Skip to content

King of Gods 240

King Of Gods

บทที่ 240 : ผลของยาปลดวิญญาณ

คำแนะนำของผู้อาวุโสหนึ่งได้ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกซาบซึ้ง

ยาปลดวิญญาณเป็นยาจิตวิญญาณระดับสาม ทั้งมันยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในยาที่ล้ำค่าที่สุดในบรรดายาระดับสามทั้งหมด

ยานี้ไม่เพียงเพิ่มโอกาสที่จะทะลวงขั้นสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง มันยังรับประกันโอกาสที่จะเข้าสู่นภาต่อไปอีกด้วย

ในยามนี้ จะมีผู้ใดรู้ว่ามีคนกี่คนที่อิจฉาริษยาจ้าวเฟิงที่ได้รับยาปลดวิญญาณนี้ ภายใต้ประสาทสัมผัสของเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้า จ้าวเฟิงสามารถรับรู้ได้ถึงดวงตาแดงก่ำและเขียวปั้ดได้หลายคู่

กระทั่งศิษย์ที่อยู่ในสำนักเดียวกัน เช่น หยางกาน เป่ยม่อ ฉวนเฉิน และคนอื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่ริษยาและมีความต้องการในยาปลดวิญญาณ

“ท่านอาจารย์ ข้าเพียงเข้าสู่นภาที่หกเมื่อไม่นานมานี้ มันจะนับเป็นการเร่งรีบเกินไปหรือไม่ที่จะกินยาปลดวิญญาณในตอนนี้?”

จ้าวเฟิงเยือกเย็นนัก ไม่ได้ถูกล่อลวงไปโดยยาปลดวิญญาณจนไร้สติ

ความมั่นคงในพลังฝึกตนของคนผู้หนึ่งก็มีส่วนในความยากง่ายของการทะลวงขั้น

พื้นฐานของจ้าวเฟิงในขอบเขตรวบรวมปราณยอดเยี่ยมนัก ดังนั้นแล้วพลังฝึกตนในขอบเขตก่อกำเนิดปราณของเขาจึงมั่นคงมาก

ทว่าในยามนี้ เขาเพิ่งเข้าสู่นภาที่หกได้เพียงไม่กี่วัน

การกินยาปลดวิญญาณในตอนนี้อาจจะเป็นการเร่งรีบเกินไปสักเล็กน้อย

ชางหยูเยว่นับเป็นตัวอย่างหนึ่ง เมล็ดพันธุ์จิตแห่งดาบของนางเพิ่งจะเริ่มก่อตัว ทว่าจิตใจของนางกลับได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นแล้วจุดบกพร่องนั้นจึงได้มอบโอกาสให้แก่จ้าวเฟิง

“เฟิงเอ๋อร์ ข้ารู้สึกนับถือที่เจ้าไม่ได้ถูกล่อลวงไปโดยผลประโยชน์ในระยะสั้น”

ผู้อาวุโสหนึ่งแย้มยิ้มและสบตากับจ้าวสำนักจันทร์สลาย

จ้าวสำนักจันทร์สลายและแม่เฒ่าลิ่วเยว่ต่างก็ผงกศีรษะอย่างชื่นชม

ภาพลักษณ์ที่จ้าวเฟิงมอบให้แก่พวกเขาในการทดสอบยอดนภาคือ ‘ความชั่วร้าย’ บัดนี้พวกเขารับรู้ได้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ได้ปกปิดตนเองไว้อย่างลึกล้ำเพียงใดเพื่อที่จะชนะงานพันธมิตร

“ศิษย์หลานจ้าวเฟิง เจ้าช่างรอบคอบยิ่งนัก ยาจิตวิญญาณนี้สามารถเพิ่มโอกาสในการทะลวงขั้นเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้หากอยู่ในขั้นสุดยอดของนภาที่เจ็ด ดังนั้นแล้ว มันจึงมีพลังงานจำนวนมหาศาลอยู่ภายใน หลังจากที่เจ้ากินยานี่เข้าไป พวกเราจะส่งพลังปราณของเราเข้าสู่ร่างของเจ้าเพื่อลดอัตราการปลดปล่อยพลังงาน เพื่อให้เจ้ามีเวลามากขึ้น”

จ้าวสำนักจันทร์สลายเอ่ย

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ จ้าวสำนักจันทร์สลายและผู้เป็นอาจารย์ของเขาคงได้พิจารณาถึงสิ่งที่เขาคิดแล้ว

ดังนั้นแล้ว

เด็กหนุ่มจึงกินยาปลดวิญญาณเข้าไปโดยไร้ซึ่งความลังเล

การกระทำนั้นได้ทำให้หลายคนรู้สึกอิจฉา ทว่าประกายริษยาในดวงตาก็ได้จางหายไปกว่าครึ่ง

หากจ้าวเฟิงไม่ได้กินยาปลดวิญญาณเข้าไป พวกเขาก็ยังคงมีโอกาสอยู่

ทว่าบัดนี้เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวได้กินมันเข้าไปแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาสามารถกระทำได้

“เจ้ารีบนั่งลง พวกเราจะช่วยลดความเร็วในการปลดปล่อยพลังงาน”

แม่เฒ่าลิ่วเยว่เอ่ยเตือน

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิบนพื้น รู้สึกได้ถึงพลังงานรุนแรงที่แพร่ไปทั่วกระดูกและโลหิตของเขา มันมีความรู้สึกเย็นเยียบที่พุ่งเข้าสู่สมองของเขา

พลังอย่างแรกนั้นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายของคนผู้หนึ่งได้

ส่วนอย่างหลังคือพลังล่องหนที่เพิ่มประสาทสัมผัสของเด็กหนุ่ม

ในเสี้ยววินาทีนั้น เขารู้สึกได้ถึงจุดชีพจรทั้งหมดและลมหายใจ ระลอกความเย็นนั้นได้สัมผัสไปทั่วทุกพื้นที่ในร่างกายของเขา

ฟุ่บ!

สติของจ้าวเฟิงราวกับหลุดออกจากร่าง สัมผัสเข้ากับปราณต้นกำเนิดแห่งสวรรค์

ปราณต้นกำเนิดนั้นได้มีพลังของเปลวไฟ สายลม และอัสนีของจ้าวเฟิง

ปฏิกิริยาของธาตุเหล่านี้ได้ปรากฏขึ้นในปราณต้นกำเนิด

“สัมผัสเหล่านี้… หรือมันเป็นของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง?”

ทุกลมหายใจ จ้าวเฟิงรับรู้ได้ถึงปราณต้นกำเนิดที่ตอบสนองกับร่างกายของเขา ทั้งธาตุสายฟ้าและสายลมยังให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับเขายิ่งนัก

เขาเข้าใจว่ามันเป็นผลระยะสั้นที่มาพร้อมกับยาปลดวิญญาณและมันสามารถร่นระยะห่างระหว่างเขากับปราณต้นกำเนิดได้

เมี้ยว เมี้ยว!

แมวขโมยตัวน้อยที่มีขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นบนหัวไหล่ของจ้าวเฟิง

ในเวลาเดียวกัน ปราณที่ทรงพลังสามสายก็ได้ไหล่บ่าเข้าสู่ร่างของจ้าวเฟิง มันได้สลายสรรพคุณของยาปลดวิญญาณและผลักพลังเหล่านั้นไปทั่วทุกมุมร่างของเด็กหนุ่ม

ปราณเหล่านี้ถูกเรียกว่าปราณจิตวิญญาณแท้ที่เป็นเช่นเดียวกับปราณแท้

เหล่าผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ผ่านพ้นการวิวัฒนาการและสามารถดูดกลืนปราณต้นกำเนิดแห่งสวรรค์ได้ด้วยตนเอง พวกเขาสามารถสร้างปราณจิตวิญญาณแท้ที่มีระดับสูงกว่ามากได้

เศษเสี้ยวของปราณจิตวิญญาณแท้สามารถเอาชนะปราณแท้ที่มีปริมาณเท่ากันได้สิบเท่า มันเป็นความแตกต่างระหว่างพลังทั้งสอง

ก่อนหน้ายามที่จ้าวเฟิงได้กลับไปยังตระกูลจ้าว เพียงเศษเสี้ยวของปราณแท้ของเขาก็สามารถทำลายพลังฝึกตนของหยู่เทียนฮวาได้อย่างง่ายดาย

มันคือความแตกต่างของพลัง

ในยามนี้ จ้าวเฟิงย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะสัมผัสถึงปราณจิตวิญญาณแท้อย่างแน่นอน

แมวขโมยตัวน้อยนั่งอย่างเกียจคร้านอยู่บนไหล่ของเด็กหนุ่ม ปราณจิตวิญญาณแท้ส่วนหนึ่งถูกดึงออกไปจากร่างของจ้าวเฟิงและเข้าไปสู่ร่างกายของมัน

ภาพนั้นได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้อาวุโสหนึ่ง จ้าวสำนัก และแม่เฒ่าลิ่วเยว่นัก

ปราณจิตวิญญาณแท้นั้นทรงพลังมาก หากไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีความเข้ากันกับพลังนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่ดูดกลืนมันเข้าไปอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

มันคล้ายคลึงกับการที่ผู้ฝึกตนในขอบเขตรวบรวมปราณไม่อาจทนทานปราณแท้ของเหล่าผู้ที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้

เศษเสี้ยวหนึ่งของปราณแท้สามารถทำลายพลังภายในของผู้ฝึกตนทั่วไปได้อย่างง่ายดาย

ปราณจิตวิญญาณแท้นั้นก็เป็นเช่นเดียวกัน นอกจากคุณภาพที่สูงแล้ว มันยังมีสำนึกรู้ส่วนหนึ่งของผู้เป็นเจ้าของอยู่ด้วย

จ้าวเฟิงยังพบว่าความเข้ากันของปราณจิตวิญญาณแท้และปราณต้นกำเนิดนั้นสูงนัก ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสามารถใช้ปราณต้นกำเนิดแห่งสวรรค์ในการสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกายตนเองได้

เวลาเคลื่อนคล้อยไป

จ้าวเฟิงนั่งนิ่ง เพ่งความสนใจไปยังประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้น ภายใต้ผลของยาปลดวิญญาณ เขาสามารถเข้าสู่ระดับใหม่โดยชิ้นเชิงได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

ในยามนี้ เนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าของเขาได้ควบคุมทุกรายละเอียดในร่างของเขา รวมทั้งการตอบสนองกับปราณต้นกำเนิด

หากเขาสามารถเข้าใจกระบวนการนี้ได้ โอกาสที่เข้าจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงย่อมสูงกว่าผู้อื่น

“หืมมม?”

ผู้อาวุโสหนึ่งและอีกสองคนพบบางสิ่งที่แปลกประหลาด

พลังสายเลือดในร่างของจ้าวเฟิงส่องประกายสีเขียวคราม ไม่ได้ดูหวาดกลัวในปราณจิตวิญญาณแท้แม้แต่น้อย ในทางกลับกัน มันได้ดูดกลืนบางส่วนเข้าไปและเปลี่ยนให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้เป็นเจ้าของ

ทั้งแมวและมนุษย์ผู้นี้ล้วนลึกลับยิ่ง

ผู้คนที่เฝ้ามองอยู่ไม่อาจมองเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของจ้าวเฟิงได้

ทว่าพวกเขาสามารถมองเห็นแมวขโมยตัวจ้อยที่สามารถทนทานปราณจิตวิญญาณแท้ได้อย่างน่าประหลาดใจนัก

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

ประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้นได้เริ่มจางหายไป

เนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าได้บันทึกรายละเอียดของกระบวนการนั้นเอาไว้แล้ว

นอกจากนั้น จ้าวเฟิงยังพบว่าประสาทสัมผัสในยามนี้ของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนนัก โดยเฉพาะการสัมผัสของปราณต้นกำเนิด มันรุนแรงขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัว

จ้าวเฟิงดูราวกับสามารถที่จะเชื่อมต่อปราณแท้ของเขากับโลกภายนอกและดูดกลืนปราณต้นกำเนิดเข้าสู่ร่างกายได้ แม้ว่าจะเป็นปริมาณเพียงน้อยนิดก็ตาม

“ไม่เลว ความเข้าใจของเฟิงเอ๋อร์นับว่าเทียบเท่าได้กับผู้ที่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ยาปลดวิญญาณนับว่าควรค่าแก่นามของมันโดยแท้”

ผู้อาวุโสหนึ่งมีรอยยิ้มระบายเต็มใบหน้า

ในยามนี้

ผลของยาปลดวิญญาณในร่างของจ้าวเฟิงได้ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน ความเร็วในการดูดกลืนได้ช้าลงหลายเท่าตัว ส่วนหนึ่งได้ถูกดูดซึมไปโดยพลังสายเลือดของเขาที่แปรเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังของเขาในภายหลัง

ทว่าแม้กระนั้น ร่างกายของเด็กหนุ่มก็ขับของเหลวออกมาหลายครั้งในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

ร่างกายของเขาได้เปลี่ยนแปลงไป เลือดเนื้อและกระดูกมีความบริสุทธิ์ขึ้นกว่าเก่า

ผิวหนังของเด็กหนุ่มนั้นขาวราวผลึก มันกระทั่งอ่อนนุ่มกว่าผิวของสตรี

หลังจากกินยาปลดวิญญาณเข้าไป สิ่งปนเปื้อนในร่างของเขากว่าเก้าสิบในร้อยส่วนก็ได้ถูกขับออก

“ขั้นสุดยอดของนภาที่หก… ยาปลดวิญญาณนับว่าควรค่าแก่นามของมันโดยแท้”

จ้าวเฟิงเปิดเปลือกตาขึ้น

ในเวลาอันสั้น เพียงไม่กี่ชั่วโมง เขาก็แทบจะเข้าสู่นภาที่เจ็ด

ในตอนนี้ ทั้งปราณแท้ในร่างของเขายังปรับตัวเข้ากับพลังฝึกตนของเขา มันยังคงเหลือผลของยาอยู่บ้าง ซึ่งมันได้ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงร่างกายของเขาไปอย่างช้าๆ

“เฟิงเอ๋อร์ ภายในสามวัน เจ้าย่อมสามารถเข้าสู่นภาที่เจ็ดได้”

ผู้อาวุโสหนึ่งและอีกสองคนดึงปราณจิตวิญญาณแท้ของพวกเขากลับ แย้มยิ้มในความสำเร็จนี้

พลังสายเลือดและร่างกายของจ้าวเฟิงนั้นดูแตกต่างจากผู้อื่น มันสามารถดูดซึมตัวยาได้มากกว่าผู้อื่นที่มีพลังฝึกตนเท่ากัน

ดังนั้นแล้ว ผู้อาวุโสหนึ่งและอีกสองคนจึงไม่ได้เสียพลังไปมากมายเท่าใด

นี่คือข้อได้เปรียบของการมีพรสวรรค์ที่ดี

“เฟิงเอ๋อร์ พรุ่งนี้ เจ้าจะต้องเข้าไปยังทะเลสาบผนึกมังกรเพื่อค้นหาสำนึกรู้จากซากแก่นก่อกำเนิด นี่คือหนึ่งในสถานที่ที่ล้ำค่าที่สุดในพื้นที่ป่าเมฆา”

ผู้อาวุโสหนึ่งเอ่ยเตือน

นอกจากยาปลดวิญญาณแล้ว จ้าวเฟิงยังมีโชคอย่างมากในการที่ได้เข้าไปยังซากแก่นก่อกำเนิด

หากเขาสามารถเข้าใจบางอย่างจากที่นั่นได้ ประโยชน์ของมันอาจกระทั่งเหนือกว่ายาปลดวิญญาณเสียอีก

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ จากนั้นจึงเริ่มสร้างสมดุลให้กับพลังฝึกตนของเขาขณะที่รอเข้าสู่ซากแห่งแก่นกำเนิดในวันรุ่งขึ้น

เขาได้สำนึกรู้บางอย่างจากการประลองในงานพันธมิตร

และหลังจากกินยาปลดวิญญาณ ได้สัมผัสปราณจิตวิญญาณแท้และปราณต้นกำเนิด เขาก็ต้องใช้เวลาสักพักในการย่อยสลายข้อมูลเหล่านี้

ดีที่ว่าเขาได้คัดลอกภาพและรายละเอียดบางส่วนที่สำคัญไว้ในสมองแล้ว

พลังคัดลอกของเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าไม่ได้ถูกจำกัดไว้เพียงตำรา มันสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์และเจตจำนงได้

แน่นอนว่า

พลังนี้ไม่อาจคัดลอกได้ทุกสิ่ง หากภาพนั้นเต็มมีพลังที่เหนือชั้นอย่างมาก มันก็ยากที่จะคัดลอก

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วันที่สองได้มาถึง

พลังของจ้าวเฟิงได้เข้าสู่จุดสุดยอด พลังฝึกตนของเขาได้เหนือกว่าหยางกานไปแล้ว

“ขีดจำกัดของนภาที่หก”

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึกอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาของผู้อาวุโสหนึ่งและคนอื่นๆ ส่องประกาย

จ้าวเฟิงดูจะดูดซึมพลังงานได้มากกว่าที่พวกเขาคิด

มีเพียงดวงตาของผู้อาวุโสหยุนไห่ที่ส่องประกายระริก

เหล่าระดับสูงของสำนักจันทร์สลายได้นำจ้าวเฟิงไปยังทะเลสาบผนึกมังกร

ซากแก่นก่อกำเนิดนั้นอยู่ที่ก้นทะเลสาบผนึกมังกร

มันต้องการสามยอดฝีมือในขั้นผู้วิเศษแท้จากสิบสามสำนักเพื่อที่จะสร้างทางไปยังซากแก่นก่อกำเนิด

ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ถูกแบ่งออกเป็นสามสวรรค์ ขั้นมนุษย์แท้ ขั้นผู้วิเศษแท้ และขั้นนายเหนือแท้

ขั้นผู้วิเศษแท้นั้นคือสวรรค์ขั้นที่สอง ทั้งพวกเขายังได้เริ่มสรรค์สร้างรากแห่งกฎของตนเองขึ้นแล้ว

ผู้อาวุโสหนึ่งที่มีพลังฝึกตนสูงสุดในสำนักจันทร์สลายมีพลังเพียงขั้นสุดยอดของขั้นมนุษย์แท้เท่านั้น

ทะเลสาบผนึกมังกร

สามยอดฝีมือในขั้นผู้วิเศษแท้ลอยอยู่กลางอากาศราวกับว่าร่างของพวกเขาไร้ซึ่งน้ำหนัก

ทันใดนั้น ทั้งสามพลันตวาดเสียงขึ้นในเวลาเดียวกัน ปราณต้นกำเนิดในระยะรัศมีสิบลี้เริ่มที่จะไหลเวียน

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว

ลำแสงสีขาว ม่วง และแดงได้พุ่งเข้าหากัน สร้างแสงสามสีที่พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า กลายเป็น ‘เหวสุญญากาศ’ เปิดเป็นทางเดินตรงกลางยาวหลายลี้ลงสู่ก้นทะเลสาบ

พลังมหาศาลที่ราวกับจะเขย่าโลกาได้ทำให้หัวใจของผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงผู้อื่นสั่นสะท้าน

นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเฟิงได้เห็นพลังของผู้ที่อยู่ในขั้นผู้วิเศษแท้ มันเป็นพลังที่ดูราวกับเหนือขีดจำกัดของธรรมชาติ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version