Skip to content

King of Gods 456

King Of Gods

บทที่ 456 เปลวเพลิงศพโลหิต

ใจกลางอากาศ

จ้าวตำหนักศพโลหิตฝึกฝนวิชากายาในศาสตร์แห่งศพโลหิต ถูกเพลิงอัสนีและวายุเผาไหม้ทั่วทั้งร่าง เพลิงอัสนีลุกโชนอาละวาด ทิ้งรอยดำไหม้ไปทั่ว

เพลิงอัสนีวายุนั้นได้ลามไปยังโลกวิญญาณ

จ้าวตำหนักศพโลหิตส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา ทำให้หลินทงที่หลบซ่อนอยู่ในหุบเขาต้องหวาดผวา เขาไม่อยากจะเชื่อสายตา จ้าวตำหนักศพโลหิต ยักษ์ใหญ่แห่งพันธมิตร สัตว์ประหลาดโบราณที่มีชีวิตรอดมาจากลัทธิมารจันทราชาดในอดีตกลับถูกไล่ต้อนจากวิชาดวงตาของดาวดาราที่กำลังรุ่งโรจน์ดวงหนึ่งจน จนตรอกเช่นนั้น

พลังที่เปลี่ยนแปลงไปของ ‘เพลิงอัสนีเนตรเทพเจ้า’ ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อครุ่นคิดไปเล็กน้อย ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเข้าใจขึ้นมา แต่เดิม เขาได้ทำความเข้าใจในเสวียนอ้าวของ ‘อนุสรณ์วายุอัสนีโบราณ’ ผ่านหน่อสำนักรู้และหลอมรวมมันเข้าไปในแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณ หรืออีกนัยหนึ่ง เพลิงจิตวิญญาณในร่างของเขาได้มีธาตุสายลมและสายฟ้า ทำให้เพลิงจิตวิญญาณนั้นกลายเป็น ‘เพลิงจิตวิญญาณอัสนีวายุ’

ทว่า

พลังของจ้าวตำหนักศพโลหิตไม่ใช่น้อย ทั้งที่มันไม่ได้ป้องกันการโจมตีนี้ รับ ‘เพลิงอัสนีวายุเทพเจ้า’ เข้าไปตรงๆ ทว่ายังไม่ล้มลงพ่ายแพ้ในทันที หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ที่มีพลังอ่อนคนอื่นๆ หากไม่ตายก็ต้องเสียเนื้อหนัง

“เปลวเพลิงศพโลหิต!”

นัยน์ตาของจ้าวตำหนักศพโลหิตปรากฏเปลวไฟสีม่วงแดงขึ้น บรรยากาศเย็นเยียบแพร่กระจายไปทั่วหุบเขา

ครืนนน เปรี้ยง

ลวดลายสีเงินบนร่างของศพโลหิตเต้นตุบ ปรากฏเปลวเพลิงสีม่วงแดงเข้ม ตามมาด้วยสายลมเย็นเยียบที่พัดโอบล้อม ทันใดนั้น เพลิงสีม่วงแดงที่ทุกท่วมร่างของมันก็กัดกร่อนเพลิงอัสนีวายุ กัดแทะสลายไปทีล่ะน้อย

หืม!

จ้าวเฟิงรู้สึกเพียงว่ากลิ่นอายบนร่างของจ้าวตำหนักศพโลหิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพลิงวิญญาณในศาสตร์แห่งศพในร่างของอีกฝ่ายมีพลังน่าตื่นตะลึง สามารถต่อต้านสลายเพลิงอัสนีวายุของตนเองได้ในระดับหนึ่ง

เด็กหนุ่มเค้นเสียงเย็น เตรียมที่จะใช้เพิงอัสนีเนตรเทพเจ้าอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่สามารถคร่าชีวิตจ้าวตำหนักศพโลหิตได้ ทว่าอย่างน้อยก็ทำให้มันเสียสมาธิได้

ทว่า

เพียงแค่จ้าวเฟิงกระตุ้นโคจรพลังดวงตาก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดอ่อนล้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะอย่างไร การวิวัฒนาการเล็กๆ ของดวงตาเทพเจ้าก็ยังไม่เสถียรอย่างแท้จริง ไม่อาจที่จะใช้พลังดวงตาได้อย่างเต็มที่

ในวินาทีที่จ้าวเฟิงใช้ ‘เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า’ ภาระที่สายเลือดดวงตาต้องแบกรับก็หนักหน่วง ดังนั้นแล้วจึงไม่อาจใช้ซ้ำๆ ติดต่อกันได้ แม้จะเป็นสถานการณ์ปกติ จ้าวเฟิงก็สามารถใช้เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้าติดต่อกันได้เพียงสามครั้งในระยะเวลาเพียง 1-2 ลมหายใจ

ครืนนน

ร่างศพโลหิตของจ้าวตำหนักศพโลหิตดับไฟลงได้ โลหิตในร่างส่องประกายฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว บัดนี้แทบจะไม่เห็นรอยแผล

“พลังฟื้นฟูแข็งแกร่งยิ่ง!”

สีหน้าจ้าวเฟิงขาวซีดลงในที่สุด ค้นพบว่าตนเองค่อนข้างประเมินจ้าวตำหนักศพโลหิตต่ำไป จะอย่างไร ในอดีตจ้าวตำหนักศพโลหิตก็คือผู้คุ้มครองสาขาของลัทธิมารจันทราชาด ทั้งยังอยู่ในช่วงเวลาจ้าวลัทธิมารจันทราชาดผู้นั้น พลังของมันมีหรือจะธรรมดาดาษดื่น บัดนี้สามารถมั่นใจได้แล้วว่าความรู้ในศาสตร์แห่งศพของจ้าวตำหนักศพโลหิตเมื่อเทียบกับโม่ก่านจากตำหนักผาดำแล้ว มีเพียงแต่จะมากกว่า ไม่น้อยกว่า

โม่ก่านมาจากสำนักระดับสองดาว มรดกและพลังไม่น้อย แต่จะอย่างไรเขาก็เป็นเพียงดาราที่กำลังทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า อายุราว 30 ปีเท่านั้น

ทว่าจ้าวตำหนักศพโลหิตมีชีวิตรอดมาหลายร้อยปี หลอมรวมศาสตร์แห่งโลหิตและซากศพเข้าด้วยกัน

ศาสตร์แห่งซากศพโดดเด่นในการป้องกัน ต่อต้านพิษ พลังกายแข็งแกร่ง มีความสามารถในการเอาชีวิตรอดสูง ทว่าศาสตร์แห่งโลหิตโดดเด่นในการกัดกร่อนและฟื้นฟู เมื่อทั้งสองศาสตร์นี้หลอมรวมกัน พลังต่อสู้ของจ้าวตำหนักศพโลหิตก็เหนือกว่าขั้นนายเหนือแท้ในระดับเดียวกันมาก กระทั่งใกล้เคียงกับรองจ้าวลัทธิโลหะเลือด

“จิจิ ไอ้เด็กเวร… เข้าใจผิดคิดว่าจะสามารถใช้วิชาดวงตาฆ่านายเหนือผู้นี้ได้ หากมันง่ายดายเพียงนั้น หลายร้อยปีก่อนนายเหนือผู้นี้คงถูกจัดการไปแล้วในการโอบล้อมของสิบยอดสำนัก”

จ้าวตำหนักศพโลหิตเลียริมฝีปาก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

จ้าวเฟิงลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

สถานการณ์นี้ตรงข้ามกับที่เขาคิดไว้ หากสามารถจัดการจ้าวตำหนักศพโลหิตได้ง่ายๆ ต่างหากเขาจึงจะคาดไม่ถึงจริงๆ

“ฮี่ฮี่ เช่นนั้นก็มาต่อกันเถอะ”

จ้าวเฟิงไม่ประหลาดใจ ทำเพียงแย้มยิ้ม ร่างจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เสี้ยววินาทีต่อมา

กลางอากาศปรากฏเสียงหวีดหวิวของสายลมและเสียงครืนครางของสายฟ้า เคลื่อนไหวไปมารอบกายของจ้าวตำหนักศพโลหิต

การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

จ้าวตำหนักศพโลหิตอุทานออกมา ไม่คิดว่าจ้าวเฟิงจะรับมือยากและดื้อดึงเพียงนี้ ด้วยความเข้าใจในศาสตร์แห่งศพโลหิตของเขา พลังในการฟื้นฟูแข็งแกร่ง ไม่หวาดกลัวการต่อสู้ยืดเยื้อ

ทว่า

สายเลือดดวงตาที่ลึกลับยากจะคาดเดาของจ้าวเฟิงยังคงทำให้จ้าวตำหนักศพโลหิตต้องรู้สึกกระวนกระวายตื่นตัว

‘เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า’ นั่นแม้จะไม่ได้สร้างอาการบาดเจ็บให้กับจ้าวตำหนักศพโลหิตมากมาย ทว่าความจริงแล้วยังหลงเหลือร่องรอยบาดเจ็บที่ไม่อาจล่วงรู้ไว้ในร่าง โดยเฉพาะความเสียหายของดวงวิญญาณ

สิ่งที่ทำให้หัวใจของจ้าวตำหนักศพโลหิตหล่นวูบคือจ้าวเฟิงไม่ได้มีท่าทีเอาจริง กระทั่งปรากฏความไม่ใส่ใจขึ้นบ้าง ในการต่อสู้ จ้าวเฟิงก็ฝึกตน ทำให้ขอบเขตจิตวิญญาณมั่นคง ฝึกฝน ‘อนุสรณ์วายุอัสนีโบราณ’ ไปด้วย”

“ไอ้เด็กเวร นายเหนือผู้นี้ไม่ว่างมาเล่นกับเจ้า ตราบเท่าที่เจ้ายังอยู่ในแคว้นเมฆาก็ยากที่จะรอดพ้นไปจากพันธมิตรมังกรโลหะได้”

ในใจของจ้าวตำหนักศพโลหิตปรากฏความคิดถอยขึ้น

อาการบาดเจ็บของดวงวิญญาณจาก ‘เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า’ ได้ส่งผลออกมาเล็กน้อยอย่างกะทันหัน ในด้านของความเร็ว คู่ต่อสู้นับว่าเหนือกว่า ทำได้เพียงเล่นกับอีกฝ่ายอย่างแท้จริง โอกาสที่จะเอาชนะจ้าวเฟิงได้ไม่มีในยามนี้ การล่าถอยของจ้าวตำหนักศพโลหิตนับว่าฉลาด

“จะหนี? มีหรือจะง่ายดายเพียงนั้น!”

จ้าวเฟิงหัวเราะคิกคัก ร่างขยับวูบ กลับกลายเป็นกระแสไฟฟ้าไล่ล่าจ้าวตำหนักศพโลหิต

ฟึ่บ ฟึ่บ

กลิ่นอายที่แข็งแกร่งทั้งสองไล่ล่ากันไปในชั้นเมฆที่สุดขอบฟ้า บางครั้งก็ทะยานลงไปในป่าและแม่น้ำ สร้างแรงระเบิดส่งฝุ่นให้ฟุ้งกระจาย

“ไปซะที!”

‘หลินทง’ ที่แอบซ่อนอยู่เหงื่อแตกพลั่ก ปิดบังกลิ่นอาย เตรียมที่จะหาช่องว่างหลบหนีออกไป

ทว่าเพียงแค่ก้าวเท้าก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักบนไหล่

เมี้ยว เมี้ยว

แมวสีเทาเงิน ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยตัวหนึ่งยืนอยู่บนไหล่ของเขา แส้ที่ปรากฏลวดลายโลหิตราวกับอสรพิษ รัดพันร่างเขาไว้ชั้นแล้วชั้นเล่า

“จ้าวเฟิงนั่นเก็บข้าไว้ทำไมกัน?”

หัวใจของหลินทงหนาวเยือก

เมื่อถูกแส้อสรพิษโลหิตลึกลับมัดเขาก็ยากที่จะเคลื่อนไหว ชายหนุ่มเตรียมที่จะหันหน้าไปใช้พลังดวงตา

ผั้วะ!

กรงเล็บแมวตบลงบนใบหน้าของหลินทง ทิ้งร่องรอยแดงก่ำร้อนฉ่าเอาไว้

นอกจากนั้น กรงเล็บแมวนั่นแม้ว่าจะมีพลังไม่มากนัก ทว่ากลับสร้าง ‘อาการเวียนหัว’ ขึ้นได้อย่างยากจะอธิบาย ทำให้หลินทงมึนงงจนไม่รู้เหนือรู้ใต้

ในเวลาเดียวกัน

จ้าวเฟิงไล่ล่าจ้าวตำหนักศพโลหิตจนห่างออกไปหลายสิบลี้ ในขั้นนายเหนือแท้ การต่อสู้ระยะประชิดกลางอากาศด้วยพลังถล่มถลายเช่นนี้ แม้จะเป็น 100-200 ลี้หรือ 1,000-2,000 ลี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบาก จ้าวเฟิงไม่ได้ไล่ล่าเอาชนะ ในระหว่างการบินยังทำความเข้าใจ ‘อนุสรณ์วายุอัสนีโบราณ’ อีกครั้ง

วูบ

ทั่วทั้งร่างของเด็กหนุ่มปรากฏกลุ่มม่านหมอกสีเขียวเข้มขึ้น ราวกับถูกครอบคลุมไปด้วยสายลมสีใสสว่าง ภายใต้สภาวะนี้ อาการต้านลมของจ้าวเฟิงก็ลดลงเล็กน้อย

ฟุ่บ ฟุ่บ

ฝ่าเท้าทั้งสองของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวปรากฏคลื่นกระแสไฟฟ้าขึ้นชั้นแล้วชั้นเล่า สร้างสนามพลังที่ไม่อาจมองเห็นขึ้น พลังในการบินเพิ่มขึ้นอีกขั้น สำนึกรู้ทั้งหมดนี้เชื่อมต่อโอนอ่อนตามฟ้าดินธรรมชาติ ละเอียดลออนัก

“เสวียนอ้าวแก่นแท้ของอนุสรณ์วายุอัสนีโบราณลึกล้ำราวมหาสมุทร ข้าทำความเข้าใจในโลกแห่งสายลมและสายฟ้าของมรดกได้เพียงหนึ่งในร้อยส่วน ในเวลาสั้นๆ ไม่อาจนำมาใช้ได้”

ครึ่งหนึ่งของสตินึกคิดของจ้าวเฟิงหลอมรวมเข้าไปในโลกแห่งสายลมและสายฟ้าในอนุสรณ์โบราณ เมื่อมีดวงตาเทพเจ้าอยู่กับตนเอง ความสามารถในการแบ่งสมาธิและความทรงจำภาพถ่ายก็เป็นเหมือนความสามารถทั่วไปเท่านั้น

แน่นอนว่านี่ยังเป็นเพราะความสามารถของจ้าวตำหนักศพโลหิตไม่ห่างไกลจากจ้าวเฟิงหลายระดับเกินไป หรือมิเช่นนั้นจ้าวเฟิงคงไม่ใช่ความสามารถในการแบ่งสมาธิ

“ไอ้เด็กเวร! จงโทษตนเอง อย่าได้โทษนายเหนือผู้นี้ที่ไม่ออมมือ…”

จ้าวตำหนักศพโลหิตพลันขบฟันแน่น สีหน้ามืดทะมึนลง

จ้าวเฟิงที่ไล่ตามไปติดๆ พลันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังรุนแรงที่แพร่กระจายออกมา

“เพลิงเวหาศพโลหิต!”

ร่างของจ้าวตำหนักศพโลหิตส่องประกายสีเลือดสว่างจ้า ปราณเพลิงแผ่พุ่งสว่างไปทั่วระยะสิบลี้โดยรอบ

ในเสี้ยวพริบตา กลิ่นอายของจ้าวตำหนักศพโลหิตก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ

มองตาเปล่าจะเห็นเพียงว่าร่างของจ้าวตำหนักศพโลหิตราวกลับเปลี่ยนไปเป็นดวงอาทิตย์สีแดงสด แสงสีเลือดเย็นเยียบหดหู่ระเบิดออก กวาดระยะหนึ่งลี้โดยรอบ พุ่งเข้าไปใกล้ร่างของจ้าวเฟิงที่เป็นเหมือนกลุ่มก้อนพลังกระแสไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว

หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุกวูบ พลังต่อสู้ที่จ้าวตำหนักศพโลหิตใช้ออกด้วยกระบวนท่าลับและระเบิดออกในระยะเวลาสั้นๆ นี้อาจเทียบได้กับเย่หยานหยูและจงหว่านเอ๋อร์

ในยามนี้ สายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงถูกจำกัด พลังฝึกตนยังไม่เข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้อย่างแท้จริง

หากปะทะกับมันตรงๆ จะสร้างความเสียเปรียบให้แก่เขา ในช่วงเวลาวิกฤต เด็กหนุ่มก็ยังไม่สูญเสียความเยือกเย็นไป

“ทำลายให้ข้า”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันแปรเปลี่ยนเป็นบ่อน้ำเย็นเยียบลึกล้ำ

ในเวลาเดียวกัน โลหิตในร่างของเด็กหนุ่มก็ส่องประกายสีฟ้าเย็น มีความเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาด

ทันใดนั้น

ครืนนนน

เรือนผมสีฟ้าของจ้าวเฟิงพลิ้วไหวไปกับอากาศ เบื้องหลังปรากฏเงาแสงเย็นยะเยือก สวมใส่มงกุฎ ในมือถือดาบใหญ่สีดำ นั่งอยู่บนบัลลังก์เหมันต์

หลังจากงานชุมนุมเซียนมังกรและซากปรักหักพังสือเฉิง สายเลือดของจ้าวเฟิงได้พัฒนาไปจนในอดีตไม่อาจเทียบได้

มังกรอัสนีเหมันต์คลั่ง!

ฝ่ามือของจ้าวเฟิงผลักออก สายลมและสายฟ้าปรากฏขึ้นตามด้วยพลังเหมันต์ของสายเลือด ดาบสีดำในมือของเงาร่างเย็นเยียบวาดออกเล็กน้อย บรรยากาศเย็นเยียบพัดโหมในดวงวิญญาณ มุ่งหน้าออกไปสร้างเป็นมังกรพายุคลั่งที่ภายในหลอมรวมไปด้วยสายฟ้าและน้ำแข็งแกร่ง อาละวาดอย่างบ้าคลั่ง

ยามที่อยู่ในซากปรักหักพัง จ้าวเฟิงเคยใช้กระบวนท่านี้ระเบิดร่างของ ‘กลุ่มเขี้ยวมาร’ ของตำหนักผาดำจนลอยออกไปมาแล้ว

ในยามนี้ ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตจิตวิญญาณ พลังฝึกตน มรดก และกระทั่งการใช้พลังสายเลือดของเด็กหนุ่มก็เหนือกว่าในยามนั้นมากกว่าหนึ่งขั้น

ฟุ่บ เปรี้ยง

ท่ามกลางหมู่เมฆ สองพลังที่แข็งแกร่งเข้าปะทะกัน เพียงเวลาราวๆ ครึ่งลมหายใจ ‘ประกายแสงสีเลือด’ ที่หนาวเหน็บหดหู่ก็ชิงชัยเหนือกว่าเล็กๆ มุ่งตรงไปยังจ้าวเฟิง จะอย่างไร ‘เพลิงเวหาศพโลหิต’ ก็คือไพ่ตายในการรักษาชีวิตของจ้าวตำหนักศพโลหิตที่ต้องใช้สิ่งแลกเปลี่ยนมหาศาล

ฟึ่บ เปรี้ยง

จ้าวเฟิงกลับกลายเป็นประกายกระแสไฟฟ้า ร่างล่าถอยออกไปหนึ่งหรือสองร้อยหลา เรือนผมสีฟ้าพลิ้วไหวไปตามสายลม

เปลี่ยนเนตร!

ดวงตาเทพเจ้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนแปลงไปเป็นสีน้ำเงินใสราวผืนน้ำอีกครั้ง

“ไม่รู้ว่าพลังเนตรสายน้ำนี่จะเป็นเช่นไร” นัยน์ตาราบเรียบสีน้ำเงินของจ้าวเฟิงปรับเปลี่ยนร่างกายของเด็กหนุ่มใหม่อย่างรวดเร็ว โดยปกติแล้ว พลังของสายน้ำจะโดดเด่นในการป้องกัน ไม่รู้ว่าเมื่อใช้ร่วมกับพลังสายเลือดที่เข้ากันแล้วจะสร้างผลเช่นไรขึ้น

บุ๋ง!

ร่างกายของจ้าวเฟิงปรากฏความไหวกระเพื่อมของสายน้ำครอบคลุมไปทั่วร่าง ราวกับ ‘ก้อนวารีมายา’ พื้นผิวของมันยังปรากฏประกายกระแสไฟฟ้าและสายลมเคลื่อนไหว

‘ฟึ่บ’

หลังจากที่แสงสีเลือดนั้นโจมตีไปยังม่านน้ำสีน้ำเงิน น้ำสีเข้มนั้นก็กระเพื่อมไหว ทว่ากลับไม่มีการระเบิดเกิดขึ้น มีเพียงความเงียบสงบอย่างแปลกประหลาด

ร่างของจ้าวเฟิงราวกับมหาสมุทรลึก ยืนนิ่งอย่างมั่นคง

ที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นคือคลื่นกระเพื่อมที่ปรากฏขึ้นบนม่านน้ำราวกับกลับปรากฏลวดลายเรียบง่ายลึกลับบางประการขึ้น ราวกับเป็นวารีที่มาจากอดีตกาล

พลังนี้ได้มีความเย็นของสายเลือดปะปนอยู่ สามารถดูดกลืนและสลายการโจมตีของจ้าวตำหนักศพโลหิตทั้งหมดไปได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version