Skip to content

King of Gods 603

King Of Gods

บทที่ 603 ปะทะองครักษ์แห่งความตาย

ทะเลหมอกความว่างเปล่า

เรือนผมสีน้ำเงินของจ้าวเฟิงสะบัดพลิ้วไหว ดวงตาซ้ายลึกล้ำราวสายธาร ทั้งเยือกเย็นและสงบนิ่ง

ในที่ไกลออกไป

วูบ!

กลิ่นอายของคำสั่งล่าสังหารเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ความรู้สึกอันตรายเหล่านั้นแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุด

เมี้ยว เมี้ยว!

แมวขโมยตัวน้อยนั่งบนไหล่ของจ้าวเฟิง ดวงตาแมวคู่นั้นของมันเป็นเหมือนกับอัญมณีสีรัตติกาล ลึกล้ำลี้ลับเหลือคณา ฉายแววประหลาดใจเล็ดลอดออกมา

“คุณสมบัติร่างอมตะ…ตัวแทนของพลังมรณะ… อยู่เหนือกว่าความเร็วและการโจมตีของคนที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตปราณเทวะ จะต้องทำอย่างไรถึงจะโจมตีเขากลับได้?”

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก ดวงตาเทพเจ้าเริ่มวิเคราะห์แผนการอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน องครักษ์แห่งความตายดำรงอยู่อย่างไร้เทียมทานเหนือคนที่อยู่ภายใต้ขอบเขตปราณเทวะ

ไม่ต้องเอ่ยถึงจ้าวเฟิง ต่อให้เป็นคนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงขั้นสุดยอดบางส่วน ยามอยู่เบื้องหน้าขององครักษ์แห่งความตายล้วนแต่รับมือได้ไม่เกินหนึ่งสองกระบวนท่า

 

“แต่ทว่า หากจะเอาชนะองครักษ์แห่งความตายก็ใช่ว่าจะไม่มีความหวังเลยแม้แต่น้อย” จ้าวเฟิงสบตากับเจ้าแมวขโมยตัวน้อยอยู่ครู่หนึ่ง

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นผู้สูงศักดิ์ธรรมดา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับองครักษ์แห่งความตายก็ยังไม่มีโอกาสใดๆ เพราะว่าพวกเขาไม่มีวิธีการใดที่จะคุกคามองครักษ์แห่งความตายได้เลย

แต่ว่าจ้าวเฟิงมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนกับคนอื่น

“ ‘เนตรพิฆาต’ ที่แข็งแกร่งที่สุดของข้ากับ ‘กริชจักรพรรดิเงาสังหาร’ ของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย เป็นปัจจัยที่จะคุกคามองครักษ์แห่งความตายได้ทั้งนั้น” แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกายสว่างวาบ

ในเวลานี้เอง ร่างเงามรณะได้พุ่งทะลวงมาด้วยความเร็วราวติดปีก เข้าใกล้

จ้าวเฟิงในรัศมีร้อยลี้

“เนตรจิตวิญญาณเหมันต์!”

แก่นจิตวิญญาณเหมันต์ที่ไร้รูปร่างตรงดิ่งไปแช่แข็งวิญญาณและสตินึกคิดของเงาร่างมรณะ

ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ว่าจะความเร็วหรือว่าความปราดเปรียวของอีกฝ่ายล้วนแต่ลดลงไปไม่น้อย

“หืม? องครักษ์แห่งความตายเพิ่งจะเข้าไปในสนามรบของสำนักสองดาวและสู้กับครึ่งก้าวสู่ราชัน บาดแผลเหมือนว่าจะเจ็บหนักกว่าเดิม พลังมรณะที่อยู่ในร่างก็อ่อนแอลงไปมาก”

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมองสำรวจเป้าหมาย ในเวลาเดียวกันนั้นก็ได้ผลลัพธ์อย่างหนึ่งออกมา

 

องครักษ์แห่งความตายพลังอ่อนแอลง ทำให้จ้าวเฟิงยินดีนัก โอกาสชนะที่มีอยู่น้อยนิดเพิ่มขึ้นไม่น้อย

“เหอะ! เป้าหมายสังหาร ต่อให้ใช้พลังรบได้แค่สี่ห้าส่วน การจะจับเป็นเจ้าก็ยังง่ายราวพลิกฝ่ามือ” เงาสูงใหญ่ขององครักษ์แห่งความตายค่อยๆ ไล่ตามมาอย่างช้าๆ

มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม มองเจตนาของจ้าวเฟิงออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

วูบ!

องครักษ์ความตายลากเงามืดสนิทเลือนรางเป็นเส้นสาย แล้วเพิ่มความเร็วตรงดิ่งมาทางจ้าวเฟิง

“ไม่เสียแรงที่เป็นเป้าหมายของ ‘คำสั่งล่าสังหาร’ เป็นเพียงแค่ครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด แต่กลับสามารถใช้พลังสายเลือดดวงตาเล็งเป้าหมายมาที่ข้าผู้เป็นองครักษ์ได้” องครักษ์แห่งความตายยังคงถูก ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ ตรึงไว้

ในสนามรบของสำนักสองดาวก่อนหน้านี้ ก็มีเพียงดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงและครึ่งก้าวสู่ราชันผู้นั้นที่สามารถมองเห็นร่องรอยการเคลื่อนกายขององครักษ์แห่งความตาย

“ตั้งค่ายกล!” เจ้าหอโครงกระดูกปรากฏกายขึ้น โบกสะบัดธงดำช่วยจัดแจงตั้งค่ายกลหุ่นเชิดศพ

“องครักษ์แห่งความตายเป็นประเภทเงาสังหาร ชำนาญการโจมตีด้านเดียวและการสู้ระยะประชิด จะต้องจำกัดอาณาเขตค่ายกลลงเพื่อรับมือกับเขา” จ้าวเฟิงส่งเสียง

วิ้ง ฮู!

ค่ายกลร้อยศพต้องสาปที่เป็นหมอกควันสีเทาแน่นขนัดเป็นกลุ่มก้อน หดรัศมีลงเหลือร้อยสองร้อยจั้ง อาณาเขตที่มีขนาดเล็กมากเช่นนี้

พลังคำสาปอาฆาตของค่ายกลจะหนาแน่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ต่อให้เป็นคนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงก็ยังมีความเสี่ยงมาก

โครม โครม~

องครักษ์แห่งความตายแทรกตัวเข้าไปภายในค่ายกลร้อยศพต้องสาป ร่างกายภายนอกเกิดควันลอยกรุ่นสีดำ มือภูติผีที่มีเลือดไหลโชกล้วงเข้าไปภายในร่างกายของเขาแล้วดูดซึมพลังไม่หยุด

“จัดการเก็บเจ้าหอโครงกระดูกก่อนแล้วค่อยจับเป็นเจ้าเด็กนั่น” ร่างเงามรณะขมวดคิ้วนิ่วหน้า

ร่างเงามรณะของเขาในยามสมบูรณ์สามารถรับมือค่ายกลร้อยศพต้องสาปได้อย่างสบายๆ แต่อาการบาดเจ็บในวินาทีนี้หนักหนาอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณหัวใจ ที่เคยโดนเนตรพิฆาตทะลวงผ่าน กลิ่นอายทำลายล้างกัดกร่อนอยู่อย่างยาวนานโดยไม่มีโอกาสรักษาเสียที

ค่ายกลร้อยศพต้องสาปเป็นค่ายกลสมบูรณ์แบบที่ลึกล้ำ ไม่ว่าการโจมตีใดๆ ก็ล้วนแต่สามารถต้านทานไว้ได้

เขาถนัดโจมตีฝ่ายเดียวและลอบสังหาร ไม่ถนัดใช้เคล็ดวิชาที่เกี่ยวกับอาณาเขต ทว่ามีแต่ต้องสังหารผู้ที่ควบคุมค่ายกล ค่ายกลจึงจะทลายลงไปได้

“ดีนัก องครักษ์ความตายมีบาดแผลอยู่ตามเรือนร่าง ผลของพลังคำสาปจึงเพิ่มเป็นเท่าตัว” จ้าวเฟิงใจเต้นระรัว

ดวงตาเทพเจ้าของเขารับรู้เจตนาขององครักษ์แห่งความตายอย่างรวดเร็ว

“เจ้าหอโครงกระดูก ระวัง!” เสียงร้อนใจของจ้าวเฟิงส่งไปถึงเจ้าหอโครงกระดูก

“อย่าได้หวัง!”

 

เจ้าหอโครงกระดูกชิงลงมือก่อน ร่างกายขยายใหญ่ หลอมรวมกับกระดูกเก้าทมิฬ ก่อนกลายร่างเป็นโครงกระดูกเพลิงขนาดสี่ห้าจั้ง

เจ้าหอโครงกระดูกในสภาพ ‘โครงกระดูกเพลิง’ มีพลังกระดูกภูติผีที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ทุกอริยาบถมีลูกเพลิงมรณะที่น่าสะพรึงขวัญปะทุออกมา เจ้าหอโครงกระดูกเชื่อมั่นในการป้องกันของโครงกระดูกตนอย่างยิ่ง ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นการโจมตีของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง เขาก็ยังสามารถรับมือได้ชั่วคราว

“เป็นเพียงแค่ฝุ่นธุลี ช่างหน้าอับอาย” เงามืดมิดที่องครักษ์แห่งความตายแบ่งร่างออกมา ปลดปล่อยลำแสงมีดหนาวเหน็บประหนึ่งภูติผีผ่านร่างเจ้าหอโครงกระดูกไป

“โครม โครม ตูม!”

โครงกระดูกเพลิงโดนลำแสงมีดเหมันต์หลายเส้นสายปกคลุม แว่วเสียงลั่นกรอบแกรบของโครงกระดูก

“อ๊าก…” เจ้าหอโครงกระดูกร้องโหยหวน กระดูกที่มีคุณสมบัติแกร่งกล้าถูกตัดออกเป็นสี่ห้าท่อนจนพังทลายออกจากกัน ขนาดธงค่ายกลยังสลายเป็นผุยผง

ฮู วูบ!

ตาเปล่าเห็นได้ว่ากลุ่มควันเพลิงปีศาจจากค่ายกลหุ่นเชิดศพสลายตัวไปทันใด

…ค่ายกลถูกทำลายแล้ว!

ในใจจ้าวเฟิงเกิดเสียงดังกึกก้องสะท้อนไปมา ตกใจอย่างยิ่ง เพียงชั่วเวลาเดียวก็จัดการตัดเจ้าหอโครงกระดูกเป็นท่อนๆ แล้วสลายค่ายกลหุ่นเชิดศพ อีกทั้งนี่ยังไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของอีกฝ่ายด้วยซ้ำไป

ยามนั้น

สวบ ฟุ่บ!

เงามืดเยือกเย็นที่องครักษ์ความตายสร้างขึ้นเข้ามาใกล้จ้าวเฟิงในเวลาเดียวกัน

องครักษ์แห่งความตายปล่อยกระบวนท่าครั้งเดียว แบ่งร่างออกมาจัดการเจ้าหอโครงกระดูก แล้วสลายค่ายกลหุ่นเชิดศพ ร่างจริงจึงมีความเป็นไปได้ที่จะจับ

จ้าวเฟิง อีกทั้งขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมาก็น่าจะทำสำเร็จได้ในครั้งเดียวเสียด้วย

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

จ้าวเฟิงเหมือนร่วงหล่นลงไปในระลอกคลื่นพลังมรณะ แล้วจึงตระหนักได้ว่าตนเองประเมินความแตกต่างของฝีมือทั้งสองฝ่ายต่ำเกินไป

ถึงแม้องครักษ์แห่งความตายมีพลังรบอยู่เพียงสี่ห้าส่วนก็ยังเก่งกล้าเกินกว่าระดับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงทั่วไป

“ยังไม่ยอมจำนนอีก!” ร่างเงาพิสดารขององครักษ์แห่งความตายปรากฏอยู่เบื้องหน้าของจ้าวเฟิง จากนั้นยื่นมือที่มีควันสีดำลอยกรุ่นออกมาอีกครั้ง

ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากองครักษ์แห่งความตายต้องการลงมือสังหารจริงๆ จ้าวเฟิงอาจจะตายไปนานแล้ว แต่ว่าเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามมีเพียงแค่จับกุมตัวเขาเท่านั้น จ้าวเฟิงมั่นใจในจุดนี้อย่างมาก

ในเวลาดังกล่าว พลังมรณะที่เยือกเย็นครอบคลุมไปทั่วใจกายของจ้าวเฟิง ลำแสงสีดำเป็นเส้นสายที่มองได้จากตาเปล่าตรงมารัดร่างของเขาและเจ้าแมวขโมยตัวน้อย

เมี้ยว เมี้ยว!

จ้าวเฟิงและเจ้าแมวขโมยตัวน้อยโดนลำแสงสีดำดังกล่าวรัดร่างมัดมือไว้ด้านหลัง

“ร่างกายของข้า…” จ้าวเฟิงพยายามใช้พลังดิ้นรนต่อสู้กับลำแสงสีดำดังกล่าว

อ๊ะ!

องครักษ์แห่งความตายประหลาดใจไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงที่เป็นเพียงแค่ครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดจะยังดิ้นรนได้อยู่ ต่อให้เป็นคนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงบางส่วนก็ยังยากจะทำได้เช่นนี้

สภาวะวิญญาณของจ้าวเฟิงเข้าใกล้ขั้นสุดยอดของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง แน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนคนปกติทั่วไป

“เหอะ!” มือที่ครุกรุ่นไปด้วยควันสีดำขององครักษ์แห่งความตายจับบ่าจ้าวเฟิงไว้

ในเวลาเดียวกันเขาเองก็ระมัดระวังเจ้าแมวขโมยตัวน้อย จึงให้กลุ่มลำแสงสีดำนั่นรัดร่างของเจ้าแมวไว้ด้วย

และแล้วก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในวินาทีนี้

ฟู่ วิ้ง!

มือนั้นขององครักษ์แห่งความตายประหนึ่งล้วงเข้าไปจับสายน้ำ

“จิตวิญญาณเทพวารี!”

ลำแสงวารีสีน้ำเงินเข้มทะลักปกคลุมทั่วร่างของจ้าวเฟิง เกิดเป็นภาพที่บิดเบี้ยวทับซ้อน ร่างกายสั่นไหวยวบยาบเหมือนของเหลว ระลอกสายน้ำกระเพื่อมเป็นเส้นสาย

ในเวลาสั้นๆ ร่างกายของจ้าวเฟิงกลายสภาพเป็นของเหลวและขยายใหญ่ขึ้น

“ร่างกายอยู่ในสภาวะของเหลวงั้นรึ?” องครักษ์แห่งความตายตกใจจนเสียสมาธิไปเล็กน้อย มือข้างนั้นของเขาล้วงเข้าไปภายใน ‘ร่างจิตวิญญาณวารี’ ที่เป็นระลอกคลื่นน้ำ

ภายใต้สภาวะ ‘ร่างจิตวิญญาณวารี’ การป้องกันของร่างจ้าวเฟิงแทบจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน พลังฟื้นฟูอยู่ในขั้นชวนให้ตกใจ

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้

จ้าวเฟิงก็ยังส่งเสียงลอดจมูกน้อยๆ เพราะได้รับบาดเจ็บจากการกัดกร่อนของกลิ่นอายมรณะที่เยือกเย็น

สามารถเห็นได้ว่า ถึงจะมีคุณสมบัติไม่สูญสลายมากขึ้นอีกเท่าไหร่ ก็ทำได้เพียงถูไถไปเท่านั้น

ยังดีที่สภาวะวิญญาณของเขาแข็งแกร่ง เมื่ออยู่ในร่างจิตวิญญาณวารี พลังในการฟื้นฟูจึงไปถึงขั้นแปลกพิสดาร อาการบาดเจ็บสมานตัวอย่างรวดเร็ว

“เจ้าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” องครักษ์ความตายเอ่ยพึมพำเสียงต่ำ จากนั้นจึงได้สติ ค่อยๆ หดมือกลับอย่างไม่ยินดียินร้าย

แต่ในเวลานี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง

“เหมันต์วารีผันแปร!” ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเก็บรายละเอียดทั้งหมดไว้อย่างชัดเจน

ฟู่ แซ่ด~

ยามนั้น ส่วนหนึ่งขององครักษ์แห่งความตายที่เข้าไปในห้วงระลอกวารีพลันแข็งไป

“คิดจะแช่แข็งมือข้า!” องครักษ์แห่งความตายจ้องเขม็งแล้วยิ้มเย็น

พลังของคนทั้งสองต่างกันอย่างมหาศาล ต่อให้จ้าวเฟิงสามารถแช่แข็งมือเขาได้ในเวลาอันรวดเร็ว แล้วยังไง?

“ตุบ โครม!”

ทันใดนั้น กริชลี้ลับกึ่งโปร่งแสงลากลำแสงมีดตัดมือที่กลายเป็นน้ำแข็งนั้นในทันที

“เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดจึงหลุดรอดออกจาก ‘เส้นใยมรณะ’ ของข้าได้…” องครักษ์แห่งความตายตกใจจนหน้าถอดสี บนไหล่ของเขามีแมวขโมยตัวหนึ่งนั่งอยู่ด้วยสีหน้าคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม

โครม ฉับ!

มือขององครักษ์แห่งความตายขาดสะบั้นลงพร้อมๆ กับเสียงนั้น

“อ๊าก…” องครักษ์แห่งความตายกรีดร้องโหยหวน ร่างกายกระเด็นไปด้านหลัง ในดวงตามีแววอาฆาตแค้น “เจ้าแมวขโมยน่าตาย ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ!”

ร่างของเขาทะลักไอพลังเยือกเย็นออกมาแผ่กระจายไปกว่าครึ่งลี้

เมี้ยว เมี้ยว!

ร่างของเจ้าแมวสั่นไหวน้อยๆ แล้วหายไปกลางอากาศในทันที

ผลัวะ ผลัวะ!

ร่างกายในสภาวะของเหลวของจ้าวเฟิงฝืนตั้งรับไอมรณะเย็นยะเยือกเหล่านั้น อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในระหว่างนั้นสมานและหายไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากสถานการณ์อันตรายทั้งหมดผ่านไป ทะเลหมอกก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ

แต่ความโกรธเกรี้ยวขององครักษ์แห่งความตายยังไม่ลดน้อยลง เปิดประสาทสัมผัสทั้งหมดเพื่อตามหาร่างของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย

องครักษ์แห่งความตายที่องอาจกลับโดนแมวตัวหนึ่งตัดมือข้างหนึ่งขาด เป็นการดูหมิ่นเหยีดหยามกันยิ่งนัก

“อาศัยโอกาสนี้แหละ!” จ้าวเฟิงใจเต้นรัว ใช้ดวงตาซ้ายเล็งเป้าหมายไปที่องครักษ์แห่งความตายและปล่อยการโจมตี

เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!

โครม ตูม!

ใบมีดสามชุ่มพร้อมกลิ่นอายพิฆาตทะลวงผ่านร่างองครักษ์แห่งความตาย

ฟิ้ว ขวับ!

เงานั้นสลายหายไปจากจุดเดิมในทันที

น่าเสียดาย จ้าวเฟิงถอนหายใจยาว ถึงแม้ว่าองครักษ์แห่งความตายจะอยู่ในสภาวะอารมณ์ไม่คงที่ แต่เนตรพิฆาตก็ไม่ได้โจมตีตรงเป้าหมายทั้งหมด

สวบ!

องครักษ์แห่งความตายปรากฏตัวที่อีกบริเวณหนึ่งแล้วถอนใจอย่างหงุดหงิด ตรงบ่ามีควันสีดำลอยกรุ่นเห็นเป็นรูไหม้สีดำ กลิ่นอายทำลายล้างเข้ากัดกร่อน

ในครั้งนี้ ‘เนตรพิฆาต’ ไม่ได้ทำลายส่วนสำคัญ ดังนั้นจึงส่งผลต่อร่างอมตะขององครักษ์แห่งความตายเพียงน้อยนิดเท่านั้น

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ทำให้ฝ่ายองครักษ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้

เป็นถึงองครักษ์แห่งความตาย เป็นเสมือนฝันร้ายของหลายหมื่นล้านดวงวิญญาณ ไม่เคยโดนคนในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดกับแมวตัวหนึ่งทำให้อับอายขายขี้หน้าขนาดนี้

“เนตรพิฆาต…ยังใช้ได้อีกครั้งเป็นรอบสุดท้าย” จ้าวเฟิงรวบรวมพลังวิญญาณและพลังดวงตาที่เหลืออยู่ไม่มากนัก

จะเป็นหรือตาย จะแพ้หรือชนะ ก็ขึ้นอยู่กับวินาทีต่อมาที่กำลังจะเกิดขึ้น

เมี้ยว เมี้ยว!

ทันใดนั้น กลางอากาศก็เกิดเส้นสายสีเทาเงินสว่างวาบ

สวบ!

กริชลี้ลับกึ่งโปร่งแสงวาดลำแสงใบมีดจำนวนมากตรงดิ่งไปหาองครักษ์แห่งความตาย

“พลังข้ามมิติช่างรวดเร็วยิ่งนัก ไม่เสียทีที่เป็นเจ้าแมวขโมยตัวน้อย” จ้าวเฟิงใจเต้น

 

ในฝูงชนทั้งหมด เกรงว่าคงมีแต่เจ้าแมวน้อยที่กล้าลองลอบโจมตีองครักษ์แห่งความตาย

“ฮ่าฮ่า…รนหาที่ตาย! กริชจักรพรรดิเงาสังหาร เป็นทีข้าล่ะ” องครักษ์แห่งความตายยินดีเป็นล้นพ้น

วิ้ง วูบ!

ทั้งร่างของเขาผุดลำแสงมีดสีดำทมิฬ หมุนวนไปยังเจ้าแมวขโมยตัวน้อย ครอบคลุมรัศมีร้อยจั้ง

“จะแพ้จะชนะ ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนท่านี้!”

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงกระตุ้นพลังดวงตาไปจนถึงขีดสุด พร้อมทั้งสาดกลิ่นอายที่มีที่มาจากบรรพกาลออกมารางๆ

ดวงตาจับจ้องไปยังร่างของเจ้าแมวขโมยที่ตกอยู่ในกระบวนท่าสังหารของกลิ่นอายมรณะ

“เคลื่อนย้ายมิติ!”

ระลอกพลังดวงตาที่เลือนราง ภายในใจกลางเกิดเป็นคลื่นน้ำวนแล้วดูดกลืนเจ้าแมวเข้าไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version