บทที่ 584 เลือดหัวใจวาฬ
ทะเลความว่างเปล่า
เรือหลานเหลยแล่นด้วยความเร็วสูงสุด พุ่งทะลวงไปหมื่นสองหมื่นลี้ แล้วจึงดิ่งลงไปใต้ทะเลอีกครั้งพร้อมเสียงดัง ‘โครมคราม’
จ้าวเฟิงออกคำสั่งให้นำเรือมุ่งลงสู่ทะเลลึกสุดกำลัง พร้อมทั้งเปลี่ยนทิศทางเล็กน้อย
ในขณะที่ไม่รู้ตำแหน่งแน่ชัด และไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร การจะหาเรือลำหนึ่งภายใต้ทะเลสุดลูกหูลูกตาก็ไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร
อีกอย่าง เรือทะเลความว่างเปล่าลำนี้เชี่ยวชาญด้านการอำพรางตัวในทะเลลึกด้วย
ภายในเรือ
จ้าวเฟิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
“นายท่าน แค่ตั้ง ‘ค่ายกลร้อยศพต้องสาป’ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงคนนั้นแล้ว” เจ้าหอโครงกระดูกเอ่ย
จ้าวเฟิงส่ายศีรษะเล็กน้อย “พยายามอย่าหาเรื่องเลย”
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขากระตุ้น ‘เนตรพิฆาตผ่านอากาศ’ ทำร้าย ‘ราชาหูสั่ว’ บาดเจ็บหนักจนหนีไป ในตอนนั้นปฏิกิริยาตอบสนองของกลิ่นอายมรณะรุนแรงยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่อยากจะปะทะแบบซึ่งๆ หน้ากับผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง จึงได้ใช้วิธีการล่าถอยมาแบบนี้
การประลองเมื่อครู่ชัดเจนว่า ถึงจ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูกจะร่วมมือกัน แต่ก็ยังคงต่างกับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงมากนัก
ต่อให้ตั้ง ‘ค่ายกลร้อยศพต้องสาป’ หากอยากจะเอาชนะคนในขั้นนั้นคงเสียแรงไปมากและต้องเกิดความเสียหายขึ้น
“เจ้าหอโครงกระดูก นี่คือสิ่งที่เจ้าอยากได้”
จ้าวเฟิงโบกมือ นำเอาร่างเป็นท่อนๆ ของโครงกระดูกหยกทมิฬมอบให้แก่เจ้าหอโครงกระดูก
โครงกระดูกหยกเหล่านี้เป็นวัสดุของโครงกระดูกหยกทมิฬในขั้นผู้สูงศักดิ์
“กระดูกชิ้นนี้ได้หลอมรวมเอา ‘ผลึกกระดูกฉวนโม่’ เข้าไปจริงๆ แล้วยังมีชิ้นส่วนหุ่นเชิดศพล้ำค่าชั้นยอดบางส่วนอีก” เจ้าหอโครงกระดูกยินดียิ่งกว่ายามปกติ
ทรัพยากรชั้นยอดของศาสตร์กระดูกเช่นผลึกกระดูกฉวนโม่ หากเป็นที่เมืองบุปผาครามยากนักจะหาเจอสักชิ้นสองชิ้นเช่นนี้
“ขอบคุณนายท่านมาก ได้ ‘ผลึกกระดูกฉวนโม่’ หลอมรวมเข้าในร่าง ร่างโครงกระดูกหลอมของข้าต้องสูงส่งมากขึ้นเป็นเท่าตัวแน่” เมื่อเจ้าหอโครงกระดูกได้รับชิ้นส่วนแล้วจึงรีบปิดด่านฝึกตนในทันที
สภาพแวดล้อมภายในลูกประคำหมื่นวิญญาณเหมาะกับสิ่งของจำพวกหุ่นเชิดศพ และยังเหมาะกับคนฝึกศาสตร์หลอมกระดูกหุ่นเชิดศพอย่างเขา
แล้วในตอนนี้ เจ้าหอโครงกระดูกไม่จำเป็นต้องสร้างหุ่นเชิดศพอีกจึงมีเวลามากขึ้นในการฝึกตน
จ้าวเฟิงคิดคำนวณในใจ ตอนนี้เจ้าหอโครงกระดูกยังคงอยู่ในกำมือของเขา พลังจะเพิ่มขึ้นอีกบางส่วนก็ไม่เป็นปัญหาอะไรมากนัก อีกอย่างเขามี ‘ห้วงฝันบรรพกาล’ ให้ความช่วยเหลือ มีของล้ำค่ามากมายจากซากปรักหักพังสือเฉิง เขาไม่เชื่อว่าจะโดนเจ้าหอโครงกระดูกฝึกตนนำไปไกล
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้จ้าวเฟิงได้ ‘เลือดหัวใจวาฬ’ ที่เพิ่มพลังอย่างมหาศาลต่อระดับขั้นของชีวิตและเลือดเนื้อวิญญาณ
ครึ่งวันหลังจากนั้น
จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมหาศาลของขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงพัดผ่านไปจากทะเลหมอกด้านบน ซึ่งน่าจะมาจากผู้อาวุโสสามเฉียนอวิ๋น
ในทะเลหมอกความว่างเปล่าไกลออกไปหมื่นลี้
“อย่าให้ข้าจับเจ้าเด็กขี้ขโมยจอมกะล่อนนั่นได้เชียว” ผู้เฒ่าชุดดำนำผู้อ่อนวัยกว่าสองคนพุ่งผ่านทะเลแห่งความว่างเปล่าไป
สองหญิงชายต้องทนแบกรับอารมณ์หงุดหงิดโมโหของผู้เฒ่ามาตลอดทาง ใจจึงสั่นระรัวจนไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร
แต่ว่าชายชราเองก็รู้ดี อยากจะตามหาเรือสักลำในทะเลความว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขตนี้ ความเป็นไปได้ต่ำมากเหลือเกิน
สวบ!
กลิ่นอายแรงกล้าของชายชราในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดยิ่งไกลออกไปทุกที
ส่วนลึกของมหาสมุทร ภายในเรือหลานเหลย
จ้าวเฟิงและคนอื่นอดเช็ดเหงื่อเย็นๆ ที่ซึมออกมาไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าอีกเพียงนิดเดียวก็เกือบจะต้องเผชิญหน้ากับผู้เฒ่าชุดคลุมสีดำนั่นเข้าแล้ว
หลายวันจากนั้น
เรือหลานเหลยออกเดินทางไปได้ไกลประมาณหนึ่งก็ยังไม่มีความผิดปกติอะไร
จ้าวเฟิงเองรู้สึกว่าพอแล้ว จึงให้เรือหลานเหลยกลับขึ้นมาบนทะเลหมอกเพื่อจะได้เดินทางไวขึ้นอีกสักหน่อย
“ท่านหัวหน้า เรือของเราอยู่ภายในท้องของวาฬยักษ์ โดนเมือกของมันกัดกร่อนนานหลายเดือนจนเกิดความเสียหายไม่น้อย ความสามารถต่างๆ ของเรืออย่างเช่นความเร็วและการพรางตัวก็สู้เมื่อก่อนไม่ได้”
โหลวหลานจื๋อสุ่ยเอ่ยรายงาน
โหลวหลานจื๋อสุ่ยและเหล่าลูกเรือทั้งหลายตรวจสอบในทุกด้านแล้วจึงได้ผลสรุปเช่นนี้มา
“ซ่อมแซมไม่ได้รึ?” จ้าวเฟิงขมวดคิ้วมุ่น เมื่อค้นพบว่าความเร็วในการบินไม่เหมือนครั้งก่อน
ถ้าหากว่าไม่ซ่อมแซม ระดับความเสียหายของเรือจะยิ่งลุกลามไปเรื่อยๆ ความสามารถของเรือก็จะยิ่งลดลงไปอีก
“เรือแห่งทะเลความว่างเปล่าเป็นสิ่งของใหญ่มหึมา ถ้าหากจะซ่อมแซมต้องเกี่ยวโยงถึงการหลอมขึ้นใหม่ ค่ายกล หรืออาจจะเกี่ยวกับทฤษฎีบางอย่างของธาตุโลหะ ต่อให้พวกเรามีทรัพยากร แต่หากจะซ่อมเองก็ไม่อาจทำได้” โหลวหลานจื๋อสุ่ยส่ายศีรษะ
ลูกเรือของเรือแห่งทะเลความว่างเปล่ามีบางส่วนที่ไม่ใช่ลูกเรือมาก่อน หลังจากผ่านเหตุกาณ์ต่างๆ มาจึงเริ่มมีคุณสมบัติของลูกเรือ แต่ถ้าหากให้พวกเขาซ่อมแซมเรือคงยากลำบากจนเกินไป
“จำเป็นต้องแวะดินแดนเกาะใกล้ๆ นี้หรือพื้นที่เติมเสบียงของต่างแดน เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญมาซ่อมแซม” โหลวหลานจื๋อสุ่ยเสนอแนะ
“ก็คงต้องทำตามนั้น” จ้าวเฟิงหน้าตาปลงตกแล้วถอนหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง
จุดหมายปลายทางของเขาในครั้งนี้คือข้ามไปยังดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อีกที่หนึ่ง หนทางยังอีกยาวไกล
ถ้าหากไม่มีเรือที่ดี เพียงกำลังคนเดียวบินไป เหนื่อยยังไม่เท่าไหร่ แต่ยังเสียเวลาที่จะเอาไว้ฝึกตนอีกด้วย
ดังนั้นต่อให้ต้องจ่ายอะไรไปสักหน่อย ต้องเสียเวลาเล็กน้อย จ้าวเฟิงก็ต้องเอาเรือลำนี้ไปซ่อมให้เสร็จ
“จะให้ดีก็อาศัยโอกาสนี้เพิ่มความเร็วของเรือหลานเหลยด้วยแล้วกัน” จ้าวเฟิงตัดสินใจ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงจึงจำเป็นต้องแวะดินแดนหมู่เกาะเชียนหลิว แล้วหาหมู่เกาะหรือจุดพักแวะเหมือนเขาปาฮวงสักแห่งเพื่อซ่อมแซมและพัฒนาเรือ
“ดินแดนหมูเกาะเชียนหลิว…” ในหัวจ้าวเฟิงปรากฏภาพแผนที่ที่เกี่ยวข้อง
ขนาดพื้นที่ของดินแดนหมู่เกาะเชียนหลิวใหญ่กว่าดินแดนหมู่เกาะเทียนหลูอย่างมาก
ดูจากแผนที่แล้ว บริเวณใกล้เคียงมีดินแดนเกาะสามแห่ง ทั้งยังมีเกาะเล็กเกาะน้อยลักษณะเดียวกับเขาปาฮวงเจ็ดแปดแห่งกระจัดกระจายอยู่ทั่ว
“หืม… ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’?”
จ้าวเฟิงพบสถานที่ประหลาดในแผนที่ชื่อว่า ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ เครื่องหมายที่กำกับไว้ไม่เหมือนกับดินแดนเกาะน้อยใหญ่ใกล้ๆ
“ ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’? คืออะไรกัน”
จ้าวเฟิงเอ่ยถามโหลวหลานจื๋อสุ่ย ผลกลายเป็นว่านางเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ว่ามีลูกเรือชราภายในเรือเอ่ยเสียงตื่นตระหนกขึ้นว่า
“ ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ ในตำนานงั้นหรือ?”
แล้วเขาจึงเล่าเรื่องของตำหนักนั้นอย่างรวดเร็ว
ที่แท้ ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ คือพื้นที่แลกเปลี่ยนค้าขายระดับสูง คล้ายเป็นพื้นที่ในการเพิ่มเติมเสบียงขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
“ว่ากันว่า ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ อยู่บนทะเลความว่างเปล่า ที่ตั้งแปลกแยกโดดเด่น เบื้องหลังมี ‘ดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์’ คอยควบคุมให้เงินสนับสนุน ทั่วดินแดนมหาสมุทร ไม่เพียงแต่เหล่าโจรสลัดในทะเลความว่างเปล่าจะไม่กล้าล่วงเกิน ต่อให้เป็นสำนักหนึ่งสองดาวก็ไม่กล้ามีปัญหาด้วย…” สิ่งที่ลูกเรือชรารู้ก็มีเพียงเท่านี้
ดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์?
จ้าวเฟิงเข้าใจในทันทีว่าตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าต้องไม่ใช่สถานที่แลกเปลี่ยนทั่วไป
ทั่วทั้งชางไห่มีดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หลักสามแห่งคือ ดินแดนจิตวิญญาณเจินอู ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฝูเมิ่ง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ว่านเซิน
ดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกตนที่สูงส่งกว่าดินแดนเกาะทั่วไป
ตามตำนานว่าไว้ ดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีสำนักที่สูงกว่า ‘สำนักสามดาว’ อยู่ด้วย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ มีเครื่องหมายกำกับเป็นพิเศษอยู่ในแผนที่ที่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณสือเฉิงมอบให้
“เช่นนั้นจุดหมายปลายทางต่อไป ก็ลองไปเสี่ยงดวงที่ ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ แล้วกัน”
จ้าวเฟิงได้กำหนดทิศทางของเรือด้วยฐานะผู้นำ
ด้วยความเร็วในตอนนี้ หากต้องการไปถึง ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ น่าจะต้องใช้เวลาสิบกว่าวันในการเดินทาง
ภายในห้องหัวหน้าเรือ
จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ สตินึกคิดกลับเข้าไปใน ‘แหวนเหล็กโบราณ’ เพื่อดู ‘หัวใจวาฬทะเล’
“หัวใจวาฬทะเลดวงนี้ หากเก็บไว้เป็นระยะเวลายาวนานพลังชีวิตจะค่อยๆ สูญสลายไป ต้องรีบเอา ‘เลือดหัวใจวาฬ’ ภายในออกมาให้เร็วที่สุด” สายตาจ้าวเฟิงสว่างวาบ
ครึ่งวันจากนั้น
เรือเข้าสู่ห้วงทะเลลึกที่สงบเงียบ จ้าวเฟิงสำรวจตรวจตราในละแวกนั้นก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเผ่าพันธุ์สัตว์ทะเลขนาดใหญ่อยู่
ต่อจากนั้น จ้าวเฟิงจึงเอา ‘หัวใจวาฬ’ ที่มีขนาดใหญ่ราวตำหนักออกมา แล้วชำแหละเพื่อเอาเลือดภายในหัวใจ
เจ้าหอโครงกระดูก แมวขโมยตัวน้อย โหลวหลานจื๋อสุ่ย และลูกเรือคนอื่นล้วนแต่ลงมือช่วย
วาฬแห่งทะเลความว่างเปล่าเข้าใกล้ขอบเขตปราณเทวะ ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของหัวใจวาฬจึงทำให้มีเลือดอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก
จากนั้นครึ่งวัน
เมื่อนำ ‘เลือดหัวใจ’ ที่อยู่ภายในหัวใจของวาฬออกมาจนหมดแล้ว จึงบรรจุลงในขวดน้ำเต้าสีเขียวมรกตที่จ้าวเฟิงเตรียมไว้ก่อนหน้านี้
น้ำเต้าชิ้นนี้คือ ‘น้ำเต้าปราณมรกต’ ที่จ้าวเฟิงได้มาจากภายในถ้ำของแมงป่องยักษ์ตอนเข้าไปยังซากปรักหักพังเฉิงครั้งแรก
‘น้ำเต้าปราณมรกต’ เป็นของวิเศษจากธรรมชาติชนิดหนึ่ง ตัวของมันเป็นที่เก็บสะสมสิ่งของวิเศษต่างๆ สามารถเก็บรักษาต้นไม้ใบหญ้าที่ล้ำค่าให้สดใหม่ รวมไปถึงรักษาของเหลวที่มีฤทธิ์ในการกัดกร่อนย่อยสลายได้
ที่ประหลาดกว่านั้นคือ น้ำเต้านี้สามารถเก็บรักษาดวงวิญญาณได้ด้วย
ว่ากันว่าในอดีตมีราชันปราณเทวะคนหนึ่ง ยามที่ตกอยู่ในสถานการณ์ความเป็นความตายได้เอาดวงวิญญาณใส่ไว้ใน ‘น้ำเต้าปราณมรกต’ ร้อยปีหลังจากนั้น ดวงวิญญาณออกมาอีกครั้งเพื่อจะกลับมาเกิดใหม่
วิ้ง วิ้ง~
เวลาไม่นานนัก จ้าวเฟิงจัดการเอาเลือดหัวใจทั้งหมดบรรจุลงภายใน ‘น้ำเต้าปราณมรกต’ เรียบร้อย
ด้วยตัวของ ‘น้ำเต้าปราณมรกต’ ช่วยในการรักษาความสดใหม่ เมื่อเอาเลือดหัวใจวาฬใส่เข้าไป จ้าวเฟิงเองก็วางใจ ขนาด ‘วารีคืนชีวิต’ หยดสุดท้ายจ้าวเฟิงยังเอาใส่ไว้ในนั้น
ในเวลานั้น
เหล่าลูกเรือจ้องไปยัง ‘น้ำเต้ามรกต’ ด้วยแววตาลุกโชน
“ให้ทุกคนคนละจาน แล้วให้รองหัวหน้าเรือหนึ่งถัง” จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ จากที่เขาคำนวณ จำนวนของเลือดหัวใจวาฬน่าจะบรรจุใส่ห้องๆ หนึ่งได้เต็มๆ
“ต้องขอบคุณหัวหน้าเรือที่ตบรางวัลให้” โหลวหลานจื๋อสุ่ยและลูกเรือคนอื่นซาบซึ้งใจอย่างมาก
เลือดหัวใจวาฬสำหรับพวกเขาแล้วคือเลือดวิเศษล้ำค่าในตำนานอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้น วาฬยักษ์ที่ตายไปตัวนั้นมีลำดับขั้นชีวิตเหนือกว่าวาฬแห่งทะเลความว่างเปล่าธรรมดา ด้วยเหตุนี้ประโยชน์ของเลือดหัวใจย่อมเหนือกว่ามากอยู่แล้ว
ต่อให้เป็นเลือดหัวใจเพียงหนึ่งจาน หากใช้อย่างประหยัดสามารถใช้ทาทั่วร่างกาย ร่างกายดูดซึมแล้วจะมีผลเหมือนทำให้เกิดใหม่ หรือไม่ก็เจือจางเลือดหัวใจวาฬใช้อาบร่างกายได้หลายครั้ง
โหลวหลานจื๋อสุ่ยได้เลือดหัวใจวาฬมาเป็นจำนวนหนึ่งถัง เมื่ออาบทั่วร่างกายลำดับขั้นชีวิตและคุณสมบัติของร่างกายก็เพิ่มอย่างรวดเร็วราวติดปีกบิน
เจ้าหอโครงกระดูกภายในประคำหมื่นวิญญาณก็ได้เลือดหัวใจวาฬด้วย เมื่อใช้ควบคู่กับ ‘ผลึกกระดูกฉวนโม่’ ช่วยส่งผลกระดูกทั่วร่างของเขาแกร่งกล้าขึ้น
“ท่านหัวหน้า ถ้าหากว่าท่านมีเลือดหัวใจวาฬเหลือ หลอมรวมบางส่วนเข้าไว้กับเรือ จะทำให้เรือกลมกลืนไปกับทะเลแห่งความว่างเปล่ามากขึ้น แล้วยังทำให้มีกลิ่นอายของสัตว์ทะเลบรรพกาล สามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับสัตว์ทะเลบางส่วนได้” ลูกเรือชราผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
“ได้ ข้าจะเอาไปคิดดู” จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ ความคิดนี้เก็บไว้ใช้ในยามที่เอาเรือไปซ่อมแซม
ภายในห้องหัวหน้าเรือ
จ้าวเฟิงแช่อยู่ภายในถังของเลือดหัวใจวาฬ เลือดเนื้อกระดูกทั่วร่างได้รับความอบอุ่นจากเลือด
ตามเวลาที่เคลื่อนคล้อยไป กลิ่นอายนั้นยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สุดท้ายจึงรุนแรงขึ้นอีก
เวลาครึ่งชั่วยามจากนั้น
เลือดเนื้อกระดูกทั่วร่างของจ้าวเฟิง รวมไปถึงอวัยวะทั้งห้าและเครื่องในทั้งหก[1] ล้วนแต่ได้รับการชะล้างจากแก่นเลือดชีวิตเก่าแก่
ถึงแม้ว่าจะเป็นจิตวิญญาณเทียบคนในขั้นผู้สูงศักดิ์ของจ้าวเฟิง ก็ยังสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและการแรงกดดันที่แสบร้อน
แต่ว่าในเวลาเดียวกัน เขาก็สัมผัสได้ว่าสภาวะวิญญาณได้รับการชะล้าง ความรู้สึกชาวาบเหมือนมีสายฟ้าสถิตแล่นไปทั่วร่าง
ถ้าหากว่าเป็นคนในขั้นนายเหนือแท้ธรรมดาแช่กายใน ‘เลือดหัวใจวาฬ’ เกรงว่าสายเลือดและเส้นเอ็นทั่วร่างคงจะเจ็บปวดทรมานเหลือคณา หากโชคร้ายร่างกายอาจทนไม่ได้จนถึงแก่ความตาย
โชคดีที่เหล่าลูกเรือทั้งหลายล้วนแต่เจือจางเลือดหัวใจวาฬ หรือไม่ก็แบ่งไว้เป็นส่วนๆ เพื่อใช้หลายครั้ง
สามารถพูดได้ว่า คนทั่วทั้งเรือล้วนแต่ได้ผลประโยชน์น่าทึ่งจาก ‘เลือดหัวใจวาฬ’ ทั้งสิ้น ยิ่งสภาวะวิญญาณต่ำเท่าไหร่ การฝึกตนยิ่งต่ำเพียงใด ผลที่ได้ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น
………………………………………….
[1] อวัยวะทั้งห้า คือ หัวใจ ม้าม ปอด และไต
เครื่องในทั้งหก คือ ถุงน้ำดี กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก และซานเจียว (ทางเดินของเหลว)