บทที่ 744 คำสั่งล่าสังหาร (7)
หลายชั่วยามจากนั้น จ้าวเฟิงก็มาถึงดินแดนโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์สิบแปดยอดอีกครั้งหนึ่ง
เขาไม่ได้เก็บงำกลิ่นอายราชันบนเรือนร่างเอาไว้ ในขณะที่โบยบินอยู่นั้น ปีกอัสนีโบกสะบัดเกิดเป็นชั้นพายุสีทองรัศมีร้อยจั้ง
วีรบุรุษเหล่านั้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สิบแปดยอดต่างพากันตกใจกลิ่นอายของจ้าวเฟิง
ยอดฝีมือโจรสลัดบางส่วนรู้ถึงสถานะของจ้าวเฟิง
แซ่ด พรึ่บ!
ปีกอัสนีบนหลังจ้าวเฟิงโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว ร่อนลงบนเรือของราชาโจรสลัดผู้หนึ่ง
“จ้าวเฟิง เป็นเจ้า…”
ราชาโจรสลัดผู้นั้นเป็นราชันหัวล้านหน้าใหม่ที่ดูๆ ไปแล้วมีอายุสามสิบกว่าปีได้
จ้าวเฟิงไม่รู้จักอีกฝ่าย แต่ว่าราชันหัวล้านกลับรู้จักจ้าวเฟิง
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มรดกจักรพรรดิโจรสลัด เขาเคยเห็นพลังน่าอัศจรรย์ที่จ้าวเฟิงปล่อยไปยังบัลลังก์จักรพรรดิโจรสลัดด้วยตาตนเอง
“จักรพรรดิเหมันต์จันทรา นางอยูที่ไหน?”
ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะไม่รู้จักราชันโจรสลัดผู้นี้ แต่ก็ไม่ขัดอะไรหากจะสอบถามที่อยู่ของจักรพรรดิเหมันต์จันทรา
ราชันหัวล้านสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมหาศาลบนร่างของจ้าวเฟิง จิตใจก็สั่นไหว เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มอย่างชื่นชม
จ้าวเฟิงจึงโบยบินไปตามทางที่ราชันหัวล้านชี้นำมา
ครึ่งชั่วยามต่อมา
จ้าวเฟิงเข้าใกล้ป้อมปราการขนาดใหญ่บนทะเลที่เกิดจากเรือโจรสลัดในตำนานหลายลำรวมเข้าด้วยกันจนเหมือนเกาะขนาดเล็ก ด้านบนสามารถมองเห็นหอคอยในป่า สะพานและสายน้ำไหล
หลังจากที่จักรพรรดิโจรสลัดคนใหม่ถือกำเนิด ดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดก็ร่วมกันสร้างป้อมบนทะเลแห่งนี้ขึ้น แล้วขนานนามมันว่า ‘ราชสำนักโจรสลัด’
และผู้นำสูงสุดของราชสำนักโจรสลัดย่อมต้องเป็นจักรพรรดิโจรสลัดคนใหม่…จักรพรรดิเหมันต์จันทรา
การมาถึงของจ้าวเฟิงทำให้ราชสำนักโจรสลัดอลหม่านวุ่นวาย
ไม่เพียงแต่กลิ่นอายมหาศาลบนร่างของเขาที่อยู่เหนือราชัน แต่ที่สำคัญก็คือโจรสลัดระดับสูงล้วนแต่รู้จักเขาทั้งสิ้น
จ้าวเฟิงได้รับการต้อนรับจากราชาโจรสลัดหลายคนอย่างรวดเร็ว ซึ่งในนั้นยังรวมถึงชายวัยกลางคนหนวดครึ้มและชายหนุ่มผมสีทองที่สนิทมักคุ้นกันด้วย
“จ้าวเฟิง ที่แท้เจ้าก็มีเวลาว่างมาเป็นแขกให้กับราชสำนักโจรสลัดของข้า” น้ำเสียงสดใสอารมณ์ดีลอยแว่วมา
ในพลังจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่กลุ่มนั้น มีสตรีในชุดสีเงินที่สวยสดงดงามอย่างยิ่งปรากฏกายตรงหน้าของจ้าวเฟิง ท่วงท่าองอาจสง่างาม ด้านหลังสะพายดาบและกระบี่ บนศีรษะสวมมงกุฎ
รอบตัวของจักรพรรดิเหมันต์จันทรารายล้อมไปด้วยแสงจันทราสีเงินยวง ดวงตางามราวจันทร์เสี้ยวจ้องมองที่จ้าวเฟิงคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
หลังจากทักทายกันเล็กน้อยแล้ว จ้าวเฟิงจึงขอพูดคุยกับจักรพรรดิเหมันต์จันทราเพียงลำพัง
การกระทำในครั้งนี้ทำให้มีสายตาอิจฉาริษยาจากโจรสลัดส่วนหนึ่ง
สิ่งที่ทำให้คนตาร้อนก็คือจักรพรรดิเหมันต์จันทราตอบตกลงในทันทีโดยไม่คิดพิจารณาอะไร
หนำซ้ำจักรพรรดิเหมันต์จันทราผู้ที่มักจะเข้มงวดเย็นชา เคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่เจอจ้าวเฟิงแล้วก็เปลี่ยนไปยิ้มแย้ม
แซ่ด วูบ!
จ้าวเฟิงกลายร่างเป็นเสี้ยววายุอัสนีสายหนึ่ง หายตัวไปในทันทีด้วยพลังมหาศาลของจักรพรรดิ
“พลังในระดับขั้นจักรพรรดิ!”
เหล่าโจรสลัดชั้นสูงในราชสำนักโจรสลัดสิ้นเสียงไปในฉับพลัน แต่ละคนตัวแข็งค้างไป
นอกจากจักรพรรดิเหมันต์จันทราจะตกใจแล้ว ในดวงตาก็ปรากฏแววประหลาดแห่งความปิติยินดี
จะต้องยอมรับว่ากาารพัฒนาเติบโตของจ้าวเฟิงไวกว่าที่นางคาดคิดไปมาก มิน่าล่ะ ขนาดบัลลังก์ของจักรพรรดิโจรสลัดเจ้าเด็กคนนี้ยังไม่สนใจเสียด้วยซ้ำไป
สักพักต่อมา
จ้าวเฟิงและจักรพรรดิเหมันต์จันทราล่องลอยอยู่กลางอากาศเหนือทะเลหมอก แสงร้อนแรงของวิหคทองบรรพกาลที่ต้องแบกรับในตำแหน่งนี้ แม้จะเป็นราชันทั่วไปเลือดเนื้อดวงวิญญาณก็ยังยากจะประคับประคองต่อไปเพียงสักครู่
“จ้าวเฟิง เจ้ามาหาข้าในครั้งนี้คงไม่ใช่มาเป็นแขกธรรมดาๆ เป็นแน่” จักรพรรดิเหมันต์จันทราเอ่ย
ในความทรงจำของนาง จ้าวเฟิงเป็นคนที่บ้าคลั่งในการฝึกตน ไม่สนใจในการแย่งชิงสิทธิ์ต่างๆ ในใต้หล้าเหล่านี้
จ้าวเฟิงไม่ลังเล บอกถึงเจตนาที่มาเยือนอย่างละเอียดทีละข้อ
ในระหว่างนั้น บนใบหน้าของจักรพรรดิเหมันต์จันทราปรากฏความตื่นตะลึง ตกใจจนพูดไม่ออก
ไม่เพียงแต่เพราะชื่อเสียงของจักรพรรดิแห่งความตาย แต่ยังมีจ้าวเฟิงที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยาวนานตลอดการตามล่าสังหาร หรือกระทั่งเคยประมือกับจักรพรรดิแห่งความตายอย่างซึ่งๆ หน้าหลายครั้ง
“หากไม่ใช่เพราะข้าหนีได้เร็ว เกรงว่าน่าจะตายไปนานแล้ว ในวันนี้พลังของพวกเราพัฒนาเพิ่มขึ้นมาก แต่ว่าก็ยังไม่อาจเอาชนะจักรพรรดิแห่งความตายได้…”
ในแววตาของจ้าวเฟิงค่อยๆ มีจิตต่อสู้ลุกโชนแกร่งกล้าขึ้น
ในจิตต่อสู้เหล่านั้นยังรวมถึงเพลิงของความโกรธเคืองคับแค้นใจถึงขีดสุด
โดนตามล่ามาหลายครั้งเช่นนี้ ตั้งแต่เริ่มฝึกตนจ้าวเฟิงยังไม่เคยรู้สึกอัปยศอดสูแบบนี้มาก่อน
“จ้าวเฟิง ข้าติดค้างบุญคุณเจ้าครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ข้าจะทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือเจ้า ถึงแม้ไม่อาจรับรองได้ว่าจะได้ชัยชนะ แต่เชื่อเถอะว่าสามารถรักษาตัวรอดได้ไม่ยาก” จักรพรรดิเหมันต์จันทราเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว
หากไม่ได้ความช่วยเหลือของจ้าวเฟิงในวันนั้น นางจะไม่สามารถขึ้นครองบัลลังก์ ‘จักรพรรดิโจรสลัด’ และไม่อาจกลายเป็นจักรพรรดิโจรสลัดได้
ในขณะที่เอ่ยปากพูด จักรพรรดิเหมันต์จันทราก็เชื่อมั่นในตนเองเช่นกัน
จ้าวเฟิงรู้ว่าจักรพรรดิเหมันต์จันทราเป็นจักรพรรดิโจรสลัดที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ ได้รับการคุ้มครองจากพลังของดินแดนจิตศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด
สาเหตุมาจากมงกุฎของนางที่ทำให้ไม่ต้องกลัวจักรพรรดิหน้าไหนภายในเวลาสิบปี
และแน่นนอนว่าในทางกลับกัน สิบปีนี้จักรพรรดิเหมันต์จันทราเองก็มิอาจจะออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดได้ โล่คุ้มครองเช่นนี้จำกัดไว้เพียงแค่ที่ดินแดนโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์สิบแปดยอดเท่านั้น
นี่คือหมากที่จักรพรรดิโจรสลัดรุ่นแรกวางไว้บนพื้นฐานความลี้ลับของธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้เอง บัลลังก์จักรพรรดิโจรสลัดถึงสามารถสืบทอดต่อกันมาได้อย่างยาวนาน
ในวันนั้นเอง
จ้าวเฟิงถูกจัดให้ไปยังอาณาเขตลักษณะคล้ายหุบเขาที่รกร้างว่างเปล่า ทั่วทั้งอาณาเขตขนาดเล็กนี้เป็นหุบเขาขนาดใหญ่เหมือนกับเขาปาฮวง
ดินแดนที่มีลักษณะคล้ายหุบเขานี้มีสภาพแวดล้อมที่กันดารอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยพายุรุนแรง ไม่มีคนอาศัยอยู่สักผู้
ดินแดนหุบเขาอื่นที่สภาพแวดล้อมดีหน่อยจะมีเหล่าลูกหลานของโจรสลัดอาศัยอยู่มาก แล้วยังมีคนธรรมดาส่วนหนึ่งด้วย
ด้วยเหตุทั้งหมดนี้ จึงเลือกสถานที่เวิ้งว้างเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทำร้ายคนบริสุทธิ์จากการปะทะกับจักรพรรดิแห่งความตาย
“จ้าวเฟิง ตอนนี้เจ้าพักฟื้นอยู่ที่นี่ไปก่อน ต้องการอะไรสามารถติดต่อข้าได้”
จักรพรรดิเหมันต์จันทราทิ้งตราคำสั่งส่งข่าวสารที่ประทับลายจันทร์เสี้ยวเอาไว้ให้
จ้าวเฟิงผงกศีรษะ นั่งขัดสมาธิลงพร้อมๆ กับเด็กน้อยครึ่งเซียน แล้วจึงเริ่มเข้าฌานฝึกตน
ตลอดทางต่อสู้มาหลายต่อหลายครั้ง พลังฝึกตนของคนทั้งสองพัฒนาไปมาก
ตอนอยู่ที่ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าในครั้งก่อนก็เพียงแค่เพิ่มเติมทรัพยากรเท่านั้น
“พลังอัสนีเทวะ ดูดซึมไปแล้วสองร้อยกว่าเส้นสาย…”
ในทะเลวิญญาณสีม่วงสามารถมองเห็นตราลายอัสนีสองร้อยสิบกว่าเส้นสาย ลี้ลับลึกล้ำ มีกลิ่นอายของอัสนีบาตจากด่านเคราะห์ที่ไม่มีวันสลาย
พลังอัสนีเทวะที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มีเพียงจำนวนเท่านั้น ลวดลายสายฟ้าก็ยังชัดเจนกว่าที่ผ่านมาบ้างแล้ว
‘วายุอัสนีสีทอง’ ของจ้าวเฟิงฝึกฝนไปได้ถึงห้าหกส่วน เสวียนอ้าวอัสนีเทวะที่หลอมรวมเข้าไปเหนือกว่ายามที่อยู่ในตำหนักพิณสวรรค์มากกว่าสองเท่า
ผลัวะ แซ่ด~
ทั่วร่างของจ้าวเฟิงปรากฏเกล็ดมังกรเหมันต์สีฟ้าที่แจ่มชัดและมีชีวิตชีวา กลิ่นอายของสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณที่สาดซัดออกมาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
การเพิ่มระดับของคุณสมบัติร่างกายช่วยให้สายเลือดเข้าใกล้แบบดั้งเดิมมากขึ้นอีกขั้นได้
ยิ่งสายเลือดมีระดับสูงมากเท่าไหร่ พลังแฝงก็ยิ่งมากขึ้น
สายเลือดทั่วๆ ไปสามารถฝึกตนได้ถึงยอดผู้สูงศักดิ์หรือราชันก็น่าจะถึงทางตันแล้ว
อีกทั้งสำหรับสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณแล้ว ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หรือกระทั่งอาจเป็นเพียง ‘ช่วงเวลาเยาว์วัย’ ของราชันเท่านั้น
หลายวันที่ผ่านมา สายเลือดของเผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์ไปจนถึงสายเลือดดวงตาเทพเจ้าล้วนมีการเติบโต พลังมรดกบางส่วนตื่นขึ้นไปอีกขั้น
จ้าวเฟิงค้นพบว่านี่ไม่ใช่เพียงเพราะการเพิ่มระดับของคุณสมบัติร่างกายเท่านั้น แต่ยังได้แรงกระตุ้นจากผลไม้ห้วงฝันด้วย
นับตั้งแต่ที่เด็กน้อยครึ่งเซียนกระหายในเลือดเนื้อและผลไม้จากห้วงฝันอย่างยิ่ง ก็รู้ถึงผลลัพธ์ของสรรพสิ่งที่ออกมาจากห้วงฝันบรรพกาลได้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ จ้าวเฟิงก็เด็ดผลไม้ห้วงฝันมาอีกผลหนึ่งแล้วกลืนกินเข้าไป
“ยังเหลืออีกสิบห้าผล…”
จำนวนผลไม้จิตวิญญาณบนหอคอยพฤกษาในห้วงฝันบรรพกาลน้อยลงไปทุกที แล้วสี่ห้าผลในนั้นเพิ่งจะออกผลได้ไม่กี่ปีเท่านั้น ยังไม่อาจสุกงอมได้
เพียงชั่วพริบตา เวลาเดือนครึ่งกว่าก็ผ่านไป
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนพยายามใช้ทุกเวลาให้มีค่าในการฝึกตน
หลังจากที่กินผลไม้วิญญาณในห้วงฝันสามผลติดๆ กันลงไป และใช้สมบัติทรัพยากรล้ำค่ากองใหญ่แล้ว พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงในที่สุดก็ทะลวงผ่านไปได้
“ขอบเขตปราณเทวะช่วงกลาง!”
ภายในมิติปราณที่แท้จริงในร่างของจ้าวเฟิงมีระลอกคลื่นสีทองกระเพื่อมไหวรุนแรง ลักษณะของมันขยายใหญ่กว่าตอนขอบเขตปราณเทวะช่วงต้นถึงสองเท่า
ส่วนแฝงในพลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นมากมายอย่างไร้รูปร่าง
ด้วยสำนึกรู้ในระดับจักรพรรดิของเขาและสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ พลังในการฟื้นฟูสภาพจึงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ถึงขั้นสามารถต่อสู้เป็นระยะเวลายาวนานกับจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะได้
เด็กน้อยครึ่งเซียนกินผลไม้จิตวิญญาณจากห้วงฝันลงไปสี่ห้าผล พลังจึงฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
‘กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง’ ของเขาแตะถึงระดับขั้นที่ห้าเบื้องต้น หากพึ่งเพียงแก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวก็น่าจะประมือกับจักรพรรดิได้
ในส่วนของพลังฝึกตน เด็กน้อยครึ่งเซียนเข้าใกล้ขอบเขตปราณเทวะช่วงกลาง
พลังของทั้งเจ้านายและข้ารับใช้ล้วนแต่พัฒนาไปอย่างมาก
ในวันนี้ จักรพรรดิเหมันต์จันทรานำราชันระดับสุดยอดสองคนมายังดินแดนที่มีลักษณะเป็นหุบเขารกร้างว่างเปล่าแห่งนี้
หลังจากได้มรดกจักรพรรดิโจรสลัดแล้ว พลังของราชาโจรสลัดเก่าแก่ส่วนหนึ่งมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด
ราชันระดับสุดยอดทั้งสองคนนี้ก็คือราชาฉลามยักษ์และราชาเกล็ดปีศาจ
ราชาฉลามยักษ์เคยเป็นหนึ่งในสามยอดโจรสลัดซึ่งมีสายเลือดฉลามยักษ์เก่าแก่ สายเลือดกับร่างกายแข็งแกร่งยิ่งนัก และเคยเป็นโล่มนุษย์ที่ต้านทานจักรพรรดิมู่อวิ๋น
ในวันนี้หลังจากที่ได้รับมรดกจักรพรรดิโจรสลัดแล้ว พลังของราชาฉลามยักษ์ก็เพิ่มขึ้นมหาศาล
ส่วนราชาเกล็ดปีศาจคือราชันในระดับลึกซึ้งที่มีชีวิตรอดอยู่หลังจากศึกครั้งใหญ่กับจักรพรรดิมู่อวิ๋น ความสามารถในการดำรงชีวิตอยู่สูงส่งอย่างยิ่ง
หลังจากที่ได้มรดกจักรพรรดิโจรสลัดแล้ว ราชาเกล็ดปีศาจก็เพิ่มระดับขึ้นเป็นราชันระดับสุดยอด
คุณสมบัติร่างกายของราชาเกล็ดปีศาจค่อนข้างจะพิเศษอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่มีสายเลือดวารีจำพวกเกล็ดปลาระดับสูง แล้วยังมีคุณสมบัติร่างกายแบบภูติผีวิญญาณอีกด้วย
“จ้าวเฟิง ราชาฉลามยักษ์และราชาเกล็ดปีศาจยินดีจะช่วยเจ้ารับมือจักรพรรดิแห่งความตาย”
จักรพรรดิเหมันต์จันทราเอ่ยปนยิ้ม
จ้าวเฟิงมองออกว่าราชันในระดับสุดยอดทั้งสองคนนี้มีความมั่นใจมาก พลังก็อยู่เหนือคนในระดับขั้นเดียวกันด้วย เมื่อร่วมมือกันจะรับมือกับจักรพรรดิปราณเทวะทั่วไปได้
แล้วที่สำคัญก็คือสายเลือดของคนทั้งสองสูงส่งอย่างยิ่ง ความสามารถในการมีชีวิตรอดแข็งแกร่งเป็นที่สุด
“จ้าวเฟิง คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะมีวันที่ได้ร่วมมือกันด้วย” ราชาฉลามยักษ์หัวเราะร่วน
ราชันระดับสุดยอดทั้งสองคนล้วนแต่ประจักษ์ในการเติบโตและพลังแฝงที่น่าพรั่นพรึงของจ้าวเฟิง ทั้งยังมี สายเลือด ‘เผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์’ ในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณอีก
หนำซ้ำจ้าวเฟิงประมือกับจักรพรรดิแห่งความตายหลายครั้ง แต่ยังหนีเอาชีวิตรอดมาได้หลายครา มากพอที่จะภาคภูมิใจในตนเองได้แล้ว
พลังของคนทั้งหมดร่วมมือกัน เชื่อว่าจะต้องรับมือกับจักรพรรดิแห่งความตายได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นถิ่นของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดด้วย
เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้ไม่สามารถเอาชนะจักรพรรดิแห่งความตายได้ แต่ก็มากพอจะได้ใจและไมตรีจากจ้าวเฟิง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
จักรพรรดิเหมันต์จันทราและราชันในระดับสุดยอดทั้งสองคนเข้ามาพำนักภายในดินแดนที่มีลักษณะเป็นหุบเขาเขาที่รกร้างนั้น
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนยังคงนั่งขัดสมาธิเข้าฌาน
ในขณะที่คนทั้งสองฝึกบำเพ็ญก็สาดซัดกลิ่นอายออกมาจางๆ ส่งผลให้เกิดพลานุภาพในฟ้าดิน ทำให้ราชันทั้งสองพูดไม่ออก
สามวันต่อมา
เมื่อได้ทรัพยากรติดต่อกัน ทำให้พลังของเด็กน้อยครึ่งเซียนฟื้นฟูไปจนถึงขอบเขตปราณเทวะช่วงกลาง แก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์บนร่างทำให้รู้สึกกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
จักรพรรดิเหมันต์จันทรา จ้าวเฟิง เด็กน้อยครึ่งเซียน และราชันในระดับสุดยอดทั้งสอง
มียอดฝีมือทั้งหมดห้าคนอยู่ร่วมกัน
จ้าวเฟิงสังหรณ์ใจไว้อย่างหนึ่ง จักรพรรดิแห่งความตายจะตามไล่ล่ามาอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
ในเขตชายแดนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอด ปรากฏชายหนุ่มร่างยักษ์ที่เป็นเหมือนเงาดำสนิท สวมมงกุฎบนศีรษะ ท่าทางอายุประมาณสามสี่สิบปี
พรึ่บ!
ผลึกดอกบัวตูมในมือของจักรพรรดิแห่งความตายขยายออกกลายเป็นฐานดอกบัวใหญ่หลายจั้ง
บนฐานดอกบัวปรากฏเด็กหญิงนัยน์ตาขาวที่อ่อนหวานอย่างสตรีอยู่เล็กน้อย
“จ้าวเฟิงอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด การต่อสู้ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต”
เด็กหญิงนัยน์ตาขาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นน้อยๆ
วิ้ง!
บนอากาศมีระลอกน้ำเป็นวงๆ ด้านบนเป็นรูปภาพการโจมตีปะทะกัน
เงาคนตรงกลางเป็นจักรพรรดิแห่งความตายที่โดนล้อมด้วยเงาขนาดใหญ่ส่วนหนึ่ง
และที่เกินความคาดหมายคือ เหตุการณ์ในภาพดังกล่าวยังเป็นภาพเคลื่อนไหวด้วย
เห็นได้ชัดว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ พลังสายเลือดใน ‘เนตรทำนาย’ ของเด็กหญิงนัยน์ตาขาวโพลนได้ตื่นจากหลับใหล และยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
สุดท้ายแล้ว ในภาพนั้นจักรพรรดิแห่งความตายและบุรุษหนุ่มผมสีม่วงผู้หนึ่งปะทะกันซึ่งๆ หน้า เบื้องหลังของคนทั้งสองมีเงาเลือนรางน่ากลัว
“เป็นไปได้อย่างไร…คนเหล่านี้สามารถบีบให้ข้าแสดง ‘เงาเนตรมรณะ’ ได้อย่างไรกัน?”
จักรพรรดิแห่งความตายตกใจจนพูดไม่ออก