Skip to content

King of Gods 401

King Of Gods

บทที่ 401 : แมงป่องยักษ์โบราณ

‘การเปลี่ยนเจ้าของ’ ของแมวขโมยตัวน้อยยากที่จะเปลี่ยนลักษณะนิสัยของมันได้ ใช้การพยากรณ์อีกครั้ง

เย่หยานหยูมองมันชี้ทิศทาง ท่าทีเชื่อมั่นอย่างมาก

ตั้งแต่ที่นางพบกับแมวขโมยตัวน้อย ดวงของเย่หยานหยูในซากปรักหักพังนี้ก็ยอดเยี่ยมยิ่งนัก การค้นพบหุบเขาแห่งนี้เองก็เป็นการชี้ทางของแมวขโมยตัวน้อย

ในใจของนาง นางได้นับแมวขโมยตัวน้อยเป็น ‘แมวนำโชค’ ของนางไปแล้ว

จ้าวเฟิงท่าทีไร้ความรู้สึก ตามหนึ่งคนหนึ่งแมวไป

จากเส้นทางที่แมวขโมยตัวน้อยบอก เบื้องหน้าได้ปรากฏทุ่งหญ้าสีเขียวอมน้ำเงิน ไอสวรรค์ในบริเวณนี้เต็มไปด้วยความตื่นตัว วัชพืชบางส่วนกระทั่งสูงเท่าตัวคนคนหนึ่งหรือสองคนได้

ครืนนน

เปรี้ยง เคร้ง

ส่วนลึกของทุ่งหญ้าได้ปรากฏเสียงคำรามของสัตว์ปีศาจขึ้น ตามด้วยเสียงฝีเท้าหนักหน่วงที่สั่นสะท้านไปถึงดวงวิญญาณ

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงได้มองเห็นไปก่อนหน้าแล้ว รับรู้ได้ถึงร่องรอยของฝูงสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่ง

หากเขามาตัวคนเดียวย่อมหวาดกลัวและล่าถอยไป

ควรรู้ว่าในซากปรักหักพังสือเฉิงนี้ ฝูงสัตว์ปีศาจส่วนมากมักจะสามารถต่อกรกับขั้นนายเหนือแท้ได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงในหุบเขาลึกลับนี้เลย

ทว่า บัดนี้มีเย่หยานหยู ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้คอยนำ จ้าวเฟิงย่อมไม่ต้องเป็นกังวล

เพียงเข้าไปในเขตทุ่งหญ้าหนึ่งร้อยหลา เบื้องหน้าก็พลันเต็มไปด้วยเสียงคำรามของวัวเหล็กที่สูงหลายฟุต เบื้องหลังปรากฏเขาเหล็กแหลม ร่างกายแข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการ ทุกการเคลื่อนไหวของมันได้ทำให้พื้นดินสั่นสะท้าน

“วัวคลั่งหลังเหล็ก มีสายเลือดสัตว์อสูรโบราณอยู่เจือจาง พลังแข็งแกร่ง นิสัยดุร้าย สามารถบดขยี้สัตว์ปีศาจในระดับเดียวกันจนตายได้ โดยเฉพาะยามที่มันคลั่งจะกระตุ้นพลังสายเลือดในกาย พลังต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่า”

จ้าวเฟิงรับรู้ถึงตัวตนของสัตว์ปีศาจหายากเบื้องหน้า

‘วัวคลั่งหลังเหล็ก’ เป็นสัตว์ปีศาจที่ล้ำค่าหายากที่ได้สูญพันธ์ไปจากทวีปบุปผาครามไปแล้ว ปรากฏอยู่เพียงในบันทึกโบราณ หรือเชื้อสายที่ไม่บริสุทธิ์บางส่วน

‘วัวคลั่งหลังเหล็ก’ ฝูงนี้มีพลังต่ำที่สุดเทียบได้กับขั้นมนุษย์แท้ หลายตัวมีพลังขั้นผู้วิเศษแท้

และวัวคลั่งหลังเหล็กที่แข็งแกร่งที่สุด พลังต่อสู้เข้าใกล้ขั้นนายเหนือแท้ เป็น ‘ราชา’ ของฝูง

พวกจ้าวเฟิงได้รุกรานเข้าไปในอาณาเขตของวัวคลั่งหลังเหล็กเหล่านี้ พวกมันจึงเริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่งทันที

เปรี้ยง

วัวคลั่งหลังเหล็กมากกว่าร้อยตัวสร้างแรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว ฝุ่นฟุ้งกระจาย พุ่งตรงมายังพวกจ้าวเฟิงทั้งสาม

เย่หยานหยูเผยรอยยิ้มใจเย็น มือขาววาดออก แสงจันทร์สีอ่อนได้พุ่งออกเป็นระลอกคลื่นไปเบื้องหน้า ส่องประกายแสงแหลมคมถึงตายที่กลางอากาศ

จากฉากหน้า การโจมตีของเย่หยานหยูนั้นราวกับปรอทที่ไหลอย่างลื่นไหล งดงามอ่อนโยน ไม่มีพลังอำนาจมากมายแต่อย่างใด

ทว่ารูม่านตาของจ้าวเฟิงกลับหดเล็กลง ปรากฏเศษเสี้ยวความตื่นตะลึงขึ้น

ในงานชุมนุมเซียนมังกรในอดีต การต่อสู้ระหว่างหยูเทียนฮ่าวและซินอู๋เหินก็ดูเรียบง่าย ทว่าการควบคุมพลังและความแม่นยำกลับมีมากจนถึงขีดสุด ทุกการกระทำทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยแก่นแท้ที่พิเศษ สามารถเข่นคร่าผู้ที่อยู่ในขั้นเดียวกันได้ราวกับมดปลวก

สถานการณ์นั้นได้คล้ายคลึงกับความสามารถที่ไม่ธรรมดาของเย่หยานหยู

ฟุ่บ ฟุ่บ

วัวคลั่งหลังเหล็กจำนวนมากที่พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เพียงถูกแสงจันทร์ที่ราวกับปรอทนั้นวาดผ่าน ร่างก็พลันชะงักแข็ง

เสี้ยววินาทีต่อมา

โลหิตได้พุ่งกระฉุดออกจากรูขุมขนของวัวคลั่งหลังเหล็กนับสิบ อาบย้อมร่างกายของพวกมันจนเป็นสีเลือด ล้มลงสิ้นชีพ

บางทีหากเป็นผู้อื่นคงไม่อาจล่วงรู้

แต่ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสามารถเก็บได้ทุกรายละเอียด แสงจันทร์ปรอทสีซีดเหล่านั้นได้ผ่านชั้นผิวหนังและรูขุมขนของวัวคลั่งหลังเหล็กเข้าไปทิ่มแทงอวัยวะภายใน

หรืออีกนัยหนึ่ง

วัวคลั่งหลังเหล็กแต่ล่ะตัวได้ถูกแสงจันทร์ที่ไม่อาจมองเห็นฉีกกระชากภายในจนแหลกเละ

แม้ว่าผิวชั้นนอกของพวกมันจะแข็งแกร่ง แต่เมื่ออวัยวะภายในได้ถูกทิ่มแทงจากรูเล็กๆ ทั่วร่างของมัน มันย่อมไม่มีหนทางต่อต้าน

ภายใต้หนึ่งกระบวนท่าของเย่หยานหยูได้ทำให้วัวคลั่งหลังเหล็กนับสิบสิ้นชีพไปได้ นับว่าน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก

หากเปลี่ยนเป็นจ้าวเฟิง เด็กหนุ่มย่อมไม่มีทางทำเช่นนี้ได้

เพราะพลังป้องกันกายภาพของวัวคลั่งหลังเหล็กเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างมาก ฝ่ามือหนึ่งหรือหนึ่งการมองจัดการได้หนึ่งตัวก็นับว่าดีแล้ว แต่หากจะคิดว่าใช้หนึ่งกระบวนท่าในเสี้ยววินาที จัดการพวกมันได้นับสิบ กระทั่งขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปยังไม่อาจทำได้โดยง่าย

หนึ่งกระบวนท่าของเย่หยานหยูคร่าชีวิตของวัวคลั่งหลังเหล็กไปจำนวนมาก ได้สร้างความหวาดกลัวและกราดเกรี้ยวขึ้นให้พวกมันในทันที

วัวคลั่งเหล่านั้น เมื่อเห็นพวกเดียวกันตายไปหลายตัว ดวงตาพลันกลับกลายเป็นสีแดงก่ำ ร่างกายส่องประกายสีแดงดำ ท่าทีบ้าคลั่งกระหายเลือด พลังต่อสู้เพิ่มขึ้นในทันที

“วัวคลั่งหลังเหล็กเสียสติไปแล้ว พลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า”

จ้าวเฟิงรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอย่างมาก ร่างกายรู้สึกติดขัดเล็กๆ

หลังจากที่ฝูงวัวคลั่งหลังเหล็กบ้าคลั่ง มันนับว่ามีพลังเพียงพอที่จะต่อกรกับขั้นนายเหนือแท้ได้

และ ‘ราชาวัวคลั่งหลังเหล็ก’ ที่สูงกว่า 6-7 หลาก็พลันส่งเสียงคำรามที่ทำให้พื้นดินสั่นสะท้านออกมา สร้างพายุสีเขียวแดงอมดำขึ้น พลังต่อสู้เทียบเคียงได้กับขั้นนายเหนือแท้

หากเป็นจ้าวเฟิง เด็กหนุ่มย่อมหนีไปหลบซ่อนอยู่ไกลๆ ไม่คิดที่จะต่อสู้กับอีกฝ่ายตรงๆ

เย่หยานหยูแย้มยิ้มงดงาม เรือนร่างอรชรในอาภรณ์สีฟ้าที่ไร้ซึ่งรอยฝุ่นผงใดๆ ได้พลิ้วกายตรงไปยังร่างของ ‘ราชาวัวคลั่งหลังเหล็ก’ ตรงๆ

ครืนนน

คลื่นแสงจันทร์ได้ส่องประกายออกจากร่างของเย่หยานหยู ทำให้นางดูราวกับเป็นเทพธิดาจันทรา ส่องประกายเจิดจรัสเคียงข้างมวลหมู่ดารา แรงกดดันทรงพลังมหาศาลได้กดทับลงไปยังร่างของ ‘ราชาวัวคลั่งหลังเหล็ก’

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้น วาดแส้อสรพิษโลหิตลึกลับ มัดร่างใหญ่โตของ ‘ราชาวัวคลั่งหลังเหล็ก’ ดูดกลืนโลหิตของมัน

“เป็นเช่นนี้เอง”

จ้าวเฟิงเผยสีหน้าเลื่อนลอยออกมา

ราชาวัวคลั่งหลังเหล็กนั้น แม้ว่าจะระเบิดพลังที่เทียบเคียงได้กับขั้นนายเหนือแท้ออกมา ทว่าหากเย่หยานหยูจะฆ่ามันก็นับเป็นเรื่องง่ายดาย

ทว่าแส้อสรพิษโลหิตลึกลับของแมวขโมยตัวน้อย พลังของมันสามารถพัฒนาขึ้นได้หลังจากที่ดูดกลืนสายเลือดที่แข็งแกร่งเข้าไป ยิ่งพลังสายเลือดที่ดูดกลืนไปแข็งแกร่งเท่าใด ความสามารถของแส้อสรพิษโลหิตลึกลับและจิตวิญญาณของมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

ทุกวันนี้ พลังของแส้อสรพิษโลหิตลึกลับนี้ได้เหนือกว่าอาวุธชั้นจิตวิญญาณระดับกลางทั่วไปแล้ว กระทั่งเหนือกว่าคันศรหลัวซุยของจ้าวเฟิงเล็กๆ

จ้าวเฟิงนำมือไปวางบนบัวดำ เรียกหุ่นเชิดศพทั้งสองออกมา ให้พวกมันกลืนกินเลือดเนื้อของวัวคลั่งหลังเหล็กเข้าไป

ในยามนี้ พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดศพทั้งสองได้อยู่ในขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอด หากกลืนกินเลือดเนื้อที่มีสายเลือดโบราณจางๆ อยู่เข้าไปย่อมส่งเสริมพวกมันได้มาก

เย่หยานหยูเหลือบตามองเล็กๆ ทว่าไม่ได้เอ่ยถาม

สำหรับนาง วัวคลั่งหลังเหล็กเหล่านี้ หรือหุ่นเชิดศพของจ้าวเฟิงต่างก็นับเป็นเพียงมดปลวก ลำบากเพียงดีดนิ้วในการกำจัด

ชั่วขณะต่อมา

โลหิตของราชาวัวคลั่งหลังเหล็กได้หายไปจนหมด เหลือไว้เพียงร่างของวัวคลั่งหลังเหล็กนับร้อย

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยดูดกลืนโลหิตเข้าไปจนเต็มเปี่ยม แสดงท่าทีเย่อหยิ่ง นำทางต่อไปเบื้องหน้า ทำให้เย่หยานหยูหัวเราะครั้งแล้วครั้งเล่า

จ้าวเฟิงสีหน้าไร้อารมณ์ ตลอดทางดวงตาเทพเจ้าค้นพบวัสดุโบราณล้ำค่าบางส่วนให้เด็กหนุ่มไปเก็บ

เย่หยานหยูนำอยู่เบื้องหน้า ปลิดชีพสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งบางส่วน จ้าวเฟิงได้รับผลพลอยได้อยู่บ้าง

ร่างของสัตว์ปีศาจที่ทรงพลังเหล่านั้น ชิ้นส่วนบางอย่างในศพของพวกมัน หากนำไปยังทวีปบุปผาครามอาจกล่าวได้ว่าไม่อาจประเมินค่าได้

จ้าวเฟิงเริ่มเก็บของน้อยลง รู้สึกไม่พอใจที่ช่องเก็บของมิติของตนเองมีที่ไม่มากนัก

เย่หยานหยูตาสูง มีเพียงวัสดุที่ล้ำค่าอย่างมากจึงจะเก็บไป ชัดเจนว่าสภาพแวดล้อมในสำนักของนาง ในด้านของทรัพยากรนั้นมีมากมาย เมื่อเทียบกับสิบยอดสำนักแห่งทวีปแล้วยังเหนือกว่านับสิบเท่า

สถานที่บางแห่ง

พื้นเบื้องหน้าได้สั่นสะท้านเล็กๆ เสียงกรีดร้องที่แทบจะทิ่มแทงภูเขาและชั้นเมฆมาพร้อมกับกลิ่นอายที่น่าพรั่นพรึงอย่างไม่อาจอธิบาย

โลหิตในกายของจ้าวเฟิงสั่นสะท้านเล็กๆ ปราณจิตวิญญาณราวกับถูกกดทับ พลังสายเลือดรับรู้ได้ถึงบางอย่าง

“กลิ่นอายสายเลือดโบราณ บริสุทธิ์กว่าวัวคลั่งหลังเหล็กนับสิบเท่า”

หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุกวูบ

ตั้งแต่ที่เข้ามาใน ‘ซากปรักหักพังสือเฉิง’ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงกลิ่นอายของสัตว์ปีศาจและสายเลือดโบราณที่แข็งแกร่งเพียงนี้

ส่วนลึกของทุ่งหญ้า เบื้องหน้าถ้ำขนาดใหญ่บนภูเขาได้ปรากฏร่างของมนุษย์จำนวนมากกับแมงป่องยักษ์สีดำสนิทที่ตัวใหญ่โตราวภูเขาขึ้น

เคร้ง

ทั่วทั้งร่างของแมงป่องยักษ์สีดำราวกับสร้างขึ้นมาจากโลหะ ส่องประกายโลหะเย็นเยียบ ต้านทานการโจมตีจำนวนมาก ปรากฏประกายไฟขึ้นทั่วร่าง

การโจมตีของผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้บางคนไม่แม้แต่จะทิ้งรอยไว้บนร่างของมันได้

ร่างจำนวนมาก ณ ที่แห่งนั้นได้รักษาระยะห่างกับเป้าหมายไว้อย่างเหนียวแน่น การโจมตีไม่ต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด

ในที่แห่งนั้นได้ปรากฏศพจากตำหนักมารจันทราและตำหนักผาดำขึ้น 4-5 ศพ

“ทุกคนระวังด้วย แมงป่องยักษ์โบราณนี่มีพิษ ผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขั้นแก่นก่อกำเนิดเมื่อสัมผัสจะตายทันที ต้องรักษาระยะห่าง”

ชายหนุ่มจมูกดำ ‘ชื่อกุ้ย’ นำอัจฉริยะจากตำหนักผาดำต่อสู้กับแมงป่องยักษ์โบราณ

ข้างกายชื่อกุ้ยคือชายหนุ่มชุดสีเลือดจากตำหนักมารจันทรา สองยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ร่วมมือกันต่อกรกับแมงป่องยักษ์โบราณ ทว่าก็ยังไม่อาจได้เปรียบ

หากไม่ใช่เพราะอัจฉริยะจากตำหนักผาดำมีซากศพ โครงกระดูก และภูตผีอยู่จำนวนมากที่สามารถต่อต้านพิษได้ น่ากลัวว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับแมงป่องยักษ์โบราณได้

ฟุ่บ

ในยามนี้

เย่หยานหยูและจ้าวเฟิงได้มาถึงอย่างเงียบงัน มองสถานการณ์

“ระดับพลังสายเลือดของแมงป่องยักษ์โบราณนี่สูงส่งนัก ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้สองคนกับอัจฉริยะมากมายเพียงนี้ร่วมมือกัน ทว่าก็ยังไม่อาจได้เปรียบ”

จ้าวเฟิงรักษาสีหน้า

แมงป่องยักษ์โบราณนั่น กระทั่งขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปยังไม่กล้าที่จะต่อกรด้วยตรงๆ หากเปลี่ยนเป็นจ้าวเฟิง จะมีกี่ชีวิตก็คงไม่พอ

มีเพียงแค่ ‘ชื่อกุ้ย’ จากตำหนักผาดำที่ควบคุมโครงกระดูกลายเงินขั้นนายเหนือแท้ รวมทั้งวิญญาณที่มีพลังต่อสู้เข้าใกล้ขั้นนายเหนือแท้อย่างมากอีก 4-5 ตนเข้าดึงดูดความสนใจของแมงป่องยักษ์โบราณจึงสามารถโจมตีต่อได้

มีเพียงแค่ภูตผีเหล่านี้ที่ไม่หวาดกลัวพิษของแมงป่องยักษ์

หลังจากที่เย่หยานหยูมาถึงก็ได้เผยสีหน้าย่ำแย่ออกมาอย่างช่วยไม่ได้”แมงป่องยักษ์โบราณนี่ระดับของสายเลือดสูงส่งนัก กระทั่งเหนือกว่าอัจฉริยะส่วนมากที่เข้ามาในซากปรักหักพังสือเฉิงไปอย่างมาก นอกจากนั้นมันยังระมัดระวังตัวอยู่ในระดับหนึ่ง ไม่ได้ทุ่มสุดตัวจริงๆ”

เมื่อจ้าวเฟิงได้ยินเช่นนั้น ในใจก็เห็นด้วย

สายเลือดโบราณของแมงป่องยักษ์โบราณนี้แข็งแกร่งอย่างมาก ได้ทำให้พลังสายเลือดในร่างของจ้าวเฟิงรู้สึกถึงแรงกดดันได้

เพราะสายเลือดในร่างของสัตว์ปีศาจตัวนี้บริสุทธิ์ยิ่งนักเมื่อเทียบกับวัวคลั่งหลังเหล็กก่อนหน้าที่มีสายเลือดโบราณเพียงเจือจาง

“แมงป่องยักษ์โบราณนี่มากมายนัก ตำหนักผาดำและตำหนักมารจันทราร่วมมือกันยังยากที่จะชนะ เหตุใดจึงต้องลงมือลงแรงมากเพียงนี้?”

ในใจของจ้าวเฟิงปรากฏความสงสัยขึ้น

การกระทำเช่นนี้ได้สร้างผลประโยชน์ใดให้แก่สองยอดสำนักกัน?

จากนั้น

เด็กหนุ่มจึงเปิดดวงตาเทพเจ้า ทำความเข้าใจถึงสถานการณ์เบื้อหงน้า

ไม่ช้า

เขาก็เข้าใจถึงเหตุผล

ถ้ำขนาดใหญ่เบื้องหลังแมงป่องยักษ์โบราณนี้ ภายในได้ปรากฏกลิ่นอายบางอย่างขึ้น

ชื่อกุ้ยและผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ชุดสีเลือดจากตำหนักมารจันทราได้พยายามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของแมงป่องยักษ์โบราณหลายครั้งครา ทว่าสุดท้ายแล้วก็ล้มเหลว

แมงป่องยักษ์โบราณได้ป้องกันทางเข้าถ้ำยักษ์อย่างหนาแน่น ไม่หลีกทาง

“ไอ้เวรนี่ ไม่ถูกหลอกเลย”

ชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดพยายามล่อมันไปหลายครั้ง ทว่าก็ล้มเหลว

เพราะแมงป่องยักษ์โบราณต้องป้องกันทางเข้า มันจึงไม่อาจลงมืออย่างสุดตัวได้

หรือมิเช่นนั้น จำนวนคนตายของตำหนักผาดำและตำหนักมารจันทราที่พ่ายแพ้ให้แก่การโจมตีอย่างบ้าคลั่งของแมงป่องยักษ์โบราณย่อมไม่หยุดอยู่แค่นี้

เย่หยานหยูย่อมเห็นถึงจุดนี้ นัยน์ตางดงามส่องประกายวูบ มองไปยังถ้ำเบื้องหลังของแมงป่องยักษ์โบราณครั้งแล้วครั้งเล่า

“ในถ้ำนั่นต้องมีของสำคัญอยู่เป็นแน่ กระทั่งทำให้แมงป่องยักษ์นี่ต้องมาป้องกัน ตัวอย่างเช่นลูกแมงป่องยักษ์ หรือสมบัติล้ำค่าอื่นๆ ที่ทำให้แมงป่องยักษ์โบราณที่มีสติปัญญาสูงนี้ต้องเฝ้าอย่างหวงแหน ไม่อาจจากไปได้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version