Skip to content

King of Gods 299

King Of Gods

บทที่ 299 : ตัดแขน

ถ้ำสายธารจันทราสั่นไหวอย่างรุนแรง พังทลายลงด้านล่างอย่างไม่หยุดยั้ง

ครานี้เป็นการถล่มลงโดยแท้จริง ทั่วทั้งถ้ำกำลังจะกลายเป็นที่ฝังร่างของทุกคนแล้ว

ทางออกเพียงทางเดียวคือประตูสัมฤทธิ์ที่ส่องแสงสว่างจ้าอยู่เหนือศีรษะ

“พวกท่านไปก่อน”

จ้าวเฟิงที่อยู่ใกล้ประตูทางออกที่สุดให้อาจารย์เฮยหยุนและปี้เฉี่ยวยู่ออกไปก่อน

จากนั้น

เด็กหนุ่มยืนอยู่บนสามปทุม ขวางทางออกไว้

“จ้าวเฟิง เจ้าคิดจะทำอันใด”

พวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสองคนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง

นายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงก็สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปตามๆ กัน

บัดนี้ จ้าวเฟิงได้ครอบครองแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแท้ของ “จอมโจรฉุ่ยเยว่” ทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หากเด็กหนุ่มจงใจปิดกั้นทางออกเอาไว้และใช้พลังดวงตาเทพเจ้ากับสามปทุมเป็นตัวช่วยย่อมมีโอกาสที่จะขังคนทั้งหมดไว้เบื้องล่างได้

การเคลื่อนไหวครานี้ของจ้าวเฟิงนับว่าโหดเหี้ยมยิ่งนัก

กระทั่งทางออกสุดท้าย เขาก็ยังเป็นคนควบคุมมันไว้อยู่

“จ้าวเฟิงท่ านอาจารย์ได้สั่งเสียเอาไว้แล้ว พวกเราจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าเด็ดขาด”

สตรีชุดสีสดรีบพูดอย่างร้อนรน

ทั้งถ้ำสายธารจันทรากำลังจะถล่มลงในไม่ช้า ในเวลานี้ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะสามารถหนีออกไปได้

ในทางกลับกัน จ้าวเฟิงมีสามปทุมมีพลังป้องกันแข็งแกร่งที่สุด ทั้งยังสามารถบินได้ ย่อมสามารถยืนหยัดได้อย่างสบายใจ

“จ้าวเฟิง เจ้าไปเถอะ เราจะไม่ได้ทำสิ่งใดให้เจ้าลำบากใจ”

โจรเถาชานเฟ่ยเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งเรียบ

พวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับคำสั่งเสียของจอมโจรฉุ่ยเยว่จริงๆ แต่สถานการณ์ในยามนี้นับว่าไม่เป็นผลดีต่อพวกเขายิ่งนัก

หากจ้าวเฟิงตั้งใจปิดกั้นทางออก ใช้พลังดวงตาเทพเจ้าควบคุมผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงอีกสองคน ย่อมมีโอกาสที่จะจัดการคนทั้งหมดได้

“โถ่ จ้าวเฟิง ผู้แซ่ปี้เป็นตาแก่ที่มีตาหามีแววไม่ โปรดเจ้าปล่อยพวกเราไปเถอะ”

นายท่านปี้สีหน้าพ่ายแพ้ เอ่ยพูดออกไปด้วยท่าทีหมดเรี่ยวแรงและสิ้นหวัง

ยามที่จอมโจรฉุ่ยเยว่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นระยะเวลาสั้นๆ และคลายกลไกที่แอบซ่อนเอาไว้ เขาได้เข้าใจว่าตนนั้นพ่ายแพ้แล้ว

เขาและฉานเซว่ตูอิงได้ติดกับดักของจอมโจรฉุ่ยเยว่ คนอายุร้อยกว่าปีผู้นี้แล้ว

ทั้งด้านสติปัญญาและความแข็งแกร่งของพวกเขาล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้ให้แก่จ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงทั้งสติปัญญาและความสามารถล้วนเหนือกว่าพวกเขามากนัก เปิดเผยกลไกที่ถูกหลบซ่อน ได้รับคำชื่นชมจากจอมโจรฉุ่ยเยว่

แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่ม

“แม้ว่าข้าและท่านปี้จะร่วมมือกัน ด้วยการควบคุมสายเลือดดวงตาของเขาทุกอย่างย่อมจบสิ้น”

ฉานเซว่ตูอิงในปากปรากฏความข่มปร่าประการหนึ่ง

พวกเขาทั้งสองคนไม่มีความกล้าที่จะต่อกรกับจ้าวเฟิงแล้ว

คำแนะนำที่จอมโจรฉุ่ยเยว่ได้เอ่ยทิ้งเอาไว้นั้น พวกเขาที่เป็นคนนอกกลับมองออกถึงความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น

ในฐานะของผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นตำนาน สติปัญญาและสายตาจอมโจรฉุ่ยเยว่เป็นสิ่งที่คนทั่วไปคาดฝันที่จะครอบครองได้หรือ?

ในยามนี้

จ้าวเฟิงที่ครอบครองทุกสิ่ง อยากจะเข้าหรือออกย่อมสามารถทำได้ดั่งใจ

ดวงตาเทพเจ้าของเขาค่อยๆ กวาดมอง เข้าใจถึงความคิดของผู้คนอย่างชัดเจน

ความสั่นไหวไม่มั่นคงในใจของนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิงเขารับรู้ได้

การที่พวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสองไม่ฟังคำแนะนำของผู้เป็นอาจารย์ ความชั่วร้ายแทรกซึมลึกล้ำไม่อาจแปรเปลี่ยน เด็กหนุ่มเองก็เข้าใจอย่างชัดเจน

“พวกเจ้าไปก่อน”

จ้าวเฟิงเปิดทางเล็กๆ ให้ สายตากวาดมองไปยังพวกนายท่านปี้และฉานเซว่ตูอิง

“ได้ ได้”

ทุกคนราวกับนักโทษที่ถูกอภัยโทษ ทั้งสิบเอ็ดคนเดินผ่านประตูออกไป

จ้าวเฟิงยังคงขวางพวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสองเอาไว้

“ไอ้หนู อย่าได้ทำเกินไปนัก เจ้ามีสามปทุม ทั้งยังได้รับแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแท้ของท่านอาจารย์ ในระยะเวลาอันสั้นเจ้าไม่มีทางบรรลุขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ ย่อมไม่อาจนับเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้”

โจรเถาชานเฟ่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว เขาไม่หวาดกลัวอีกฝ่าย มีโอกาสชนะแปดเก้าส่วนในสิบส่วนเป็นอย่างน้อย

แต่ปัญหาคือถ้ำสายธารจันทรานี้กำลังจะจะถล่มลง ดีไม่ดีพวกเขาอาจจะถูกฝังที่ก้นแม่น้ำนี้

“เห็นแก่จอมโจรฉุ่ยเยว่ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน”

สามปทุมที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าจ้าวเฟิงขยับวูบ นำร่างของเขาผ่านออกไปทางบานประตูสัมฤทธิ์เหนือศีรษะ

เฮ้อ

พวกโจรเถาชานเฟ่ยและทั้งสองถอนหายใจโล่งอกเล็กๆ

หากจ้าวเฟิงดึงดันที่จะปิดทางออกเอาไว้ ด้วยพลังของดวงตาเทพเจ้ารวมทั้งพลังป้องกันของสามปทุมสนับสนุน ย่อมสามารถรั้งพวกเขาไว้ได้หลายสิบลมหายใจอย่างแน่นอน ในยามนั้นถ้ำสายธารจันทราย่อมพังทลายหมดสิ้น นับว่าพวกเขารอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด

พรึบ

เวลาต่อมา จ้าวเฟิงได้ปรากฏตัวขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ

บานประตูทองสัมฤทธิ์นั้นมีพลังของค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะสั้นอยู่ จ้าวเฟิงที่รู้จักค่ายกลนี้ย่อมเข้าใจถึงความสามารถของมัน

ดังนั้นแล้ว เขาย่อมสามารถใช้เวลาเพียงเสี้ยวพริบตาก่อนที่ถ้ำถล่มในการหลบหนี ปล่อยให้พวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสองถูกกลบฝังทั้งเป็นไปตลอดกาลได้

สวบสวบ

ไม่ช้า พวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสองจึงได้ปรากฏขึ้นบนฝั่งแม่น้ำเช่นกัน

ผู้ที่ลอดผ่านประตูจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังริมฝั่งแม่น้ำด้านบน

นายท่านปี้ ปี้เฉี่ยวยู่ ฉานเซว่ตูอิง และคนอื่นๆ ต่างปรากฏตัวอยู่ที่นี่

“จ้าวเฟิง เจ้าไม่ใช่คนของสำนักร้อยบุปผาแต่กลับบังอาจแย่งชิงสมบัติของอาจารย์ข้าไปครอบครองเพียงผู้เดียว ส่งสามปทุมรวมทั้งสมบัติทุกอย่างที่เจ้าได้รับมาแล้วทำลายพลังฝึกตนของเจ้าเสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

โจรเถาชานเฟ่ยหลังจากรอดพ้นจากอันตรายมาได้ใบหน้าพลันปรากฏความโหดเหี้ยมอำมหิต

มุมปากของจ้าวเฟิงยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเหน็บแนม

สถานการณ์นี้เขาได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว ทว่าด้วยเห็นแก่จอมโจรฉุ่ยเยว่ เมื่อครู่จึงยังไม่ได้กระทำสิ่งใดลงไป

“ทุกคนโปรดถอยไป”

ขณะที่เอ่ยพูดนั้น สามปทุมที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเด็กหนุ่มก็ได้สั่นสะเทือน ลำแสงสามสีงดงามพุ่งตรงผ่านความว่างเปล่าไปยังร่างของโจรเถาชานเฟ่ย

เขาไม่ชอบการผายลมไร้ลมไร้สาระ หากจะสู้ก็จงสู้

ในพริบตา ร่างของจ้าวเฟิงพลันปรากฏกระแสไฟฟ้าล้อมรอบ เป็นราวกับคลื่นกระแสไฟฟ้าสีเขียวที่แผ่ขยายออกไปในอากาศ

ปราณครึ่งจิตวิญญาณของเขาเปลี่ยนแปลงไปกว่าห้าถึงหกส่วน พลังของ ‘มรดกอัสนี’ ได้เพิ่มขึ้นจนเข้าสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิง

กระแสไฟฟ้าที่ล้อมรอบร่างอยู่ยามนี้ ไม่ว่าจะปะทุออกยามใดก็มีพลังเทียบเท่าได้กับวงแหวนอัสนี

หรือพูดอีกอย่างคือ การประทุของกระแสไฟฟ้ายามนี้กับ “วงแหวนอัสนี” นั้น พลังของมันเมื่อเทียบกันแล้วมีเพียงแต่จะแข็งแกร่งกว่า มิด้อยกว่า

กลุ่มวงแหวนวอัสนีนั้นราวกับมีสติปัญญา พุ่งตรงไปยังร่างของพวกโจรเถาชานเฟ่ยทั้งสอง

สตรีชุดสีสดล้มลงที่พื้นในเสี้ยววินาที สูญเสียพลังในการต่อสู้ไป

โจรเถาชานเฟ่ยกราดเกรี้ยวอย่างหนัก วาดพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา สร้างคลื่นสายลมรูปพัดที่น่าหวาดกลัว แรงสั่นสะเทือนถี่รัวนั้นได้ทำให้ชายฝั่งแม่น้ำใกล้ป่าถล่มลงในทันที

ครื่นนนนน ตูม ตูม

พลังรุนแรงจากสองฝ่ายเข้าปะทะกันกลางอากาศ น้ำในแม่น้ำพุ่งทะยานขึ้นสูงสู่ฟ้า

การปะทะกันระหว่างจ้าวเฟิงและโจรเถาชานเฟ่ยได้สร้างม่านน้ำสูงหลายหลาขึ้นสาดซัดออกไปทั่ว

นายท่านปี้ ฉานเซว่ตูอิง และคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ต่างอึ้งตะลึงอ้าปากค้าง

พลังที่จ้าวเฟิงใช้ออกในยามนี้เทียบเท่าได้กับขั้นมนุษย์แท้ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง

“ปราณครึ่งจิตวิญญาณและปราณแท้ทั่วไปนับว่าแตกต่างกันโดยแท้ พลังของมรดกอัสนีถูกใช้ออกจนถึงขีดสุดได้”

จ้าวเฟิงลอบผงกศีรษะ

แน่นอนว่าในการโจมตีเขาต้องหลอมรวมพลังสายเลือดเข้าไปเพื่อเพิ่มความรุนแรงของมัน

จะอย่างไร พลังของโจรเถาชานเฟ่ยเมื่อเทียบกับขั้นมนุษย์แท้ทั่วไปนับว่าแข็งแกร่งกว่าหลายเท่านัก

บอลอัสนี

ในฝ่ามือของจ้าวเฟิงได้หลอมรวมสายฟ้าเข้าเป็นก้อนกลม ความหนาแน่นของมันทำให้แรงระเบิดรุนแรงยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มส่งมันพุ่งไปยังโจรเถาชานเฟ่ย

โจรเถาชานเฟ่ยกัดฟันกรอดอย่างชิงชัง ตอบโต้การโจมตีไปหลายครั้งทว่ากลับไม่ส่งผลใดๆ

หากพูดถึงพลังโจมตีและวิธีในการโจมตีนั้น เขาที่มีพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถาแน่นอนว่าย่อมความแข็งแกร่งกว่าจ้าวเฟิง

ทว่าสามปทุมของจ้าวเฟิงนั้นแข็งแกร่งในด้านการป้องกัน สามารถสกัดการโจมตีของเขาไว้ได้อย่างมั่นคง

ในสี่สมบัติสายธารจันทรา มูลค่าของสามปทุมอาจนับได้ว่าสูงที่สุด เหนือกว่าพัดฉุ่ยเยว่เซียนเถา

“น่าชังนักที่ข้ายังทำให้พัดฉุ่ยเยว่เซียนเถายอมรับไม่ได้ ยามนี้จึงยังไม่อาจแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกไปได้”

พลังฝึกตนและพลังต่อสู้ของโจรเถาชานเฟ่ยเหนือกว่าขั้นมนุษย์แท้ทั่วไป แต่กลับไม่อาจทำอันใดต่อจ้าวเฟิงได้

เมื่อเขาใกล้สามปทุม จ้าวเฟิงก็จะปล่อยฉีเซียงง่วงงุนออกมา ทำให้เขายิ่งโจมตียิ่งเหนื่อยล้า

จ้าวเฟิงสู้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้คุ้นชินกับการใช้พลังของสามปทุมมากขึ้น

สามปทุมนั้นแม้ว่าจะไม่มีความสามารถการโจมตี แต่มีความสามารถในการป้องกัน หลบหลีก และสนับสนุนที่แข็งแกร่งสำหรับเขา

“แม้ว่าเขาจะมีพลังต่อสู้เทียบเท่าขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งยังใช้ความสามารถของสามปทุม ทำให้สามารถต่อกรกับโจรเถาชานเฟ่ยได้ แต่พลังฝึกตนของเขายังคงอยู่ที่ขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ไม่อาจดูดซับไอสวรรค์ได้อย่างรวดเร็ว ย่อมไม่อาจต่อสู้ยืดเยื้อได้นานนัก”

นายท่านปี้เอ่ยด้วยท่าทีลังเล

พลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันจนสามารถต่อสู้กับผู้ที่มีระดับพลังเหนือกว่าได้นั้น นับว่าเป็นสถานการณ์ที่หาได้ยากนัก ทว่ามันย่อมไม่อาจคงอยู่ได้นาน

แต่ว่า สถานการณ์ของจ้าวเฟิงค่อนข้างแปลกประหลาด

เด็กหนุ่มมีพลังสายเลือดเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ ดวงตาเทพเจ้ายังจับจ้องไปยังคู่ต่อสู้ เข้าใจในจุดอ่อนช่องว่างทั้งหมดของโจรเถาชานเฟ่ย

นี่ไม่ใช่สาเหตุสำคัญ

ในจุดตันเถียนของจ้าวเฟิงได้ผนึกแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณแท้ของจอมโจรฉุ่ยเยว่เอาไว้ เมื่อปราณในจุดตันเถียนหมดไป มันจะปรากฏเศษเสี้ยวปราณจิตวิญญาณเจือจางแทรกซึมออกมา

ดังนั้นแล้ว ความทนทานของเด็กหนุ่มจึงเหนือกว่าที่คาดคิด

ในการต่อสู้นั้น กลับเป็นโจรเถาชานเฟ่ยผู้ได้รับผลจากฉีเซียงที่จิตใจค่อนข้างเหนื่อยล้า

“โอกาสนี้แหละ”

นัยน์ตาของจ้าวเฟิงส่องประกายเย็นเยียบ

ฟุ่บ

ประกายแสงงดงามของสามปทุมกลับกลายเป็นเงาสายหนึ่ง

จ้าวเฟิงเคลื่อนไหวไปอยู่เบื้องหน้าโจรเถาชานเฟ่ยอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน ฉีเซียงง่วงงุนก็ยังคงแพร่กระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง

“เจ้า…”

โจรเถาชานเฟ่ยที่เพียงเตรียมตัวตอบโต้พลันจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาสีฟ้าอ่อนเย็นเยียบ

จิตใจของชายหนุ่มพลันสั่นสะท้าน เขารีบดิ้นรนอย่างหนัก

พลังจิตแปลกประหลาดได้ล่อลวงจิตใจของเขาไป

หากเป็นยามปกติ ชายหนุ่มย่อมสามารถต่อต้านได้

ทว่าในขณะที่ต่อสู้ เขาได้ถูกฤทธิ์ของฉีเซียงง่วงงุน ทำให้จิตใจเหนื่อยล้า

จ้าวเฟิงที่อยู่ไม่ไกลใช้พลังดวงตาเทพเจ้า ดึงอีกฝ่ายเข้าไปยัง “คุกลวงตา” ตรงๆ

ท่ามกลางแผ่นน้ำแข็งสีฟ้าเย็นเยียบ

โจรเถาชานเฟ่ยถูกโซ่สายฟ้าสีเขียวครามเย็นยะเยือกมัดไว้

“เจ้า… เป็นไปได้อย่างไร…”

โจรเถาชานเฟ่ยดิ้นรน เผยความละลานกระวนกระวายออกมาในที่สุด

ด้วยพลังของเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าที่พัฒนาขึ้นของจ้าวเฟิง เวลาสิบชั่วโมงที่นี่เทียบเท่าได้กับหนึ่งลมหายใจของภายนอก

โลกภายนอก

เวลาหนึ่งลมหายใจผ่านไปอย่างรวดเร็ว

โจรเถาชานเฟ่ยดิ้นรนสุดขีด หลุดออกมาจากการคุมขังของ “คุกลวงตา” ได้ในที่สุด ท่าทีเหนื่อยล้าอย่างมาก

เปรี้ยะ

คมมีดสายฟ้าพุ่งวูบมายังร่างกายของเขา

“อ๊ากกกกกก”

โจรเถาชานเฟ่ยที่เพิ่งฟื้นคืนสติร้องโหยหวนออกมาอย่างเจ็บปวด

แขนขวาของเขาถูกจ้าวเฟิงตัดออก โลหิตสีสดพุ่งออกมาจากปากแผล

หนึ่งลมหายใจ ตัดสินแพ้ชนะ

ในยามนี้ จิตใจของโจรเถาชานเฟ่ยอ่อนแออย่างมาก สติเลื่อนลอย แขนขวาถูกตัดออก ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมาน

นายท่านปี้ ฉานเซว่ตูอิง และคนอื่นๆที่ดูอยู่ไม่ไกลต่างมองด้วยความหวาดผวาเกรงกลัว สูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้

“เด็กหนุ่มผู้นี่ น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว”

สองคนสบตากันคราหนึ่ง รู้สึกยินดีขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ที่ไม่เป็นศัตรูกับจ้าวเฟิงทว่าทำเพียงเฝ้ามองอยู่ด้านข้าง

นายท่านปี้นึกถึงคำสั่งเสียของจอมโจรฉุ่ยเยว่ที่ได้เตือนศิษย์ทั้งสองเอาไว้

ความหมายของจอมโจรฉุ่ยเยว่นั้นไม่เพียงแต่บอกว่าอย่าเป็นศัตรูกับเด็กหนุ่มผู้นี้ ถ้าเป็นไปได้จงเป็นข้ารับใช้ของเขาจึงจะนับว่าดี

สุดท้ายแล้ว โจรเถาชานเฟ่ยก็ได้พ่ายแพ้

“จอมโจรฉุ่ยเยว่ควรค่าแก่การถูกเรียกขานว่าเป้นบุคคลในตำนานเมื่อร้อยปีก่อนโดยแท้ สายตากว้างไกลและเฉียบแหลบยิ่งนัก”

นายท่านปี้อดที่ทอดถอนใจอย่างชื่นชมไม่ได้

ในยามนี้ เขายิ่งเข้าใจในคำสั่งเสียสุดท้ายของจอมโจรฉุ่ยเยว่มากขึ้น

“ไอ้หนู สำนักร้อยบุปผาไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่…”

น้ำเสียงโหยหวนของโจรเถาชานเฟ่ยดังก้อง ทะยานร่างหนีไปท่ามกลางหมู่เมฆ

เขาเสียแขนไปข้างหนึ่ง นำตัวสตรีชุดสีสดจางหายไปในความว่างเปล่า

สตรีชุดสีสดใบหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น นึกถึงคำสั่งเสียและแผนการแสนชาญฉลาดของผู้เป็นอาจารย์ คำแนะนำสุดท้ายนั่นเหตุใดจึงไม่เชื่อฟังกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version