Skip to content

King of Gods 434

King Of Gods

บทที่ 434 : การต่อสู้ข้ามระยะทาง

ซากปรักหักพังสือเฉิง

หุบเขาลึกลับ ท่ามกลางส่วนลึกของพุ่มไม้หนา

ร่างของจ้าวเฟิงราวกับไร้ซึ่งดวงวิญญาณ สีหน้าว่างเปล่าไร้ความรู้สึก เรือนผมสีฟ้าพลิ้วไหว สร้างแรงกดดันน่าพรั่นพรึงที่ไม่อาจมองเห็นได้ออกมาประการหนึ่ง

ข้างกายของเด็กหนุ่มปรากฏหุ่นเชิดศพลายเงินสูงสองจ้าง รูปลักษณ์ดุร้ายโหดเหี้ยม เขี้ยวแหลมคมสีโลหิตเต็มปาก พลังฝึกตนเทียบได้กับขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำ นับเป็นองครักษ์เดนตายที่ซื่อสัตย์อย่างถวายหัว

ทว่าในยามนี้

หุ่นเชิดศพลายเงินที่มีพลังถึงขั้นนายเหนือแท้กลับสั่นสะท้าน เต็มไปด้วยความหวาดกลัวกระวนกระวายอย่างไม่อาจอธิบาย

กระทั่ง ‘หอคอยพฤกษาปีศาจ’ ที่คอยปกป้องทั้งสองอยู่ก็อยากจะมุดดินหนีหายไปให้ห่างจากกลิ่นอายนั้น มันส่งเสียงถอนหายใจอย่างหดหู่ ปรากฏความสิ้นหวังอยู่เจือจาง

หลายลี้ห่างออกไป

ร่างเกียจคร้านของ ‘ลู่เทียนอี้’ ดูได้รับแรงกดดันอย่างเห็นได้ชัด ทุกย่างก้าวหนักหน่วง ทุกการเคลื่อนไหวการกระทำ ไอสวรรค์รอบกายในระยะหลายลี้ถูกดูดกลืนโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง พลังอำนาจที่แข็งแกร่งสร้างปรากฏการณ์ต่างๆ มากมาย สายลมพัดกระโชก สายฟ้าส่งเสียงร้องครืนคราง แสงเงาส่องประกายแปล๊บปล๊าบ

ทุกหนึ่งก้าวของเขาจะรนระยะลงไปครึ่งลี้

ราวกับว่าลู่เทียนอี้ได้กลายเป้นศูนย์กลางน้ำวนของไอสวรรค์อัสนี ในระดับของเขา การตอบสนองของไอสวรรคือัสนีได้เหนือกว่าขั้นนายเหนือแท้ไปไกลแล้ว

ศิษย์จากสามสำนักที่อยู่ ณ ที่นั้น รวมทั้งอัจฉริยะขั้นนายเหนือแท้บางคนต่างก็ตื่นตะลึงอยู่ในใจ

“เมื่อศิษย์พี่ลู่ลงมือ แม้ปีศาจต้นไม้นั่นจะอยู่ในสภาวะสมบูรณ์พร้อมก็ยากที่จะต่อต้านการโจมตีของพวกเราได้”

อัจฉริยะจากสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างผงกศีรษะ ในน้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและคาดหวัง

เย่หยานหยูยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน อาภรณ์สีฟ้าสร้างภาพลักษณ์คลุมเครือราวกับเป็นเทพเซียน นางเอ่ยเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ”ศิษย์พี่ลู่ลงมือเอง แม้จะเป็นหอคอยพฤกษาปีศาจนั่นก็ยากที่จะป้องกันจ้าวเฟิงได้ คงไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน”

ในด้านความแข็งแกร่ง ศิษย์พี่ลู่อาจเรียกได้ว่าแตกต่างกับหอคอยพฤกษาปีศาจไม่มากนัก

ทว่าในยามนี้

หอคอยพฤกษาปีศาจได้รับบาดเจ็บอย่างมาก ความแข็งแกร่งด้อยลง ไม่ได้อยู่ในสภาวะสมบูรณ์พร้อม ทั้งยังมีช่องว่างอย่างชัดเจน

เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว เย่หยานหยูก็อดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปยังสิ่งที่อยู่กลางท้องนภาห่างออกไป

ท่ามกลางหมู่เมฆ

ดวงตาสีฟ้าใสราวผลึก เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของท้องนภา มองลงมาด้วยสายตาเฉยชาจากมุมมองที่สูงกว่า

การคงอยู่ของเนตรสวรรค์ได้สร้างแรงกดดันและความกระวนกระวายอย่างไม่อาจสงบใจได้ให้กับศิษย์ของสามสำนัก เหมือนกับเงาในใจที่ไม่อาจลบออกไปได้

ยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้หลายคน เมื่อเผชิญหน้ากับ ‘เนตรสวรรค์’ นั้นยังรู้สึกทรมาน จิตใจสั่นไหวหวาดกลัว ไม่อาจที่จะรวบรวมแรงใจต่อต้านมันได้

ด้วยเหตุใดไม่อาจทราบ ตราบเท่าที่ ‘มัน’ ยังคงเคลื่อนไหว เย่หยานหยูก็ไม่อาจที่จะทำใจให้สงบลงได้

ทันใดนั้น!

ย่างก้าวของลู่เทียนอี้ก็เชื่องช้าลง

แรงกดดันและกลิ่นอายเย็นเยียบเกินธรรมดาที่ทิ่มแทงไปยังดวงวิญญาณจาก ‘เนตรสวรรค์’ พลันเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิง

ศิษย์จากสามสำนักถูกไอเย็นเยียบนั้นทำให้ร่างสั่นสะท้าน เมื่อสายตาสบเข้ากับเนตรสวรรค์ ความเย็นในอากาศก็ราวกับจะแทรกซึมลึกเข้าไปในดวงวิญญาณมากกว่าเก่า

“ทุกคนระวัง! อย่ามองไปที่ดวงตานั่น!”

ชื่อกุ้ยตระหนักขึ้นได้ เอ่ยตวาดเสียงต่ำ

ในยามนี้ ระดับของวิชาดวงตาที่เนตรสวรรค์ใช้ออกได้พัฒนาไปอีกระดับ เพียงแค่มองขึ้นไปเขาก็แทบจะต้านทานไม่ไหวแล้ว

ทว่าผู้ที่ต้องต้านทาน ‘เนตรสวรรค์’ ที่แท้จริงคือลู่เทียนอี้!

อัจฉริยะจากสามสำนักคนอื่นๆ เพียงได้รับลูกหลงจากพลังนั้น ทั้งยังอยู่ห่างออกไปหลายลี้

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปก็ยังไม่กล้าที่จะมองไปยังเนตรสวรรค์ที่อยู่เหนือศีรษะตรงๆ

พวกเขาถูกขวางกั้นด้วยผืนป่าโบราณ ทั้งยังถูกซากปรักหักพังปิดกั้นประสาทสัมผัส ทำให้พวกเขาไม่อาจกระทั่งมองเห็นจ้าวเฟิงได้

ช่องทางที่เชื่อมต่อพวกเขาเอาไว้มีเพียงแค่เนตรสวรรค์นั่น

“จ้าวเฟิงผู้นี้… ปิดบังไว้มากนัก กระทั่งมีวิชาเช่นนี้ สามารถประลองกับข้าและศิษย์จากสามสำนักคนอื่นๆ ผ่านระยะทางไกลได้”

ชื่อกุ้ยสูดลมหายใจเข้าลึก

โชคดีที่เป้าหมายที่จ้าวเฟิงเพ่งเล็งไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นลู่เทียนอี้

ในยามนี้ พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงนั้นแข็งแกร่งเกินจินตนาการ กระทั่งเหนือกว่าผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดทั่วไป

เมื่อวิกฤตอยู่เบื้องหน้า หอคอยพฤกษาปีศาจก็สนับสนุนเขาอย่างไม่คิดชีวิตด้วยแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษา

ในสภาวะเนตรสวรรค์ ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงได้ดูดกลืนพลังของแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษาเข้าไปอย่างรวดเร็ว และภายใต้พลังระดับสูงนั้น มันได้ช่วยเพิ่มระดับขอบเขตจิตวิญญาณของเขาได้เป็นอย่างดี

“ไอ้เด็กเวร… อย่าให้ข้าเข้าใกล้เจ้าได้นะ!”

ท่าทีและน้ำเสียงของลู่เทียนอี้เต็มไปด้วยความดุดัน ดวงตาทั้งสองส่องประกายราวกับดวงจันทร์ยามค่ำคืน ส่องประกายเย็นเยียบจากจิตสังหาร ราวกับจะสามารถทิ่มแทงจิตใจของเป้าหมายได้

ทว่าสตินึกคิดของเขา และกระทั่งร่างกายของเขากลับราวกับตกลงสู่หล่มน้ำแข็ง ทั้งเชื่องช้าแข็งเกร็งอย่างมาก

ทุกการเคลื่อนไหวของเขา กระทั่งแต่ล่ะความคิดยังต้องใช้เวลามากกว่าปกติหลายเท่าตัว

สิ่งที่ทำให้ลู่เทียนอี้หงุดหงิดคือ เขามีพลังต่อสู้ที่แทบจะไร้คู่ต่อสู้ ทว่ากลับไม่แม้แต่จะเห็นชายเสื้อของอีกฝ่าย

การต่อสู้ข้ามระยะทางไกลคือลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของเนตรสวรรค์

สถานที่ที่เนตรสวรรค์สามารถเฝ้ามองนั้นสามารถทำให้เป้าหมายรู้สึกตัวได้ ทั้งยังสามารถใช้วิชาดวงตาผ่านระยะทางไกลได้

การปลิดหัวศัตรูที่อยู่ห่างออกไปนับพันลี้ในตำนานได้กลายเป็นความจริงด้วยฝีมือของจ้าวเฟิง

ศิษย์จากสามสำนักที่อยู่ใกล้ๆ ต่างชะงักงันอย่างอึ้งตะลึง มองร่างของ ‘ลู่เทียนอี้’ ที่แข็งเกร็งเคลื่อนไหวเข้าใกล้หอคอยพฤกษาปีศาจอย่างเชื่องช้า

นี่คือการต่อสู้ที่ไม่อาจมองเห็น

ทุกระยะห่างที่หดสั้นลงคือชัยชนะที่กำลังเข้าใกล้มาของลู่เทียนอี้

“หากลู่เทียนอี้เข้ามาใกล้ได้ ข้าคงไม่อาจต่อต้านได้มากนัก”

สตินึกคิดของจ้าวเฟิงมองจากมุมมองของปักษา เห็นทุกการเคลื่อนไหวเบื้องล่าง

ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างทำให้ขอบเขตจิตวิญญาณของเขาสามารถบรรลุเข้าสู่ระดับที่สามารถปะทะกับลู่เทียนอี้ได้

ทว่าหากพูดถึงพลังต่อสู้ ลู่เทียนอี้แทบจะมีโอกาสในการท้าทายผู้สูงศักดิ์ในอขบเขตแก่นก่อกำเนิดได้ อย่างน้อยก็อยู่ในระดับเดียวกับรองจ้าวลัทธิโลหะเลือดหรือยอดผู้อาวุโสของอาณาจักรนภาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

เมื่อลู่เทียนอี้เข้ามาใกล้ได้ จ้าวเฟิงจะตกอยู่ในอันตราย!

เป็นเรื่องดีที่เป้าหมายของเด็กหนุ่มไม่ใช่การต่อสู้กับลู่เทียนอี้และศิษย์คนอื่นๆ จากสามสำนัก

การที่เขาตัวคนเดียวต่อสู้กับอัจฉริยะนับร้อยจากสามสำนัก กระทั่งสามารถทำให้คนเหล่านั้นล่าถอยไปและทำลายการร่วมมือกันของสิบยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ลงได้สำเร็จ ทั้งหมดนี่ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว

ไป!

สายตาของจ้าวเฟิงมองผ่านหมู่เมฆตรงไปยังหุ่นเชิดศพลายเงินที่อยู่ข้างกายของตนเอง

แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างถึงที่สุด อย่างมากก็ทำได้เพียงแค่ถ่วงเวลาลู่เทียนอี้ไว้ด้วย ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’

ฟึ่บ

ลู่เทียนอี้เพียงเข้าใกล้หอคอยพฤกษาปีศาจได้ในระยะหนึ่งหรือสองร้อยจ้าง หุ่นเชิดศพลายเงินที่มีพลังขั้นนายเหนือแท้ก็กระโจนเข้ามา

“น่าชังนัก! ไอ้เด็กนี่มิคาด…”

ชื่อกุ้ยที่ติดตามไปเบื้องหลังสีหน้าค่อนข้างอับอาย หุ่นเชิดศพลายเงินนี้ ไม่นานมานี้ยังเป็นหุ่นเชิดศพที่เขาใช้เวลาหลายปีเพาะสร้างขึ้นมาอยู่

เขาเห็นด้วยตาตนเองว่ายามที่ลู่เทียนอี้จัดการหุ่นเชิดศพลายเงินขั้นนายเหนือแท้ เขาไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง

แม้ว่าจะมี ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ ของเด็กหนุ่มตระกูลคอยขวางมือขวางเท้า ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปก็ยังลำบากเขาเพียงแค่ดีดนิ้วในการกำจัด

เนตรคุกลวงตา!

เนตรสวรรค์กลางเวาหาพลันส่งระลอกคลื่นพลังจิตที่ทรงพลังออกมา

ลู่เทียนอี้เพียงรู้สึกเพียงว่าเนตรสวรรค์ที่เขามองเห็นได้แผ่ขยายออกอย่างไร้จุดสิ้นสุด ราวกับจะขยายไปถึงอีกฝั่งหนึ่งของโลกได้

ฟึ่บ!

สตินึกคิดของลู่เทียนอี้ได้ปรากฏอยู่ท่ามกลางดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง ความเย็นในอากาศหนาแน่นเกินกว่าจะอธิบาย

เขาอยู่ในคุกน้ำแข็งอัสนีที่พยายามฉุดรั้งเขาไว้

โซ่อัสนีมัดมือเท้าของลู่เทียนอี้สั่นสะท้านส่งเสียงเคร้งคร้างไม่หยุด

“เจ้าคือจ้าวเฟิงนั่น…”

นัยน์ตาทั้งสองข้างของลู่เทียนอี้เย็นเยียบ มองตรงไปยังเด็กหนุ่มผมฟ้าที่อยู่ห่างออกไปเพียงเอื้อมมือ

ตั้งแต่ที่เริ่มปะทะกับอีกฝ่ายมา เขาได้เห็นรูปร่างของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ทั้งยังเป็นเพียงภาพร่างที่พร่าเลือนเท่านั้น

ไม่รู้ว่ามันคือความตั้งใจของจ้าวเฟิงหรือไม่ที่ทำให้ลู่เทียนอี้ไม่อาจมองเห็นรูปลักษณ์ของเขาได้อย่างชัดเจน

หรืออีกนัยหนึ่ง

ลู่เทียนอี้ยังไม่อาจเอื้อมมือไปถึง ‘จ้าวเฟิง’ ที่แท้จริงได้ การลงมือของอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องเผยรูปลักษณ์ให้เขาเห็น

เมื่อคิดไปคิดมา ลู่เทียนอี้พลันรับรู้ได้ถึงความน่าพรั่นพรึงของคนผู้นี้ ไม่แปลกใจเลยที่อีกฝ่ายสามารถทำให้พันธมิตรของศิษย์จากสามสำนักและสิบยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ล่าถอยไปได้

ทำลาย!

ดวงตาเย็นเยียบของลู่เทียนอี้ปรากฏจิตตั้งมั่นที่แหลมคมอย่างไม่อาจเทียบ ทำลาย ‘เนตรคุกลวงตา’ ออกไปตรงๆ

“เป็นจิตตั้งมั่นที่แข็งแกร่งยิ่งนัก! สามารถทำลาย ‘เนตรคุกลวงตา’ ของข้าลงได้ตรงๆ”

จ้าวเฟิงที่อยู่ท่ามกลางหมู่เมฆเปลี่ยนสีหน้าไปอย่างรุนแรงขณะมองลงไปเบื้องล่าง

จิตตั้งมั่นในระดับเดียวกันนั้น จ้าวเฟิงเคยรับรู้ได้จากหยูเทียนฮ่าวเพียงผู้เดียว

จิตตั้งมั่นของลู่เทียนอี้ แม้ว่าเทียบกับหยูเทียนฮ่าวแล้วจะไม่พิเศษ ทว่าจิตตั้งมั่นของฝ่ายหลังมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับสายเลือด ทว่าขอบเขตจิตวิญญาณของลู่เทียนอี้ โดยเฉพาะพลังฝึกตนของเขานั้นอยู่ในระดับสูงกว่า

ในเวลาเดียวกัน

หุ่นเชิดศพลายเงินที่อยู่บนรากไม้ได้ทะยานร่างตรงไปยังลู่เทียนอี้ เริ่มการโจมตี

ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์!

เนตรสวรรค์กลางท้องนภาได้ควบรวมลำแสงสีรุ้งเย็นเยียบพุ่งตรงไปยังร่างของลู่เทียนอี้

ครืนนน เปรี้ยง!

ร่างของลู่เทียนอี้สั่นสะท้าน มองพลังความเย็นที่ทิ่มแทงร่างและแช่แข็งดวงวิญญาณของตนอย่างดูแคลน

ในสภาวะเนตรสวรรค์ ขอบเขตจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงนั้นสูงอย่างที่ไม่อาจเทียบ พลังของวิชาดวงตาทั้งหลายเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด

เพราะมีการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากหอคอยพฤกษาปีศาจ จ้าวเฟิงจึงสามารถใช้พลังอย่างสิ้นเปลืองได้และเริ่มโจมตีอย่างต่อเนื่อง

โจมตี!

หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุกวูบ นี่คือโอกาสทองที่จะใช้หุ่นเชิดศพลายเงินโจมตีลู่เทียนอี้

ในยามนี้

ลู่เทียนอี้ถูกลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์โจมตีร่างกายและจิตใจ ทำให้ทั้งสองสิ่งแข็งค้างอย่างไม่อาจเทียบ เกือบจะสิ้นสติไป

เคร้ง

หุ่นเชิดศพลายเงินเปิดปากใหญ่ของมันออกกว้าง ใช้เขี้ยวเล็บที่แหลมคมจู่โจมไปยังลู่เทียนอี้

ครืนนน เปรี้ยง!

ปราณจิตวิญญาณสีทองจางส่องประกายบนร่างของลู่เทียนอี้ป้องกันการโจมตี กระแทกร่างของหุ่นเชิดศพลายเงินจนกระเด็นลอยออกไป

เปรี้ยะ!

แขนข้างหนึ่งของหุ่นเชิดศพลายเงินหักลงในทันที ร่างของมันแทบจะแยกออกเป็นสองส่วนตรงช่วงกลางลำตัว

“เป็นไปได้อย่างไร… มิคาดว่าปราณจิตวิญญาณที่ใช้ป้องกันจะสามารถโจมตีได้รุนแรงเช่นนี้”

จ้าวเฟิงเคร่งเครียด

ลู่เทียนอี้ถูกแช่แข็งสตินึกคิด ถูกลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์โจมตี ทั้งช่องว่างที่เกิดขึ้นยังมีหุ่นเชิดศพลายเงินฉวยโอกาส

ทั้งหมดนี่คือแผนการของจ้าวเฟิง

ทว่าเขาไม่คิดว่าหุ่นเชิดศพลายเงินจะไม่เพียงแค่ไม่สามารถทำลายปราณจิตวิญญาณชั้นนอกของลู่เทียนอี้ได้ ทว่ายังเกือบจะพังอีกต่างหาก

ดังนั้นจึงสามารถยืนยันได้ว่าพลังต่อสู้ของลู่เทียนอี้สามารถเทียบกับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้ ไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินว่าก่อนหน้าเขาสามารถหลบหนีจากการไล่ล่าของสัตว์ปีศาจในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้

สลาย!

ฝ่ามือของลู่เทียนอี้วาดออก ส่งร่างของหุ่นเชิดศพลายเงินกระเด็นลอยออกไป แสงจันทร์เย็นเยียบระเบิดซ้ำบนร่างของอีกฝ่าย

เปรี้ยง!

หุ่นเชิดศพลายเงินถูกระเบิดด้วยลำแสงสีเงินสว่างจ้า กระเด็นออกไป 1-2 ลี้ กระทั่งไปตกอยู่ใกล้ร่างของหอคอยพฤกษาปีศาจ

“ไอ้เจ้าตัวบัดซบนี่… ใช้หุ่นเชิดศพของข้าเป็นโล่เนื้อไปได้”

ชื่อกุ้ยกัดฟันกรอดอย่างเกลียดชัง

ฟึ่บ!

สตินึกคิดของจ้าวเฟิงกลับสู่ร่างสีหน้าอ่อนแรง ลำแสงสีทองที่ส่องสว่างพุ่งวูบมาถึงร่างของเขาอย่างรวดเร็ว

หากไม่มีพุ่มไม้หนาของหอคอยพฤกษาปีศาจป้องกันพลังส่วนมากไป และจ้าวเฟิงสามารถรับมือกับพลังส่วนที่เหลือได้ทันท่วงที บางทีเด็กหนุ่มคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว

แม้จะเสียหุ่นเชิดศพลายเงินไป ใบหน้าของจ้าวเฟิงก็ยังคงเรียบเฉย

ข้างกายของเด็กหนุ่มปรากฏหุ่นเชิดศพพิษเงินทมิฬทั้งสองขึ้นอีกครั้ง

นอกจากนั้น

ความคิดของเขาโลดแล่นอย่างรวดเร็ว ในฝ่ามือปรากฏร่างของลูกแมงป่องยักษ์ที่มีขนาดเท่ากำปั้นทารกขึ้น บนร่างปรากฏลวดลายปะปนกัน ดวงตาสีแดงส่องประกายเย็นเยียบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version