Skip to content

King of Gods 399

King Of Gods

บทที่ 399 : ทรยศ!

“…แกนกลางของมันยังสามารถชำระล้างเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกาย เพิ่มพลังฝึกตนให้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะผู้ที่มีระดับกว่าขั้นนายเหนือแท้ลงไปที่ได้ผลดีมาก ด้วยสถานการณ์ของเจ้าในยามนี้ หากกินเข้าไปลูกหนึ่งก็มีโอกาสที่จะบรรลุขั้นเล็กๆ ได้กว่าครึ่ง”

ร่างของจ้าวเฟิงชะงักค้าง เหงื่อไหลโชกแผ่นหลัง

แม้ว่าเสียงของสตรีที่ดังจากใกล้ๆ นั้นจะใสกระจ่างไพเราะน่าฟัง กระทั่งช่วยอธิบายความสงสัยในใจของเขาให้ด้วยก็ตาม

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมีประสาทสัมผัสที่สุดยอด ทว่าสตรีผู้นั้นกลับสามารถเข้ามาใกล้เขาในระยะสิบหลารอบกายได้อย่างเงียบงันโดยที่เขาไม่รับรู้แม้แต่น้อยได้

แน่นอนว่าในใจของอีกฝ่ายอาจจะไม่มีเจตนาร้าย หรือต้องการที่จะข่มขู่

ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายที่คุ้นเคยจากสายสัมพันธ์ก็ได้เข้มข้นขึ้นจนถึงขีดสุด

จ้าวเฟิงหมุดตัวกลับไปอย่างเยือกเย็น มองไปยังผาสูงใกล้ๆ ที่แห่งนั้นได้ปรากฏร่างของสตรีในอาภรณ์สีฟ้าลอยอยู่ ใบหน้างดงามอ่อนหวานราวดอกบัว ทั้งสดใสและทรงเสน่ห์ ราวกับเทพธิดา

เมี้ยว เมี้ยว

แมวสีเทาเงินตัวหนึ่งนั่งอยู่บนไหล่ของสตรีชุดฟ้าผู้นั้น ใช้ดวงตาที่ปรากฏความยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่นมองมายังจ้าวเฟิง

แมวขโมยตัวน้อย

จิตใจของจ้าวเฟิงหนาวเยือก พลันคาดเดาสถานการณ์ขึ้นได้

หุบเขาลึกลับนี้ พื้นที่ภายในไม่ได้เล็กจ้อย ภูมิประเทศซับซ้อน ทว่าสตรีชุดฟ้าผู้นั้นกลับสามารถเข้ามาใกล้ตัวเขาได้อย่างเงียบงันจากเบื้องหลัง เป้าหมายนับว่าชัดเจนยิ่งนัก

คำตอบชัดเจนยิ่งนัก

หากไม่ใช่เพราะแมวขโมยตัวน้อยนำมา มีหรือที่จะบังเอิญพบเจอกันได้ง่ายดายเพียงนี้?

สาวงามในชุดสีฟ้าแย้มยิ้มสบายใจ มองไปยังจ้าวเฟิง”เจ้าคือเจ้าของแมวขโมยตัวน้อยนี่หรือ? เจ้าไม่ได้อยู่ในฝ่ายใดของสามสำนัก ทว่ากลับสามารถเข้ามาในซากปรักหักพังสือเฉิงได้ น่าสนใจ”

สายตาของจ้าวเฟิงสั่นระริก สาวงามในชุดฟ้าผู้นี้มีพลังฝึกตนสูงถึงขั้นนายเหนือแท้ระดับสูง เมื่อเทียบกับชื่อกุ้ยแล้วยังแข็งแกร่งกว่า บางทีอาจจะอยู่ในระดับที่เกินกว่าที่ตัวเขาจะรับมือได้

สำหรับสถานะของสตรีผู้นี้ จ้าวเฟิงเองก็พอคาดเดาได้บ้าง

ในยามที่เข้ามาในหุบเขา เขาได้ยินชื่อ ‘เย่หยานหยู’ จากอัจฉริยะต่างแดนใกล้ๆ อยู่บ่อยครั้ง น้ำเสียงที่ใช้พูดนั้นปรากฏทั้งความหวาดกลัวและนับถืออยู่

“แมวขโมยตัวน้อย เหตุใดเจ้าจึงต้องการทรยศข้า เมื่อใดกันที่ข้าดูแลเจ้าไม่ดี?”

จ้าวเฟิงไม่ให้ความสนใจเย่หยานหยู พลันมองไปยังแมวขโมยตัวน้อย

เมี้ยว เมี้ยว

สีหน้าของแมวขโมยตัวน้อยบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แสดงท่าทีคุกคามไปยังจ้าวเฟิง จากนั้นจึงไถตัวอย่างเกียจคร้านไปกับใบหน้างดงามของสตรีที่มันนั่งอยู่บนไหล่

เย่หยานหยูแย้มยิ้มบาง”ผู้มากความสามารถย่อมเลือกผู้ที่ให้ความมั่นคงได้ ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าสติปัญญาของแมวขโมยตัวน้อยนั้นไม่ธรรมดา เป็นสัตว์วิเศษที่มีสายเลือดโบราณ ก่อนหน้าเจ้าใช้ช่วงเวลาอ่อนแอยามที่มันเพิ่งเกิดในการบังคับให้มันลงนามในพันธะสัญญาโลหิต มีหรือที่มันจะซื่อสัตย์จริงใจกับเจ้าได้?”

จ้าวเฟิงชะงักไปอย่างช่วยไม่ได้ ในตำหนักยอดนภาก่อนหน้า มันเป็นเรื่องจริงที่เขาใช้ความช่วยเหลือจากหลี่ฝูหลวนบีบบังคับให้แมวขโมยตัวน้อยทำพันธะสัญญาโลหิตกับเขา

ในยามนี้

แมวขโมยตัวน้อยได้จงใจนำทางอัจฉริยะต่างแดนที่แข็งแกร่งมายังผู้เป็นนาย ไม่ว่าจะเป็นมองในทางใดก็ชัดเจนว่ามันได้ทรยศแล้ว

“เจ้าต้องการอันใด? แมวขโมยตัวน้อยเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าและมันได้ทำพันธะสัญญาโลหิตกัน อย่าได้บอกเชียวว่าเจ้าก็ยังต้องการที่จะแย่งชิงมันไป”

จ้าวเฟิงเค้นเสียงเย็น

พันธะสัญญาโลหิตสัตว์เลี้ยงนั้นได้ถูกสร้างเงื่อนไขมาอย่างรัดกุม ทั้งมันยังไม่ใช่พันธะสัญญาโลหิตแบบเท่าเทียม

สำหรับจ้าวเฟิงแล้ว เด็กหนุ่มสามารถควบคุมแมวขโมยตัวน้อยได้อย่างมาก กระทั่งสามารถสั่งเป็นสั่งตายได้

นอกจากนั้น ยามเมื่อจ้าวเฟิงผู้เป็นนายอยู่ในสภาวะกึ่งเป็นกึ่งตาย ในฐานะของสัตว์เลี้ยงแล้วก็ยังได้รับผลกระทบ ไม่อาจมีจุดจบที่ดีได้

มีเพียงแค่… จ้าวเฟิงยินยอมที่จะล้มเลิกพันธะสัญญาโลหิตสัตว์เลี้ยงด้วยตนเอง

ในระดับของเย่หยานหยูย่อมรู้เรื่องเหล่านี้

ทว่าในเมื่อนางและแมวขโมยตัวน้อยได้มาหาจ้าวเฟิงด้วยกัน พวกนางก็ย่อมต้องเตรียมการเอาไว้แล้ว

“ตราบเท่าที่เจ้ายินยอมบอกถึงวิธีเข้ามาในซากปรักหักพังสือเฉิงและล้มเลิกพันธะสัญญาโลหิตสัตว์เลี้ยงกับแมวขโมยตัวน้อย ข้าจะไม่เพียงมีความซาบซึ้งต่อเจ้า ทว่าจะแนะนำเจ้าให้เข้ารวมสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างด้วย ด้วยพรสวรรค์พลังฝึกตนของเจ้า ในสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างเจ้าย่อมสามารถเป็นศิษย์สายในได้ กระทั่งมีความหวังที่จะกลายเป็นหนึ่งในศิษย์หลัก”

เย่หยานหยูเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

น้ำเสียงของนางยังคงใสกระจ่างไพเราะเช่นก่อนหน้า ราวกับเสียงแห่งธรรมชาติ ฟังแล้วลื่นหู

นี่คือการ ‘ข่มขู่’ และ ‘โน้มน้าว’ ไปพร้อมกัน ราวกับว่านางกำลังเสนอโอกาสที่ดีที่สุดให้กับจ้าวเฟิงอย่างใจดี

แน่นอนว่า

ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะคนใดส่วนใหญ่ กระทั่งจ้าวเฟิง การที่สามารถเข้าร่วม ‘สำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง’ ได้ย่อมนับว่าเป็นการก้าวกระโดดอย่างสิ้นเชิง

สำนักระดับสองดาวครึ่ง เมื่อเทียบกับสิบยอดสำนักของทวีปบุปผาครามแล้วยังแข็งแกร่งกว่านับสิบเท่า

สำนักที่เป็นสาขาของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างบางสำนักกระทั่งสามารถทำลายสิบยอดสำนักของทวีปบุปผาครามได้ เทียบกับลัทธิมารจันทราชาดแล้วมีเพียงจะแข็งแกร่งกว่า ไม่ด้อยกว่า

“อย่างแรก การเข้ามาในซากปรักหักพังสือเฉิงนี้นับเป็นสิ่งที่ข้าคาดไม่ถึง ข้าไม่รู้ถึงเหตุผล ไม่มีวิธีการ”

“สอง แมวขโมยตัวน้อยเป็นสัตว์วิเศษของข้า จะไม่มอบให้ผู้ใด”

จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

โดยเฉพาะประโยคหลัง หากยอมล้มเลิกพันธะสัญญาโลหิตกับแมวขโมยตัวน้อย เย่หยานหยูกับจ้าวเฟิงย่อมไม่มีหลักประกันใดๆ อีก

ในยามนี้

เย่หยานหยูชมชอบแมวขโมยตัวน้อย หากจะกำจัดจ้าวเฟิงก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยแสดงท่าทีไปยังเย่หยานหยู

โอ้? เจ้าบอกว่าแม้จะตายก็จะบังคับให้เขาล้มเลิกพันธะสัญญาโลหิตให้ได้หรือ? สบายใจเถอะ ข้าจะทำให้เขาตกลงโดยที่ไม่ต้องใช้กำลัง”

เย่หยานหยูยื่นมือไปลูบศีรษะของแมวขโมยตัวน้อยพร้อมเอ่ยปลอบ

ในใจของนางอดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้ จ้าวเฟิงผู้นี้ได้กระทำเลวร้ายกับแมวขโมยตัวน้อยมากมายเพียงใดกัน ทำให้มันกระทั่งยอมตายเพื่อที่จะล้มเลิกพันธะสัญญาโลหิต

เงาร่างประกายสายฟ้าส่องประกายวูบ บริเวณที่เขายืนอยู่เดิมเหลือเพียงเงาร่างพร่าเลือน

เสี้ยววินาทีต่อมา เด็กหนุ่มได้ลอบเข้าไปในป่าโบราณฝั่งตรงข้าม ร่างจางหายไปไม่อาจพบเห็น

หนี

จ้าวเฟิงมักจะรับมือกับเรื่องต่างๆ ด้วยความเยือกเย็น ‘เย่หยานหยู’ ผู้นั้นมีพลังฝึกตนสูงถึงขั้นนายเหนือแท้ระดับสูง แข็งแกร่งกว่าเจ้าเมืองหงหู บางทีความแข็งแกร่งอาจเทียบเคียงได้กับรองจ้าวลัทธิโลหะเลือด ยากที่จะรับมือได้

ร่างของจ้าวเฟิงพร่าเลือน หลบซ่อนไปในป่ามืดหม่น สร้างร่างเงาหลบหนีออกไปในทิศทางตรงข้าม สร้างความสับสนให้กับสายตาของอีกฝ่าย

ทว่า

จ้าวเฟิงเพียงหลบหนีไปได้ราว 1-2 ลี้ ฝุ่นยังไม่ทันจาง ยอดไม้เบื้องหน้าก็ได้ปรากฏร่างของสตรีในอาภรณ์สีฟ้าขึ้นจากความว่างเปล่า แย้มยิ้มให้กับตนเอง

“นี่คือพลังของขั้นนายเหนือแท้ระดับสูง”

ใจของจ้าวเฟิงหล่นวูบ

เด็กหนุ่มขบฟันแน่น ฝ่ามือระเบิดพลังบุปผาเหมันต์อัสนีออกอย่างงดงาม ครอบคลุมระยะหลายสิบหลารอบกาย มีพลังที่น่าหวาดหวั่น กลืนกินร่างของเย่หยานหยูเข้าไป

ฟุ่บ ครืนนน

ป่าใกล้ๆ ถูกทำลายไหม้เกรียมในเสี้ยววินาที

ฝุ่นยังไม่ทันจาง สีหน้าของจ้าวเฟิงก็แข็งค้าง เผยความตื่นตะลึงออกมา

ร่างงดงามของเย่หยานหยูไม่มีกระทั่งเศษฝุ่น ยังคงลอยอยู่เหนือยอดไม้ ล้อมรอบด้วยม่านน้ำสีอ่อน ราวกับเป้นภาพลวงตา

ไม่เพียงแต่ตัวนางที่ไร้ซึ้งรอยขีดข่วน กระทั่งยอดไม้ที่นางหยุดยืนก็ไม่แม้แต่จะสั่นไหว

“พลังของกระบวนท่าเมื่อครู่สามารถเทียบได้กับการโจมตีของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ในงานชุมนุมเซียนมังกร มิคาด…”

ความประหลาดใจของจ้าวเฟิงนั้นไม่ใช่เพียงแค่การแสดง

สีหน้าของจ้าวเฟิงได้ทำให้เย่หยานหยูพึงพอใจอย่างมาก

ร่างของหญิงสาวบนยอดไม้เหลือเพียงแค่เงาร่างพร่าเลือน

ไม่ดีแล้ว

จ้าวเฟิงเพียงเตรียมตัวจะลงมือ มือเรียวยาวงดงามก็แตะลงที่ไหล่ของเขา

ปราณจิตวิญญาณที่ลึกล้ำราวห้วงมหาสมุทรได้ผนึกปราณจิตวิญญาณในร่างของเขาในเสี้ยววินาที

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยนำแส้อสรพิษโลหิตลึกลับออกมามัดร่างของจ้าวเฟิงไว้อย่างกะทันหัน ใบหน้าปรากฏความพึงพอใจ

“เจ้าคิดว่าขอเสนอเป็นอย่างไร?”

เย่หยานหยูแย้มยิ้มบาง

“ข้าไม่คุย”

จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด”หากเจ้ากดดันข้า ข้าจะไม่สนใจความเป็นตายของตนเอง เอาไอ้แมวขโมยตัวนั้นตายไปกับข้าด้วย”

ไม่ว่าจะอย่างไร

จ้าวเฟิงและแมวขโมยตัวน้อยก็ได้ทำพันธะสัญญาโลหิตสัตว์เลี้ยงกัน

เมื่อทำพันธะสัญญาโลหิตประเภทนี้แล้ว ความเป็นตายของสัตว์เลี้ยงล้วนอยู่ในกำมือของผู้เป็นนาย

“เช่นนั้นเจ้าต้องการอันใด ตราบเท่าที่มันไม่มากเกินไปก็เอ่ยเสนอมา แน่นอนว่าก่อนหน้าที่เจ้าจะล้มเลิกพันธะสัญญาโลหิตสัตว์เลี้ยง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป”

คิ้วงดงามของเย่หยานหยูมุ่นเข้าหากันเล็กๆ รู้สึกปวดศีรษะขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

นางได้แสดงความแข็งแกร่งของนางออกไปแล้ว อีกฝ่ายย่อมไม่มีทางต่อต้านได้

ทว่าจ้าวเฟิงกลับใจแข็ง ใช้พันธะสัญญาโลหิตสัตว์เลี้ยงเป็น ‘ไพ่ตาย’ อย่างมากเพียงตากตายไปพร้อมกัน

“ข้อเสนอ?”

จ้าวเฟิงมีท่าทีตื่นเต้นขึ้นเล็กๆ นี่นับเป็นโอกาสอันดีในการเจรจา

เมื่อเย่หยานหยูเห็นท่าทีของอีกฝ่ายก็อดที่จะทอดถอนใจอย่างโล่งอกไม่ได้

ในโลกใบนี้ ไม่ว่าสิ่งใดก็มีมูลค่า รวมทั้งสัตว์เลี้ยง ตราบเท่าที่จ้าวเฟิงเอ่ยเสนอราคามา เย่หยานหยูก็มีตั๋วเงินพร้อม

“อย่างแรก เจ้าต้องรับรองความปลอดภัยของข้า ต้องไม่จำกัดอิสระของข้า ตัวอย่างเช่นการผนึกปราณจิตวิญญาณหรือมัดมือมัดเท้าข้า”

“อย่างที่สอง ในซากปรักหักพังนี้ สิ่งที่ข้าหาได้ต้องเป็นของข้า และหากข้าต้องการ เจ้าก็ต้องช่วยข้านำมันมา”

“สาม หลังจากออกจากซากปรักหักพัง เจ้าต้องรับรองว่าข้าจะสามารถเป็นศิษย์ของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง”

จ้าวเฟิงเอ่ยความต้องการออกไป

ข้อแรก เย่หยานหยูตอบตกลงในทันที ในสายตาของนาง จ้าวเฟิงไม่อาจหลบหนีออกไปจากเงื้อมมือของนางได้

“ข้าจะไม่จำกัดอิสระของเจ้า แต่เจ้าต้องไม่ออกห่างจากระยะสามลี้รอบกายข้า”

เย่หยานหยูเอ่ย

ข้อที่สอง เย่หยานหยูเองก็ตกลง ทว่าได้กำหนดขีดจำกัดขึ้น นางจะช่วยจ้าวเฟิงเพียงสามครั้งเท่านั้น

สำหรับสิ่งของที่จ้าวเฟิงหาได้ด้วยตนเอง นางจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ตัวอย่างเช่นที่จ้าวเฟิงเพิ่งได้ครอบครอง ‘ราชาผลไม้เร้นมุกสวรรค์’ ก็เป็นของจ้าวเฟิง

ข้อที่สามนั้นเป็นไปตามความต้องการของเย่หยานหยูพอดี

การเข้ามาใน ‘ซากปรักหักพังสือเฉิง’ ของจ้าวเฟิงนั้นมีบางอย่างผิดปกติ ต้องให้ผู้อาวุโสของสำนักตรวจสอบ

นอกจากนั้น เมื่อจ้าวเฟิงตกอยู่ในกำมือของผู้อาวุโสของสำนัก บางทีเรื่องของพันธะสัญญาโลหิตสัตว์เลี้ยงเองก็คงสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย ในยามนั้น เย่หยานหยูย่อมเหนือกว่าอีกฝ่ายในทุกเรื่อง

“สุดท้าย เจ้าต้องคลายผนึกของเจ้าออก แล้วข้าจะยอมล้มเลิกพันธะสัญญาโลหิตสัตว์เลี้ยงกับแมวขโมยตัวน้อยก็ต่อเมื่อมันต้องการเท่านั้น”

จ้าวเฟิงเอ่ยความต้องการของตนเอง

เย่หยานหยูย่อมตกลง ทว่านางก็ได้เปลี่ยนแปลงการกระทำได้อย่างมีเหตุผล

“แมวขโมยตัวน้อย ปล่อยเจ้านายคนก่อนของเจ้าสิ”

เย่หยานหยูแย้มยิ้มอย่างสบายใจ

นางจงใจเอ่ยคำว่าเจ้านาย ‘คนก่อน’ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

หลังจากถูกปล่อยตัว จ้าวเฟิงมีท่าทีไร้ความรู้สึก เย่หยานหยูได้ทำตามข้อตกลง คลายผนึกปราณจิตวิญญาณที่นางผนึกไว้ก่อนหน้า

เมื่อได้รับอิสระ จ้าวเฟิงก็หมุนตัวเดินออกไป

“ความเร็วการเคลื่อนไหวของเจ้าแม้จะดี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าแล้วก็ไม่มีโอกาสหรอก”

เย่หยานหยูเอ่ยเตือนเล็กๆ

จ้าวเฟิงไม่ให้ความสนใจอีกฝ่าย กลับไปยังรอยแยกของภูเขาก่อนหน้าก่อนจะนั่งขัดสมาธิ

เด็กหนุ่มได้นำ ‘ราชาผลไม้เร้นมุกสวรรค์’ ออกมาด้วยท่าทีสบายๆ

“เจ้าทำอันใด?”

เย่หยานหยูเพ่งมอง

“ตอนนี้ข้าจะปิดด่านทะลวงขั้น”

จ้าวเฟิงกลืน ‘ราชาผลไม้เร้นมุกสวรรค์’ เข้าไปอย่างง่ายๆ ก่อนจะปิดตาฝึกตน

“ปิดด่าน?”

“อย่างที่เจ้าบอกว่าหากข้ากินราชาผลไม้เร้นมุกสวรรค์เข้าไป จะมีโอกาสห้าในสิบส่วนที่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสูงได้สำเร็จ แต่เจ้า… ต้องมาเป็นผู้คุ้มกันให้ข้า”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version