมยแล้วค่อยลงมือ และตอนนี้เอง เจ้าแมวขโมยตัวน้อยจัดการฮุบสมบัติฝึกตนทั้งหมดในกล่องผลึกไปแล้ว
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้านี่จะกินทรัพยากรล้ำค่าทั้งหมดไปแล้ว!”
บุรุษหนุ่มชุดเหลืองโกรธจนกระทืบเท้า
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยมีสีหน้าชั่วร้าย ดื้อด้านอย่างยิ่ง แผนการกำราบของพวกเขาไม่ก้าวหน้าแต่อย่างใด แต่ในตอนที่พวกเขาจะชิงสมบัติฝึกตนในกล่องผลึกมา ยังต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากเจ้าแมวขโมยตัวน้อยอีก
เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยเหมือนกินอิ่มแล้ว มันเรอพลางลูบพุง
“เจ้าแมวตัวนี้กินอิ่มแล้ว บางทีอาจจะยังพอมีโอกาสสยบมันได้!”
แววตาชายชราชุดเขียวเปล่งประกาย
คนอื่นก็คันไม้คันมืออยากลอง สมบัติถูกเจ้าแมวตัวนี้กลืนกินลงไปหมด หากใครกำราบเจ้าแมวขโมยตัวนี้ได้สำเร็จ ก็จะกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด
ทว่าตอนนี้เอง จ้าวเฟิงที่ไม่พูดจามาตลอดก็เปิดปากเอ่ย
“มานี่!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย
เจ้าแมวขโมยตัวนี้พอออกมาก็เก็บสมบัติเข้าปากไปหมด และคนอื่นๆ ก็ทำทุกวิถีทางเพื่อประจบประแจงมัน
“ฮ่าๆ เจ้าเรียกมันมามันก็จะมาอย่างนั้นเรอะ?”
บุรุษหนุ่มชุดเหลืองหัวเราะเย้ยหยัน
“น้องชาย วิธีการกำราบสัตว์ของเจ้าใช้ไม่ได้นะ!” สตรีโฉมงามหัวเราะเสียงละมุน
แต่เจ้าแมวขโมยในกล่องผลึกกลับผุดลุกยืน
พรึ่บ! แสงสีเทาสว่างวาบผ่านไป เจ้าแมวขโมยน้อยปรากฏตัวขึ้นบนบ่าจ้าวเฟิง จากนั้นจึงนอนซบอยู่บนนั้น
“นี่มัน…” ชายชราชุดเขียวและหลินเฉิงอู่ที่เชื่อมั่นในตนเองและเยือกเย็นมาโดยตลอดต่างยืนค้างแข็งราวท่อนไม้ ไม่รู้จะพูดอะไร
ส่วนบุรุษหนุ่มชุดเหลืองและสตรีโฉมงามกลายเป็นหินไปแล้ว สีหน้าตะลึงค้าง
เทพโบราณเฮยจี๋และเทพโบราณเสวียนหมัวจ้องจ้าวเฟิงด้วยใบหน้าตื่นตะลึง ความคิดหมุนวนเต็มหัว หลังจากนั้นสักพัก แววตาชายชราชุดเขียวทอประกาย
“เจ้าหนุ่ม มันคือสัตว์เลี้ยงของเจ้าหรือ?”
ชายชราชุดเขียวตะโกนด้วยความโกรธแค้น
“อะไรนะ?” ทุกคนที่เหลือจ้องจ้าวเฟิงอย่างตกตะลึง และมีท่าทีเหลือจะเชื่อ
แต่ในความเป็นจริง ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่มากพอจะแสดงให้เห็นว่าเจ้าแมวขโมยเป็นสัตว์เลี้ยงของจ้าวเฟิงแล้ว นั่นแปลว่าสมบัติมากกว่าเก้าส่วนในกล่องผลึกทั้งสองถูกครอบครองโดยนายของสัตว์วิเศษ
ทุกคนไม่อาจรับในจุดนี้ได้
“จ้าวเฟิง สัตว์เลี้ยงของเจ้าฮุบเอาผลประโยชน์ทั้งหมดที่เหลือไป ในฐานะที่เป็นเจ้านายของมัน เจ้าต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!”
บุรุษหนุ่มชุดเหลืองแผดเสียงลั่น
หลินเฉิงอู่และสตรีโฉมงามอยากจะแสดงท่าทีเห็นด้วย แต่พวกเขาทำได้อย่างมากก็เพียงอยู่รวมกลุ่มกับจ้าวเฟิงเอาไว้ จึงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรชัดเจน
“ช่วงชิงสมบัติต้องอาศัยความสามารถของแต่ละคน ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่สัตว์เลี้ยงของข้าลงมือ ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเจ้ายังแย่งมันไม่ไหว หนำซ้ำในสายตาของข้า พวกเจ้าเองก็จงใจปล่อยให้มันกลืนกินสมบัติ เพราะเจตนาที่แท้จริงคือต้องการแย่งชิงสัตว์เลี้ยงของข้าไป!”
จ้าวเฟิงทอดถอนใจน้อยๆ มีนัยดูแคลนผู้อื่น จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนน้ำเสียง ถามคนพวกนี้ที่อยากช่วงชิงสัตว์เลี้ยงของเขา
ทันใดนั้น ทุกคนต่างไม่รู้จะพูดอะไร
พวกเขาถึงขั้นโกรธเกรี้ยวอย่างมาก เมื่อครู่ถ้าหากตกลงกันเป็นผลสำเร็จให้เร็วกว่าสักหน่อย จ้าวเฟิงในตอนนี้ก็น่าจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง
ในเวลาเดียวกัน ทุกคนยังหัวฟัดหัวเหวี่ยง คิดไม่ถึงเลยว่าแมวลึกลับที่ทรงพลังเช่นนั้นจะเป็นสัตว์วิเศษของจ้าวเฟิง
ส่วนเทพโบราณเฮยจี๋และเทพโบราณเสวียนหมัวทำแค่จ้องจ้าวเฟิง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“พวกเราไปกันเถอะ!”
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เทพโบราณเสวียนหมัวจึงพากลุ่มคนจากที่นี่ไป
หลินเฉิงอู่และสตรีโฉมงามมองไปที่จ้าวเฟิงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“จ้าวเฟิง เจ้ามีสมบัติขนาดนี้ ทำไมไม่เอาออกมาให้เร็วกว่านี้…”
เทพโบราณเฮยจี๋เอ่ยเชิงตำหนิ แต่ที่จริงแล้วกำลังลองหยั่งเชิงเจ้าแมวขโมยตัวน้อย
“เจ้าตัวนี้ไม่ค่อยเชื่อฟังเท่าไหร่นักหรอก” จ้าวเฟิงอธิบายส่งๆ
แต่ทุกคนกลับเชื่อในเหตุผลนี้
“พวกเราไปกันเถอะ!” เทพโบราณเฮยจี๋ไม่ได้ข้อมูลอะไร จึงโพล่งขึ้นมา
“ช้าก่อน ในนี้ยังมีของดีอยู่!” จ้าวเฟิงขวางคนอื่นเอาไว้
“ยังมีของดีอีกหรือ?” หลินเฉิงอู่มีท่าทีไม่เชื่อถือนัก
หากมีของดี ไยจ้าวเฟิงจึงไม่เก็บเอาไว้เอง?
จ้าวเฟิงเดินไปที่มุมหนึ่งภายใต้สายตาจับจ้องจากทุกคน มือทั้งคู่ของเขารวมพลังเทพรวมศูนย์กลุ่มหนึ่งขึ้น ส่งไปกระแทกที่ขอบของซากปรักหักพังเหล็กสีเงิน หลังจากโจมตีไปหลายครั้ง ขอบของซากปรักหักพังขนาดยักษ์นั้นถูกตัดไปชิ้นหนึ่ง จนสิ่งของชิ้นหนึ่งโผล่ออกมา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ามือข้างหนึ่ง
“นี่คือมือหรือ? ในนี้ยังมีคนอีกหรือ?” สตรีโฉมงามตะลึงงัน
“ไม่ใช่ นี่มันหุ่นเชิดกลไก!”
เทพโบราณเฮยจี๋เองก็มีสีหน้าตกใจ เปิดปากเอ่ยในทันที
ทุกคนต่างคิดถึงหุ่นเชิดกลไกที่มีสมองซึ่งสร้างโดยเผ่าความลับสวรรค์ ตามข่าวลือในนั้นยังมีกลไกที่มีกำลังรบอยู่ในขั้นทำลายล้างด้วย
“ขุดมันออกมา บางทีอาจมีประโยชน์หรือไม่ก็อาจได้อะไรมา!”
เทพโบราณเฮยจี๋ตะโกนเสียงต่ำ