บทที่ 741 คำสั่งล่าสังหาร (4)
“พลังจักรพรรดิ!”
จ้าวเฟิงยืนนิ่งไม่ไหวติง ผมสีม่วงเบื้องหลังพลิ้วไหวเป็นจังหวะประหลาด ด้านบนศีรษะมีเมฆกลางแสงอรุโณทัยลอยวนเวียน สายอัสนีฟาดสว่างไสวไปทั่วฟากฟ้า
ทะเลวิญญาณสีม่วงปรากฏแสงสุกสกาวชั้นหนึ่ง เจตจำนงตั้งมั่นราวกับเป็นแก้วผลึกที่ได้รับการเจียระไนจนสมบูรณ์ดั่งใจหวัง
กลิ่นอายจิตวิญญาณของเขาหลอมรวมกับฟ้าดิน พลังเสวียนอ้าวต่างๆ ในธรรมชาติปรากฏชัดเจนยิ่งกว่าที่ผ่านมาหลายเท่าตัวนัก
นี่ก็คือขอบเขตปราณเทวะที่สมบูรณ์ สำนึกรู้ในดวงวิญญาณจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจนสมบูรณ์แบบ
หากจะพูดว่าดวงวิญญาณของราชันทั่วไปเป็นหินก้อนหนึ่ง เช่นนั้นแล้วดวงวิญญาณของจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะก็จะเป็นลูกแก้วผลึกที่สุกสกาวสวยงาม
ขนาดของดวงวิญญาณไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่ในด้านคุณสมบัติห่างชั้นกันลิบลับ
ในเวลาดังกล่าว
พลังยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิที่เกิดขึ้นใหม่ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศเป็นรัศมีเป็นหมื่นลี้ เมฆหมอกมรณะที่อยู่เหนือทั้งตำหนักพิณสวรรค์แตกกระจายออกไปเกินครึ่ง
“พลังของระดับขั้นจักรพรรดิ…”
ภายในค่ายกลป้องกันสำนัก แววตาของเจ้าตำหนักพิณและหลี่เสวี่ยอี้ที่มองขึ้นไปทางจ้าวเฟิงทั้งตกตะลึงทั้งชื่นชม
สามารถทะลวงผ่านมาถึงขอบเขตปราณเทวะที่สมบูรณ์ได้ เช่นนั้นแล้วหากจ้าวเฟิงจะเลื่อนขึ้นเป็นจักรพรรดิก็จะไม่มีอุปสรรคใดอีก
เพียงแต่ต้องใช้เวลาอย่างมากสิบปี อย่างน้อยสามถึงห้าปี จ้าวเฟิงก็จะสามารถเป็นจักรพรรดิคนใหม่ของดินแดนชางไห่ได้
จะต้องรู้ก่อนว่า ในระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา ทั่วทั้งชางไห่ยังไม่มีจักรพรรดิคนใหม่ถือกำเนิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการถือกำเนิดของจักรพรรดิคนใดก็ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อทั่วทั้งดินแดน
“เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ ไม่อาจจะยับยั้งได้…”
สีหน้าสุขุมเยือกเย็นของจักรพรรดิแห่งความตายเผยความเคร่งเครียดจริงจังขึ้นเป็นครั้งแรก
เพราะว่าเมื่อไม่นานมานี้ พลังมหาศาลที่จ้าวเฟิงแสดงออกมาก็เข้าใกล้จักรพรรดิปราณเทวะอย่างยิ่งแล้ว
สามารถพูดได้ว่า ในยามก่อนจ้าวเฟิงฟูมฟักพลังจักรพรรดิได้เก้าสิบห้าส่วนจากร้อยส่วนแล้ว
เมื่อต่อสู้กันอย่างรุนแรงครู่หนึ่ง จ้าวเฟิงก็มีโอกาสขัดเกลาจนได้พลังจักรพรรดิมาทุกเมื่อ
“คำสั่งล่าสังหาร… ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”
ดวงตาสองข้างของจ้าวเฟิงเป็นประกายแสงแวววาว มีความมั่นใจในการต่อสู้อย่างยิ่ง
เมื่อเอ่ยจบ เขาสะบัดมืออย่างรุนแรง เมฆหมอกพิฆาตสีชาดที่เหมือนมีไฟเผาไหม้ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า พร้อมกับผุดคลื่นแสงสีทองออกมาเป็นชั้นๆ
โครม วูบ!
ในเมฆหมอกสีชาดนั้นปรากฏกรงเล็บวายุอัสนีขนาดยักษ์ที่คล้ายมีเพลิงแดงฉานลุกโชน อานุภาพรุนแรงที่ปกคลุมทั่วฟ้าดินตรงดิ่งไปยังจักรพรรดิแห่งความตายอย่างบ้าคลั่ง
จักรพรรดิแห่งความตายยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ‘พลังมรณะ’ ราวหมึกดำที่อยู่รอบตัวบิดเบี้ยวทับซ้อนกันจนกลายเป็นระลอกพลังแห่งความตาย สรรพสิ่งทั้งหมดในทุกที่ที่มันผ่านไปล้วนแหลกสลายกลายเป็นผุยผง
ครืน! ตูม!
ภูเขาใหญ่ที่อยู่รอบๆ หลายลูกกลายเป็นฝุ่นละอองลอยล่องไปทั่วฟ้า เหมือนจู่ๆ ก็หายวับไปในทันที
แซ่ด แซ่ด เปรี้ยง!
กรงเล็บวายุอัสนีราวเพลิงสีแดงฉานลุกไหม้เผชิญกับระลอกพลังมรณะที่อยู่ทั่วทุกหนแห่ง ความเร็วค่อยๆ ลดลงไป เมื่อเข้าใกล้ร่างของจักรพรรดิแห่งความตายจึงเหลือพลังแค่ไม่ถึงสี่ส่วน
ถัดจากนั้น พลังของจักรพรรดิแห่งความตายโคจรมิติมรณะที่ดำมืดมิดหนาแน่น หนาวเย็นไร้ขอบเขต ไอมรณะของมันทับซ้อนไปมาในฟ้าดิน
วูบ!
พลังมหาศาลในขั้นจักรพรรดิที่แผ่กระจายอยู่ทั่วของจ้าวเฟิงถูกกลืนหายไปอย่างรวดเร็ว
“นั่นเป็นเขตแดนแห่งความตาย เรียกได้ว่าเป็นโลกมิติส่วนตัวที่เรียบง่าย…” เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยเสียงต่ำ
จ้าวเฟิงเองก็สัมผัสได้ถึงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ของโลกมิติส่วนตัว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเขตแดนมิติทั่วไปไม่รู้กี่เท่าตัว
“หมัดระเบิดพิฆาต!”
จ้าวเฟิงอยู่ในระดับขั้นใหม่ หมัดที่ปล่อยออกไปมีเขตแดนมิติทั้งสามทับซ้อนกัน และปะทะกับพลังโลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิแห่งความตายเข้าอย่างจัง
พลังขั้นจักรพรรดิทำให้อานุภาพวายุอัสนีพิฆาตสีชาดของจ้าวเฟิงเพิ่มพรวดขึ้นหลายระดับ
การพัฒนาขึ้นของสำนึกรู้ในดวงวิญญาณ ทำให้เขตแดนมิติทั้งสามเป็นรูปธรรมมากกว่าเดิม
พลังของเขตแดนมิติทั้งสามที่เป็นตัวแทนของศาสตร์วิญญาณ สายเลือด และวิชาต่างๆ ล้วนแต่อัดแน่นอยู่ในหมัดวายุอัสนีพิฆาตซึ่งเปล่งแสงสีทอง เงาของเมืองมายาและพายุเหมันต์ก็รวมตัวปะทุอยู่ในนั้นด้วย
วาบ!
ทั่วร่างของเด็กน้อยครึ่งเซียนเปล่งแสงสีทองแวววาวราวกับรูปปั้นพระพุทธ แล้วสำแดงสิบแปดฝ่ามือผนึกนภาออกมา แก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์บดขยี้ผ่านภูเขาลำธาร จำกัดขอบเขตจักรพรรดิแห่งความตายไปทีละขั้น
ความร่วมมือของคนทั้งสองบรรลุไปถึงระดับสุดยอด จึงมากพอจะโจมตีจักรพรรดิธรรมดาส่วนหนึ่งให้ล่าถอยไปได้
พู่ พู่ ครืน!
จักรพรรดิแห่งความตายงอนิ้วเล็กน้อย พลังของโลกมิติก็ปรากฏขึ้นเป็นอาณาเขตเงียบงันที่ดำมืดและเย็นยะเยือก ภายในราวกับมีน้ำหมุนวนคอยกลืนกินพลังทั้งหมดเข้าไป
การโจมตีของจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนเพิ่งเข้าไปใกล้ ก็เหมือนก้อนหินหายลงไปในมหาสมุทรใหญ่เสียแล้ว
ท่ามกลางเสียงดัง ‘แซ่ด แซ่ด’ ที่แปลกประหลาด จักรพรรดิแห่งความตายเพียงแค่ขยับนิ้วน้อยๆ ก็กระตุ้นพลังโลกมิติมรณะปะทะไปยังจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียน ขอบเขตของความว่างเปล่ากำลังสั่นไหวน้อยๆ
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนถูกพลังของโลกมิติส่วนตัวกดทับเอาไว้ ไอเย็นเยียบอันเงียบสงัดกลุ่มหนึ่งหยั่งรากลงในร่างกายและจิตใจ
“แย่แล้ว!”
ทั้งสองสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ รู้สึกได้ว่าโลกมิติมรณะนั้นเป็นดั่งน้ำวนขนาดยักษ์ที่ปลดปล่อยแรงดึงดูดน่าพรั่นพรึงออกมา
ชีวิตจำนวนมหาศาลในอากาศถูกฉุดรั้งและกลืนกินเข้าไป
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนรู้สึกว่าไอสวรรค์และพลังชีวิตกำลังลดลงช้าๆ
“อ๊าก อ๊าก อ๊าก…”
ในค่ายกลป้องกันตำหนักเซียนพิณสวรรค์ สมาชิกของตำหนักพิณมากมายกลายเป็นกองกระดูกขาวโพลนอย่างรวดเร็ว
ปีกอัสนีโบยบิน!
ปีกวายุอัสนีขนาดยักษ์ขยายออกบริเวณหลังของจ้าวเฟิงจนมองเห็นโครงร่างของปีกอย่างชัดเจน มันเหมือนปีกของวิหคสายฟ้าโบราณชนิดหนึ่ง
แซ่ด!
จ้าวเฟิงพาเด็กน้อยครึ่งเซียนหลบหนีออกไปหลายร้อยจั้งเพียงพริบตาเดียว
ถ้าหากไม่ฝึกฝนจนได้พลังจักรพรรดิมา จ้าวเฟิงเองก็ยากจะพาคนบินหนีเป็นระยะทางที่ยาวไกลเช่นนี้
“จะหนีไปไหน!”
ร่างมืดมิดของจักรพรรดิแห่งความตาย เป็นเหมือนเงาทะมึนของเทพมรณะที่เข้าใกล้จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
แซ่ด พรึ่บ พรึ่บ!
เพียงพริบตาเดียว คนทั้งสามที่สู้รบกันอยู่ก็บินออกไปยังอาณาเขตภายนอก หลุดออกจากพื้นที่ภายในดินแดน
คนของตำหนักพิณเซียนสวรรค์มองเห็นเพียงแค่จุดไฟสองดวงพุ่งไปยังฟากฟ้า แล้วหายไปในพริบตา
มีเพียงเจ้าตำหนักพิณเท่านั้นที่ห้วงความคิดเซียนสามารถไปถึงทะเลความว่างเปล่านอกดินแดน จึงมองเห็นการต่อสู้ของทั้งสาม
ลำแสงอัสนีสีชาดหนึ่งในนั้นก็คือจ้าวเฟิง รวมถึงเด็กน้อยครึ่งเวียนที่เขาพาไปด้วย
“จักรพรรดิแห่งความตายกลับรวดเร็วถึงขนาดนี้…..”
จ้าวเฟิงค้นพบว่าจักรพรรดิแห่งความตายที่อยู่ด้านหลังไล่ตามตนมาทันอย่างสบายยิ่ง
จะต้องรู้ว่า ความเร็วของจ้าวเฟิงในตอนนี้ก็ถือว่าเหนือกว่าจักรพรรดิปราณเทวะส่วนหนึ่งอยู่เล็กน้อย
การเพิ่มขึ้นสูงของสำนึกรู้ ทำให้จ้าวเฟิงลึกซึ้งในแก่นแท้เสวียนอ้าวส่วนสำคัญที่สุดของ ‘ปีกวายุอัสนี’
“นายท่าน พวกเราในตอนนี้ไม่สามารถจะเอาชนะจักรพรรดิแห่งความตายได้”
เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
แววตาของจ้าวเฟิงเปล่งประกายวูบวาบ และไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
การปะทะกันในขั้นต้น จักรพรรดิแห่งความตายกดข่มทั้งตำหนักเซียนพิณสวรรค์ได้อย่างสบายๆ
ในแต่ละด้านของคนผู้นี้ล้วนแต่ถึงระดับสุดยอดของขั้นจักรพรรดิ ไปจนกระทั่งถึงขีดจำกัดสูงสุด
อย่างน้อยๆ จ้าวเฟิงก็ยังหาวิธีทำลาย ‘ร่างศพอมตะ’ ของจักรพรรดิแห่งความตายไม่เจอ ในจุดนี้จึงพูดได้ว่าศัตรูอยู่ในสถานะที่ไม่มีทางพ่ายแพ้
นอกจากนี้แล้ว คนทั้งสองยังไม่อาจทำลายสนามพลังมรณะและพลังจากโลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิแห่งความตายได้ในระยะเวลาสั้นๆ ด้วย
“พลังแฝงของจักรพรรดิแห่งความตายล้ำลึกเช่นนี้ หากประมือกันนานข้าต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”
จ้าวเฟิงได้ข้อสรุป
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ปีกอัสนีขนาดใหญ่เบื้องหลังของเขาก็ยิ่งโบกสะบัดเร็วขึ้น
วูบ!
เด็กน้อยครึ่งเซียนเข้าไปในแหวนเหล็กโบราณตามคำสั่งของจ้าวเฟิง
วินาทีต่อมา เหตุการณ์ที่ทำให้คนตื่นตกใจก็เกิดขึ้น
“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”
ปีกอัสนีบริเวณหลังของจ้าวเฟิงเปล่งแสงปีกสายลมและสายฟ้าที่สว่างวาววับออกมา ความเร็วไปจนถึงขีดสุด แล้วกลายร่างเป็นอัสนีสายหนึ่งในฉับพลัน จากนั้นหลอมรวมกับอากาศและหายวับไปอย่างรวดเร็ว
แซ่ด พรึ่บ!
จักรพรรดิแห่งความตายจับได้เพียงเส้นวายุอัสนีที่บินหนีหายไป ในรัศมีพันลี้มองไม่เห็นร่องรอยของจ้าวเฟิงอีก
“ปีกอัสนีผ่านฟ้า? นี่เป็นขอบเขตการโบยบินข้ามมิติที่สูงสุดในมรดกวายุอัสนี…”
จักรพรรดิแห่งความตายตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย
จ้าวเฟิงเรียกวิชาปีกอัสนีออกมาใช้ เป็นขอบเขตการโบยบินในอุดมคติที่สุดของปีกวายุอัสนี ‘ปีกอัสนีผ่านฟ้า’
เคล็ดวิชาดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของประกายปีกอัสนี แล้วผสานวิชาปีกอัสนีโบยบินเข้าไป สุดท้ายจึงสำแดงการโบยบินข้ามดินแดนที่มีความเร็วสูงสุดออกมา
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น จ้าวเฟิงก็ปรากฏตัวไกลออกไปหลายพันลี้ ความเร็วดังกล่าวมากพอจะทำให้จักรพรรดิจำนวนมากมายมองไม่เห็นฝุ่นด้วยซ้ำ
มรดกวายุอัสนีซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นความเร็วอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ คงไม่ได้ถูกเรียกเปล่าๆ แน่
ในยามก่อน จักรพรรดิวายุอัสนียังเคยหนีเอาชีวิตรอดจากการตามไล่ล่าสังหารของเซียนมาแล้ว
“ ‘ผ่านฟ้า’ หนึ่งครั้งข้ามผ่านระยะทางหลายพันลี้ ที่นี่เป็นทะเลความว่างเปล่า เพิ่มความเร็วขึ้นเป็นสิบเท่าขึ้นไปก็ยังไม่พอ!” จ้าวเฟิงไม่พอใจยิ่งนัก
การโบยบินผ่านฟ้าในครั้งนี้ หากอยู่ในเขตดินแดนแล้วล่ะก็ จะสามารถข้ามผ่านระยะทางได้เพียงหลายร้อยลี้
ในขณะที่จักรพรรดิวายุอัสนีตอนอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ ‘บินผ่านฟ้า’ ข้ามดินแดนได้หลายพันลี้อย่างสบายๆ
เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ ความเร็วเช่นนี้ไม่มีทางสลัดจักรพรรดิแห่งความตายทิ้งได้
“เงามรณะ!”
จักรพรรดิแห่งความตายเป็นดั่งเงาตามตัว ในทะเลหมอกความว่างเปล่าเห็นเพียงเส้นลำแสงมืดมิด เป็นเคล็ดวิชาข้ามมิติที่แข็งแกร่งเช่นกัน
ยามนี้จักรพรรดิแห่งความตายเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”
ปีกอัสนีเบื้องหลังของจ้าวเฟิงเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าออกมาอีกครั้ง ก่อนจะกลายเป็นเส้นอัสนีขนาดเล็ก ผสานเข้ากับอากาศ แล้วหายวับไป
ในวินาทีต่อมา
จ้าวเฟิงข้ามผ่านดินแดนเป็นระยะทางหลายพันลี้อีกครั้ง ซึ่งไกลกว่าครั้งก่อนพันกว่าลี้
หลังจากเลื่อนขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้ว ความเข้าใจที่จ้าวเฟิงมีต่อมิติจะมากขึ้นไปอีกระดับขั้น จนมากพอจะเรียก ‘ปีกอัสนีผ่านฟ้า’ ได้ดั่งใจนึก
ความเร็วขั้นสูงสุดของเสวียนอ้าววายุอัสนีผสานเข้ากับการโบยบินข้ามมิติชั้นยอด ทำให้เกิดเป็นลำแสงที่มีความเร็วอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ
ชั่วเวลาจิบชาครึ่งถ้วยผ่านไป
จ้าวเฟิงชำนาญ ‘ปีกอัสนีผ่านฟ้า’ มากยิ่งขึ้น ในขณะที่สิ้นเปลืองพลังน้อยลง ความเร็วกลับเพิ่มขึ้นมาก
ต่อมาภายหลัง
ในทุกครั้งที่จ้าวเฟิงบินผ่านฟ้าจึงสามารถบินข้ามเป็นระยะทางเจ็ดแปดพันลี้
แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับจักรพรรดิวายุอัสนีในช่วงสุดยอดยังคงต่างกันอยู่มาก
ถึงจะเป็นเช่นนี้ ปีกอัสนีผ่านฟ้าของจ้าวเฟิงก็ได้รับการกระตุ้นจนมีความเร็วเป็นยอดกว่าคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับเซียนลงไป
ครึ่งชั่วยามต่อมา ระยะทางของระหว่างจ้าวเฟิงและจักรพรรดิแห่งความตายค่อยๆ ทิ้งห่างออกไป
“ปีกอัสนีผ่านฟ้า! เป็นขอบเขตการโบยบินที่เร็วที่สุดของจักรพรรดิ…”
จักรพรรดิแห่งความตายขมวดคิ้ว รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงไปเล็กน้อย
เกี่ยวกับชื่อเสียงของ ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’ เขาได้ยินมาก่อนว่าเคยอาศัยความรวดเร็วหนีการตามไล่ล่าสังหารของเซียน
ต่อมาห้วงคิดเซียนของจักรพรรดิแห่งความตายก็ไม่เห็นเงาของจ้าวเฟิงอีก
เขาทำได้เพียงพึ่งพากลิ่นอายที่เหลือเพียงเศษเสี้ยวในอากาศเพื่อไล่ตามอีกฝ่ายไป
ยังดีที่จ้าวเฟิงไม่อาจสร้างกลิ่นอาย ‘ปีกอัสนีผ่านฟ้า’ ของปลอมขึ้นมาได้
ปีกอัสนีผ่านฟ้ามาพร้อมพลังวายุอัสนีมหาศาล อานุภาพแกร่งกล้า สำนึกรู้สูงส่ง หนำซ้ำยังมีระลอกพลังมิติด้วยเช่นกัน
นี่เป็นจุดที่จ้าวเฟิงรู้สึกเหนื่อยหน่ายอยู่เล็กน้อย
หลังจากที่เขาทิ้งระยะห่างให้ไกลพอควรแล้ว จึงเรียก ‘ประกายปีกอัสนี’ ที่เรียบง่ายออกมาใช้ ถึงจะสามารถควบคุมเศษเสี้ยวเงาวายุอัสนี แล้วใช้กลิ่นอายปลอมหลอกล่อจักรพรรดิแห่งความตายไปอีกทางได้
แต่ปัญหาก็คือ ความเร็วของจ้าวเฟิงไม่ได้เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง เขาเหนือกว่าจักรพรรดิแห่งความตายเพียงแค่ครึ่งส่วนเท่านั้น
พลังแฝงของจักรพรรดิแห่งความตายลึกล้ำ ปราณที่แท้จริงมหาศาลราวมหาสมุทร มีจำนวนมากพอให้ใช้กระตุ้น ‘เงามรณะ’ ให้ตามไล่ล่า
ทะเลหมอกความว่างเปล่า
กลิ่นอายและความเร็วในระดับสุดยอดทั้งสอง ทำให้ยอดฝีมือนอกดินแดนที่กระจัดกระจายอยู่ระหว่างทางเกิดความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนจนหายใจไม่ออก
ห้าหกวันต่อมา
ในที่สุดแล้วจ้าวเฟิงก็หลุดพ้นจากจักรพรรดิแห่งความตาย และเข้าไปในกลุ่มดินแดนแห่งใหม่
แซ่ด พรึ่บ!
เศษเสี้ยววายุอัสนีสายหนึ่งตกลงสู่ในดินแดนเกาะที่เหมือนทวีปบุปผาครามดั่งฝนดาวตกระยิบระยับ
ฮู!
จ้าวเฟิงผ่อนลมหายใจออกมายาว สีหน้าซีดเซียว ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย เขานั่งขัดสมาธิหยิบผลไม้ห้วงฝันออกมา แล้วจึงกินเข้าไป