Skip to content

King of Gods 743

King Of Gods

บทที่ 743 คำสั่งล่าสังหาร (6)

“จักรพรรดิไว้ชีวิตด้วย!”

“พวกข้าโง่งม รบกวนการพักผ่อนขององค์จักรพรรดิ”

บรรดายอดฝีมือในดินแดนที่อยูใกล้เคียงต่างตกใจจนวิญญาณลอยล่อง หน้าซีดเผือดกันเป็นแถบ

เงาจักรพรรดิในอากาศด้านบน เพียงโบกมือเบาๆ ก็สามารถทำให้คนเหล่านั้นบาดเจ็บสาหัสทั้งใจและกาย ทั้งยังโดนพลังมหาศาลของจักรพรรดิที่ไร้รูปร่างกักขังเอาไว้

ในเวลาดังกล่าว เหล่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งในเขตดินแดนหวาดกลัวราวมดปลวก

“ดินแดนเกาะแห่งนี้คล้ายคลึงกับทวีปบุปผาครามมาก…” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

เมื่อตัวอยู่ต่างถิ่น จู่ๆ เขาก็นึกถึงทวีปบุปผาครามอันเป็นบ้านเกิดของตนขึ้นมา

จ้าวเฟิงจากทวีปบุปผาครามมาแล้วหลายปีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

สำหรับ ‘เงาจักรพรรดิ’ นั้น เป็นเคล็ดวิชาที่จ้าวเฟิงลอบเรียนมาจากตวนมู่ชิง มีแต่ต้องมีพลังดวงวิญญาณที่สมบูรณ์อย่างมาก จึงจะสามารถฝึกฝนได้

“ไสหัวไป!”

เงาจักรพรรดิบนฟากฟ้าพลันโบกมือน้อยๆ เหล่ายอดฝีมือปลิวว่อนไปในอากาศราวกับเป็นกระดาษอย่างนั้น

หลายช่วงลมหายใจต่อมา

คนพวกนี้โดนสะบัดจนกระเด็นไปไกลหลายร้อยลี้ แต่ละคนสภาพสะบักสะบอมไม่น้อย ล้วนแต่หวาดหวั่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง

“พลังในระดับจักรพรรดิช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน…” คนทั้งหลายยังคงหวาดกลัว

บุคคลระดับจักรพรรดิผู้เป็นดั่งตำนาน

เหตุใดจึงมาปรากฏกายที่ดินแดนหมิงหวาที่เล็กจ้อยกัน?

ยอดฝีมือในเขตดินแดนผู้อยู่ในเหตุการณ์ มีเพียงยอดผู้สูงศักดิ์เท่านั้นที่เคยเห็นคนในระดับราชันปราณเทวะ

แต่กับจักรพรรดิที่สูงส่งยิ่งกว่านั้น ในรอบหมื่นปีที่ผ่านมานี้ทั้งกลุ่มดินแดนยังไม่เคยถือกำเนิดขึ้นมาแม้แต่คนเดียว

สำนักสองดาวธรรมดาไม่เคยมีจักรพรรดิปราณเทวะมาก่อน ต่อให้เป็นสำนักสองดาวครึ่งก็ยังไม่เคยมีด้วยซ้ำ

มีเพียงสำนักสองดาวระดับสุดยอดเท่านั้นจึงจะมีจักรพรรดิปราณเทวะอยู่ในสำนัก

“ทุกคนรีบหนีเร็ว!” ยอดฝีมือภายในดินแดนเหล่านี้รีบถอนตัวออกจากพื้นที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว

ถ้าหากว่าจักรพรรดิผู้นั้นเปลี่ยนใจขึ้นมาละก็ ห้วงความคิดหนึ่งก็สามารถตัดสินความเป็นตายของพวกเขาได้

ในหลุมลึกหลายพันจั้ง

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ เด็กน้อยครึ่งเซียนที่อยู่ข้างกายเพิ่งจะคลายความฉงนปนตกใจบนใบหน้าทีละน้อย

“สายเลือด การรับรู้ และพลังแฝงของจ้าวเฟิงน่าสะพรึงขวัญนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขายังประสบความสำเร็จในการดูดซึมพลังอัสนีเทวะด้วย”

เด็กน้อยครึ่งเซียนรู้สึกกดดันเพิ่มขึ้นอย่างยิ่ง

ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เกรงว่าความสำเร็จในอนาคตของจ้าวเฟิงจะเหนือกว่าเขาผู้เป็นครึ่งเซียนในระดับสุดยอดแน่

และแน่นอนว่าก่อนหน้านั้นจ้าวเฟิงจะต้องหนีจาก ‘คำสั่งล่าสังหาร’ ให้ได้เสียก่อน

“หืม? แย่ละ…”

จ้าวเฟิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่สัมผัสถึงบางอย่างได้อย่างฉับพลัน จึงมองไปยังนอกดินแดน

แล้วในวินาทีต่อมานั้นเอง

ลำแสงมืดทะมึนสายหนึ่งทะยานผ่านดินแดนหมิงหวา ทุกที่ที่มันผ่านไปล้วนแต่มืดมิด ไอเย็นแห่งความตายครอบคลุมทั่วดินฟ้า

ภาพเช่นนั้นเหมือนกับดาวมรณะที่นำเอาความมืดมิดมาสู่ผืนทวีป

“พลังมรณะ! พลังในระดับจักรพรรดิ!”

เหล่ายอดฝีมือดินแดนหมิงหวาที่เพิ่งจะถอยออกไประยะหนึ่งรู้สึกราวตกลงไปภายในเหวลึก เหมือนไม่สามารถควบคุมความเป็นความตายได้

ในครรลองสายตา ทุกที่ที่พลังมรณะมืดมิดนั้นพัดผ่าน สรรพชีวิตนับหมื่นก็โดนสังหารไปจนสิ้น

“มาไวอะไรเช่นนี้…” จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนสบตากัน

คนทั้งสองไม่ลังเลแต่อย่างใด รีบตรงไปรับมือจักรพรรดิแห่งความตายจากนอกดินแดนในทันที

ประกายปีกอัสนี!

ด้านหลังของจ้าวเฟิงปรากฏปีกอัสนีสีทองคู่หนึ่งขึ้น วายุอัสนีที่หมุนวนรอบๆ ก่อให้เกิดพายุสีทองลูกใหญ่ยักษ์

พายุที่เกิดจากปีกดังกล่าวเต็มไปด้วยกลิ่นอายบ้าคลั่งของภัยมรณะ แล้วยังมีพลังเหนือกว่าการทำลายล้างใดๆ ทั้งหมดด้วย

“โครม”

จ้าวเฟิงลอยตัวขึ้นกลางอากาศ แล้วปะทะเข้าใส่จักรพรรดิแห่งความตายอย่างรุนแรง

อานุภาพการโจมตีของจ้าวเฟิงรุนแรงมากกว่ายามอยู่ที่ตำหนักพิณสวรรค์ถึงครึ่งระดับขั้น

“สนามพลังมรณะ!”

จักรพรรดิแห่งความตายหน้ากระตุกน้อยๆ รอบกายของเขาปรากฏพลังน่าสะพรึงกลัวที่ดำมืดสนิทราวหมึก มันกลืนกินไอสวรรค์ของสิ่งมีชีวิตไปจนหมด หรือกระทั่งพลังที่โคจรย้อนกลับก็ด้วย

ครืน——

ยอดฝีมือระดับสูงของดินแดนหมิงหวาที่อยู่ด้านล่างรู้สึกว่าฟ้าดินสั่นไหว เหมือนว่าแม้กระทั่งอากาศก็ยังกระเทือนจากการปะทะกันเมื่อครู่

การต่อสู้ของคนในระดับจักรพรรดิทำให้ฟ้าถล่มดินทลาย ไอสวรรค์ในธรรมชาติกลายเป็นคลื่นลูกยักษ์ที่เคลื่อนไหวขึ้นลง

เมื่อระลอกพลังที่เหลือเล็กๆ น้อยๆ แต่ละสายปะทะลงไปบนพื้น ก็จะทิ้งร่องรอยเป็นหลุมใหญ่เกือบร้อยจั้งไว้หลายหลุม

ยังดีที่จ้าวเฟิงปะทะกับจักรพรรดิแห่งความตายอยู่กลางอากาศใกล้เขตนอกดินแดน

หากไม่เช่นนั้นแล้ว การสู้รบของคนระดับจักรพรรดิคงเป็นหายนะของยอดฝีมือในดินแดนหมิงหวาเหล่านั้น

“ก็ยังไม่มีวิธีทำลาย ‘สนามพลังมรณะ’ ”

ปีกอัสนีสีทองด้านหลังจ้าวเฟิงโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว และใช้ความปราดเปรียวว่องไวเหนือธรรมดาประมือกับจักรพรรดิแห่งความตายหลายช่วงลมหายใจ

พลังการโจมตีของเขาในวันนี้ผสานเขตแดนมิติถึงสามแห่งเอาไว้ด้วยกัน จึงสามารถปะทะกับจักรพรรดิได้อย่างซึ่งหน้า เมื่อบวกกับความเร็วในการโบกสะบัดของปีกวายุอัสนี ทำให้ถึงขั้นสามารถควบคุมสถานการณ์เป็นฝ่ายบุกได้เลยทีเดียว

แต่ว่า ‘สนามพลังมรณะ’ ของจักรพรรดิแห่งความตายกลืนกินพลังที่แข็งแกร่งทั้งหมดลงไป จากนั้นจึงเปลี่ยนรูปจนได้ที่แล้วโจมตีโต้กลับ

ทว่าวายุอัสนีสีทองของจ้าวเฟิงหลอมรวมพลังอัสนีเทวะเข้าไป ต่อให้เป็นสนามพลังมรณะก็ดูดซึมและเปลี่ยนรูปไปได้แค่ห้าหกส่วน

ถึงจะเป็นเช่นนั้น นี่ก็มากพอให้จ้าวเฟิงหมดแรงลงไป

“ฤทธิ์กายศักดิ์สิทธิ์!”

เด็กน้อยครึ่งเซียนเปล่งแสงสว่างสีทองทั่วร่าง เรือนร่างเด็กน้อยสามสี่ขวบขยายออกครึ่งหนึ่ง แก่นแท้พลังที่แข็งแกร่งในอากาศกลายเป็นเงาสีทองกดดันอยู่บนร่างของจักรพรรดิแห่งความตาย

‘ฤทธิ์กายศักดิ์สิทธิ์’ กลุ่มนั้นสร้างแรงกดดันที่ไร้รูปร่างต่อกายเนื้อของจักรพรรดิแห่งความตาย

ระดับขั้นของ ‘กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง’ จะสูงส่งขนาดไหน ‘ร่างศพอมตะ’ ของจักรพรรดิแห่งความตายก็ไม่ได้เด่นในเรื่องของกำลังกายเท่าไหร่นัก

“สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา!”

เด็กน้อยครึ่งเซียนส่งฝ่ามือแสงสีทองลี้ลับขนาดใหญ่ไปติดๆ กัน มันบิดเบี้ยวและหลอมรวมกับฟ้าดิน แล้วจึงกลายเป็นปราการป้องกันจักรพรรดิแห่งความตายที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

“ฝ่ามือต้องห้าม!”

ฝ่ามือของเด็กน้อยครึ่งเซียนหมุนวนแปลกประหลาด กลุ่มลำแสงสีทองที่ไร้รูปร่างปกคลุมทั่วร่างจักรพรรดิแห่งความตาย

หืม?

สีหน้าของจักรพรรดิแห่งความตายตึงเครียด พลังมรณะรอบกายและไอสวรรค์ประเภทต่างๆ คล้ายจะแข็งค้าง ไม่ไหลลื่นมากนัก

นี่ขนาดเขามีกำลังรบในระดับขีดสุดของจักรพรรดิกับพลังมรณะที่ไม่ธรรมดา

หากเปลี่ยนเป็นพลังของราชันทั่วไป เกรงว่าน่าจะถูกกักขังไปมากกว่าครึ่ง

“ฝ่ามือต้องห้าม! ที่แท้เจ้าก็เป็นวิชาต้องห้ามที่สูญหายไปด้วย ถึงจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวก็ตาม…”

จักรพรรดิแห่งความตายจ้องมองไปยังเด็กน้อยครึ่งเซียน

ถึงแม้ว่าเด็กน้อยครึ่งเซียนจะไม่ใช่กำลังรบหลัก แต่ความช่วยเหลือของเขาก็คอยขัดแข้งขัดขาศัตรู

มิฉะนั้น ลำพังแค่กำลังรบของคนในขั้นจักรพรรดิเพียงคนเดียวคงโดนจักรพรรดิแห่งความตายสังหารไปนานแล้ว

“เคียวมรณะ!”

อากาศรอบตัวจักรพรรดิแห่งความตายมีพลังมรณะสะเทือนไปทั่ว ในมือปรากฏเคียวเล่มใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยหมอกควันสีดำและพลังเพลิงมรณะที่ชวนสะพรึงขวัญ

วูบ วูบ วูบ!

เงาเคียวมรณะขนาดใหญ่ลากคมแห่งความตายอันเย็นเยือกออกมาหลายชั้นจนปั่นป่วนไปทั่วฟ้าดิน สนามพลังมรณะที่อัดแน่นทำให้จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนกระเด็นถอยร่นไปติดๆ กัน

อึก!

เคล็ดวิชาฝ่ามือของเด็กน้อยครึ่งเซียนถูกทำลายอย่างรุนแรง จนกระอักเลือดออกมาทันที

ฟู่!

ร่างภายนอกของจ้าวเฟิงที่เป็นเกล็ดมังกรเหมันต์มีรอยเลือดยาวครึ่งชุ่น ก่อนจะรักษาบาดแผลและสมานตัวอย่างรวดเร็ว

อากาศล้วนแต่โดนคมเหมันต์มรณะของเงาเคียวเล่มใหญ่ปกคลุม หากเปลี่ยนเป็นราชันธรรมดาน่าจะโดนสังหารไปหลายครั้งแล้ว

การโจมตีของจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนกลับถูกสนามพลังมรณะหักเหเปลี่ยนแปลง เพิ่มพลังให้กับ ‘เคียวมรณะ’ ไปอีกขั้น

“แข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว…”

เด็กน้อยครึ่งเซียนใจสั่นสะท้าน จักรพรรดิแห่งความตายในสภาวะโจมตีอย่างบ้าคลั่งแทบจะทำลายล้างทุกสรรพสิ่งจนหมดสิ้น

จะต้องรู้ว่า กำลังรบที่เกิดจากการร่วมมือกันของจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนในเวลาสั้นๆ ใกล้เคียงจักรพรรดิชั้นยอดอย่างตวนมู่ชิงเลยทีเดียว ที่ยังขาดไปมีแค่ส่วนแฝงในพลังเท่านั้น

“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”

ปีกอัสนีสีทองบนหลังจ้าวเฟิงขยับราวมีชีวิต เปล่งแสงปีกวายุอัสนีระยิบระยับออกมา จากนั้นกลายเป็นเส้นอัสนีบาตเส้นหนึ่ง หลอมรวมเข้ากับอากาศ แล้วหายวับไปอย่างรวดเร็ว

แซ่ด พรึ่บ!

ในครรลองสายตาเห็นเพียงเส้นโค้งของอัสนียาวยืดพุ่งผ่านไปยังอากาศนอกดินแดน

ในครั้งนี้ ‘ปีกอัสนีผ่านฟ้า’ ที่จ้าวเฟิงเรียกขึ้นมามีแรงเพลิงสูงส่งยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม

แรงระเบิดจากวายุอัสนีสีทองของเขาแข็งแกร่งรุนแรงกว่าของจักรพรรดิวายุอัสนีเสียอีก

การโบยบินเร็วถึงขีดสุดในพริบตา หากเป็นภายในเขตดินแดนจะไปได้พันลี้เป็นอย่างน้อย แต่หากเป็นนอกดินแดนอย่างน้อยๆ ก็จะถึงหมื่นลี้

“นายท่าน ความเร็วของท่านเพิ่มขึ้นหลายส่วน เข้าใกล้จักรพรรดิวายุอัสนีในช่วงสุดยอดแล้ว”

เสียงของเด็กน้อยครึ่งเซียนดังขึ้นจากในแหวนเหล็กโบราณ

“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”

จ้าวเฟิงข้ามระยะทางอย่างรวดเร็วอีกครั้งบนทะเลความว่างเปล่า และข้ามไปไกลถึงหมื่นลี้ ทิ้งระยะห่างระหว่างตนกับจักรพรรดิแห่งความตายไปอีกขั้น

“ข้ากับเจ้าร่วมมือกัน กำลังรบเข้าใกล้จักรพรรดิชั้นยอด แต่ยังคงทำลายสนามพลังมรณะไม่ได้ ไม่ต้องไปพูดถึงร่างศพอมตะเลย เนตรมรณะของจักรพรรดิแห่งความตายยังมีวิชาดวงตาต้องห้ามส่วนหนึ่งที่ยังไม่เคยสำแดงออกมาด้วย” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

หลังผ่านการประมือในขั้นแรกและการปะทะกันสองครั้ง เขายิ่งรู้สึกถึงพละกำลังและพลังแฝงที่น่าสะพรึงขวัญของจักรพรรดิแห่งความตาย

แต่สิ่งที่จ้าวเฟิงไม่รู้ก็คือ

จักรพรรดิแห่งความตายไม่ใช้เนตรมรณะง่ายๆ นั่นเป็นเพราะความวิตกกังวลที่มีต่อ ‘เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า’

อันดับแรก จักรพรรดิแห่งความตายล่วงรู้มาว่าดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมีวิธีการปัดป้องการโจมตีในดวงวิญญาณที่แปลกประหลาด

แล้วบังเอิญว่าเนตรมรณะของเขาเน้นการโจมตีที่ดวงวิญญาณเป็นหลัก

อันดับสอง จักรพรรดิแห่งความตายกังวลใจอย่างยิ่งว่าการโจมตีของเนตรมรณะจะกระตุ้นความสามารถที่หลับใหลของ ‘เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า’

ยิ่งระดับในการตื่นของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้าสูงส่งมากเท่าไหร่ โอกาสที่แผนการช่วงชิงดวงตาจะสำเร็จก็ยิ่งลดลงเท่านั้น

ด้วยเหตุผลต่างๆ ทำให้การปลดปล่อยพลังของจักรพรรดิแห่งความตายไม่สะดวกดังใจนึก

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นราชันในระดับสุดยอดหรือจักรพรรดิทั่วไป ไม่รู้จะโดนจักรพรรดิแห่งความตายสังหารไปกี่ครั้งแล้ว ต่อให้เป็นจักรพรรดิชั้นยอดบางส่วนก็อาจจะตายลงไปเช่นกัน

หลายวันต่อมา

จ้าวเฟิงก็หนีรอดจากจักรพรรดิแห่งความตาย แล้วยังโบยบินอย่างรวดเร็วไปอีกหลายวัน

หนึ่งเดือนหลังจากนั้น

จ้าวเฟิงข้ามไปหลายกลุ่มดินแดน ก่อนจะเข้าไปภายในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าแห่งหนึ่ง

“ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าเป็นถึงสถานที่ที่ตัดขาดจากภายนอก เบื้องหลังมีดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คอยค้ำจุนอยู่”

จ้าวเฟิงคิดคำนวณในใจ

เขาเข้าไปภายในตำหนักวิญญาณแห่งนี้ จุดหมายคือเพื่อพักผ่อน ฝึกตน และเพิ่มเติมทรัพยากรต่างๆ รวมไปถึงโอสถวิญญาณที่ฟื้นฟูไอสวรรค์ด้วย

ปกติแล้วตามจุดพักเติมเสบียงจะไม่มีโอสถวิญญาณที่ฟื้นฟูขั้นราชันอย่างรวดเร็ว

มีเพียงที่ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าเท่านั้นที่จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนจะสามารถหาสิ่งของที่ต้องการได้

ทั้งนี้จ้าวเฟิงยังมีเป้าหมายอื่นอีก เขาต้องการใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งของตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าและเข้าฌาณฝึกตนอยู่ที่นี่

แต่ทว่าจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนยังฝึกตนได้ไม่ถึงสิบวัน จักรพรรดิแห่งความตายก็บุกมาถึงตำหนักวิญญาณราวเป็นเงาตามตัว

จักรพรรดิแห่งความตายไม่คิดเสียด้วยซ้ำ ดาหน้าเข้าสังหารทันที

แค่คิดก็รู้ได้ หากพลังระดับจักรพรรดิสองกลุ่มก้อนปะทะเข้าหากัน ณ ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า จะนำพามหันตภัยระดับใดมา

“การต่อสู้ของคนในระดับจักรพรรดิ!”

“ที่แท้เป็นจักรพรรดิแห่งความตายในตำนาน…”

ภายในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าสับสนวุ่นวายอย่างยิ่ง

เจ้าตำหนักวิญญาณโกรธเกรี้ยว แต่กลับไร้กำลังจะยับยั้งไว้

เจ้าตำหนักธรรมดาทั่วไปพลังฝึกตนคือราชันหรือไม่ก็ครึ่งก้าวสู่ราชัน มีจักรพรรดิจำนวนน้อยนัก

“จักรพรรดิแห่งความตาย เจ้ากล้าลงมือใน ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ ไม่กลัวหรือว่าพลังของ ‘ดินแดนจิตวิญญาณฝูเมิ่ง’ จะไล่ตามสังหารเจ้า”

จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างโอหัง

ทันทีที่เอ่ยจบ เขาก็เรียกใช้ ‘ปีกอัสนีผ่านฟ้า’ อีกครั้ง แล้วหายวับไปจากภายในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า

ใบหน้าของจักรพรรดิแห่งความตายราบเรียบไร้ความรู้สึก เรียก ‘เงามรณะ’ ออกมาไล่ตามต่อ

เพื่อช่วงชิงเอาดวงเนตรเทพเจ้าชนิดที่เก้า ต่อให้ต้องทำผิดต่อขั้วอำนาจของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่นึกเสียใจเลยสักนิด

อีกทั้งภายในดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็มิได้รวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับผู้นั้นมักจะปลีกวิเวก เวลาส่วนมากหมดไปกับการปิดผนึกฝึกตนเพื่อให้ทะลวงผ่านขั้น

นอกเหนือจากการล่าสังหารของจักรพรรดิเหล่านั้นแล้ว จักรพรรดิแห่งความตายก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย

เพียงชั่วพริบตาเดียวเวลาสองเดือนก็ผ่านไป

ในวันนี้ จ้าวเฟิงเข้าไปยังกลุ่มดินแดนหนึ่งที่คุ้นเคย…กลุ่มดินแดนวั่นหยวน

เมื่อเอ่ยถึงกลุ่มดินแดนวั่นหยวน สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอด

“อีกไม่นานก็ถึง ‘ดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอด’ แล้ว จักรพรรดิเหมันต์จันทราผู้นั้นเป็นถึงจักรพรรดิโจรสลัดคนใหม่ นางยังติดค้างบุญคุณข้าอยู่” จ้าวเฟิงแววตาเปล่งประกาย

เขารู้สึกได้รางๆ ว่า บางทีจุดหมายปลายทางต่อไปอาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งหนึ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version