Skip to content

King of Gods 376

King Of Gods

บทที่ 376 : หนึ่งกระบวนท่า

หลังจากที่เจอกับเจียงซานเฟิงและเตี๋ยเย่ จ้าวเฟิงก็ได้ออกเดินทางในทันที แยกกับคนของสำนักเทียนหยวนทั้งสาม

ด้านสำนักเทียนหยวน จ้าวหยูเฟ่ยมีพลังในระดับของผู้ถูกเลือก โม่เทียนอี้เพียงด้อยกว่าผู้ถูกเลือก อยู่ในระดับของยอดฝีมือชั้นแนวหน้า มีคนทั้งสองนี้ แม้ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้จะมาก็ย่อมรับมือได้

จ้าวเฟิงนำทางอยู่เบื้องหน้า เงามังกรทองส่องสว่างจ้า ท่องทะยานขึ้นสู่ท้องนภา แม้อยู่ห่างไกลออกไปก็สามารถรับรู้ได้

“หนีเร็ว ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ จ้าวเฟิงออกมาแล้ว”

“จ้าวเฟิงผู้นี้สามารถสร้างความเสียหายให้กับชื่อเฉิงเทียนและปิงเว่ยเซียนจื่อสองผู้ถูกเลือกได้อย่างมาก วิชาดวงตาสามารถเอาชนะได้ทุกสิ่ง”

ตลอดทางล้วนเต็มไปด้วยความวุ่นวายในทุกทิศทาง โดยเฉพาะผู้ที่ในมือยังคงมีตราคำสั่งเซียนมังกรอยู่ต่างหนีได้ก็หนี หากซ่อนได้ก็ซ่อน

เจียงซานเฟิงและเตี๋ยเย่ตามจ้าวเฟิงไปด้วยความตื่นตะลึง ความรู้สึกส่วนลึกในใจเต็มไปด้วยความอึ้งในขณะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยขวัญกำลังใจก็ปรากฏความรู้สึกซับซ้อนบางประการขึ้นด้วย

พวกเขาก่อนหน้านี้ได้ถูกผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้หรืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งคนอื่นๆ ไล่ล่าโจมตี ต้องหลบหนีไปในป่าอย่างน่าอนาถ

ทว่าบัดนี้

พวกเขาได้รับรู้ถึงความรู้สึกราวกับมีอำนาจ เมื่อเห็นเหล่ายอดอัจฉริยะของทวีปเหล่านั้นหนีกระจายไปทุกทิศทาง จิตใจก็รู้สึกสดชื่นแจ่มใสเป็นพิเศษ แม้ว่ามันจะดูเหมือน ‘การรังแกคนอ่อนแอโดยพึ่งพาคนรู้จัก’ ก็ตาม

“นี่คือผลจากความแข็งแกร่ง”

“ไม่คิดเลยว่าลัทธิโลหะเลือดของข้าจะสามารถถือกำเนิดผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ขึ้นได้”

เจียงซานเฟิงและเตี๋ยเย่รู้สึกผ่อนคลายสดใสเป็นพิเศษ ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวการโดนไล่ล่าอีกต่อไป

ในระหว่างการเดินทาง

พวกจ้าวเฟิงทั้งสามได้เจอกับจินไท่จื่อและคนอื่นๆ โดยบังเอิญ

จินไท่จื่อเห็นว่าจ้าวเฟิงมีพลังอำนาจในระดับของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ในใจรู้สึกตื่นตะลึงจนสมองว่างโล่งไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจลึก ‘เกาะติด’ กับจ้าวเฟิง

หากจ้าวเฟิงต้องการ ย่อมสามารถใช้ประโยชน์ในการรับลูกน้องจำนวนหลายคนได้

“พวกเจ้าไปซะ หรือมิเช่นนั้นเจอกันคราหน้า ข้าจะจัดการพวกเจ้า”

จ้าวเฟิงสีหน้าไร้ความรู้สึก เอ่ยปฏิเสธไปตรงๆ แรงกดดันนั้นไม่ต้องพูดถึง ทำให้พวกจินไท่จื่อทั้งหลายลมหายใจติดขัด

ในงานชุมนุมเซียนมังกรรอบนี้แม้ว่าจะไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ ทว่าเขาไม่ใช่นักบุญที่จะมาคอยปกป้องผู้อื่นโดยไม่ได้สิ่งใด

จินไท่จื่อและคนอื่นๆ จากไปอย่างหดหู่

ทว่าผลลัพธ์นี้ไม่ใช่เรื่องคาดไม่ถึง จ้าวเฟิงไม่ใช่คนที่ดูใจดีอยู่แล้ว

“หัวหน้าสาขาจ้าว วาสนามังกรบนร่างของท่านแข็งแกร่งเกินไป หากคนพวกนั้นเห็นท่านก็จะหนีไปก่อน”

เตี๋ยเย่รู้สึกกระวนกระวายขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยบอกขึ้น

ยิ่งเวลาผ่านไป จำนวนตราคำสั่งเซียนมังกรในมิตินี้ก็จะน้อยลงเรื่อยๆ

“ง่ายมาก”

จ้าวเฟิงโบกมือ เรียกแมวขโมยตัวน้อยออกมา

ใช้เตี๋ยเย่และเจียงซานเฟิงเป็นเหยื่อล่อ ให้แมวขโมยตัวน้อยเป็นคนลงมือ จ้าวเฟิงอยู่ห่างออกไปใช้คันศรหลัวซุยสนับสนุนอีกที

ความจริงแล้ว

ด้วยความเร็วของจ้าวเฟิง แม้ว่าอัจฉริยะเหล่านั้นจะหลบหนีก็ยังสามารถแย่งชิงตราคำสั่งเซียนมังกรหลายชิ้นมาได้ง่ายๆ

ทว่าเขาไม่ต้องการให้คนทั้งสองได้ตราคำสั่งเซียนมังกรมาอย่างง่ายๆ

หลังจากครึ่งชั่วยาม

จ้าวเฟิงแทบจะไม่ทำสิ่งใด เตี๋ยเย่และเจียงซานเฟิงต่างก็ได้รับตราคำสั่งเซียนมังกรสีเงินที่ส่องประกายสีทองจางมาทั้งคู่

หลังจากที่จัดการธุระของทั้งสองเสร็จสิ้น จ้าวเฟิงก็เตรียมจะไปหาเรื่อง ‘แฝดไท่หยุน’

จ้าวเฟิงกำชับให้พวกเตี๋ยเย่ทั้งสองอยู่ห่างจากตนเองไปไม่เกินระยะยี่สิบลี้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ด้วยวาสนามังกรของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้จะทำให้อัจฉริยะผู้อื่นไม่กล้าเข้ามาใกล้

“หัวหน้าสาขาจ้าว แฝดไท่หยุนนั่นนับว่าโหดเหี้ยมน่ากลัวไม่ธรรมดา ในเมื่อเราได้ตราคำสั่งเซียนมังกรแล้ว มันคงไม่คุ้มค่าในการทำให้เขากลายเป็นศัตรูหรอก”

ในใจของเจียงซานเฟิงปรากฏความกระวนกระวาย

จะอย่างไรจ้าวเฟิงก็เป็นเพียงผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนใหม่ที่เพิ่งจะได้รับการยอมรับ

ทว่าแฝดไท่หยุน พี่น้องร่วมร่างนั่นมีพลังต่อสู้ในระดับของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ใช้กระบี่และดาบร่วมกันต่อสู้ เหนือกว่าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ทั่วไปอยู่บ้าง

ในงานชุมนุมเซียนมังกรครานี้ ในห้าผู้ถูกเลือกเดิม มีเพียงแค่หยูเทียนฮ่าวและแฝดไท่หยุนเท่านั้นที่ยังไม่เคยพ่ายแพ้

“แฝดไท่หยุน ใช้กระบี่และดาบโจมตีร่วมกัน พลังต่อสู้นับว่าน่าหวาดกลัวจริงๆ ในด้านพลังโจมตีอาจนับได้ว่าเหนือกว่าชื่อเฉิงเทียนและปิงเว่ยเซียนจื่อ ในการต่อสู้ซึ่งๆ หน้า ข้าเองก็ไม่มั่นใจมากนัก”

สีหน้าของจ้าวเฟิงสงบนิ่งเยือกเย็น

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงซานเฟิงและเตี๋ยเย่พลันปรากฏความกระวนกระวายไม่สบายใจขึ้นในทันที

ในเมื่อจ้าวเฟิงไม่มีความมั่นใจมากนัก เหตุใดจึงต้องไปหาเรื่องแฝดไท่หยุนกัน?

หากเป็นเพราะพวกเขา ทำให้จ้าวเฟิง บุตรที่สวรรค์รักใคร่ผู้นี้ต้องเกิดปัญหา พวกเขาย่อมไม่อาจแบกรับความรับผิดชอบนั้นได้

“แน่นอนว่าที่ข้าพูดหมายถึงการต่อสู้ซึ่งๆหน้า ในสายตาของผู้อื่นการโจมตีจากดาบและกระบี่ของแฝดไท่หยุนสามารถป้องกันและโจมตีได้พร้อมกันไร้ซึ่งจุดอ่อนโดยสิ้นเชิง ทว่าข้ารู้ถึงจุดอ่อนของพวกมันและมีโอกาสที่จะชนะได้”

จ้าวเฟิงมีท่าทีมั่นใจเล็กๆ

ในงานชุมนุมเซียนมังกร หากต้องการจะต่อสู้กับผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ก็มีเพียงผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ด้วยกันเท่านั้นที่มีโอกาส

สิ้นคำ

เด็กหนุ่มก็เปิดดวงตาเทพเจ้า ทะยานร่างขึ้นสูง มองหาตำแหน่งของแฝดไท่หยุน

ในเวลาเพียงไม่กี่นาที จ้าวเฟิงก็ระบุตำแหน่งของอีกฝ่ายได้

“ออกเดินทาง”

จ้าวเฟิงนำทางไปด้านหน้า

เจียงซานเฟิงและเตี๋ยเย่ แม้จะอยากห้าม ทว่าความคาดหวังที่มีมากกว่าก็ทำให้พวกเขาชะงักไป

ระหว่างทาง

เบื้องหน้าได้ปรากฏเงามังกรทองที่ทรงพลังขึ้นอย่างกะทันหัน วาสนามังกรเหนือกว่าจ้าวเฟิงเล็กน้อย

พวกเจียงซานเฟิงทั้งสองใบหน้าเคร่งเครียด สูดลมหายใจลึก

ฟุบ

เบื้องหน้าได้ปรากฏปลาบินที่มีเกล็ดสีฟ้าขึ้น ขนาดราวบ่อน้ำบ่อหนึ่ง เหนือร่างของมันปรากฏเด็กสาวในชุดสีสันสดใสผู้หนึ่ง ในมือถือแส้หลากสี ทำให้อัจฉริยะรอบด้านต้องหลีกเลี่ยงไป

ในมิติ

ยามใดที่ผู้ถูกเลือกปรากฏตัวขึ้น รอบด้านจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

ทว่าเมื่อผู้ถูกเลือกเผชิญหน้ากับผู้ถูกเลือก มันจะเกิดอันใดขึ้นกัน?

โดยปกแล้ว ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้นั้น แม้อยู่ห่างออกไปก็รับรู้ได้ ส่วนมากหากไม่มีโอกาสชนะจะสามารถหลีกเลี่ยงไปก่อนได้

ทว่า

จ้าวเฟิงได้มุ่งหน้าตรงไปยังแฝดไท่หยุนตรงๆ ย่อมไม่มีความคิดที่จะหลบเลี่ยงอยู่แล้ว

“เป็นเขา….”

ตันไถ่หลันเยว่เห็นจ้าวเฟิงจากที่ไกลๆ ดวงตาใส่กระจ่างทั้งคู่ส่องประกายวูบเล็กๆ ใบหน้างดงามปรากฏความเคร่งเครียดขึ้นหลายส่วน

ก่อนหน้าใกล้เขตแม่น้ำ ตันไถ่หลันเยว่และจ้าวเฟิงได้ปะทะกันเล็กๆ ไม่ได้ต่อสู้กันอย่างจริงจัง

ในยามนั้น อย่างมากจ้าวเฟิงก็มีพลังอยู่ในระดับผู้ถูกเลือก แม้ตันไถ่หลันเยว่จะยอมรับ แต่ก็ไม่หวาดกลัว กระทั่งมีความรู้สึกดูถูกอยู่บ้าง

ทว่าหลังจากจ้าวเฟิงได้ต่อสู้กับสองผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ ทำให้ชื่อเฉิงเทียนบาดเจ็บและไล่ปิงเว่ยเซียนจื่อไปได้สำเร็จ สามารถครอบครองตำแหน่งผู้ถูกเลือกคนใหม่ได้โดยไม่อาจสั่นคลอน

การต่อสู้นั้น ตันไถ่หลันเยว่เองก็ได้ให้ความสนใจ

“สายเลือดดวงตาของเขาเชี่ยวชาญในพลังจิต ขอบเขตจิตวิญญาณของข้าสูง อาจกล่าวได้ว่าสามารถป้องกันเขาได้ ทว่ากลัวว่าหมอนั่นจะโจมตีไปยังสัตว์เลี้ยงของข้าแทน”

ตันไถ่หลันเยว่วิเคราะห์อยู่ในใจ แม้จะไม่หวาดกลัวจ้าวเฟิง ทว่าก็ยังคงระแวดระวังอยู่บ้าง

คนทั้งสองไม่หลบเลี่ยง ไม่ช้าเงามังกรทองขนาดยักษ์ทั้งสองก็ได้เคลื่อนเข้าใกล้กันเล็กๆ โดยไม่มีผู้ใดหลบเลี่ยง

ไม่นาน

จ้าวเฟิงและตันไถ่หลันเยว่ก็ห่างกันเพียงหนึ่งลี้

ระยะนี้สามารถเริ่มโจมตีได้แล้ว โดยเฉพาะจ้าวเฟิงที่เชี่ยวชาญในการยิงธนู

ตันไถ่หลันเยว่ระแวดระวังตัวอยู่ในใจ

ทว่าสายตาของจ้าวเฟิงไม่ได้ให้ความสนใจนางตั้งแต่แรก หลังจากที่เข้าใกล้ตันไถ่หลันเยว่ก็บินจากไป

“ดี”

ตันไถ่หลันเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กๆ นางคิดว่าจ้าวเฟิงจะมาหาเรื่อง จะอย่างไรในวันนั้น จ้าวเฟิงได้ปิดด่านฝึกตน และตันไถ่หลันเยว่ได้เป็นฝ่ายไปรบกวน

ทันใดนั้น ทิศทางที่จ้าวเฟิงมุ่งหน้าไปก็ได้ทำให้นางคิดบางอย่างออก

“ทิศนั่น หากเดาไม่ผิดเป็นแฝดไท่หยุนกับชื่อเฉิงเทียน…”

นัยน์ตากระจ่างใสของตันไถ่หลันเยว่เบิกกว้าง ราวกับว่าคาดเดาบางสิ่งได้

หากนางเดาไม่ผิด เป้าหมายของจ้าวเฟิงอาจจะเป็นผู้ถูกเลือกสักคน

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ตันไถ่หลันเยว่ก็ตัดสินใจที่จะเฝ้าดูอยู่เบื้องหลัง

เวลาครึ่งชั่วน้ำชาเดือด

เบื้องหน้าได้ปรากฏเทือกเขาขนาดใหญ่ขึ้น ไอสวรรค์ธาตุดินสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

ในหุบเขาเล็กๆ นี้ได้ปรากฏเงามังกรทองขนาดยักษ์ขึ้นสองเงา

ส่วนลึกของหุบเขา

แฝดไท่หยุนมือจับกระบี่และดาบ โจมตีอย่างโหดเหี้ยมรุนแรง หัวเราะด้วยน้ำเสียงบิดเบี้ยว วาดอาวุธผ่าลงไปยังก้อนศิลาขนาดยักษ์ใต้ยอดเขา

ก้อนศิลายักษ์นั้นส่องประกายสีเหลืองกระจ่างและตกลงจากยอดเขา

เคร้ง ชิ้ง

ดาบและกระบี่ส่องประกายไฟออกมา ฟันไปที่ก้อนศิลานั้นอย่างโหดเหี้ยม

วาสนามังกรขนาดใหญ่ทั้งสอง หนึ่งมาจากแฝดไท่หยุน อีกหนึ่งมาจากก้อนศิลาขนาดยักษ์นั่น

เมื่อมองดูดีๆ ก้อนศิลาขนาดยักษ์นั้นจริงๆ แล้วคือคนผู้หนึ่งที่ม้วนตัวเป็นก้อนกลม ผิวภายนอกถูกปกคลุมไปด้วยผลึกสีเหลืองแข็ง สร้างการป้องกันที่ทรงพลัง

ก้อนศิลายักษ์นั้นกระโจนขึ้นไปยังยอดเขา ราวกับเชื่อมต่อกับพื้นดิน พลังมหาศาล พลังป้องกันเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า

“สมกับที่เป็นชื่อเฉิงเทียนที่มีสายเลือดใจศิลา ผู้ที่มีการป้องกันทางกายภาพแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้”

จ้าวเฟิงมองมาจากที่ไกลๆ รู้สึกสั่นไหวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

พลังป้องกันกายภาพของชื่อเฉิงเทียนอยู่ในระดับที่น่าพรั่นพรึง ผู้ถูกเลือกทั่วไปยากที่จะทำลายการป้องกันของเขาได้

ในยามนี้ เขาได้ใช้วิชาลับม้วนตัวเป็นก้อนกลม ร่างกายราวกับกลายเป็นหินไป พลังเชื่อมต่อกับพื้นดิน

พลังป้องกันของเขาได้เพิ่มขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด

หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้าจ้าวเฟิงได้ทำให้ขาของชื่อเฉิงเทียนบาดเจ็บ จิตใจปรากฏบาดแผล แฝดไท่หยุนก็แทบจะทำอันใดชื่อเฉิงเทียนไม่ได้

ทว่าแฝดไท่หยุนนับว่าเจ้าเล่ห์ร้ายกาจนัก ตีเหล็กยามที่ยังร้อน โจมตีชื่อเฉิงเทียน ไล่ล่าจนสุดดินแดน โจมตีอย่างหนักหน่วง ไล่ต้อนจนจนมุม

แม้ชื่อเฉิงเทียนจะแข็งแกร่ง ดาบและกระบี่ของแฝดไท่หยุนก็ได้โจมตีอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายแล้วจึงยากจะรอดพ้นภัยนี้ไปได้

“พี่ ดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นอายของผู้ถูกเลือกอีกคนหนึ่งมา”

“ไม่ดีแล้ว เป็นไอ้หนูนั่น อย่าได้บอกข้าว่าเขาต้องการที่จะแย่งชิงผลประโยชน์ของเราไป”

แฝดไท่หยุนหยุดอาวุธ หอบหายใจหนักหน่วง นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจสองคู่มองไปยังจ้าวเฟิงเล็กๆ มีท่าทีคล้ายเตือนและข่มขู่

หากเป็นผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ทั่วไปย่อมหลีกเลี่ยงการมีปัญหากับแฝดไท่หยุน

พี่น้องร่วมร่างคู่นี้เข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยม การโจมตีรุนแรง โจมตีอย่างไม่คิดชีวิต ผู้ถูกเลือกทั่วไปไม่อาจรับมือได้

“เจ้าเด็กผมฟ้า เจ้ามาพอดี ร่วมมือกับเราจัดการไอ้เจ้าก้อนหินนั่น จากนั้นเราค่อยแบ่งวาสนามังกรกันหกต่อสี่”

ผู้เป็นพี่ของแฝดไท่หยุนนัยน์ตากลิ้งกลอก เกิดความคิดหนึ่งขึ้น

จากการวิเคราะห์สถานการณ์ พวกเขาไม่เหมาะที่จะมีปัญหากับจ้าวเฟิงในยามนี้

เขาได้ไล่ต้อนชื่อเฉิงเทียนจนเข้าตาจนแล้ว หากต่อสู้กับจ้าวเฟิง ชื่อเฉิงเทียนย่อมมีเวลาที่จะฟื้นฟู สามารถเปลี่ยนกลับมาโจมตีตอบโต้ได้

อีกทั้ง

การถูกโจมตีโดยสองผู้ถูกเลือกพร้อมกันก็นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

เมื่อเห็นว่าจ้าวเฟิงมา ชื่อเฉิงเทียนในสภาพก้อนศิลาขนาดยักษ์พลันมุ่งหน้าเข้าไปในหุบเขาลึก

แฝดไท่หยุนไม่ใส่ใจ รอเพียงคำตอบของจ้าวเฟิง ชื่อเฉิงเทียนได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจหนีไปได้ไกลอยู่แล้ว

“นี่คือบทสนทนาระหว่างผู้ถูกเลือกหรือ? แฝดไท่หยุนไม่กล้าที่จะมีปัญหากับพวกเรา กระทั่งเสนอขอความร่วมมือ”

เจียงซานเฟิงและเตี๋ยเย่ที่ติดตามมาเมื่อเห็นภาพนั้นก็ชะงักไปอย่างมาก

แฝดไท่หยุนเสนอการร่วมมือ กระทั่งมอบผลประโยชน์ให้สี่ส่วนในระดับนี้นับว่าเป็นการยืนยันถึงความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิงได้

ทว่าผู้ใดจะคาดคิด

สีหน้าของจ้าวเฟิงขรึมลง เรือนผมสีฟ้าพลิ้วไหว เอ่ยราวเตือนขึ้น “เจ้าสัตว์ประหลาดน่ารังเกียจเช่นพวกเจ้าต้องการจะร่วมมือกับข้า? เป้าหมายของข้าไม่ใช่เจ้าก้อนหินนั่น แต่เป็นสวะสังคมอย่างพวกเจ้า… รับมือกับพวกเจ้า แค่หนึ่งกระบวนท่าก็เพียงพอ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version