บทที่ 1550 ตามจับสุดกำลัง
จ้าวเฟิงกลับมายังอาณาจักรเทพ พักผ่อนก่อนหลายวัน
หลายวันนี้เขาเริ่มหารือกับอาวุธบรรพชนเทียม สุดท้ายมันตกลงติดตามจ้าวเฟิงหนึ่งล้านปี หนึ่งล้านปีหลังจากนั้นจะไม่จำกัดอิสระของมัน
เหตุที่อาวุธบรรพชนเทียมยอมติดตามจ้าวเฟิง แน่นอนว่าเพราะเห็นแก่ที่เขาช่วยมันเอาไว้
แต่การกระทำทุกอย่างของเจ้าสวรรค์กระตุ้นให้เนตรเทพเจ้าทั้งหกโกรธแค้น พวกฝืนชะตาฟ้าถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าต้องดับสูญแน่นอน มันไม่ต้องให้จ้าวเฟิงช่วยก็สามารถเป็นอิสระได้
ดังนั้น อาวุธบรรพชนเทียมจึงติดตามจ้าวเฟิงแค่หนึ่งล้านปี แต่สำหรับจ้าวเฟิง เวลาหนึ่งล้านปีก็เพียงพอแล้ว
เขามั่นใจว่าในช่วงระยะอันสั้นนี้จะสามารถสำแดงพลังเนตรเทพมายาได้อย่างสมบูรณ์ กลายเป็นนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้า ถึงตอนนั้นพลังของอาวุธบรรพชนเทียมจะมีหรือไม่ก็ได้
ต่อมา จ้าวเฟิงใช้เวลาช่วงหนึ่งเข้ายึดครองอาวุธบรรพชนเทียม
ระหว่างขั้นตอนจ้าวเฟิงยังผสานเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมิติชิ้นหนึ่งเข้าไป พวกมันแต่เดิมก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ห้าเดือนหลังจากนั้น จ้าวเฟิงกำราบอาวุธบรรพชนเทียมชิ้นนี้ได้สำเร็จ
อาวุธบรรพชนเทียมมิติชิ้นนี้ ในยามสมบูรณ์มีชื่อว่า ‘ทะยานฟ้า’ ถึงแม้ตอนนี้เป็นเพียงแค่อาวุธบรรพชนเทียม แต่ทะยานฟ้าที่สมบูรณ์ไม่มีอีกแล้ว เขาเรียกมันว่าทะยานฟ้าก็ไม่เป็นอะไร
เมื่อเปลี่ยนชุดคลุมมิติเป็น ‘ทะยานฟ้า’ จ้าวเฟิงพลันรู้สึกว่าพลังมิติอยู่ในกำมือตน กระทั่งมีความรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในท้องฟ้า
“มีทะยานฟ้าอยู่ ต่อให้ไม่ใช้พลังเนตรเทพมายา ข้าก็สามารถสู้กับราชาเทพทั่วไปได้แล้ว!”
หลังจากทดลองพลังของทะยานฟ้าแล้ว จ้าวเฟิงก็ได้ข้อสรุปนี้
ด้วยเคล็ดวิชาป้องกันของจ้าวเฟิง รวมกับการป้องกันของทะยานฟ้า เขาสามารถต้านทานการโจมตีทั่วไปของราชาเทพได้อย่างง่ายดาย สำหรับราชาเทพที่ไม่เชี่ยวชาญด้านความเร็ว ความเร็วของจ้าวเฟิงอยู่ในระดับสูงได้
การฝึกฝนอาวุธบรรพชนเทียม นอกจากจะยกระดับพลังแล้ว ยังสามารถผลักดันพลังฝึกตนได้อีกด้วย
อาวุธบรรพชนเทียมทะยานฟ้าเดิมก็แฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์มิติขั้นบริบูรณ์อยู่แล้ว หลังจากฝึกฝน จ้าวเฟิงสามารถทำความเข้าใจกฎเกณฑ์มิติกลุ่มนี้ได้ตลอด เป็นการผลักดันด้านการบรรลุมิติของเขาเป็นอย่างมาก
เมื่อมาถึงยังศูนย์กลางอาณาจักรเทพ จ้าวเฟิงนั่งลงขัดสมาธิ เริ่มฝึกฝน
เวลาในอาณาจักรเทพกับโลกภายนอกต่างกัน ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงมีเวลามากเพียงพอ
ตอนนี้ เป้าหมายของเขาคือทะลวงขั้นสาม
ก่อนหน้านั้น จ้าวเฟิงสามารถใช้ทรัพยากรที่กวาดค้นมาจากอาณาจักรเทพของพวกฝืนชะตาฟ้ายกระดับ และทำให้ด้านอื่นๆ มั่นคง
อันดับแรก จ้าวเฟิงหยิบเอาไผ่เก้าอัสนีสวรรค์ออกมา
ทันใดนั้น พลังอัสนีไร้รูปร่างจากรอบด้านมารวมอยู่เหนือไผ่เก้าอัสนีสวรรค์ ก่อเป็นขอบเขตอัสนีฟาดผ่าลงมาไม่ขาดสาย
จ้าวเฟิงหลับตาลง พลังวิญญาณแผ่กระจาย แทรกซึมเข้าไปในไผ่เก้าอัสนีสวรรค์
หลังจากรับรู้อยู่ชั่วขณะหนึ่ง เขาก็เข้าสู่สภาวะดูดซับแก่นสำคัญในไผ่เก้าอัสนีสวรรค์ เขารู้สึกว่าความเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์มิติทะลักมาไม่ขาดสายทันที
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาฝึกฝนไปนานหลายปี แต่ข้างนอกเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันเท่านั้น
ตอนนี้ ทั่วทั้งดินแดนเทพรกร้างแตกตื่นฮือฮากับข่าวหนึ่ง
หากแปดเนตรเทพเจ้าสังหารเจ้าสวรรค์ ก็จะได้รับพลังเนตรเทพวิถีฟ้าของเขา อยู่เหนือนายเหนือหัวทั้งปวง ทั้งยังมีโอกาสทำแผนที่เจ้าสวรรค์ทำไม่สำเร็จให้เป็นจริงต่อได้
แน่นอน ไม่ใช่เพียงแปดเนตรเทพเจ้าเท่านั้น ทายาทเนตรเทพเจ้าบางทีก็สามารถช่วงชิงพลังกลุ่มนี้ไป จากนั้นกลายเป็นนายเหนือหัวคนใหม่!
เรื่องนี้ทำให้ทายาทเนตรเทพเจ้าไม่รู้ต่อกี่คนแห่แหนกันไปช่วงชิงเนตรเทพวิถีฟ้า
กระทั่งผู้แข็งแกร่งบางคนที่ไม่ใช่ทายาทเนตรเทพเจ้า แต่ครอบครองเนตรชนิดอื่น ก็ตั้งความหวังเอาไว้เสี้ยวหนึ่ง
นอกจากนั้น ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายในดินแดนเทพรกร้างยังก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรขึ้นมา เป้าหมายคือทำลายเนตรเทพวิถีฟ้า
ทางตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนเทพรกร้าง เขตแสงพร่างพราย
ขั้วอำนาจหลายเขตบริเวณใกล้เคียงมารวมตัวกันที่นี่
ในแดนศักดิ์สิทธิ์วิหคทอง ‘นายเหนือหัวเนตรอาทิตย์’นั่งสูงอยู่ข้างบน ดวงตาสีทองแดงเจิดจ้าแผ่กระจายรัศมีร้อนแรง ทำให้ไม่กล้าจ้องมองตรงๆ
นอกจากนายเหนือหัวเนตรอาทิตย์แล้ว ผู้แข็งแกร่งจากหลายๆ เขตที่อยู่ใกล้ๆ มารวมกันทั้งหมด หนึ่งในนั้นรวมถึง ‘ราชาเทพจื้อเหยียน’ ของเขตธารสวรรค์ที่เคยปะมือกับจ้าวเฟิงก่อนหน้านี้ด้วย
“จุดประสงค์ที่ข้าเรียกรวมทุกท่านมาในวันนี้นั้นง่ายมาก คือตามจับเจ้าสวรรค์สุดกำลัง และทำลายเนตรเทพวิถีฟ้า!”
นายเหนือหัวเนตรอาทิตย์นั่งอยู่บนตำแหน่งสูง แผ่กระจายอำนาจมหาศาลออกมา
“เขตธารสวรรค์เห็นด้วยกับนายเหนือหัวเนตรอาทิตย์!”
ราชาเทพจื้อเหยียนแสดงท่าทีทันใด
หากพลังของเนตรเทพวิถีฟ้าคงอยู่จะส่งผลต่อสมดุลของดินแดนเทพรกร้างอย่างรุนแรง
นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าคนใดก็แล้วแต่ เมื่อได้พลังนี้ไปล้วนมีโอกาสกลายเป็นเจ้าสวรรค์คนต่อไป
ดังนั้นพลังกลุ่มนี้จะต้องทำลายทิ้ง!
“เขตปัญญากระจ่างจะพยายามสุดกำลังแน่นอน!”
สตรีราวเซียนสวรรค์ผู้หนึ่งลุกยืนขึ้น นางคือผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพของแดนศักดิ์สิทธิ์ปัญญากระจ่าง
ในตอนนี้ กลิ่นอายแข็งแกร่งไร้พ่ายแผ่กระจายมาเยือนที่แห่งนี้
พลังทุกสิ่งในฟ้าดินรวมตัวไปยังข้างนอก ราวกับเกิดการเปลี่ยนแปลง
ในโถงใหญ่ราวกับเยือกแข็ง ต่อให้เป็นจอมเทพก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังกดดันมหาศาล ยากจะขยับเขยื้อนได้
“นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีเวลาว่างมาที่นี่!”
นายเหนือหัวเนตรอาทิตย์เอ่ยปากด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
เสี้ยวขณะต่อมา ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นในโถงใหญ่ ดวงตาของเขาเป็นลักษณะคลื่นน้ำวน ข้างในมีแสงประกายหลากสีไหลวน ส่วนผมก็เป็นสีสันต่างๆ ทั้งยังดูเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง
“นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์?”
“หนึ่งในนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้า!”
ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายในโถงใหญ่จิตใจระส่ำระส่าย
พวกเขากำลังหารือเรื่องทำลายเนตรเทพวิถีฟ้า และหนึ่งในนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้ากลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่!
ในใจของคนจำนวนไม่น้อยกระทั่งคิดว่านายเหนือหัวผู้นี้มาหาเรื่องใช่หรือไม่
ตอนนี้เอง ในที่สุดนายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ก็เอ่ยปาก “ข้าก็เห็นด้วยกับความคิดของเจ้า!”
สีหน้าของสมาชิกทั้งหลายในโถงตำหนักฉายแววตื่นตะลึง พวกเขาล้วนคาดไม่ถึงว่านายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์จะพูดเช่นนี้
“หมื่นปรากฏการณ์ เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”
มุมปากของนายเหนือหัวเนตรอาทิตย์ยกยิ้ม
ราชาเทพหลายคนที่นั่นอาจพอะรู้ว่าความสัมพันธ์ของนายเหนือหัวเนตรอาทิตย์และนายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์ค่อนข้างดี ทั้งสองไม่สนใจในเรื่องชื่อเสียงและผลประโยชน์ ชอบท่องไปในยุทธภพ
หากไม่ใช่เพราะการปรากฏขึ้นของเนตรเทพวิถีฟ้าครั้งนี้ นายเหนือหัวเนตรอาทิตย์ก็ไม่ได้กลับมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลายล้านปีแล้ว
“จะให้พลังกลุ่มนี้ก่อกวนสมดุลของธรรมชาติไม่ได้ ข้าจะลงมือช่วยเช่นกัน!”
นายเหนือหัวเนตรหมื่นปรากฏการณ์สีหน้าจริงจัง
ไม่ใช่เพียงแค่ที่นี่ที่คิดเช่นนี้ ที่แห่งอื่นในดินแดนเทพรกร้างก็สร้างพันธมิตรน้อยใหญ่ขึ้น เป้าหมายคือทำลายเนตรเทพวิถีฟ้า
พลังของเนตรเทพวิถีฟ้าสร้างความเย้ายวนใจต่อแปดเนตรเทพเจ้าและทายาทเนตรเทพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับราชาเทพคนอื่นกลับไม่มีประโยชน์อะไรนัก อีกทั้ง ราชาเทพและนายเหนือหัวคนอื่นก็ไม่อยากให้ขั้วอำนาจของเนตรเทพเจ้าได้พลังกลุ่มนี้ไป
ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในดินแดนเทพรกร้างเริ่มเคลื่อนไหว ราชาเทพจนกระทั่งนายเหนือหัวที่ปิดด่านมาหลายล้านปีต่างปรากฏตัวขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าสวรรค์คือเผ่าความลับสวรรค์ มีความสามารถในการทำนายและอนุมาน รวมกับพลังพิเศษของเนตรเทพวิถีฟ้า จนถึงตอนนี้เขาปรากฏตัวขึ้นหลายครั้งแต่ก็ไม่ถูกจับ ยังอยู่ในระหว่างหลบหนี
สิ่งที่สามารถยืนยันได้คือ เจ้าสวรรค์เผชิญหน้ากับการไล่ล่าจากทั้งดินแดนเทพรกร้าง ไม่มีเวลาให้หยุดพัก การใช้พลังดั้งเดิมจนหมดและอาการบาดเจ็บสาหัสของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ฟื้นฟูได้ในเวลาสั้นๆ ดังนั้น เจ้าสวรรค์ในตอนนี้จึงมีพลังไม่ต่างกับตอนที่หนีจากเงื้อมมือเนตรเทพเจ้านัก
ส่วนเนตรเทพเจ้าทั้งหกก็ไม่หยุดพักเลยสักนิด ไล่ล่าเจ้าสวรรค์อย่างบ้าคลั่ง
ในอาณาจักรเทพมายา จ้าวเฟิงไม่สนใจโลกภายนอก ปิดด่านฝึกอยู่นาน
ข้างกายเขามีต้นไม้โบราณแห้งเหี่ยวที่ทั้งต้นเป็นสีเงินปลูกอยู่ต้นหนึ่ง บนนั้นมีใบสีเงินหลายใบ ซึ่งก็คือของล้ำค่าประเภทมิติ ‘ต้นไม้มิติศักดิ์สิทธิ์’ นั่นเอง
ส่วนใต้ต้นไม้มิติศักดิ์สิทธิ์มีหยกผลึกทรงกลมที่สาดแสงราวแสงจันทร์อยู่ก้อนหนึ่ง มันคือของล้ำค่าประเภทมิติ ‘หยกศักดิ์สิทธิ์มิติทมิฬ’
การฝึกฝนอัสนีจบลงไปนานแล้ว จ้าวเฟิงจึงถือโอกาสศึกษากฎเกณฑ์เวลาด้วยและในตอนนี้ เขากำลังรวบรวมความคิดศึกษากฎเกณฑ์มิติ
ภายในกาย เคล็ดวิชา ‘ตำราเทพบริสุทธิ์’ โคจร จ้าวเฟิงเตรียมทะลวงขั้นสามแล้ว!
ในวันนี้ ทางตอนเหนือของดินแดนเทพรกร้าง
ฟิ้ว! ร่างเงาแสงทองพาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว ประสาทสัมผัสเทพที่แข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจากข้างใน ค้นหาทุกตารางทุกกระเบียดนิ้วในฟ้าดินแห่งนี้อย่างละเอียด
ร่างเงาแสงทองนี้ก็คือราชาเทพเทียนหลง ราชาเทพของเขตปราการหยั่งรู้
ตอนนั้นที่เขตปราการหยั่งรู้ เขาเคยลงมือค้นหาจ้าวเฟิง แต่สุดท้ายจ้าวเฟิงหนีไปจากเงื้อมมือร่างแยกของเขา
“เอ๋?” ราชาเทพเทียนหลงพลันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติรางๆ จึงรวมรวบความคิด ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไป
ในตอนนี้เอง
ครืน บึ้ม!
ท้องฟ้าไกลโพ้นพลันบิดม้วนแยกตัวออก ร่างเงาชุดขาวปรากฏออกมาจากในนั้น
“เจ้าสวรรค์!” สีหน้าของราชาเทพเทียนหลงเปลี่ยนไปทันที
แต่ว่าเจ้าสวรรค์ในตอนนี้กลิ่นอายอ่อนแรงมาก ทั้งยังดูปั่นป่วนเป็นอย่างยิ่ง แววตาของเขาหมองหม่น ดวงตาที่วางเป็นแนวตั้งปิดลง
“ตามไป จะปล่อยไปไม่ได้!”
ราชาเทพเทียนหลงไล่ตามไปทันที ทั้งยังหยิบป้ายตราออกมา หลังจากรับรู้อยู่ชั่วขณะหนึ่ง มุมปากเขาก็ยกยิ้มขึ้น
เขาก็เข้าร่วมพันธมิตรของนายเหนือหัวเนตรอาทิตย์เช่นกัน ป้ายนี้สามารถทำให้เขาสัมผัสผู้แข็งแกร่งในพันธมิตรที่อยู่ในรัศมีระยะหนึ่งได้
ราชาเทพเทียนหลงไล่ตามไม่ลดละ ไม่นานนัก ข้างหน้าเจ้าสวรรค์ก็มีราชาเทพอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้น
“เจ้าหนีไม่รอดแล้ว!” ราชาเทพเทียนหลงหัวเราะลั่น
เขาไม่อาจครอบครองเนตรเทพวิถีฟ้าได้ แต่ของล้ำค่าในตัวเจ้าสวรรค์ไม่ได้มีแค่สิ่งนี้
ว่ากันว่า ในตัวของเจ้าสวรรค์ยังมีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนหลายชิ้น ไปจนกระทั่งอาวุธบรรพชนเทียม อาวุธบรรพชนเทียมที่เคยปรากฏก่อนหน้านี้ก็มีอาวุธบรรพชนเทียม ‘นรกเพลิง’
อีกทั้งนายเหนือหัวเนตรอาทิตย์ยังให้คำสัญญาไว้ ใครก็ตามในพันธมิตรที่สังหารเจ้าสวรรค์ได้ เขาจะรับปากเรื่องที่สามารถทำได้ที่อีกฝ่ายร้องขอสามข้อ
หนี้บุญคุณสามข้อของนายเหนือหัว สำหรับราชาเทพแล้วล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง
สีหน้าของเจ้าสวรรค์โกรธแค้นเหี้ยมโหด เมื่อฝ่ามือสะบัด อาวุธบรรพชนเทียม ‘นรกเพลิง’ ก็ปรากฏขึ้น
“ไสหัวไป!”
เจ้าสวรรค์คำรามลั่น กระตุ้นอาวุธบรรพชนเทียม สำแดงไฟที่รุนแรงไร้ขอบเขตลุกลามไปในท้องฟ้า
แต่ทว่า ราชาเทพเทียนหลงร่วมมือกับราชาเทพอีกคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านกฎเกณฑ์วารี พลังจึงไม่ธรรมดา
ครืน เปรี้ยง ตูม!
ราชาเทพสองคนร่วมมือกัน ขนาบไปยังข้างซ้ายขวาของเจ้าสวรรค์ ทำให้เขายากจะรับมือ
“พวกเจ้าเห็บหมัดสองตัว หากเป็นข้าในช่วงสมบูรณ์พร้อม เพียงแค่นิ้วเดียวก็สังหารพวกเจ้าได้แล้ว!”
เจ้าสวรรค์คำรามอย่างโกรธแค้นเจ็บใจ
“ฮ่าๆ เจ้าเดินมาสุดทางแล้ว ไม่มีโอกาสกลับไปในช่วงสมบูรณ์พร้อมอีก!”
ราชาเทพเทียนหลงหัวเราะลั่น
เขากับราชาเทพอีกคนหนึ่งก้าวเข้าไปประชิด
“ไสหัวไป!”
เจ้าสวรรค์คำราม แสงเทพสีเงินทองปะทุออกมาจากในกาย สะท้านทั่วฟ้าดิน ซัดราชาเทพทั้งสองจนล่าถอยไป
พลังกลุ่มนี้คือพลังสายเลือดเผ่าบรรพกาล
ในขณะเดียวกับที่ระเบิดให้ราชาเทพทั้งสองล่าถอย เขาก็กระตุ้นเนตรเทพเจ้าเล็กน้อย เพิ่มความเร็วให้กับตัวเองแล้วหนีไปไกล
“มันไร้กำลังแล้ว อย่าให้หนีไปได้!”
ราชาเทพเทียนหลงกับราชาเทพอีกคนหนึ่งไล่ตามไปทันที
เวลาเดียวกัน ข่าวการปรากฏตัวของเจ้าสวรรค์ก็ค่อยๆ แพร่กระจายออกไป ผู้แข็งแกร่งในดินแดนเทพรกร้างรวมตัวไปยังทางเหนือ
ในนั้นรวมไปถึงเนตรเทพเจ้าทั้งเจ็ดนอกจากเนตรเทพทำนายด้วย
ขณะที่ทั่วทั้งดินแดนเทพรกร้างแตกตื่นเพราะเนตรเทพวิถีฟ้า
พวกผู้ทรงภูมิกลับสุขสงบเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกผู้ทรงภูมิส่วนมากไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ นอกจากนั้นพวกเขาก็ยังยากจะทำนายหรืออนุมานเจ้าสวรรค์ที่ครอบครองเนตรเทพวิถีฟ้าและสายเลือดเผ่าบรรพกาล
แน่นอน ไม่ใช่ทุกคนที่ทำไม่ได้
อวี่เทียนอูและหลิ่วฉินซินอยู่ในการปิดด่าน อนุมานและทำนายสถานการณ์เต็มกำลัง
ปราชญ์คนอื่นที่เหลือก็กำลังรอคอยผลและคำสั่งจากนายท่าน
วันนี้ อวี่เทียนอูลืมตาขึ้น
“อันตรายที่มาจาก ‘อวี่เทียนซู’ ยังคงมีอยู่ ทั้งยังร้ายแรงด้วย!”
‘อวี่เทียนซู’ ที่ปราชญ์อวี่เทียนพูดถึงก็คือเจ้าสวรรค์ของพวกฝืนชะตาฟ้านั่นเอง
พร้อมกันนั้น อวี่เทียนอูก็ส่งกระแสจิตสื่อสารกับหลิ่วฉินซิน “ฉินซิน ตาของเจ้ามองเห็นอะไร?”
“ภาพเลือนรางนัก เหตุการณ์โดยละเอียดยากจะอธิบายได้ แต่ดวงตาของข้าสัมผัสได้ว่าจะมีเนตรเทพเจ้าคนหนึ่งดับดิ้น!”