บทที่ 748 คำสั่งล่าสังหาร (11)
เงาเทพมารบรรพกาลใหญ่โตบดบังไปทั่วท้องฟ้า มันเกิดจากเพลิงสีม่วงที่เผาผลาญรวมตัวกัน แล้วจึงสาดซัดกลิ่นอายมหาศาลจากยุคบรรพกาลออกมา
จ้าวเฟิงรู้สึกเพียงว่าตนเจ็บปวดในขณะที่พลังดวงตาและดวงวิญญาณเผาไหม้อย่างรวดเร็ว
ในที่สุดแล้วเขาก็เข้าใจ เหตุใดจักรพรรดิแห่งความตายถึงใช้ ‘เงาเทพมรณะ’ ในสถานการณ์ที่จนตรอกจริงๆ เท่านั้น
พรึ่บ!
ดวงวิญญาณของจักรพรรดิเหมันต์จันทราที่อยู่ด้านข้างหนักอึ้งในฉับพลัน แล้วหวนคืนสู่ร่างกายซึ่งเปียกซ่กไปด้วยเหงื่อเย็น
ถึงแม้ว่าจะมีโล่คุ้มกันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด นางก็ไม่ใช่ผู้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง
‘เงาเทพมรณะ’ คือวิชาที่จักรพรรดิแห่งความตายแสดงออกมาโดยไม่สนใจว่าต้องแลกด้วยสิ่งใด ต่อให้เป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับก็ยังต้องหวาดกลัวอยู่สักสามส่วน
วูบ วิ้ง~
เงาเทพมารบรรพกาลร่างนั้นยืนตระหง่านอยู่บนร่างของจ้าวเฟิง โครงร่างของมันกลับเลือนรางอย่างยิ่ง
เพียงแค่กลิ่นอายและสัญญาณบางอย่างก็สามารถแยกแยะได้เลยว่าต้องเป็นเงาเทพมารจากยุคบรรพกาลเป็นแน่
ในวินาทีนั้น
เงามังกรที่เผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์บนร่างจ้าวเฟิงกระตุ้นออกมาสั่นสะเทือนเล็กน้อย มันหมุนวนรอบๆ เงาเทพมาร เสริมให้เด่นเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
ในอากาศที่ว่างเปล่า
พลังของเงาเทพมรณะและเงาเทพมารบรรพกาลปะทะเข้าหากันในชั้นที่มองไม่เห็น ระลอกพลังไร้รูปร่างที่หลงเหลืออยู่กระแทกร่างของจักรพรรดิเหมันต์จันทราจนกระเด็นออกไป
ตุ้บ!
จักรพรรดิเหมันต์จันทราอาศัยแรงจากพลังดังกล่าวถอยร่นไปร้อยลี้ ใบหน้าซีดขาว ถ้าหากไม่มีโล่คุ้มครองจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด เปลี่ยนเป็นจักรพรรดิชั้นสูงทั่วไปหากไม่ตายก็คงมีสภาพร่อแร่
เด็กน้อยครึ่งเซียนและราชันระดับสุดยอดอีกสองคนก็ปลิวออกไปราวกระดาษถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างค่อนข้างไกล
“โครม! เปรี้ยง——”
เงาใหญ่ยักษ์สองเส้นสายหลุดลอยออกจากร่างของผู้เป็นเจ้าของ ก่อนปะทะกันอย่างจังในอากาศเหนือทะเลหมอก
ชั่วขณะเดียว เสียงระเบิดก็ดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน ระลอกเพลิงไร้รูปร่างม้วนตัวเข้าไปภายในชั้นดวงวิญญาณ
ประสาทสัมผัสเกิดความรู้สึกหลอนไปว่าสั่นสะท้านและทับซ้อนอยู่กลางอากาศ
“ล้วนแต่เป็นพลังของสายเลือดบริสุทธิ์!” เด็กน้อยครึ่งเซียนมีสีหน้าตกตะลึง
เงาเทพมรณะ เป็นพลังส่วนหนึ่งที่จักรพรรดิแห่งความตายยอมทุ่มทุกสิ่งอย่าง แล้วกระตุ้นมาจาก ‘เนตรเทพมรณะ’ ของบรรพบุรุษดวงตาผ่านสายเลือดดวงตาของตน
หากดูจากแก่นแท้แล้ว นี่เป็นพลังที่กระตุ้นจากสายเลือดจนบริสุทธิ์ดั้งเดิมยิ่งกว่าระดับใดๆ
เงาเทพมารบรรพกาลด้านหลังจ้าวเฟิงกระตุ้นมาจากพลังบริสุทธิ์ของเนตรเทพเจ้าที่หลับใหลอยู่และยังไม่ตื่นขึ้นมา
จุดที่แตกต่างกันก็คือ จ้าวเฟิงเป็นบรรพบุรุษดวงตารุ่นแรก
ฉะ โครม! วูบ วูบ!
ทุกครั้งที่สองเงาขนาดใหญ่สะเทือนฟ้าดินปะทะกันเหนือทะเลความว่างเปล่า ก็จะอับแสงลงไปส่วนหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนดูอ่อนแรงลงไปส่วนหนึ่ง
“ตุบ! แกรก”
เงาเทพมารบรรพกาลที่ล้อมรอบด้วยเงามังกรเหมันต์โจมตีอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง แล้วจึงกระเทือนจนเงาของเทพมรณะแตกสลายไป
แต่ว่า
เงาเทพมารบรรพกาลก็อับแสงลงไปจนถึงขีดสุดเช่นกัน มันพุ่งชนจักรพรรดิแห่งความตายเสียงดัง ‘โครม’
“ไม่ได้การ!”
จักรพรรดิแห่งความตายบินวนออกไป มงกุฎบนศีรษะและร่างศพอมตะล้วนต้านทานแรงโจมตีส่วนมากให้กับเขา
แกรก!
เงาเทพมารบรรพกาลและเงามังกรเหมันต์สูญสลายหายไปพร้อมกัน
สีหน้าของจ้าวเฟิงอ่อนแรงอย่างยิ่ง วิธีการกระตุ้นสายเลือดดั้งเดิมเช่นนี้จะเผาผลาญอยู่บนพื้นฐานของพลังดวงตา ดวงวิญญาณ และชีวิต
เขาสัมผัสได้แล้ว สายเลือดดวงตาของตนเองมีสัญญาณว่ากำลังถดถอยไป
“เงามรณะ!”
จักรพรรดิแห่งความตายกลายร่างเป็นเส้นลำแสงของเงามืดมิด บินหายวับไปจากครรลองสายตาของคนทั้งมวล
หากจะพูดเรื่องความเร็ว เงามรณะนั้นเร็วไม่เท่าปีกอัสนีผ่านฟ้า แต่จุดที่แตกต่างกันมีไม่มากเท่าไหร่นัก
“หนีไปได้ไวเสียจริง!”
จักรพรรดิเหมันต์จันทราและคนอื่นยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบกลับด้วยซ้ำ
ในเวลาเดียวกัน คนทั้งหมดก็รู้สึกราวยกภูเขาออกจากอก สามารถบีบให้จักรพรรดิแห่งความตายมาจนถึงขั้นนี้ได้ถือว่ายากเหลือเกิน
“ธนูเหนือนภา!”
แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย มือกำคันธนูสีเงินแน่น บนนั้นเกิดอักขระลี้ลับ ส่องแสงสีเงินสว่าง
วิ้ง!
บนคันธนูปรากฏลำแสงลูกธนูสีทองสว่างแสบตา วายุอัสนีหมุนวนอยู่รอบๆ ไอที่แหลมคมไร้เทียมทานทะลวงผ่านอากาศไป
ในวินาทีต่อมา
ร่างกายจักรพรรดิแห่งความตายที่หนีออกไปหลายพันลี้ก็สั่นสะท้าน หลังจากโดนไอแหลมคมไร้รูปร่างเล็งเป้าหมาย
ถึงขั้นที่เขารู้สึกว่าอากาศรอบกายถูกตรึงไว้ การหลบหนีของเงามรณะก็โดนพันธนาการ
จากชื่อของธนูเหนือนภา แปลว่าสามารถจำกัดฟ้าดินและความว่างเปล่าได้
ในวันนี้ การเพิ่มระดับขึ้นของสำนึกรู้จ้าวเฟิงทำให้สามารถทำได้ถึงขั้นนี้
แซ่ด ฟุ่บ!
ลูกธนูสว่างสีทองเส้นนั้นเหมือนพุ่งมาจากรอยแยกกลางอากาศ ตรงดิ่งไปยังบริเวณหัวใจของจักรพรรดิแห่งความตาย
“ธนู…เหนือ…นภา…”
ร่างของจักรพรรดิแห่งความตายแข็งทื่อไปชั่วขณะ เหมือนว่าจะโดนลูกธนูสีทองนั้นแทงทะลุหัวใจไป
ถ้าหากมีเพียงแค่นี้ ร่างศพอมตะของเขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวแม้แต่น้อย
แต่ว่าภายในแสงลูกธนูยังมีพลังของวายุอัสนีสีทอง รวมไปถึงเสวียนอ้าวอัสนีเทวะ ดังนั้นพลังทำลายที่มันนำมาให้ แม้แต่ร่างศพอมตะยังโดนมันจำกัดกดข่มอยู่เล็กน้อย
“เงามรณะ!”
จักรพรรดิแห่งความตายแทบจะเผาผลาญปราณที่แท้จริง แล้วใช้ความเร็วที่มากยิ่งขึ้นข้ามมิติหนีไป
ถ้าหากว่ายังอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดแล้วล่ะก็ เขาคงหนีไม่รอดแน่นอน ด้วยเพราะยังมีจักรพรรดิเหมันต์จันทราและราชาโจรสลัดจำนวนมาก
“รอให้ข้าหนีรอดออกไปได้ ในวันหน้าที่กลับมาจะต้องจับคนที่เป็นศัตรูกับข้ามาทำเป็นดวงวิญญาณอาฆาตให้หมด…”
จักรพรรดิแห่งความตายโกรธแค้นและอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิในตำนานผู้อาวุโสที่สุดของดินแดนชังไห่ เคยถือกำเนิดใหม่ถึงสองครั้ง
คนที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของจักรพรรดิอย่างเขา นอกเสียจากเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับที่มีเพียงน้อยนิดแล้ว เขาก็เป็นผู้ที่ไร้เทียมทาน
มีตอนไหนกันที่เขาต้องเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้และอัปยศเช่นนี้
ในเวลานี้เอง
“ฟุ่บ——”
ลูกธนูสีทองเส้นที่สองแหวกผ่านมาในอากาศ ปักลงบนศีรษะของเขา
จักรพรรดิแห่งความตายแค่นเสียงเฮอะ แล้วร่างกายก็สั่นสะท้าน
แต่ว่าในครั้งนี้เขาต้านรับไว้ ทั่วร่างปรากฏลวดลายแห่งความตายสีเข้มและมืดมิดเพื่อเพิ่มพลังป้องกันให้กับ ‘ร่างศพอมตะ’
จ้าวเฟิงปล่อยลูกธนูทั้งหมดสามดอกตรงไปหาจักรพรรดิแห่งความตายที่หนีออกจากอาณาเขตของการโจมตี
“จักรพรรดิเหมันต์จันทรา ราชาฉลามยักษ์ ราชาเกล็ดปีศาจ ครั้งนี้ต้องลำบากท่านทั้งสามช่วยเหลือกัน ในภายภาคหน้า ข้าคนแซ่จ้าวจะต้องตอบแทนแน่นอน…”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
เขาสูดหายใจลึก กระตุ้นปราณที่แท้จริงในสายเลือดเพื่อเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูไอสวรรค์
เด็กน้อยครึ่งเซียนยืนอยู่ข้างกายของเขา แล้วจ้องไปยังทิศทางที่จักรพรรดิแห่งความตายหลบหนีไป
“จ้าวเฟิง หรือว่าเจ้าอยากจะไปไล่ล่าสังหาร ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ ”
จักรพรรดิเหมันต์จันทราเอ่ยอย่างตกใจ
สามารถเอาชนะจักรพรรดิแห่งความตายได้เป็นเพราะความพยายามของทุกคน
ถ้าหากว่าจ้าวเฟิงไล่ล่าจักรพรรดิแห่งความตายเพียงลำพัง เกรงว่าจะมีความเสี่ยงอยู่เช่นกัน
“จะปล่อยให้จักรพรรดิแห่งความตายมีโอกาสเฮือกสุดท้ายก่อนตายไม่ได้ ความอัปยศอดสูในกาลก่อนข้าจะเอาคืนเป็นหลายเท่าตัว!” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างแน่วแน่
แซ่ด แซ่ด! ฟิ้ว!
แสงปีกสีทองใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นด้านหลังของจ้าวเฟิง เด็กน้อยครึ่งเซียนกลับเข้าไปภายในแหวนเหล็กโบราณ
“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”
มองเห็นเพียงเส้นลำแสงวายุอัสนีเรียวยาวในครรลองสายตา จากนั้นจึงหายวับไปในทะเลหมอกความว่างเปล่า
ความเร็วที่จ้าวเฟิงสำแดงออกมามากกว่าจักรพรรดิแห่งความตายอย่างยิ่ง
“ด้วยความเร็วและพลังของจ้าวเฟิง ขอแค่อย่าประมาทเลินเล่อ ก็ไม่น่าจะเสียเปรียบ…”
จักรพรรดิเหมันต์จันทราถอนหายใจโล่งอก
จ้าวเฟิงมีกำลังรบของจักรพรรดิชั้นยอด ความเร็วอยู่เหนือใครในใต้หล้า
ที่สำคัญก็คือเขาไม่เกรงกลัว ‘เนตรมรณะ’ นี่เป็นสิ่งที่จักรพรรดิคนอื่นทำไม่ได้
อีกทั้งในมือของจ้าวเฟิงมีอาวุธไล่ล่าสังหารอย่าง ‘ธนูเหนือนภา’
ในทะเลหมอกความว่างเปล่า
เส้นลำแสงที่เป็นเงามืดสนิทและแสงวายุอัสนีเส้นโค้งพัวพันตามกันมาติดๆ
‘ปีกอัสนีผ่านฟ้า’ ของจ้าวเฟิงมีข้อได้เปรียบในด้านความเร็ว
ในทุกครั้งที่เข้าไปภายในอาณาเขตโจมตี จ้าวเฟิงจะง้าง ‘ธนูเหนือนภา’ เพื่อปล่อยลูกธนูที่รวดเร็วดั่งอัสนี
ฟุ่บ!
จักรพรรดิแห่งความตายร้องฮึ สิ่งที่เขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือเพิ่มความแข็งแกร่งของการป้องกัน เพื่อลดแรงโจมตีของธนูเหนือนภาให้ต่ำที่สุด
เพราะว่าการโจมตีของธนูเหนือนภาไม่อาจจะหลบหลีกไปได้ นอกเสียจากว่าขอบเขตพลังฝึกตนของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันมาก
แต่ธนูเหนือนภาของจ้าวเฟิงผสานกับดวงตาเทพเจ้า แล้วปลดปล่อยการโจมตีออกมา เพียงแค่เล็งเป้าหมายเอาไว้ ก็ไม่อาจหลบหนีไปได้แล้ว
ทว่าในทุกครั้งที่จ้าวเฟิงปลดปล่อยการโจมตี จิตวิญญาณจะรวมตัวกันมาก ในขณะที่กำลังโบยบินอยู่จึงหยุดชะงักหรือช้าลงไปบ้าง
หลังจากที่จักรพรรดิแห่งความตายรับมือการโจมตีทุกครั้ง ล้วนต้องฉวยโอกาสทุ่มเทแรงทั้งหมดบินหนี เพื่อจะทิ้งระยะห่างอีกครา
“ร่างศพอมตะ…ก็ยังหาวิธีโจมตีไม่เจอ” จ้าวเฟิงหน้านิ่วคิ้วขมวด
จักรพรรดิแห่งความตายครอบครองคุณสมบัติร่างอมตะ ซึ่งร่างอมตะเหล่านี้ ที่เรียกว่าอมตะเป็นเพราะมีการป้องกันทางกายที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง และพลังฟื้นฟูก็แปลกพิสดาร
ถ้าหากว่าจ้าวเฟิงไม่หลอมรวมพลังอัสนีเทวะเข้าไป ก็แทบไม่มีความหวังว่าจะสังหารจักรพรรดิแห่งความตายได้เลย
แต่ว่าพลังอัสนีเทวะของจ้าวเฟิงก็มีขีดจำกัดอยู่เช่นกัน ไม่อาจปลดปล่อยพลังอย่างไร้ซึ่งขีดจำกัดไปได้ตลอด
ร่างศพอมตะดังกล่าวไม่ได้เกิดอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด ในด้านคุณสมบัติก็คือผีดิบที่มีคุณสมบัติร่างกายไม่สูญสลาย
จักรพรรดิแห่งความตายครอบครองพลังมรณะอยู่ ในสภาวะที่เป็นร่างผีดิบเช่นนี้ การฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของไอสวรรค์จะอยู่เหนือกว่าระดับขั้นจักรพรรดิ
หลายวันต่อมา
จ้าวเฟิงไล่ตามมาจนถึงกลุ่มดินแดนหมู่เกาะแห่งอื่น
เขาหายใจกระชั้น สีหน้าอ่อนแรง
จักรพรรดิแห่งความตายที่ข้ามดินแดนหนีอยู่เบื้องหน้าก็ย่ำแย่ยิ่งขึ้น ร่างกายเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าอย่างมาก
วูบ!
จ้าวเฟิงกลายเป็นวายุอัสนีสีทองสายหนึ่ง แล้วร่อนลงบนเกาะภายในดินแดนที่เต็มไปด้วยไอสวรรค์เพื่อฟื้นฟูร่างกาย
“อาการบาดเจ็บที่จักรพรรดิแห่งความตายได้รับหนักหนาสาหัสกว่าข้ามาก แต่ว่าพลังแฝงของเขาและจำนวนของปราณที่แท้จริงล้วนแต่เหนือกว่าข้า…” จ้าวเฟิงดวงตาเป็นประกายวิบวับ
เขากินผลไม้จิตวิญญาณจากห้วงฝันลงไปลูกหนึ่ง แล้วจึงกินโอสถวิญญาณไปหลายเม็ดเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการฟื้นฟูพลัง
“นายท่าน ท่านสามารถเปลี่ยนแนวทางในการลงมือ มาเอาชนะจักรพรรดิแห่งความตายจากขอบเขตดวงวิญญาณแทน”
เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยเตือน
ขอบเขตดวงวิญญาณ?
จ้าวเฟิงคิดหนักอยู่เล็กน้อย ดวงตาเทพเจ้าของเขาอยู่ในศาสตร์วิญญาณ และจักรพรรดิแห่งความตายเองก็ค่อนมาทางด้านนี้เช่นกัน
“ดวงวิญญาณถึงจะเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตทั้งหมด ต่อให้นายท่านเพียรพยายามทำลาย ‘ร่างศพอมตะ’ อย่างยากลำบากมากเท่าไหร่ ก็ยังยากจะขัดขวางการถือกำเนิดใหม่อีกครั้งของจักรพรรดิแห่งความตายอยู่ดี” เด็กน้อยครึ่งเซียนอธิบาย
“จริงด้วย” จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ
ที่จริงแล้วเขาเองก็เคยคิดถึงการลงมือในชั้นดวงวิญญาณเช่นกัน
แต่ว่าความลึกซึ้งในศาสตร์วิญญาณของจักรพรรดิแห่งความตายน่ากลัวอย่างยิ่ง แล้วยังมีเนตรมรณะอีก
หนำซ้ำมงกุฎสีทองเข้มที่เข้าใส่อยู่ยังเป็นสมบัติล้ำค่าในศาสตร์วิญญาณ สามารถเพิ่มพลังเคล็ดวิชาศาสตร์ด้านนี้ และเพิ่มการป้องกันรวมไปถึงพลังฟื้นฟูของดวงวิญญาณด้วย
“ถึงแม้ว่าจะยากเย็นอยู่บ้าง แต่ว่านี่ก็เป็นหนทางทำให้ทุกอย่างสิ้นสุดลง”
จ้าวเฟิงตัดสินใจได้
สายเลือดดวงตาของเขาอยู่ในระดับขั้นเนตรเทพเจ้า อีกทั้งดวงวิญญาณยังดูดซึมพลังอัสนีเทวะ นี่เป็นข้อได้เปรียบที่มีมากกว่าจักรพรรดิแห่งความตาย
“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”
เมื่อพักผ่อนไปได้ครึ่งวัน จ้าวเฟิงก็เดินทางต่อในทันที เขาเข้าไปภายในทะเลความว่างเปล่า ไล่ล่าตามสังหารต่อไป
ส่วนแฝงในพลังฝึกตนของเขายังด้อยกว่าจักรพรรดิแห่งความตายมาก แต่ว่ามีสำนึกรู้จักรพรรดิเหมือนกัน แล้วยังมีสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณด้วย
เมื่อพูดถึงพลังในการฟื้นฟู เขาแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิแห่งความตายแน่นอน
“เวลาเพียงครึ่งวันก็มากพอให้จักรพรรดิแห่งความตายหนีไปไกลช่วงหนึ่งแล้ว”
ดวงตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย เอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
ทันใดนั้น เขาเบิกเนตรเทพเจ้ามองหากลิ่นอายที่จักรพรรดิแห่งความตายทิ้งไว้ จากนั้นจึงสะกดรอยตาม
ดวงตาเทพเจ้าสามารถมองเห็นคุณสมบัติของสิ่งของต่างๆ ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจ้าวเฟิงจึงสามารถ ‘คัดลอก’ เคล็ดวิชาของคนอื่นได้บ่อยๆ
หากจะพูดถึงความสามารถในการตามรอย ก็ย่อมต้องโดดเด่นเป็นยอดอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเฟิงยังได้การทำนายของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย ซ้ำยังจงใจเหลือพลังดวงตาของจักรพรรดิแห่งความตายไว้ในทะเลวิญญาณ เพื่อจะได้ใช้แก้แค้นในวันใดวันหนึ่ง
จ้าวเฟิงยืนยันทิศทางได้อย่างรวดเร็ว แล้วจึงสำแดง ‘ปีกอัสนีผ่านฟ้า’ ออกมา
เขามั่นใจว่า จักรพรรดิแห่งความตายที่ปราณที่แท้จริงสูญสลายไปมากย่อมต้องฟื้นฟูพลังมากกว่าตน