Skip to content

King of Gods 638

King Of Gods

บทที่ 638 ความเชื่อมั่นของผู้เดินทางเพียงลำพัง

อุทยานครึ่งเซียน

บรรดาอัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งเข้าไปภายในต้องแบกรับแรงกดดันจากฟ้าดินจำนวนมหาศาล อีกทั้งพลังและความสามารถต่างๆ ก็ถูกควบคุมไว้จนถึงขีดสุด

อัจฉริยะที่อยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำส่วนหนึ่งแค่จะหายใจก็ยังยากลำบากยิ่ง

พวกเขาจำต้องปรับตัวให้คุ้นชินกับแรงกดดันในฟ้าดินให้ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ

ร่างของจ้าวเฟิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อไปอย่างไม่แยแส

ถึงแม้ว่าแรงกดดันในอุทยานครึ่งเซียนจะมาก แต่หากเทียบกับห้วงฝันบรรพกาลแล้วถือว่าเล็กน้อยไปเลย

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสอดส่องในอุทยานครึ่งเซียน ทะลวงผ่านทุกต้นไม้ใบหญ้า ทุกก้อนหินดินทราย แล้วเกิดสัมผัสประหลาด ประหนึ่งว่ามีพลังที่เป็นอมตะคอยควบคุมอานุภาพยิ่งใหญ่ในฟ้าดินของมิติแห่งนี้

“เจ้าหอโครงกระดูก” จ้าวเฟิงลองติดต่อกับประคำหมื่นวิญญาณ

ผลปรากฏว่าเจ้าหอโครงกระดูกไม่อาจเข้ามาในดินแดนนี้ได้

สำหรับจุดนี้ จ้าวเฟิงก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

ด้วยเมื่อไม่กี่วันก่อน จ้าวเฟิงทำความเข้าใจข้อมูลต่างๆ ของอุทยานครึ่งเซียนแทบจะในทุกๆ ด้านแล้ว

อันดับแรก อัจฉริยะที่เข้ามาในอุทยานครึ่งเซียนนี้ทำได้เพียงพึ่งพากำลังของตนเอง ไม่สามารถพึ่ง ‘พลังภายนอก’ ได้

พลังลึกลับในอุทยานนั้นผนึกเจ้าหอโครงกระดูกไว้ภายในลูกประคำหมื่นวิญญาณ

จ้าวเฟิงจึงลองเรียกเจ้าแมวขโมยตัวน้อยออกมา หนำซ้ำยังสำเร็จเสียด้วย

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยน้อยปรากฏตัวบนไหล่ของจ้าวเฟิง เหตุเพราะมันเป็นสัตว์วิเศษของเขา ไม่ได้อยู่ในกฏข้อบังคับแต่อย่างใด

หากไม่เช่นนั้นแล้ว กลุ่มคนที่ฝึกตนในประเภทนักฝึกสัตว์เหล่านั้น เมื่ออยู่ภายในอุทยานครึ่งเซียนแล้วก็คงได้แต่ยืนนิ่งเท่านั้น

ในวินาทีเดียวกัน

ณ มุมใดมุมหนึ่งของอุทยานครึ่งเซียน บุรุษหนุ่มหยางกวงเพ่งมองไปที่กำไลสีดำตรงบริเวณข้อมือ

วิ้ง!

กำไลสีดำนั้นสั่นไหวเล็กน้อย ภายในมีพลังกลิ่นอายของราชันปราณเทวะ

“องค์ชายสาม ภายในอุทยานแห่งนี้มี ‘พลังครึ่งเซียน’ จำนวนมหาศาลคอยควบคุมฟ้าและดิน ข้าเองก็ถูกจำกัดอยู่ คงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้” เสียงนั้นดังลอดออกมาจากภายในกำไล

“อุทยานครึ่งเซียนไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เช่นนั้นก็คอยรอชมและซึมซับความสนุกของการละเล่นนี้เถิด” บุรุษหนุ่มหยางกวงหรือ ‘เวินลั่วอัน’ ยิ้มอย่างอ่อนโยน

ในอุทยานครึ่งเซียน เหล่าอัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พยายามจะ ‘โกง’ มีสีหน้าเศร้าโศกท้อแท้

ภายในอุทยานครึ่งเซียน ‘พลังภายนอก’ ทั้งหมดล้วนแต่ไร้ประโยชน์ แต่แน่นอนว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ

“สำเร็จแล้ว! ไม่เสียทีที่ท่านอาจารย์เป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในอุทยานครึ่งเซียนแห่งนี้ตั้งแต่นานนมมาแล้ว”

‘เมิ่งซี’ ผู้มีเรือนผมยาวสลวยปรากฏกิเลนหยกสีม่วงในมือทันทีที่พลิกฝ่ามือ

กิเลนหยกสีม่วงนั้นดูเหมือนเป็นเพียงแค่ของธรรมดา ไม่ได้มีพลังอะไรและไม่มี ‘พลังภายนอก’ แฝงอยู่

แต่ว่า

เมื่อมีกิเลนหยกสีม่วงในมือ ใบหน้างดงามราวหยกของเมิ่งซี เผยยิ้มดั่งบุปผาแรกแย้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างยิ่งยวด

“หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ขอตัวออกไปเดินเล่นที่ ‘สวนร้อยบุปผา’ ก่อน จากนั้นค่อยโจมตี ‘หอหมื่นทรัพย์’ หรือไม่ก็ตำหนักหย่างซินแล้วกัน…”

เมิ่งซีเริ่มวางแผนในใจ ร่างนางสั่นสะท้านน้อยๆ แล้วค่อยหายไป

ถึงแม้จะอยู่ในอุทยานครึ่งเซียน แต่ความเร็วท่าร่างของนางก็ยังคงรวดเร็วพลิ้วไหวราวภาพมายา

อุทยานครึ่งเซียนฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นอุทยานใหญ่ แต่ที่จริงแล้วเป็นมิติลี้ลับที่มีขนาดไพศาล

ภายในอุทยานครึ่งเซียน

มีโอกาสและที่ตั้งของสมบัติแอบซ่อนอยู่จำนวนมาก แต่ก็มาพร้อมกับความอันตรายไม่น้อย

ข้อมูลเกี่ยวกับ ‘อุทยานครึ่งเซียน’ เหล่าอัจฉริยะภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์โดยมากแล้วก็พอจะรู้อยู่บ้างบางส่วน

แต่ต่างกันที่ว่า อัจฉริยะส่วนหนึ่งมีข่าวสารในมือมากหน่อยเท่านั้นเอง

“อืม ตามแผนการเดิม ในขั้นแรกไปที่ ‘ทะเลสาบจื่อเยียน’ ก่อน ที่แห่งนั้นข้าสำแดงข้อได้เปรียบที่สุดของข้าได้” จ้าวเฟิงก็มีแผนการเช่นกัน

ก่อนหน้านี้เขาศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องของอุทยานครึ่งเซียนมาแล้ว

แซ่ด สวบ!

ร่างของจ้าวเฟิงบินหายไป ลากเศษเสี้ยววายุอัสนีสีม่วงออกเป็นเส้นสาย

ทางเดินใต้เท้าสร้างจากแผ่นหินหยกสีเขียวกองรวมกัน

เส้นทางทั้งหมดในอุทยานครึ่งเซียนแห่งนี้ ส่วนมากล้วนทำจากหินหยกสีเขียว พื้นที่ที่เหลือมักจะเป็นต้นไม้ใบหญ้า

จากประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน

ในพื้นที่ทางเดินหินหยกสีเขียว โดยทั่วไปจะไม่โดนโจมตีจากสัตว์อสูรประเภทต่างๆ ที่อยู่ภายในอุทยาน

เพราะภายในอุทยานส่วนใหญ่จะเป็นทุ่งดอกไม้และผืนป่า พื้นที่เหล่านั้นมักมีอันตรายร้ายแรงแอบแฝงอยู่

อีกทั้งประสาทสัมผัสของผู้มาเยือนก็โดนกดลงเช่นกันเมื่ออยู่ในสถานโบราณ โดยปกติพวกเขาจะไม่เดินออกนอกเขตหินหยกสีเขียวนี้ง่ายๆ

ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

วูบ!

ร่างของจ้าวเฟิงกระโดดขึ้น แล้วร่อนลงบนต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่ง ดวงตาเทพเจ้าของเขาเปิดออก มองลงมาข้างล่างเพื่อดูภาพรวมของพื้นที่

“ยังดีที่ประสาทสอดแนมของดวงตาเทพยังสามารถใช้ได้ผลดีในพื้นที่แห่งนี้” จ้าวเฟิงจึงยืนยัน ‘ตำแหน่ง’ คร่าวๆ ของตนได้ในเวลาอันรวดเร็ว

เหล่าอัจฉริยะที่เข้ามาภายในอุทยานแห่งนี้ ถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง แต่น้อยคนนักจะมีแผนที่ทั้งหมด

อุทยานครึ่งเซียนห้าร้อยปีจะเปิดเพียงหนึ่งครั้ง

จนถึงตอนนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจิ่นอู่สำรวจพื้นที่ไปได้เพียงหกสิบเจ็ดสิบส่วนเท่านั้น ยังมีบางส่วนที่ไม่รู้หรือไม่ก็เป็นพื้นที่ต้องห้าม

จ้าวเฟิงใช้ดวงตาเทพเจ้ามองโดยรวมจากด้านบน เมื่อรวมกับข้อมูลภูมิศาสตร์ที่มีในมือแล้วจึงยืนยันที่ตั้งของตนได้

เมื่อทำเช่นนี้แล้ว ทิศทางของ ‘ทะเลสาบจื่อเยียน’ ที่เป็นจุดหมายปลายทางของเขาก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น

พรึ่บ!

จ้าวเฟิงเพิ่มความเร็วมากขึ้น เขาไม่ได้โบยบิน แต่ใช้ท่าร่างแทน ถึงกระทั่งใช้วิชาตัวเบาเหมือนในยามก่อนเพื่อเพิ่มความเร็วในการเดินทาง

ระหว่างทาง เขาพบกับอัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งถึงสองคน

หลังจากที่เข้ามาในอุทยานครึ่งเซียนแล้ว ทุกคนก็ถูกสุ่มส่งไปตามจุดต่างๆ ของทางเดินหินหยกสีเขียว

“โครม!”

มีเสียงต่อสู้ดังขึ้นจากผืนทุ่งหญ้าไม่ไกลออกไป

อัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายคนค้นพบว่ามี ‘หญ้าอัศจรรย์’ ที่โลกภายนอกไม่มีอีกแล้ว ซึ่งมีผลทำให้สายเลือดย้อนกลับและกระตุ้นให้สายเลือดมีพลัง

แต่ทว่า ‘หญ้าอัศจรรย์’ นี้มีเพียงต้นเดียว แล้วข้างๆ ยังมีสัตว์อสูรโบราณเทียบเท่าขั้นขอบเขตก่อกำเนิดระดับสูงหลายตัวด้วย

ณ ที่แห่งนั้น จึงเกิดการปะทะกันพัลวัน

มีอัจฉริยะทั้งหมดสี่ห้าคนที่ทยอยเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้

จ้าวเฟิงกวาดสายตามองอัจฉริยะเหล่านี้เล็กน้อย ไม่มีอัจฉริยะจากสำนักเสวียนเจิน

ถึงแม้ ‘หญ้าอัศจรรย์’ นั้นจะมีมูลค่าสูงส่ง แต่จ้าวเฟิงก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเข้าไปประสมโรงด้วย ภายในอุทยานครึ่งเซียนนี้ยังมีโอกาสดีๆ อีกมาก

เขามีแผนการของเขา จุดหมายปลายทางคือ ‘ทะลาสาบจื่อเยียน’

จ้าวเฟิงจึงเร่งเดินทางต่อ ในระหว่างทาง เขาพยายามหลีกเลี่ยงไม่ปะทะกับอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ

แต่ทว่า

ในอุทยานครึ่งเซียนมีอาณาเขตค่อนข้างกว้างใหญ่ ความเร็วของทุกคนต่างโดนจำกัดจนกระทั่งไม่สามารถบินได้ด้วยซ้ำ

ครึ่งวันต่อมา

จ้าวเฟิงเพิ่งเดินทางมาได้เพียงสองในสามของการเดินทางเท่านั้น

ในเวลานี้เอง อุทยานป่าไม้เบื้องหน้าก็ปรากฏเจดีย์แห่งหนึ่ง ตัวเจดีย์สะท้อนแสงโลหะมันเงา

ยังห่างอีกไกลนัก แต่จ้าวเฟิงก็รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ล้ำค่าที่ออกมาจากเจดีย์โลหะนั้น

“หืม? หอเจดีย์ที่อยู่ข้างหน้า หรือว่าจะเป็นหอหมื่นทรัพย์?” ฝีเท้าของจ้าวเฟิงหยุดลงเล็กน้อย

หอหมื่นทรัพย์เป็นสถานที่ในอุทยานครึ่งเซียนที่มีโอกาสดีๆ อยู่เป็นจำนวนมาก  เป็นจุดที่ ‘ครึ่งเซียน’ ใช้เก็บซ่อนของมีค่าต่างๆ ทั้งชีวิตของเขา

 

ของล้ำค่าเหล่านั้นมีบางส่วนคืออาวุธวิเศษที่สะเทือนโลกได้ และยังมีของล้ำค่าหายากที่มีพลังพิเศษแตกต่างออกไป

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า สมบัติล้ำค่าที่อยู่ในหอหมื่นทรัพย์ หยิบส่งๆ มาชิ้นหนึ่งก็สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของคนธรรมดาได้

ในเวลาหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ของล้ำค่าส่วนหนึ่งที่มาจาก ‘หอหมื่นทรัพย์’ ล้วนแต่สร้างตำนานไว้มากมาย

แหวนวิเศษหนึ่งวงสวมแล้วกลายเป็นราชันในขอบเขตปราณเทวะ

ตราคำสั่งประหลาดชิ้นหนึ่งทำให้เกิดสำนักระดับสองดาว

เหรียญทองแดงลึกลับหนึ่งเหรียญทำให้ชะตาชีวิตคนธรรมดาเปลี่ยนไป

นอกจากนี้

ภายในหอหมื่นทรัพย์ยังมีอาวุธพิเศษอย่างโล่พลังเซียนที่สามารถใช้ได้ภายในอุทยานครึ่งเซียน ไม่โดนจำกัดจากกฎเกณฑ์เรื่อง ‘พลังจากภายนอก’ เพราะอาวุธเหล่านี้เดิมเป็นของอุทยานครึ่งเซียน จึงไม่โดนจำกัดจากพลังในฟ้าดินที่ยิ่งใหญ่

ด้วยเหตุผลนานานัปการ จึงทำให้ ‘หอหมื่นทรัพย์’ กลายเป็นที่รวมตัวของอัจฉริยะทั้งหลาย และเป็นเป้าหมายที่สำคัญด้วย

เป็นอย่างที่คิดไว้

ตอนที่จ้าวเฟิงมาถึง ‘หอหมื่นทรัพย์’ ในละแวกใกล้ๆ ก็มีพวกอัจฉริยะอยู่แล้วราวๆ สี่สิบห้าสิบคน

จะต้องรู้ไว้ว่า ในตอนนี้เพิ่งจะเป็นเพียงครึ่งแรกของอุทยานครึ่งเซียน และอุทยานครึ่งเซียนเมื่อเปิดออกแล้วจะมีเวลาเพียงครึ่งเดือน

“เพิ่งจะวันแรก ‘หอหมื่นทรัพย์’ ก็มีพวกอัจฉริยะมาชุมนุมมากมายขนาดนี้แล้ว”

จ้าวเฟิงอดถอดทอนใจไม่ได้ เขาเคยศึกษา ‘หอหมื่นทรัพย์’ มาก่อน แต่ก็ไม่ได้พิจารณาว่าจะเข้ามาภายในนี้เป็นที่แรก

แต่หลังจากที่ครุ่นคิดไปมาแล้ว เขายอมแพ้ไม่เข้าไปในหอหมื่นทรัพย์แห่งนี้

มีเหตุผลสองข้อคือ

อย่างแรก การแก่งแย่งแข่งขันของหอหมื่นทรัพย์รุนแรงเกินไป ภายในหอคงจะมีการสู้รบหลากหลายประเภท อันตรายอย่างยิ่ง หากพึ่งพากำลังของคนเพียงคนเดียว คงยากที่จะลงหลักปักฐานได้

นอกเสียจากว่าจะแข็งแกร่งเช่นดัง ‘หนานกงเชิ่ง’ หรือ ‘เมิ่งซี’

พูดให้เข้าใจง่ายๆ เลยก็คือ หากจะเข้าไปภายในหอหมื่นทรัพย์ควรจับกลุ่มกันเข้าไปจึงจะดีที่สุด

“ศิษย์น้องจ้าว!” หน้าหอหมื่นทรัพย์ มีเสียงลอยมาจากกลุ่มคนห้าหกคน เจ้าของเสียงก็คือ ‘ต่งเหวินเจี้ยน’

ต่งเหวินเจี้ยนอยู่ในกลุ่มกองกำลังของพวกสำนักเสวียนเจิน ผู้นำเป็น ‘ศิษย์พี่หนาน’

…ผู้เป็นหนึ่งในสิบอัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์

จ้าวเฟิงหยุดฝีเท้าลง ในตอนนี้เขามีทางเลือกสองทาง

ทางเลือกแรก เข้าร่วมกลุ่มสำนักของศิษย์พี่หนานและคนอื่นๆ

ทางเลือกที่สอง ปฏิเสธไปซะ

“ศิษย์น้องจ้าว ยังไม่มาเข้าร่วมกลุ่มอีก คนเยอะพลังก็จะยิ่งมากตามไปด้วย เข้าไปภายใน ‘หอหมื่นทรัพย์’ ด้วยกันเถิด”

ต่งเหวินเจี้ยนรีบเอ่ยเร่งอย่างเป็นมิตร ด้วยเพราะจ้าวเฟิงเข้ามาภายในสำนักเสวียนเจินยังไม่นานนัก คนที่พอจะรู้จักกันบ้างก็มีต่งเหวินเจี้ยนเพียงคนเดียว

อนึ่ง ทั้งสองต่างก็เป็นศิษย์ของจักรพรรดิตวนมู่

“เหอะเหอะ…พลังของศิษย์น้องจ้าวไม่เลวเลยทีเดียว การต่อสู้กับ ‘จั่วหง’ ในคราวก่อน ข้าก็ได้เห็นเหตุการณ์เองกับตา” ภายในกลุ่ม มีอีกสองสามคนที่แสดงความเป็นมิตร

ในอุทยานครึ่งเซียนแห่งนี้ มีสำนักต่างๆ มากมาย การแข่งขันก็ดุเดือดรุนแรง ศิษย์ร่วมสำนักมาเจอกันจึงมักจะดูแลซึ่งกันและกัน

‘ศิษย์พี่หนาน’ ผู้เป็นแกนนำใบหน้าเรียบเฉย แต่ก็มิได้ปฏิเสธ คนเยอะพลังก็มากตาม

พลังของจ้าวเฟิงในสายตาของเขาจัดว่าอยู่ใน ‘ระดับกลาง’ อย่างน้อยคงจะไม่เป็นตัวถ่วง

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการชักชวนของต่งเหวินเจี้ยน จ้าวเฟิงลอบถอนหายใจน้อยๆ แววตาเป็นประกายขณะเอ่ยด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว

“ศิษย์พี่ต่ง ต้องขอโทษท่านด้วยจริงๆ ข้ามีแผนการของข้าแล้ว คงจะเข้าร่วมกลุ่มกับพวกท่านไม่ได้” จ้าวเฟิงเอ่ยน้ำเสียงติดเสียดายน้อยๆ

เป้าหมายแรกของเขาคือ ‘ทะเลสาบจื่อเยียน’

หอหมื่นทรัพย์ไม่ค่อยเหมาะกับจ้าวเฟิงนัก เขาเพิ่งเข้าร่วมสำนักศักดิ์สิทธิ์ไม่นาน จึงไม่ค่อยคุ้นชินกับเหล่าลูกศิษย์พวกนี้เท่าไหร่

ส่วนต่งเหวินเจี้ยน ถึงแม้จะพูดว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับจ้าวเฟิง แต่ภายในใจของเขาก็ไม่ได้มีเจตนาดีกับจ้าวเฟิงมากนัก มีความริษยาอยู่บางส่วน และมีความรู้สึกไม่ยุติธรรมอยู่ด้วย

ทั้งหมดนี้จ้าวเฟิงเข้าใจกระจ่างแจ้ง ที่นี่ไม่ได้ต่างจากตำหนักยอดนภาของสำนักจันทร์สลายเมื่อก่อนเลย

ภายในอุทยานครึ่งเซียน เขาไม่มีเพื่อนแท้ และไม่มีใครที่สามารถเชื่อใจได้จริงๆ สักคน

ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะเข้าร่วมกลุ่มกับ ‘ศิษย์พี่หนาน’ ต้องโดนคนบีบบังคับท่ามกลางการประลองที่รุนแรงในหอหมื่นทรัพย์ แต่ผลประโยชน์ในตอนสุดท้าย เขาเองก็น่าจะได้ส่วนแบ่งไม่เท่าไหร่

“หอหมื่นทรัพย์…ในตอนนี้ไม่ค่อยเหมาะกับข้า”

หลังจากที่จ้าวเฟิงปฏิเสธแล้ว ร่างของเขาสั่นน้อยๆ เกิดเป็นเส้นเศษเสี้ยววายุอัสนี แล้วเร่งรุดเดินทางต่อ

ก่อนเข้ามาในอุทยานครึ่งเซียน จ้าวเฟิงเตรียมใจที่จะ ‘เดินทางเพียงลำพัง’ แล้วยังมีใจที่ต้องการต่อสู้ด้วย

ต่อให้ต้องเดินทางเพียงลำพัง เขาก็จะฝ่าฝันไปตามทางของเขาเอง!

“จ้าวเฟิงผู้นี้ ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย…”

คำปฏิเสธของจ้างเฟิงทำให้ต่งเหวินเจี้ยนรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง

ลึกๆ ในใจของเขาไม่เปิดรับจ้าวเฟิงเท่าไหร่นัก ภายในใจเต็มไปด้วยความริษยา แต่ก็ไม่กล้าจะผิดใจกับจ้าวเฟิง

ถึงอย่างไรจ้าวเฟิงก็เป็นถึงศิษย์โปรดของจักรพรรดิตวนมู่ แต่เขากลับเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาเท่านั้น

“เหอะ! ให้เขาไปคนเดียวเถอะ รนหาที่ตายเอง ไม่มีพลังของสิบอัจฉริยะของดินแดน เดินทางเพียงลำพังจะต้องตายอย่างแน่นอน!”

สีหน้าของศิษย์พี่หนานบึ้งตึง

จ้าวเฟิงผู้นั้นกล้าปฏิเสธเข้าร่วมกลุ่มกับเขา นี่นับว่าเป็นการหักหน้าเขาเลยทีเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version