บทที่ 1542 โจมตีกลับพวกฝืนชะตาฟ้า
ชั่วขณะนี้ สามนายเหนือหัวเนตรชีวิต มิติ และทัณฑ์สวรรค์มารวมตัวอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต
เจ้าสวรรค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสีหน้าเคร่งเครียด โทสะที่ไร้รูปร่างแผ่ระลอกไปทั่วฟ้าดิน
“คิดไม่ถึงว่านายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าจะใช้คนมากข่มคนน้อยเช่นนี้!”
เจ้าสวรรค์เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า สีหน้าโกรธแค้น
นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งสามได้ยินประโยคนี้ ในใจก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสม แต่หากสู้กันตัวต่อตัว พวกเขาจะไม่ใช่คู่มือของเจ้าสวรรค์เด็ดขาด
นอกจากนั้น นายเหนือหัวเนตรมิติยังมองออกว่าเจ้าสวรรค์กำลังศึกษาพลังของเนตรเทพวิถีฟ้าอยู่ตลอด
เนตรเทพวิถีฟ้าไม่เหมือนกับแปดเนตรเทพเจ้า ยังไปไม่ถึงขีดสูงสุด มีโอกาสที่จะแปรสภาพอยู่ตลอด จะประมาทเลินเล่อไม่ได้
ครั้นเห็นนายเหนือหัวเนตรชีวิตทั้งสามสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด
เจ้าสวรรค์ตะโกนทันใด “ถอย!”
ต่อให้เขามั่นใจมากเพียงใด ก็ไม่อาจสู้กับนายเหนือหัวทั้งสามในเวลาเดียวกัน
ฝั่งพวกฝืนชะตาฟ้ารีบเคลื่อนไหวทันที สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เป็นประโยชน์กับพวกเขา
“ลงมือ!” นายเหนือหัวเนตรมิติอดรนทนไม่ไหวนานนานแล้ว ความแค้นจากการโจมตีเมื่อครู่ เขาจะต้องเอาคืนให้ได้
ฟิ้ว! ในท้องฟ้า กฎเกณฑ์มิติแผ่ระลอกมา เส้นแสงมิติหลายร้อยสายพุ่งไปยังเจ้าสวรรค์
เจ้าสวรรค์สีหน้าเรียบนิ่ง เนตรเทพวิถีฟ้าโคจรขึ้น ก่อกำแพงน้ำแข็งเย็นยะเยือกขึ้นรอบกายของเขา ต้านทานการโจมตีทั้งหมดของนายเหนือหัวเนตรมิติเอาไว้
“จะปล่อยให้เขาไปจากที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด!” นายเหนือหัวเนตรชีวิตลงมือทันที
เจ้าสวรรค์ในตอนนี้ยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ พลังเหนือกว่านายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าคนหนึ่ง หากปล่อยให้หนีไปอย่างปลอดภัย ไม่แน่ว่าอาจสร้างอะไรออกมาอีก ถึงตอนนั้นจะยิ่งรับมือยากขึ้น
อีกอย่าง ถึงตอนนั้นคนที่เจ้าสวรรค์เลือกลงมือด้วย เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นเนตรเทพชีวิตที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการสู้รบ
“ข้าคิดจะไป พวกเจ้าหน้าไหนก็ขวางข้าไม่ได้ทั้งนั้น!”
เจ้าสวรรค์หัวเราะเหยียดหยาม
ในตอนนี้เอง
ครืน ตูม ตูม!
โลกที่มืดมิดพลันสว่างจ้า สายอัสนีแลบแปลบปลาบเหนือหัวของทุกคน ภายใต้พลังทัณฑ์สวรรค์กลุ่มนี้ ความหวาดกลัวออกมาจากสัญชาตญาณของทุกคน ไม่กล้าโผล่หน้าออกมา
“คุกมิติ!” นายเหนือหัวเนตรมิติกระตุ้นเนตรมิติ ควบคุมฟ้าดินและมิติไว้
ทันใดนั้น ท้องฟ้ารอบเจ้าสวรรค์แตกทลายแล้วหลอมรวมเป็นกำแพงมิติที่ไม่อาจข้ามไปได้ ขังเขาเอาไว้ข้างใน
“พรากชีวิต!”
นายเหนือหัวเนตรชีวิตโคจรเนตรชีวิต ปลดปล่อยแสงสีเขียวมรกตสายหนึ่งทะลวงไปยังกำแพงมิติ ปะทะไปยังร่างของเจ้าสวรรค์ ช่วงชิงพลังชีวิตของเขา
ในขณะเดียวกัน ทัณฑ์สวรรค์มหาศาลบนท้องฟ้าก็ซัดกระหน่ำลงมา
นายเหนือหัวทั้งสามลงมือในเวลาเดียวกัน สามารถเรียกได้ว่าเป็นการโจมตีสุดยอด
ครืน ตูม บึ้ม
พายุที่น่าหวาดผวากลุ่มนี้ทำเอาผืนดินสั่นสะเทือนพังทลาย หอบกวาดไปหลายล้านลี้จนกลายเป็นซากปรักหักพัง
สมาชิกที่เหลือของทั้งสองฝั่งต่างหลบหลีก ไม่กล้าเข้าใกล้
“สลาย!” เจ้าสวรรค์พลันคำรามลั่น ท่ามกลางใจกลางการระเบิด เขาส่งพลังที่ทำลายกฎเกณฑ์และลำดับของทุกสิ่งออกมา
ทันใดนั้น คุกมิติแหลกละเอียดลงทันที พลังพรากชีวิตหายไป ส่วนพลังทัณฑ์สวรรค์ก็ถูกดีดออก
บนท้องฟ้าสูง ร่างที่ค่อนข้างเหนื่อยอ่อนของเจ้าสวรรค์รางเลือน บาดเจ็บหลายแห่ง
สีหน้าของนายเหนือหัวทั้งสามเคร่งเครียด เจ้าสวรรค์กลับทำลายได้แม้แต่การโจมตีสุดยอดของพวกเขา
“ชีวิต!” เจ้าสวรรค์หัวเราะเสียงต่ำ เนตรเทพวิถีฟ้าหมุนโคจรขึ้น เปลี่ยนกฎเกณฑ์ทุกอย่างรอบด้านให้เป็นพลังชีวิต เตรียมจะดูดซับมา
“ฝันไปเถอะ!” สีหน้าของนายเหนือหัวเนตรชีวิตตะลึง คิดไม่ถึงว่าเจ้าสวรรค์ยังสามารถเปลี่ยนกฎเกณฑ์พลังอื่นให้เป็นกฎเกณฑ์ชีวิตเช่นนี้ได้ด้วย แต่ถึงนางจะเป็นนายเหนือหัวเนตรชีวิต ก็ยังรีบโคจรเนตรเทพชีวิตเพื่อช่วงชิงพลังชีวิตกลุ่มนี้มา
เนตรเทพวิถีฟ้าถึงแม้จะแข็งแกร่ง แต่ในด้านชีวิตก็ยังสู้นายเหนือหัวเนตรชีวิตไม่ได้
“หมัดเทพบรรพกาล!”
เจ้าสวรรค์บันดาลโทสะขึ้นในทันที กระตุ้นกายเทพมารเผ่าบรรพกาล รวบรวมพลังมหาศาลชกออกไปหมัดหนึ่ง จากการเพิ่มพลังของเนตรเทพวิถีฟ้า อานุภาพของหมัดนี้เพิ่มขึ้นไม่หยุด ต่อให้เป็นนายเหนือหัวทั้งสาม เพียงแค่เห็นก็รู้สึกหวาดกลัวไปเหมือนกัน และต้องถอยหลบไป
“แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตรับคำสั่ง โจมตีพวกฝืนชะตาฟ้า ทำลายทุกสิ่ง!”
ในตอนนี้เอง นายเหนือหัวเนตรชีวิตออกคำสั่งต่อทุกคนที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เบื้องล่าง
“โจมตีพวกฝืนชะตาฟ้า!”
ราชาเทพหวาเฟิงก้าวออกมาทันที นำสมาชิกทั้งหมดบุกโจมตีพวกฝืนชะตาฟ้า
ตอนนี้ การมาเยือนของนายเหนือหัวทั้งสามทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายที่ดูการสู้รบครั้งนี้มั่นใจว่าแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องชนะแน่นอน หลายคนตอบรับคำร้องขอความช่วยเหลือจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต การเข้าร่วมศึกด้วยเป็นหน้าที่ที่พึงกระทำ ทำให้กำลังของฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตไม่แพ้พวกฝืนชะตาฟ้าที่แข็งแกร่งเลย
เพียงชั่วพริบตา เงาคนมืดทะมึนหลบพายุพลังจากการต่อสู้ของราชาเทพ พุ่งไปยังฝั่งพวกฝืนชะตาฟ้า
ส่วนพวกฝืนชะตาฟ้าก็ถอยไปอย่างรวดเร็ว เรือรบทั้งสามลำบรรทุกสมาชิกทั้งหลายกลับไป
“ป้องกัน!” ผู้คุมกฎจั่วเริ่มสั่งการทั้งหมด
ตราบใดที่ยังมีเขาเขียวขจี ก็ไม่กลัวว่าจะไม่มีฟืน เช่นเดียวกัน ตราบใดที่ยังมีชีวิตอย่างไรก็ยังมีความหวัง ขอแค่ถอยไปได้อย่างปลอดภัย ครั้งหน้าในยามที่พวกฝืนชะตาฟ้าปรากฏตัวขึ้น จะต้องไม่มีใครต้านทานได้ ไร้เทียมทานเป็นอย่างยิ่ง
“คำสาปวิญญาณมรณะ!”
ผู้คุมกฎจั่วบีบนิ้วเค้นเลือดสีม่วงดำออกมาหยดหนึ่ง จากนั้นก็ประสานสัญลักษณ์มือ ปล่อยพลังเยือกเย็นน่าขนลุกที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวออกมา
เห็นเพียงในท้องฟ้าพลันมีผีร้ายวิญญาณแค้นนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
พวกนี้แทบจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ตายในสนามรบทั้งสิ้น พลังวิญญาณด้านลบของพวกเขาถูกผู้คุมกฎจั่วควบคุม แล้วสร้างเป็น ‘คำสาปวิญญาณมรณะ’ ขึ้น นำทัพบุกไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต
“ต้นไม้สูบวิญญาณ!”
ราชาเทพหวาเฟิงกระตุ้นเนตรชีวิต รวบรวมพลังชีวิตมหาศาล สำแดงเคล็ดวิชาลับสายเลือดออกมา
แสงสีเขียวมรกตกะพริบวูบไหว สาดส่องไปยังฝั่งพวกฝืนชะตาฟ้า ในนั้นค่อยๆ รวมขึ้นเป็นต้นไม้โบราณสีเทา พลังกัดกินที่ไร้รูปร่างแผ่ออกมาจากต้นไม้ต้นนี้ คนของพวกฝืนชะตาฟ้าบริเวณนั้นพลันรู้สึกว่าชีวิตของตนหลั่งไหลออกไปอย่างรวดเร็ว สภาพถดถอยลงเรื่อยๆ
ต้นไม้โบราณสีเทาต้นนั้นกลืนกินชีวิตของพวกฝืนชะตาฟ้า ค่อยๆ สูงใหญ่ แข็งแกร่งขึ้น
ฟิ้ว! จ้าวเฟิงกุมกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์เข้าไปในสนามรบอย่างรวดเร็ว กระบี่อัสนีกวัดแกว่งฟาดฟันทุกสรรพสิ่ง
“หนีเร็ว เป็นจ้าวเฟิง เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!”
จอมเทพทั้งหลายเห็นจ้าวเฟิงเข้ามา ใบหน้าก็ฉายแววตื่นกลัว
ถึงแม้การต่อสู้ของนายเหนือหัวจะกลายเป็นภาพที่ดึงความสนใจผู้คนมากที่สุดในสนามรบ แต่ภาพที่จ้าวเฟิงสังหารทูตสวรรค์และทูตสวรรค์อู่ รวมทั้งการปะทะกับราชันอสูรฝันมายา ก็ยังฝังแน่นอยู่ในหัวพวกเขา
แต่ทว่า จ้าวเฟิงจ้องเหยื่อเขม็ง อย่าได้คิดจะรอดไปสักคน
ตุบ ตุบ! ตาซ้ายของจ้าวเฟิงเต้นเป็นจังหวะ
ผู้ที่ถูกศึกของนายเหนือหัวกระตุ้นไม่ได้มีเพียงแค่เนตรเทพมายาเท่านั้น แต่ยังมีตัวจ้าวเฟิงเองด้วย
“ฆ่า!” จ้าวเฟิงกำกระบี่อัสนีเทวะพุ่งไปยังฝูงศัตรู สังหารอย่างบ้าคลั่ง
ในตอนนี้เอง จ้าวเฟิงสังเกตเห็นว่าผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าวิญญาณและจ้าวหยูเฟยกำลังถูกพลังเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาอันแข็งแกร่งโจมตีจนล่าถอย
“ทูตสวรรค์!” สายตาจ้าวเฟิงจ้องเขม็ง พุ่งเข้าไปสังหารชายเกล็ดดำคนหนึ่ง
“พี่เฟิง!” แววตาของจ้าวหยูเฟยเปล่งประกายวาววับ
ก่อนออกรบจ้าวเฟิงก็ได้ลงตราเนตรเทพไว้บนร่างจ้าวหยูเฟย เคยลงมือช่วยนางเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีต่อหลายครั้ง
“เป็นจ้าวเฟิง!” ชายเกล็ดดำคนนี้หน้าเปลี่ยนสี ถอยหนีทันที
“เนตรอัสนีบริสุทธิ์!” จ้าวเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลง โคจรเนตรเทพมายา หลอมรวมตรากระบี่อัสนีบริสุทธิ์ขึ้นแล้วโจมตีไป
ครืน ฉึก!
พลังกัดกินที่ปั่นป่วนและพลังอัสนีเทวะ โจมตีอย่างบ้าคลั่งที่ส่วนหัวของชายคนนั้นทันใด
“อ๊าก…” ชายเกล็ดดำกุมหัว ร้องอย่างน่าอนาถไม่หยุด รีบหลบหนีหัวซุกหัวซุน
โชคดีที่เขาคือสายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา มิฉะนั้นเขาจะต้านทานการโจมตีนี้ได้หรือไม่ก็ยังเป็นปัญหา
“จะไปไหน!” จ้าวเฟิงตามไล่ตามไปทันที เร็วกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย
ยามที่นายเหนือหัวเนตรมิติสู้กับเจ้าสวรรค์ เขาก็สังเกตนายเหนือหัวเนตรมิติอยู่ตลอด ในเมื่อเขาก็ฝึกฝนมิติเป็นหลัก ฝึกฝนเวลาเป็นรองอยู่แล้ว
จากเคล็ดวิชาลับเคลื่อนย้ายมิติของนายเหนือหัวเนตรมิติ เขาก็เรียนรู้มาได้ไม่น้อย ทำการปรับแก้เคล็ดวิชาท่าร่างของตน
“เพลิงมังกรล้างโลกา!”
ชายเกล็ดดำเห็นความเร็วของจ้าวเฟิงน่าหวาดกลัวและสลัดไม่หลุด จึงขับเคลื่อนพลังดั้งเดิมทำลายล้างสำแดงการโจมตีทำลายออกไป
เห็นเพียงดวงอาทิตย์เพลิงมืดมิดที่ลุกไหม้ บดขยี้ไปยังจ้าวเฟิง และเมื่อสำแดงการโจมตีนี้เสร็จสิ้น ชายเกล็ดดำก็หนีไปทันที
วู้ม แซ่ด แซ่ด!
จ้าวเฟิงขับเคลื่อนพลังบริสุทธิ์และพลังอัสนีเทวะมหาศาล ขนาดของกระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ในมือเพิ่มขึ้นทบเท่า กลายเป็นกระบี่นภาพุ่งออกไป
ดวงอาทิตย์ทำลายล้างสีดำพังทลายลงในชั่วพริบตา เพลิงดำที่มาพร้อมกันหอบม้วนไปทั่วทุกทิศ
กระบี่อัสนีเทวะที่โจมตีดวงอาทิตย์ดำแหลกสลาย ถึงแม้จะใช้พลังหมดแล้ว แต่ก็กัดกินเพลิงทำลายล้างไปได้ไม่น้อย
ฟิ้ว! กระบี่อัสนีเทวะมืดหม่นยังคงพุ่งไปข้างหน้า
“แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียว!” ชายเกล็ดดำใจสั่นสะท้าน ยามอยู่ในมือจ้าวเฟิง เขาที่เป็นทูตสวรรค์แม้แต่โอกาสหนีรอดก็ไม่มีงั้นหรือ?
ครืน ตูม!
ถึงแม้เขาจะหลบกระบี่อัสนีเทวะบริสุทธิ์ได้ แต่จู่ๆ กระบี่นั้นก็ระเบิดขึ้น พลังบริสุทธิ์มหาศาลปะทุออกมาทันใด
ชายเกล็ดดำลอยออกมาจากการระเบิดราวกับเส้นโค้ง กระอักเลือดดำออกมาหลายครั้ง
“จบสิ้นแล้ว!” เสียงต่ำทุ้มดังขึ้นข้างหูชายเกล็ดดำ
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด จ้าวเฟิงปรากฏขึ้นด้านหลังเขา
ครืน ฉึก! กระบี่อัสนีเทวะพลังบริสุทธิ์ทะลุหน้าอก พลังกัดกินและทำลายล้างโอบล้อมเขาเอาไว้ ไม่ถึงเสี้ยวขณะ ชายเกล็ดดำก็สลายเป็นเศษธุลี
ตอนนี้จ้าวเฟิงมาถึงขั้นสังหารทูตสวรรค์ได้ตามอำเภอใจแล้ว
ณ ที่ไกลโพ้น นายเหนือหัวเนตรมรณะทั้งดูการต่อสู้ของนายเหนือหัวบนฟ้า และจับจ้องสนามรบของแดนศักดิ์สิทธิ์มิติกับพวกฝืนชะตาฟ้า
“เขาถึงจะเป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าที่แท้จริงงั้นรึ?”
สายตาของนายเหนือหัวเนตรมรณะปรายมองจ้าวเฟิงอย่างเฉยชา
“แต่เหมือนจะเป็นคนฝั่งเดียวกับทัณฑ์สวรรค์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เอาไว้ไม่ได้!”
ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนายเหนือหัวเนตรมรณะ มุมปากเผยแววกระหายเลือด
หากปล่อยให้จ้าวเฟิงพัฒนาตนโดยสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นจำนวนเนตรเทพฝั่งนายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาไม่อยากก้มหัวต่อหน้าเนตรเทพทัณฑ์สวรรค์
ครืน ตูม บึ้ม!
ศึกของนายเหนือหัวยังคงดำเนินต่อไป พลังมหาศาลทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งยังมองเห็นอะไรไม่ชัด
ศึกแดนศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ยุติลง กระทั่งว่าปั่นป่วนโกลาหลยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
พวกฝืนชะตาฟ้าค่อยๆ รวมตัวกัน บนเรือรบทั้งสามลำ คนของเผ่าความลับสวรรค์สำแดงค่ายกลความลับสวรรค์ขนาดมหึมาหลายสาย พวกมันสอดประสานผสานซึ่งกันและกัน ก่อร่างเป็นค่ายกลป้องกันใหญ่มโหฬาร
“เตรียมเปิดเส้นทางกลับอาณาจักรเทพ!” ผู้คุมกฎจั่วบัญชาการทันใด
แต่อีกด้านหนึ่ง ราชาเทพหวาเฟิงก็นำผู้แข็งแกร่งทั้งหลายเข้าโจมตี ทั่วทั้งค่ายกลเผ่าความลับสวรรค์สั่นไหว โยกเยกไม่หยุด
“จะหยุดไม่ได้ จะให้พวกมันเข้าไปในอาณาจักรเทพไม่ได้เด็ดขาด”
ราชาเทพหวาเฟิงมองไปไกลๆ เบื้องหน้า พร้อมกับคำรามลั่น
หากให้พวกฝืนชะตาฟ้ากลับไปในอาณาจักรเทพ ทุกคนจะรับมือพวกมันยากยิ่งขึ้น
“แต่อีกฝ่ายมีกำลังคนมาก ทั้งยังได้รับการเพิ่มพลังจากพลังของอาณาจักรเทพ เกรงว่าคงไม่อาจขัดขวางได้…”
นัยน์ตาของเหลี่ยวอู๋ไต้ซือล้ำลึก ทอดถอนใจ
“อาณาจักรเทพนี้แข็งแกร่งนัก…”
แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนทันที หากพวกฝืนชะตาฟ้ากลับเข้าไปในอาณาจักรเทพ พวกเขาอยากจะโจมตีก็ทำไม่ได้แล้ว
“ในอาณาจักรเทพก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยแน่นอน…”
จ้าวเฟิงยืนนิ่งอยู่ชั่วขณะ จากนั้นสายตาพลันฉายประกาย พึมพำเสียงต่ำ
เขาเกือบลืมไปแล้วว่าตนเคยเข้าไปในอาณาจักรเทพของพวกฝืนชะตาฟ้า ขอแค่เป็นที่ที่เคยไป เขาก็สามารถใช้ ‘ส่งวิญญาณ’ เข้าไปได้ทันทีโดยไม่โดนขัดขวาง แต่ว่าบุ่มบ่ามเข้าไปในอาณาจักรเทพก็ค่อนข้างจะอันตราย จะต้องเตรียมตัวก่อนสักหน่อย