Skip to content

King of Gods 22

King Of Gods

บทที่ 22 : กำเนิดม้ามืด

ฮู่!

จ้าวฟงพ่นลมหายใจออกมาขณะทิ้งตัวลงนั่ง

เด็กหนุ่มกลายเป็นม้ามืดที่ปรากฏตัวขึ้นในงานประลองกลุ่ม ใช้เพียงแค่วิชาระดับพื้นฐานในการเอาชนะทุกคนที่ขวางทาง

กระทั่งจ้าวเฉินกางที่ครองอันดับเจ็ดในบรรดาศิษย์สายนอกก็ยังต้องพ่ายแพ้

“ข้าสงสัยนักว่ากลุ่มอื่นเป็นเช่นไรบ้าง” ดวงตาของจ้าวฟงกวาดมองไปยังกลุ่มอื่น ผู้ประลองทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสิบกลุ่ม โดยที่แต่ล่ะกลุ่มมีผู้แข็งแกร่งและอ่อนแออย่างเท่าเทียมกัน

นอกจากจ้าวฟงแล้วยังมีผู้ที่สามารถเอาชนะ 20 รอบติดกันไปจำนวนมาก ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถเขารอบต่อไปได้ ผู้ที่รวดเร็วที่สุดคือจ้าวยี่จางจากกลุ่มสอง

ดาบของจ้าวยี่จางนั้นรวดเร็วยิ่ง ก่อนที่คู่ต่อสู้จะได้ทันตั้งตัว คมดาบก็พาดอยู่ที่ลำคอของพวกเขาแล้ว เขาเข้ารอบเร็วเสียยิ่งกว่าจ้าวเยว่เสียอีก

“ในบรรดาศิษย์สายนอก มีเพียงสามอันดับแรก จ้าวหยูเฟ่ย จ้าวเยว่ และจ้าวยี่จาง ที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้”

อายุของจ้าวเยว่นั้นมากกว่าเขาเล็กน้อย คือ 17 ปี และมัดกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขานั้นใหญ่มาก

“เพลงหมัดลมหวน!”ศิษย์คนหนึ่งที่มีขั้นสามแห่งหนทางผู้ฝึกตนชกตรงไปยังจ้าวเยว่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่กระทั่งขยับ

อันใดกัน!?

บนหน้าผากของศิษย์ผู้นั้นเริ่มเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ

พลังป้องกันอันใดกัน!

จ้าวฟงรู้สึกตะลึงเล็กๆ การโจมตีเต็มกำลังของผู้ฝึกตนขั้นสามไม่อาจสร้างอาการบาดเจ็บให้กับจ้าวเยว่ได้แม้แต่น้อย เด็กหนุ่มย่อมต้องฝึกวิชาป้องกันระดับสูงจนทำให้ร่างกายของเขาสามารถทนทานต่อการโจมตีของผู้ที่อยู่ในขั้นเดียวกันได้เช่นนั้น

อย่างน้อยจ้าวฟงก็ไม่สามารถรับหมัดของผู้ฝึกตนขั้นสามได้ด้วยเพียงแค่ร่างกายเปล่าๆ

หากจ้าวยี่จางเรียกได้ว่ารวดเร็วแลรุนแรง เช่นนั้นจ้าวเยว่ก็คือสิ่งที่เป็นขั้วตรงข้าม เขาเชื่องช้าทว่าพลังป้องกันนั้นอยู่ในขั้นเหลือเชื่อ

จ้าวหยูเฟ่ยใช้เคล็ดอ่อนชนะแข็ง นางอาจทำเพียงโบกมือธรรมดาทว่ามันกลับสามารถล้มคู่ต่อสู้ลงได้ ทุกๆ การเคลื่อนไหวของนางดูไร้ที่ติ ความงดงามของเด็กสาวโดดเด่นออกมาภายใต้อาภรณ์สีม่วง ทุกคนที่มองนางรู้สึกได้ถึงความสดชื่น

“นางคือผู้ใดกัน? ถึงขั้นมีพลังระดับเสมือนผู้ฝึกตนในอายุเพียงเท่านี้” กระทั่งศิษย์สายในบางคนยังถูกดึงดูดโดยนาง

“นางทั้งงดงามและมีพรสวรรค์ เมื่อคนเช่นนางเข้าเป็นศิษย์สายในเราย่อมไม่มีกระทั่งโอกาส”

“นางยังคงเยาว์นัก อีกสักสองปีนางอาจเทียบเท่าได้กับสาวงามแห่งเมืองประกายอรุณ ชิวเมิ่งหยู”

เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผู้คนต่างสนใจนางมากกว่าจ้าวเยว่และจ้าวยี่จางที่ครองอันดับหนึ่งและสอง นั่นเป็นเพราะความงดงามและพรสวรรค์ของนาง

ไม่ช้าทั้งสิบกลุ่มก็มีผู้ที่ชนะ 20 รอบติดกัน กลุ่มแรกคือจ้าวเยว่ กลุ่มสองจ้าวยี่จาง กลุ่มสามจ้าวหยูเฟ่ย กลุ่มสี่จ้าวกัง กลุ่มห้าจ้าวกาง…

ทุกคนล้วนเป็นผู้ที่ครองอันดับหนึ่งในสิบของศิษย์สายนอก

ทว่ามีคนผู้หนึ่งที่เหนือความคาดหมายจากกลุ่มเจ็ด จ้าวฟงเป็นม้ามืดที่พุ่งออกมาแทนที่จ้าวเฉินกาง

นอกจากทั้งสิบคนนี้ ไม่มีคนมากเท่าใดที่ชนะรวด 20 ครั้ง

การประลองแบบกลุ่มยังคงดำเนินต่อไปกระทั่งเหลือเพียง 10 คนต่อกลุ่ม ใช้เวลาทั้งหมดหนึ่งวัน บัดนี้เหลือผู้ร่วมประลองเพียง 100 คน และทั้งหมดล้วนเป็นผู้มากฝีมือในบรรดาศิษย์สายนอก

วันที่สองคือวันที่ทั้งหนึ่งร้อยคนต้องประลองกันอีกครั้งที่ลานฝึกฝนนภา

หลังจากที่พักผ่อนมาแล้วหนึ่งวัน ทั้งร่างของจ้าวฟงก็เต็มไปด้วยพลังงาน เขาค้นพบว่าการประลองเหล่านี้ได้ช่วยเพิ่มระดับพลังการฝึกตนของเขาไม่น้อย

“วันนี้เราจะเข้าสู่รอบคัดเลือก! พวกเจ้าทุกคนคือผู้มากฝีมือในบรรดาศิษย์สายนอก ทว่าวันนี้ ครึ่งหนึ่งต้องถูกกำจัด เหลือเพียงอีกครึ่งที่จะสามารถเข้าสู่รอบชิงได้! กฎคือ…” เสียงประกาศดังก้องสนาม

ผู้ร่วมประลองทั้งหนึ่งร้อยคนกลั้นลมหายใจในขณะที่ฟังกฎการประลอง

อันดับนั้นนับจากแต้มที่ได้รับ ทุกคนจะเริ่มต้นด้วยหนึ่งแต้ม และทุกๆ ครั้งที่ชนะจะได้รับหนึ่งแต้ม ส่วนทุกครั้งที่แพ้จะถูกลบหนึ่งแต้มเช่นกัน

ในที่สุด 50 คนที่มีแต้มมากที่สุดจะเข้าไปประลองกับศิษย์สายใน

“เริ่มได้!” เสียงของผู้ตัดสินดังขึ้น

“ 144 vs 26! ”

“ 73 vs 429! ”

ทุกสนามประลองเริ่มต้นการประลองขึ้น

มีหลายคนที่ยอมแพ้เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป ตัวอย่างเช่นจ้าวเยว่และจ้าวยี่จาง คู่ต่อสู้ของพวกเขายอมแพ้ทันทีที่เห็นหน้า พวกเขาเลือกที่จะเก็บแรงไปสำหรับรอบต่อไปมากกว่า

“ 188 vs 169! ”

ในที่สุดก็ถึงรอบของจ้าวฟง คู่ต่อสู้ของเขาคือเด็กหนุ่มผิวเข้มที่มีระดับขั้นสองของหนทางแห่งผู้ฝึกตน

“ข้ายอมแพ้!” เมื่อเด็กหนุ่มเห็นว่าคู่ต่อสู้คือจ้าวฟงเขาก็ยอมแพ้ในทันที

จ้าวฟงผงะไปเล็กๆ

เด็กหนุ่มผิวเข้มคนนั้นดูเหมือนว่าจะอยู่กลุ่มเดียวกับเขาในรอบก่อนหน้า แต่พวกเขาไม่เคยปะทะกัน

ด้วยเหตุนี้ เด็กหนุ่มจึงได้แต้มไปอย่างง่ายดาย

ไม่ช้าเขาก็เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้คนที่สอง คราวนี้คู่ต่อสู้ของเขาเป็นเด็กสาวที่มีระดับขั้นสองของหนทางแห่งผู้ฝึกตน

“ข้ารู้ถึงความแข็งแกร่งของเจ้า แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้” เด็กสาวในชุดเสื้อผ้าธรรมดากัดฟัน

เมื่อเจอสตรีอ่อนแอเช่นนี้ บางคนก็มักจะปล่อยให้นางชนะไปง่ายๆ

“หมัดเหล็กเพลิง!”

หมัดธรรมดานี้กลับมาอีกครั้งและส่งเด็กสาวถอยหลังไป 6 เมตร หนึ่งกระบวนท่า เรียบร้อยและเรียบง่าย!

จ้าวฟงไม่ต้องการจะเสียเวลากับคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอเกินไปและไม่สามารถช่วยเขาพัฒนาได้

ข้าแพ้! เด็กสาวรู้สึกผิดหวังขณะเดินออกไป

“ฮึ่ม! รังแกเด็กสาวอ่อนแอ มีดีอันใดกัน?”

“รอจนกระทั่งถึงตาข้า ข้าจะล้างแค้นให้น้องซิ่นเอง!”

การกระทำของจ้าวฟงนั้นทำให้เด็กหนุ่มหลายคนมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม

“ หมายเลข 188 ชนะ!” ผู้ตัดสินมองไปยังจ้าวฟงด้วยสายตาชื่นชม

การประลองรอบถัดไปก็ยังคงง่ายดาย แต้มของเด็กหนุ่มยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“ข้ายอมแพ้!”

“ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!”

“หมัดเหล็กเพลิง!”

คู่ต่อสู้ส่วนมากของเด็กหนุ่มยอมแพ้ ทว่าผู้ที่ไม่ได้ทำเช่นนั้นก็พ่ายแพ้ในเสี้ยววินาทีเช่นกัน

“พลังของเด็กนั่นอาจเข้าขั้นเสมือนผู้ฝึกตน”

ยิ่งการประลองผ่านไปมากเท่าใด ผู้คนก็ยิ่งเข้าใจความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มมากขึ้นเท่านั้น

จ้าวฟงไม่ลืมที่จะให้ความสนใจกับการประลองของจ้าวเยว่และจ้าวยี่จาง

ในเวลาหนึ่ง ณ ลานประลองที่สาม

“เร็วเข้า! ดูสิ! จ้าวยี่จางประลองกับจ้าวกัง!”

จ้าวฟงหันไปมองทางต้นเสียง สายตาปรากฏภาพของร่างสองร่างที่เข้าปะทะกัน

ศิษย์ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองและสี่ในบรรดาศิษย์สายนอกปะทะกันย่อมสร้างความสนใจให้กับผู้ชมได้อย่างง่ายดาย ทั้งคู่ล้วนเป็นผู้ที่ครองอันดับหนึ่งในห้า และแต่เดิมความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างกันมาก

“ลักษณ์ที่สิบแห่งอสรพิษ!” จ้าวกังตวาดขณะที่เขาขดตัวลงบนพื้นราวกับงู ร่างกายของเขานั้นคล่องแคล่วจนกระทั่งสามารถหลบคมดาบของจ้าวยี่จางได้หลายครั้ง

จ้าวฟงรู้สึกตื่นเต้นกับพลังของจ้าวกังที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนับแต่ปะทะกันเมื่อเดือนก่อน เขายังฝึกฝนอสรพิษสิบสามลักษณ์จนกระทั่งเข้าลักษณ์ที่สิบ ซึ่งนั้นหมายถึงเขามีพลังเทียบเท่าขั้นเสมือนผู้ฝึกตนแล้ว

ความแข็งแกร่งของจ้าวกังเทียบเท่าได้กับซินเฟ่ยเมื่อครั้งที่อยู่ในป่าเมฆาคล้อย

“แม้ว่าเจ้าจะพัฒนาขึ้นมาก แต่เจ้าก็ยังจะแพ้ข้าเช่นเดิม” จ้าวยี่จางเอ่ยขณะที่เพิ่มความเร็วมากขึ้น

“นั่นมันวิชาระดับสูง คมดาบเหมันต์! วิชานั่นฝึกฝนยากยิ่งนัก!” ใครบางคนตะโกนออกมา

ดาบของจ้าวยี่จางเร็วขึ้นเรื่อยๆ

คราแรกจ้าวกังสามารถหลบได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ยิ่งหลบได้น้อยลง ไม่ช้าก็ปรากฏรอยตัดขึ้นบนร่างกายของเด็กหนุ่ม

“จ้าวยี่จางชนะ!” ผู้ตัดสินหยุดการประลองเพราะพวกเขายังต้องการให้จ้าวกังสามารถประลองต่อไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บมากเกินไป

ในตอนนั้น แผ่นหลังของจ้าวกังก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบในขณะที่เขามองไปยังจ้าวยี่จางอย่างเหลือเชื่อ

“เจ้าทำได้อย่างไร….?”

จ้าวยี่จางเอาชนะจ้าวกังโดยใช้ไม่ถึง 10 กระบวนท่า

“จ้าวยี่จางแข็งแกร่งยิ่ง!” หนึ่งในศิษย์ตระกูลจ้าวอุทานออกมา

จ้าวยี่จางและจ้าวกังเคยปะทะกันมาก่อน ทว่าในตอนนั้นการประลองกินเวลายาวนาน ทั้งสองปะทะกันมากกว่า 100 กระบวนท่า แต่ว่าบัดนี้เขาลำบากเพียง 10 กระบวนท่า!

“ความแข็งแกร่งของจ้าวยี่จางบัดนี้อาจเทียบเท่าได้กับจ้าวเยว่แล้ว” บางคนคาดเดา

จ้าวยี่จางและจ้าวเยว่ หนึ่งแข็งแกร่งในการโจมตี อีกหนึ่งยอมเยี่ยมในการป้องกัน

จะเกิดอันใดขึ้นหากทั้งสองเผชิญหน้ากัน?

หลายคนเฝ้ารอการประลองนั้นอย่างใจจดใจจ่อ…

จ้าวยี่จางและจ้าวเยว่เป็นผู้ที่ได้รับฉายา ‘ศิษย์สายนอกที่แข็งแกร่งที่สุด’

ทว่าจ้าวหยูเฟ่ยก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าใดนัก

ใบหน้าของจ้าวฟงยังคงเยือกเย็นในแม้จะเห็นเช่นนั้น บัดนี้เขาชนะติดต่อกัน 44 ครั้งแล้ว ทว่าในครานี้เขาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ผู้ถือครองอันดับห้าในบรรดาศิษย์สายนอก จ้าวกาง!

จ้าวกางมีแต้มมากกว่า 40 แต้มเช่นเดียวกัน คนเดียวที่เขาแพ้คือจ้าวเยว่

“ฮี่ฮี่ ไอ้หนู! สถิติเจ้าจบลงแค่นี้แหละ!” จ้าวกางหัวเราะอย่างเปี่ยมสุข

หลายคนมองไปยังจ้าวฟงด้วยสายตาย่ามใจ

จ้าวกางที่ครองอันดับห้านับเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่เขาได้พบมา

“พลังของเจ้าเพียงแค่เกือบเทียบเท่าขั้นเสมือนผู้ฝึกตนเท่านั้น” จ้าวฟงเอ่ยเสียงเรียบ

“จริงรึ? เช่นนั้นข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้ามีวิชาใดนอกเหนือไปจากวิชาระดับพื้นฐานนั่น” ดวงตาของจ้าวกางฉายประกายวาบ

ฟุ่บ!

ทันทีที่สิ้นคำ ร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นข้างกายจ้าวฟง

“ความเร็วอันใดกัน!”

“ทั้งจ้าวกางและจ้าวหยูเฟ่ยเป็นที่เลื่องชื่อในด้านของท่าเท้า”

ความเร็วของจ้าวกางสร้างความชื่นชมให้กับผู้ชม

ประลองความเร็ว? จ้าวฟงมองไปยังอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม

ฟุ่บ!

เมื่อฝ่ามือของจ้าวกางใกล้จะสัมผัสกับร่างของจ้าวฟง เป้าหมายก็หายไปจากสายตาของเขา! ราวกับว่าฝ่ามือของเขาสลายอีกฝ่ายหายไปในอากาศ

เฮือก!

ศิษย์ด้านล่างจ้องมองภาพนั้นนิ่ง หลายคนที่ตั้งสติได้เร็วมองไปยังเบื้องหลังจ้าวกาง

หมัดมังกรคลั่ง!

จ้าวกางรู้สึกเพียงแค่ว่ามีบางอย่างเคลื่อนที่เข้ามาด้านหลังเขา

ปั่ก!

เด็กหนุ่มพยายามป้องกันหมัดนั้นด้วยสัญชาตญาณ และเขาก็ทำได้ ทว่าจากนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังอันบ้าคลั่งที่ถาโถมเข้าใส่

ตูม!

จ้าวกางถอยหลังไป 2-3 เมตรและเกือบจะล้มลง

“เขาเรียนรู้วิชาอันใดกันจึงได้เร็วเช่นนี้!” หัวใจของจ้าวกางเต้นแรงด้วยความตะลึง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version