Skip to content

King of Gods 747

King Of Gods

บทที่ 747 คำสั่งล่าสังหาร (10)

กำลังรบรวมของจ้าวเฟิงในตอนนี้ ย่อมไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิชั้นยอดแน่นอน

วายุอัสนีสีทองที่ผสานรวมพลังอัสนีเทวะเข้าไปอยู่นอกเหนือแขนงวิชาของจักรพรรดิวายุอัสนี ปีกวายุอัสนีมีความเร็วที่สูงส่งอย่างยิ่ง

เผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์เป็นสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณที่มีการป้องกันร่างกายแข็งแกร่ง และยังมีขอบเขตของพรสวรรค์ติดมาด้วย

ดวงตาเทพเจ้า

ความสามารถที่แฝงอยู่ของเนตรเทพเจ้าประเภทที่เก้า ทำให้จักรพรรดิแห่งความตายขลาดกลัวขึ้นมา

สิ่งเดียวที่ยังขาดไปก็คือพลังแฝง เพราะอย่างไรจักรพรรดิปราณเทวะส่วนมากก็ล้วนแต่มีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน

ด้านบนทะเลความว่างเปล่า

จ้าวเฟิงและจักรพรรดิแห่งความตายต่อสู้กันจนฟ้าดินมืดมิดสั่นสะเทือน รบกันอย่างดุเดือด

และแน่นอนว่าบทบาทของเด็กน้อยครึ่งเซียนไม่อาจจะมองข้ามไปได้ เพราะว่าการดำรงอยู่ของเขาคอยขัดขวางเคล็ดวิชาต่างๆ ของจักรพรรดิแห่งความตายไว้ จนไม่อาจจะปลดปล่อยกำลังรบในระดับสุดยอดได้

จักรพรรดิแห่งความตายรู้สึกคับแค้นใจ

ที่พึ่งพิงสำคัญที่สุดของเขาคือเนตรแห่งมรณะ แต่กลับโดนเนตรเทพเจ้าประเภทที่เก้าควบคุมเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง

การปะทะกันของเนตรเพ่งมรณะกับเนตรเพ่งเทพเจ้าเมื่อครู่นี้ สายเลือดดวงตาของเขาถูกกดทับจนสั่นสะเทือนเล็กน้อย

เขาไม่กล้าใช้เนตรมรณะตามอำเภอใจ เพราะกังวลว่าจะไปกระตุ้นให้เนตรเทพเจ้าประเภทที่เก้าตื่นจากหลับใหล

“ตู้ม——”

ไม่ไกลมากนัก เกิดเสียงระเบิดที่น่าตกใจลอยผ่านมา จนเกิดเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นในชั้นดวงวิญญาณ

ที่แท้แล้วดวงวิญญาณจักรพรรดิอาฆาตที่หลงเหลืออยู่โดนพวกของจักรพรรดิเหมันต์จันทราร่วมมือกันสังหาร

“เข้าไปพร้อมกัน!”

จักรพรรดิเหมันต์จันทรา ราชาฉลามยักษ์ และราชาเกล็ดปีศาจ สามยอดโจรสลัดที่แข็งแกร่งที่สุด ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดพุ่งมาลงมือปลิดชีพจากหลายทิศ

คนทั้งสามนี้ไม่มีผู้ใดรับมือง่ายทั้งสิ้น

ราชาฉลามยักษ์และราชาเกล็ดปีศาจมีคุณสมบัติสายเลือดไม่ธรรมดา กำลังรบใกล้เคียงกับจักรพรรดิ โดยเฉพาะแรงต้านทานและพลังในการดำรงชีวิตอยู่ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

เหตุการณ์ในวินาทีนี้เป็นเหมือนกับภาพที่เด็กสาวนัยน์ตาขาวโพลนทำนายเอาไว้ทั้งสิ้น จักรพรรดิแห่งความตายตกอยู่ในวงล้อมของคนจำนวนมาก

“ทำไมกัน…”

จักรพรรดิแห่งความตายสัมผัสได้ถึงชะตาชีวิตที่ไม่อาจขัดขวางได้

เขาเตรียมตัวตั้งรับวิถีดวงชะตาทั้งหมดไว้เป็นอย่างดี แต่เมื่อเหตุการณ์จริงมาถึงกลับยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป

การเข้าร่วมของจักรพรรดิเหมันต์จันทราและพวกทำให้จักรพรรดิแห่งความตายตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“ดาบกระบี่ไร้เทียมทาน!”

ดาบและกระบี่ในมือของจักรพรรดิเหมันต์จันทราเกี่ยวกระหวัดไปมาจนกลายเป็นพายุกระบี่และดาบดั่งผืนจันทราน้ำค้างแข็ง

วิ้ง!—— โครม

พายุกระบี่นั้นหมุนวนอย่างรวดเร็ว ปลายแหลมคมเย็นยะเยือกเปล่งแสงหนาวเหน็บขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน เป็นดั่งปรอทที่แทรกซึมเข้าไปในทุกช่องว่าง ทะลวงผ่านไปในอากาศ

ในทุกที่ที่มันลอยผ่าน สรรพสิ่งนับหมื่นก็ถูกตัดจนละเอียดกลายเป็นเถ้าธุลี

สนามพลังมรณะของจักรพรรดิแห่งความตายเผชิญกับการแทรกซึมและแรงตัดแยกของ ‘ดาบกระบี่ไร้เทียมทาน’ จึงปรากฏรอยปริร้าวจำนวนมากยิ่งกว่าเดิม

จักรพรรดิเหมันต์จันทราทำใจกล้าตรงเข้าไปใกล้สนามพลังมรณะเรื่อยๆ

ทุกคนล้วนแต่ตื่นตระหนก

จักรพรรดิแห่งความตายเผยสีหน้าเย้ยหยัน ทะยานเข้ามาใกล้สนามพลังมรณะก็เหมือนกับการรนหาที่ตาย

สนามพลังมรณะมีพลังกลืนกินและแรงสะท้อนกลับที่แข็งแกร่งอย่างมาก

แต่ทว่าเหตุการณ์ที่ชวนให้ตกใจก็ปรากฏขึ้น

มงกุฎจักรพรรดิโจรสลัดบนศีรษะของจักรพรรดิเหมันต์จันทราปลดปล่อยพลังฟ้าดินมหาศาลที่ไร้ขอบเขต มันเชื่อมต่อโยงใยอย่างประหลาดกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอดที่กว้างใหญ่

ในทันใดนั้นเอง

ทั่วร่างของจักรพรรดิเหมันต์จันทราก็อยู่ท่ามกลางแสงหลากสีที่เจิดจ้า

การป้องกันของพละกำลังนั้นทำให้แรงต้านทานของนางเพิ่มมากกว่าสิบเท่าขึ้นไป

ตู้ม!

‘พายุกระบี่และดาบ’ ที่จักรพรรดิเหมันต์จันทราปล่อยออกไปพุ่งเข้าใส่สนามพลังมรณะ ก่อนให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงจนอกสั่นขวัญแขวน

ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ จักรพรรดิเหมันต์จันทราก็จะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

“โล่ป้องกันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด…”

จักรพรรดิแห่งความตายเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า จักรพรรดิเหมันต์จันทราเป็นจักรพรรดิโจรสลัดที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่ และได้รับการคุ้มครองจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด

ต้องรู้ว่า จักรพรรดิเหมันต์จันทราเดิมก็เชี่ยวชาญด้านการโจมตีอยู่แล้ว เมื่อได้โล่ป้องกันจากดินแดนจึงอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีวันพ่ายแพ้ นั่นจะทำให้เขายุ่งยากอย่างยิ่งยวด

ปัง ตูม ——โครม!

ยอดฝีมือทั้งห้าร่วมมือกันใช้วิธีการ ‘โจมตีภายนอกสอดประสานภายใน’ จนในที่สุดสนามพลังมรณะก็แหลกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เพล้ง!

สนามพลังมรณะแตกสลายในชั่วพริบตาเดียว  จักรพรรดิแห่งความตายก็โดนแรงสะท้อนกลับจนกระเด็นไปหลายลี้ ต่อให้เขามี ‘ร่างศพอมตะ’ ก็ยังคงเสียเปรียบอยู่

ไม่รอให้เขายืนหยัดได้มั่นคง

“คมปีกวายุอัสนี!”

ปีกอัสนีสีทองขนาดมโหฬารตามติดราวเงา จู่ๆ ก็ปรากฏยังเบื้องหน้าของจักรพรรดิแห่งความตาย ปลายแหลมของคมปีกอัสนีที่เผาไหม้ระเบิดออกมาปักโดนร่าง

โครม เพล้ง!

คมปีกวายุอัสนีสีทองสาดซัดกลิ่นอายของอัสนีเทวะทำลายล้างออกมา แล้วจึงระเบิดใส่ร่างจักรพรรดิแห่งความตาย

บนร่างจักรพรรดิแห่งความตายปรากฏรอยแผลที่บาดลึกจนเห็นถึงกระดูกในฉับพลัน

ถ้าหากเขาไม่มีร่างศพอมตะแล้วล่ะก็ หากเปลี่ยนเป็นจักรพรรดิธรรมดาทั่วไปแล้วถูกบาดเข้าจังๆ เช่นนี้ ถ้าไม่ตายก็คงพิการ

จักรพรรดิแห่งความตายแค่นเสียงขึ้นจมูก อาการบาดเจ็บหนักหนาไม่น้อย

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ อาการบาดเจ็บจากพลังอัสนีเทวะและพลังทำลายล้างแทบจะอยู่ยงคงกระพัน ฟื้นฟูได้ยากยิ่ง

“ฝ่ามือต้องห้าม!”

“คมโค้งดาบกระบี่!”

เด็กน้อยครึ่งเซียนและจักรพรรดิเหมันต์จันทราพุ่งทะลวงมาเพื่อสังหารจากคนละทิศทาง

จักรพรรดิแห่งความตายถูกบีบบังคับให้สร้างโลกมิติมรณะขึ้นกลางอากาศอีกครั้งเพื่อต้านทานการล้อมโจมตีของคนทั้งหลาย

แต่ว่านี่ก็ทำได้แค่ยืดเวลาออกไปเท่านั้น

ภายใต้การรุมโจมตีของยอดฝีมือทั้งห้า โลกมิติมรณะยืนหยัดต่อไปได้ไม่นานเท่าไหร่นัก

เพียงแค่ไม่กี่ช่วงลมหายใจก็ปรากฏรอยโหว่และรอยแยกขนาดใหญ่ ทั้งยังมีส่วนหนึ่งที่หลงเหลือจากในครั้งก่อนด้วย

“อย่าให้หนีไปอีก…”

จ้าวเฟิงและจักรพรรดิเหมันต์จันทราสบตากัน แล้วบุกเข้าไปภายในโลกมิติมรณะที่มืดมิดดังกล่าว

ในสถานการณ์ปกติ การบุ่มบ่ามเข้าไปในโลกมิติส่วนตัวของคู่ต่อสู้จะทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ

แต่ว่าโลกมิติมรณะมีรอยปริร้าวและรอยโหว่จำนวนมาก ซ้ำยังเสียหายอย่างหนัก จ้าวเฟิงและจักรพรรดิเหมันต์จันทราไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด

จักรพรรดิเหมันต์จันทราได้โล่คุ้มกันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด จึงอยู่ในสถานะไร้พ่าย ย่อมไม่กังวล

“หอกจักรพรรดิเหมันต์!”

ในสายเลือดของจ้าวเฟิงมีของเหลวสีฟ้าเย็นยะเยือกหมุนวน กลายเป็น ‘เกราะเหมันต์สีน้ำเงิน’ ปกคลุมทั่วร่างกาย

นี่คือเกราะจักรพรรดิเหมันต์ เป็นการเพิ่มการคุ้มกันอีกชั้นหนึ่งนอกเหนือจากการป้องกันของสายเลือดเผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์ของเขา

“เหมันต์ผนึกฟ้าดิน!”

จ้าวเฟิงตะโกนเสียงดัง พลังสายเลือดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์ระเบิดออกมาสุดแรง พลังหนาวเหน็บซึ่งมาพร้อมกับระลอกเหมันต์สีฟ้าแช่แข็งอากาศส่วนหนึ่งเอาไว้

ในโลกมิติมรณะพลันปรากฏสภาพอากาศที่หนาวเย็นไปชั่วขณะ พลังของโลกมิติถูกปิดผนึกแช่แข็งเช่นกัน จึงอ่อนกำลังลงไปอีกขั้นหนึ่ง

“ดาบกระบี่ไร้เทียมทาน!”

จักรพรรดิเหมันต์จันทราร่ายรำเพลงดาบและกระบี่ กลายเป็นพายุกระบี่ราวจันทราเย็นยะเยียบ แสงสว่างเย็นๆ ขนาดเล็กราวปรอทสีเงินทะลวงไปในอากาศทุกหนแห่งที่แทรกซึมเข้าไปได้

ทุกที่ที่คนทั้งสองผ่านไป วัตถุภายในโลกมิติจะแหลกละเอียด

ตู้ม ครืน ครืน!

โลกมิติของจักรพรรดิแห่งความตายสั่นสะเทือนไปมาจนใกล้จะสูญสลาย และยังมีส่วนหนึ่งที่พังทลายลงไปแล้ว

จ้าวเฟิงและจักรพรรดิเหมันต์จันทราตรงดิ่งไปเบื้องหน้าจักรพรรดิแห่งความตายอย่างรวดเร็ว

ในมิติแห่งนี้ จักรพรรดิแห่งความตายได้รับการปกป้องและเพิ่มพลังจากพลังโลกมิติ

เสียดายก็เพียงแต่โลกมิติมรณะกำลังเผชิญหน้ากับความพินาศย่อยยับ แตกกระจัดกระจาย และไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเขาได้เท่าไหร่นัก

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะบีบข้ามาถึงระดับขั้นนี้ได้…ไม่เสียทีที่เป็นผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้าประเภทที่เก้า”

จักรพรรดิแห่งความตายเอ่ยเสียงต่ำอย่างทอดถอนใจ

ดวงตาสีดำมืดมิดของเขาโคจรหมุนวนและทะลักระลอกพลังมรณะทะลวงผ่านฟ้าดิน

“หากมีเพียงข้าคนเดียวก็คงจะทำไม่ได้…” จ้าวเฟิงไม่ได้ประมาทแต่อย่างใด

ถึงแม้ว่าจักรพรรดิแห่งความตายจะเสียเปรียบอย่างยิ่งและบาดเจ็บไม่น้อย แต่ว่ากำลังรบของเขาก็ยังคงเก็บกักเอาไว้มากกว่าเก้าสิบห้าส่วนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย

เปรี้ยง! ฉะ โครม!

จากการร่วมมือ ‘โจมตีทั้งด้านในและนอก’ ของคนจำนวนมาก โลกมิติมรณะขนาดเล็กเริ่มเกิดรอยปริร้าวและแรงระเบิดขึ้น

คนทั้งสามยืนนิ่งไม่ไหวติงภายในมิติที่มืดมิด แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ไม่ว่าจะการป้องกันร่างกายของจักรพรรดิแห่งความตายหรือจ้าวเฟิง ก็ล้วนแต่อยู่ในระดับขั้นที่คาดคิดไม่ถึง

การป้องกันร่างกายของจักรพรรดิเหมันต์จันทราค่อนข้างอ่อนแอ แต่กลับได้รับการคุ้มกันจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด

“เงา….เทพ….มรณะ!”

ดวงตาดำมืดของจักรพรรดิแห่งความตายมีพลังเนตรมรณะลุกโชนขึ้นจนเป็นเพลิงไฟที่หนาวเหน็บลึกล้ำ

เผาผลาญพลังดวงตา?

จ้าวเฟิงตกตะลึง เห็นเพียงทั่วร่างของจักรพรรดิแห่งความตายอยู่ท่ามกลางชั้นเพลิงมรณะที่หนาวเหน็บและมืดมิด

ฟู่ ฟู่!

หลังจากเพลิงมรณะปกคลุมทั่วร่างของจักรพรรดิแห่งความตายแล้ว ก็เกิดเสียงดัง ‘วูบ’ ก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น ‘เงามรณะขนาดยักษ์’ ที่ยิ่งใหญ่

“นั่นมัน…”

จ้าวเฟิงและจักรพรรดิเหมันต์จันทราดวงวิญญาณสั่นสะท้านเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมรณะต้องห้ามที่ครอบงำไปทั่วฟ้าดิน

ฟ้าดินฝั่งหนึ่งตกอยู่ในความมืดมิดวังเวง

วู~

‘เงาขนาดยักษ์’ ที่เกิดจากเพลิงมรณะ มีเคียวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ แล้วจึงผสานเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินที่มืดมิดเวิ้งว้าง

ในเวลาดังกล่าว

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จิตใจสั่นสะท้าน เหมือนโดนปกคลุมไปด้วยเงาของเทพแห่งความตาย

ในทันใดนั้นเอง

ดวงตาทั้งสองข้างของเงามรณะค่อยๆ เบิกกว้าง แล้วปลดปล่อยลำแสงออกไปสองเส้นสาย ชวนให้ราวอยู่เหนือความเป็นตายใดๆ และมองลงไปยังสิ่งมีชีวิตเบื้องล่างด้วยแสงเทพเจ้าที่เย็นชา

“เงาแห่งเทพมรณะ… หรือว่าจะเป็นพลังของนายเหนือหัวแห่งความตาย เจ้าของ ‘เนตรเทพมรณะ’…”

ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงและคนอื่นๆ โดนกดทับ พลังทั้งหมดเหมือนโดนกักขังเอาไว้

ในครรลองสายตา ‘เงาเทพมรณะ’ นั้นเป็นรูปร่างทีละเล็กทีละน้อย กลิ่นอายต้องห้ามมรณะสาดกระจายออกไป รัศมีหมื่นลี้ตกอยู่ในความมืดมิด

ยามนี้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนแต่โดน ‘เทพมรณะ’ ควบคุมความเป็นความตายเอาไว้

“เงาเทพแห่งความตาย กระตุ้นพลัง ‘เนตรเทพมรณะ’ ของบรรพบุรุษดวงตาผ่านสายเลือดเนตรมรณะ จ้าวเฟิง ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะบีบข้าให้เดินมาถึงจุดนี้ได้”

‘เงาเทพมรณะ’ ปกคลุมทั่วร่างของจักรพรรดิแห่งความตาย ใบหน้าฉายแววเจ็บปวดและดิ้นรนออกมา

ในทุกชั่วยามทุกวินาที เงาเทพมรณะล้วนแต่เผาไหม้พลังดวงตาดวงวิญญาณและสายเลือดของเขา

ยังดีที่ชัยชนะตกเป็นของเขาแล้ว

“เนตรเทพมรณะ …นี่มันพลานุภาพของ ‘เนตรเทพเจ้า’ ”

จักรพรรดิเหมันต์จันทรา เด็กน้อยครึ่งเซียน และคนอื่นๆ ตื่นตระหนกโดยไม่รู้สาเหตุ

พวกเขาควบคุมดวงวิญญาณของตนเองไม่ได้แล้ว

ดวงตาทั้งสองข้างของ ‘เงาเทพมรณะ’ เพียงแค่มองลงมาก็สามารถควบคุมความเป็นตายและดวงวิญญาณของพวกเขาได้

ในที่แห่งนั้นมีเพียงจ้าวเฟิงที่ดิ้นรนขัดขืนได้

สายเลือดเผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์ภายในร่างเขาสั่นสะท้านหวาดกลัวไม่หยุดนิ่ง

ถึงอย่างไร นั่นก็เป็นถึงพลังส่วนหนึ่งของเนตรเทพมรณะ

วิ้ง ~

สายเลือดเผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์ของจ้าวเฟิงถูกกระตุ้นไปถึงขั้นสูงสุดจนกระทั่งเผาผลาญ ทั่วร่างกายมีเกล็ดมังกรเหมันต์ขึ้นปกคลุมในเวลาอันรวดเร็ว

วินาทีต่อมา เสียงมังกรร้องคำรามดังก้อง แล้วเงามังกรเหมันต์สีน้ำเงินขนาดมหึมาตัวหนึ่งก็ลอยวนเวียนอยู่เบื้องหลังของจ้าวเฟิง

อานุภาพพลังเหมันต์ของมังกรบรรพกาลสะเทือนฟ้าดิน แสงสว่างเย็นเยือกทะลุเข้าไปภายในฟ้าดินที่มืดมิด

“นี่เป็นพลังดั้งเดิมของสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ” จ้าวเฟิงแอบตกตะลึง

กระบวนท่าดังกล่าวมีในข้อมูลมรดกสายเลือดของเขา คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกสถานการณ์เช่นนี้บีบคั้นให้แสดงออกมา

เพียงแต่ว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสียงคำรามโจมตีของเงามังกรเหมันต์ ‘เงาเทพมรณะ’ ที่ประกอบขึ้นจากเปลวเพลิงก็ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย

ความสิ้นหวังและความหวาดกลัวจากการถูกควบคุมความเป็นตายยังไม่หายไป

ทันใดนั้นเอง เคียวในมือของ ‘เงาเทพมรณะ’ ก็ค่อยๆ ตวัดงอลง

เพียงชั่วขณะเดียว ดวงวิญญาณของจักรพรรดิเหมันต์จันทราที่อยู่ข้างกันก็ออกจากร่างไปครึ่งหนึ่ง

เด็กน้อยครึ่งเซียนและราชันระดับสุดยอดทั้งสองที่อยู่ห่างออกไป ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในขอบเขตการโจมตี แต่ดวงวิญญาณก็ดั่งถูกกักขังเอาไว้ สามารถจะออกจากร่างได้ทุกเวลา

มีเพียงจ้าวเฟิงคนเดียวที่ต้านทานได้

ดวงตาเทพเจ้าของเขามีภูมิคุ้มกันที่แกร่งกล้าต่อการโจมตีและเคล็ดวิชาในชั้นดวงวิญญาณ

ตุบ ตุบ! ตุบ ตุบ!

ดวงตาข้างซ้ายของจ้าวเฟิงกระตุกถี่อย่างต่อเนื่อง

“อดีตล่มสลาย เทพบรรพกาลถูกทำลายจนกลายเป็นฝุ่นธุลีนับแสนนับล้าน……”

เสียงสะท้อนกึกก้องเหมือนทะลวงผ่านมาจากอดีตดังขึ้นที่บริเวณข้างหู

ตูม!

มิติดวงตาข้างซ้ายทั้งหมดกระเทือนอย่างรุนแรง แล้วพลังสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงก็เผาไหม้เดือดพล่าน

ทันใดนั้น ชั้นเพลิงสีม่วงอ่อนก็ปกคลุมไปทั่วร่างของจ้าวเฟิง

วิ้ง~

ภายในเพลิงสีม่วงอ่อนที่กำลังลุกไหม้ เผยเงาของเทพมารบรรพกาลที่สูงใหญ่บดบังฟ้าดินออกมา

กลิ่นอายมหาศาลที่มีต้นกำเนิดมาจากยุคโบราณทะลวงผ่าน ก่อนที่ทุกอิริยาบถของเงาเทพมรณะจะค้างแข็งไปเล็กน้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version