บทที่ 746 คำสั่งล่าสังหาร (9)
“นายท่าน ช่วยข้าที…” เด็กน้อยครึ่งเซียนดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ร่างวิญญาณดั้งเดิมที่เปล่งแสงสีทองอ่อนเกือบจะหลุดลอยออกจากกายเนื้อ
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังครึ่งเซียนของเขาและสำนึกรู้ที่สูงส่งอย่างยิ่งแล้วล่ะก็ หากเปลี่ยนเป็นราชันในขอบเขตปราณเทวะช่วงปลายทั่วๆ ไป เกรงว่าน่าจะโดนจักรพรรดิแห่งความตายเอาดวงวิญญาณไปแล้ว
“ขอเพียงแก้ปัญหาครึ่งเซียนคุนอวิ๋นที่เกิดใหม่นี้ได้ ผู้ช่วยคนอื่นของจ้าวเฟิงก็ไม่มีอะไรต้องให้กังวล…”
จักรพรรดิแห่งความตายยืนอยู่กลางโลกมิติส่วนตัวแห่งความตาย ใช้พลังทั้งหมดกระตุ้นเนตรมรณะ
ในขณะเดียวกัน
มงกุฎสีทองเข้มที่อยู่บนศีรษะของเขาปลดปล่อยระลอกพลังดวงวิญญาณที่น่ากลัวออกมา เคล็ดวิชาศาสตร์วิญญาณเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“ติดกับแล้ว!” ในใจของจ้าวเฟิงรู้สึกหวาดกลัว สีหน้าเคร่งเครียด
ในการต่อสู้กับจักรพรรดิแห่งความตาย ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นมีบทบาทสำคัญมาก
แก่นแท้กายศักดิ์สิทธิ์และเคล็ดวิชาหมัดของเด็กน้อยครึ่งเซียนล้วนแต่สามารถกดทับสำนึกรู้และจำกัดพลังของจักรพรรดิแห่งความตาย
ถ้าหากขาดเด็กน้อยครึ่งเซียนไป จ้าวเฟิงและคนอื่นๆ จะต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิแห่งความตายในสภาวะสุดยอด ทั้งยังไร้การผูกมัดใดๆ
แต่ว่า ‘เนตรเพ่งมรณะ’ สำเร็จไปแล้วกว่าครึ่ง แทบจะดึงเด็กน้อยครึ่งเซียนออกจากร่างได้แล้ว
จักรพรรดิแห่งความตายเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว จึงแสดงโลกมิติมรณะออกมาเพื่อเป็นฉากกำบัง
ในเวลาเดียวกัน วิญญาณจักรพรรดิอาฆาตก็ตรึงกำลังจักรพรรดิเหมันต์จันทราเอาไว้
“จะต้านทานจักรพรรดิแห่งความตายได้ก็ต้องบุกเข้าไปภายในโลกมิติมรณะ ทำลายชั้นเกราะป้องกันนี้ให้ได้…” ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงหมุนวนรวดเร็ว
หากยึดตามแนวคิดปกติแล้ว แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย
เพราะว่าใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งช่วงลมหายใจ ดวงวิญญาณของเด็กน้อยครึ่งเซียนก็จะโดน ‘เนตรเพ่งมรณะ’ ฉกชิงไป
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น…”
จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก ในดวงตาข้างซ้ายทะลักพลังดวงตาสีม่วงที่เป็นประกายเจิดจ้า ก่อนจะกลายเป็นระลอกน้ำวนลึกไม่เห็นก้นบึ้ง
“หืม? อะไรกัน!” จักรพรรดิแห่งความตายชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงพูดอะไรไม่ออกในทันที
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
พรึ่บ!
วิญญาณดั้งเดิมสีทองอ่อนที่เพิ่งจะหลุดลอยออกจากร่างกายค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ เพราะโดนฉุดรั้งจากพลังอีกกลุ่มหนึ่ง
‘เนตรเพ่งมรณะ’ ของจักรพรรดิแห่งความตายรู้สึกได้ถึงแรงต่อต้านขัดขืน
“เนตร…เพ่ง….มรณะ!”
ดวงตาข้างซ้ายของจ้าวเฟิงผุดน้ำวนสีม่วงที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้งขึ้นมา จนเกิดเป็นโลกมายาสีม่วงที่เต็มไปด้วยหมอกควันเลือนรางหมุนวน
แรงดึงดูดที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตลอยออกมาจากดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิง
“ดียิ่งนัก!”
เด็กน้อยครึ่งเซียนดีใจอย่างบ้าคลั่ง เขาสัมผัสได้ว่าเคล็ดวิชาศาสตร์วิญญาณที่เหมือนกับ ‘เนตรเพ่งมรณะ’ ฉุดรั้งตนเองเอาไว้ ดึงกลับไปทางร่างกาย
“เนตรเพ่งเทพเจ้า? ที่แท้เจ้าลักลอบเรียนเคล็ดวิชามรณะของข้า…”
จักรพรรดิแห่งความตายยิ้มแข็งค้าง สีหน้าดูไม่ได้อย่างยิ่ง
ในวินาทีนี้ เขาหายใจหอบถี่ระรัว สีหน้าเขียวคล้ำ โทสะพวยพุ่ง โกรธเกรี้ยวเกินจะทน
เนตรเพ่งมรณะเป็นเคล็ดวิชาชั้นเลิศของเขา คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้จะลักลอบเรียนไปแล้ว
“เฮอะ! ขอแค่เข้าใจและลึกซึ้งในศาสตร์วิญญาณ การจะช่วงชิงเอาดวงวิญญาณของเป้าหมายก็ไม่ยากเย็นนัก สิ่งสำคัญคือสายเลือดดวงตาซึ่งเป็นจุดเด่นที่แข็งกล้า”
ผมสีม่วงของจ้าวเฟิงปลิวไสว สีหน้าเย็นชา ดวงตาซ้ายจับจ้องไปที่ร่างของเด็กน้อยครึ่งเซียน
เนตรเพ่งมรณะ ปะทะ เนตรเพ่งเทพเจ้า
หลักการของเคล็ดวิชาทั้งสองแทบจะเป็นอย่างเดียวกัน
อีกทั้งสายเลือดดวงตาของคนทั้งคู่ล้วนแต่ค่อนไปทางศาสตร์วิญญาณ
จ้าวเฟิงเคยโดนโจมตีจาก ‘เนตรเพ่งมรณะ’ มาก่อนสองครั้ง ครั้งแรกคือที่ซากปรักหักพังสือเฉิง ครั้งที่สองคือแถบชายแดนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด
แล้วบวกกับที่จ้าวเฟิงเคยศึกษา ‘ตำราหมิงถง’ ของจักรพรรดิแห่งความตายมาก่อน จึงเข้าใจหลักการของวิชาดวงตาและเคล็ดวิชาศาสตร์วิญญาณอื่นๆ เป็นจำนวนมาก
ด้วยดวงตาเทพเจ้าชำนาญในการมองผ่านแก่นแท้ของทุกสรรพสิ่ง การสรรสร้าง ‘เนตรเพ่งเทพเจ้า’ ของตนเองจึงไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร
กลางอากาศ
วิญญาณดั้งเดิมสีทองอ่อนของเด็กน้อยครึ่งเซียนกำลังกลับสู่ร่างทีละน้อย ตัวเขาที่มีพลังครึ่งเซียนดิ้นรนต่อต้าน ‘เนตรเพ่งมรณะ’ ได้ใกล้เคียงจักรพรรดิปราณเทวะ
หรือจะพูดได้ว่า จักรพรรดิแห่งความตายจำต้องเผชิญหน้ากับความร่วมมือของเด็กน้อยครึ่งเซียนและจ้าวเฟิง
เด็กน้อยครึ่งเซียนย่อมต้องดิ้นรนอย่างสุดแรงเกิด เพื่อดำเนินไปตามแผนการของจ้าวเฟิง
“จักรพรรดิแห่งความตาย วิชาดวงตาศาสตร์วิญญาณของเจ้าจะมีชื่อเสียงขจรไกลเมื่ออยู่ในเงื้อมมือข้า”
จ้าวเฟิงหัวเราะออกมาเสียงดัง
จักรพรรดิแห่งความตายซึ่งแต่เดิมโกรธมากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวก็เกือบจะกระอักเลือดออกมา
พรึ่บ!
วิญญาณดั้งเดิมสีทองอ่อนของเด็กน้อยครึ่งเซียนกลับเข้าไปในร่าง และได้ความช่วยเหลือจากจ้าวเฟิง จึงทำให้วิญญาณดั้งเดิมมั่นคงในฉับพลัน
จ้าวเฟิงโคจรพลังดวงตาเพื่อป้องกันการโจมตีอีกขั้นของจักรพรรดิแห่งความตาย บริเวณรอบๆ วิญญาณดั้งเดิมของเด็กน้อยครึ่งเซียนมีลวดลายสายฟ้าซึ่งผสานพลังอัสนีเทวะเข้าไปอยู่ชั้นหนึ่ง
ถ้าหากจักรพรรดิแห่งความตายคิดที่จะลองโจมตีเด็กน้อยครึ่งเซียน จะได้รับแรงโต้กลับของพลังอัสนีเทวะศาสตร์วิญญาณ หรืออย่างน้อยๆ ก็ไม่ราบรื่นเช่นนั้น
“นายท่าน โชคดีที่ท่านลงมือทันเวลา” เด็กน้อยครึ่งเซียนถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก
อีกฝั่งหนึ่ง จักรพรรดิเหมันต์จันทรา ราชาฉลามยักษ์ และราชาเกล็ดปีศาจที่ต่อสู้อยู่กับวิญญาณอาฆาต ก็ค่อยๆ ได้เปรียบขึ้น
วิธีการโจมตีของดวงวิญญาณอาฆาต หลักๆ คือศาสตร์วิญญาณ การโจมตีทางกายเนื้อไม่ได้แข็งแกร่งนัก
หลังจากจักรพรรดิเหมันต์จันทราและพวกคุ้นชินกับลักษณะการโจมตีของดวงวิญญาณอาฆาตแล้ว จึงค่อยๆ มีวิธีการในการรับมือ
ราชาฉลามยักษ์และราชาเกล็ดปีศาจร่วมมือกันโจมตีดวงวิญญาณอาฆาตตัวหนึ่งในนั้นจนร้องโหยหวนอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะราชาเกล็ดปีศาจผู้ครอบครองคุณสมบัติร่างกายแบบวิญญาณ จึงสามารถต้านทานและตอบโต้การโจมตีของดวงวิญญาณอาฆาตได้ค่อนข้างแข็งแกร่ง
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนไม่ลังเลอีกต่อไป โจมตีโลกมิติมรณะทันที
“ทองหมัดระเบิดทองคำ!”
จ้าวเฟิงโคจรวายุอัสนีสีทอง ปล่อยหมัดออกไป สายฟ้าและสายลมสีทองที่กำลังเผาผลาญปกคลุมเต็มครรลองสายตา อัสนีส่งเสียงดังกึกก้อง
ในชั่วพริบตานี้เอง มิติสีดำสนิทถูกประกายแสงเจิดจ้าย้อมจนกลายเป็นสีทอง เกิดเป็นความรู้สึกสั่นสะท้าน
หมัดนี้ของจ้าวเฟิงหลอมรวมเขตแดนมิติทั้งสามแห่งเข้าไป มันปะทะเข้าใส่โลกมิติมรณะ
ตู้ม ตู้ม โครม!
พื้นผิวของโลกมิติมรณะเกิดรอยปริร้าว มีรอยแยกเป็นระยะหลายลี้
‘หมัดระเบิดทองคำ’ สำแดงเสวียนอ้าว ‘ระเบิด’ ในรูปแบบเพลิงแดงของวายุอัสนีสีทองออกมา แล้วยังหลอมรวมกับพลังอัสนีเทวะด้วย
“แย่แล้ว!”
จักรพรรดิแห่งความตายหน้าเปลี่ยนสี โลกมิติมรณะที่เขาอยู่เผชิญกับการโจมตีหนักหน่วงจนเกิดรอยโหว่ขนาดใหญ่
ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงในวันนี้ดูดซึมพลังอัสนีเทวะได้ถึงสองสามร้อยเส้น กลิ่นอายแข็งแกร่งเป็นรูปร่างกว่าแต่ก่อนมาก
พลังทำลายล้างของเสวียนอ้าวอัสนีเทวะและเสวียนอ้าวทำลายล้างอยู่เหนือความคาดหมายไปมาก ยากที่จะฟื้นฟูได้
โลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิแห่งความตายก็ใช้มิติปราณที่แท้จริงซึ่งกว้างใหญ่ราวมหาสมุทรเป็นใจกลางแหล่งกำเนิดเช่นกัน
หากโลกมิติส่วนตัวเสียหายธรรมดาๆ เขาสามารถใช้พลังซ่อมแซมได้
แต่ว่าพลังทำลายล้างและพลังอัสนีเทวะทำลายไปจนถึงต้นกำเนิดของโลกมิติส่วนตัว แทบจะเป็นความเสียหายที่ไม่อาจซ่อมแซมได้ตลอดไป
“จักรพรรดิแห่งความตาย ข้าจะโจมตีโลกมิติส่วนตัวของเจ้าก่อน”
จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงดัง จากนั้นเข้าโจมตีราวอัสนีบาตคลั่ง ลำแสงปีกสีทองขนาดใหญ่สยายออก แล้วจึงโจมตีรอบๆ โลกมิติมรณะอย่างบ้าระห่ำ
ปีกวายุอัสนีเพิ่มพลานุภาพของเขาขึ้นไปอีกขั้น จุดเด่นในด้านความเร็วทำให้จ้าวเฟิงรุกและถอยได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“ฝ่ามือต้องห้าม!”
“สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา!”
เด็กน้อยครึ่งเซียนใช้เคล็ดวิชาลับในตำนานของสำนึกรู้เหนือธรรมดา จำกัดพลังของจักรพรรดิแห่งความตายไปมากมายยิ่ง
ไอสวรรค์ภายในโลกมิติมรณะหยุดหมุนเวียนไปด้วยการโจมตีของเด็กน้อยครึ่งเซียน พลังของโลกมิติส่วนตัวโดนขัดขวางเอาไว้
มีอย่างนี้ที่ไหน!
จักรพรรดิแห่งความตายเกือบจะระเบิดอารมณ์ที่รุนแรงราวอัสนีบาต มองโลกมิติของตนเอง เผชิญกับการโจมตีทำลายล้างทีละชั้นๆ
พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนพัฒนากว่าการประมือในครั้งก่อนมากเกินจะคาดคิด
โดยเฉพาะ ‘วายุอัสนีสีทอง’ ที่ไม่เคยมีมาก่อนของจ้าวเฟิง แรงเพลิงสูงส่งอย่างยิ่ง แล้วยังดูดซึมพลังอัสนีเทวะเพิ่มขึ้นไปอีกสองสามร้อยเส้นสาย
จ้าวเฟิงเน้นโจมตีจุดอ่อนของโลกมิติส่วนตัว ซ้ำยังทำลายไปที่แหล่งกำเนิดส่วนลึกด้วย
ดวงตาเทพเจ้าของเขาสามารถมองทะลุโลกมิติของจักรพรรดิมรณะได้ว่ายิ่งมีรอยโหว่มากขึ้นเรื่อยๆ
“สนามพลังมรณะ!”
โลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิแห่งความตายถดถอยไปอย่างรวดเร็ว สนามพลังน่ากลัวซึ่งดำสนิทดังหมึกเข้ามาแทนที่ ก่อนจะกลืนกินพลังและสรรพชีวิตรอบบริเวณทั้งหมด
อาณาเขตของสนามพลังมรณะจะเล็กกว่าเล็กน้อย ไม่อาจจะสำแดงพลังโลกมิติจำนวนมหาศาลได้
ทว่าเคล็ดวิชานี้มีการป้องกันแข็งแกร่งยิ่งนัก สามารถดูดซึมและโจมตีกลับได้
แต่วายุอัสนีสีทองกับเสวียนอ้าวพลังของจ้าวเฟิงในตอนนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา ด้วยหลอมรวมพลังอัสนีเทวะที่แข็งแกร่งเข้าไปด้วย
ตู้ม เปรี้ยง!
สนามพลังมรณะสั่นสะเทือนเบาๆ อัตราส่วนที่ดูดซึมการโจมตีของจ้าวเฟิงได้ลดลงไปถึงสามส่วน
พลังอัสนีเทวะแทบจะควบคุมพละกำลังและสรรพชีวิตทั้งหมดในฟ้าดินไว้
ถึงจะต้องรับมือกับพลังมรณะ แต่ว่าอัสนีเทวะยังคงควบคุมได้อย่างกล้าแกร่ง ยังต้องพูดถึงเรื่องถูกดูดซึมแปรผันอีกหรือ?
ในทุกครั้งที่ปะทะกัน สนามพลังมรณะของจักรพรรดิแห่งความตายล้วนแต่สั่นสะเทือน สิ้นเปลืองพลังไปมาก
“ฝ่ามือต้องห้าม!”
วิธีการโจมตีของเด็กน้อยครึ่งเซียนก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
‘ฝ่ามือต้องห้าม’ ควบคุมจำกัดพลังไอสวรรค์ต่างๆ ทั้งหมด เมื่อมาถึงระดับขั้นหนึ่งแล้ว มันจะจำกัดพลังประเภทไอสวรรค์ของพื้นที่ส่วนหนึ่งได้
เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะมีเพียงพลังของร่างกายเท่านั้นที่ไม่โดนควบคุม
วิชาประเภทนี้เมื่อใช้ร่วมกับการฝึกตนร่างกายแล้ว ก็เรียกได้ว่าเป็นรวมตัวที่ไร้เทียมทาน
คุณสมบัติของสนามพลังมรณะก็คือสภาวะพลังประเภทหนึ่ง ที่จะโรยแรงอับแสงและอานุภาพลดลงเมื่อโดนโจมตีจากฝ่ามือต้องห้าม
“เคียวมรณะ!” จักรพรรดิแห่งความตายโต้กลับอย่างรุนแรง พลังมรณะสะเทือนสั่นไหว จากนั้นจึงปรากฏเคียวขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยหมอกควันสีดำในมือ
แซ่ด แซ่ด ฟุ่บ! เงาเคียวมรณะขนาดยักษ์ส่งคมดาบเย็นเยือกจำนวนมากปลิวว่อนตรงไปหาจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียน
แต่ไม่ว่าจักรพรรดิแห่งความตายจะโจมตีหรือว่าป้องกัน ก็ล้วนรู้สึกราวกับไอสวรรค์หมุนเวียนติดขัดภายใต้ฝ่ามือต้องห้าม
ตุบ ตุบ โครม!
ทั่วร่างของจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนเกิดประกายไฟขึ้น
การป้องกันร่างกายของคนทั้งสองล้วนไปถึงขั้นที่แปลกพิสดาร
จ้าวเฟิงมี ‘เขตแดนฉวนปิง’ ซึ่งมากับสายเลือดเผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์ มันจะแช่แข็งการโจมตีและวัตถุที่เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
แรงป้องกันของเกล็ดเหมันต์สีฟ้าทั่วร่างเขาแกร่งกล้าเป็นอย่างมาก
กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทองของเด็กน้อยครึ่งเซียนบรรลุถึงขั้นที่ห้าระดับต้น แม้แต่ราชันระดับสุดยอดก็ยังยากจะโจมตีและต้านทาน เพียงแค่เขาอยู่กับจ้าวเฟิงก็สามารถรับมือกับการโต้กลับของจักรพรรดิแห่งความตายได้
“ดูข้าทำลายสนามพลังมรณะของเจ้า!”
จ้าวเฟิงพาเด็กน้อยครึ่งเซียนไป ในขณะที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ในมือก็ปรากฏหอกแสงสีทองยาวร้อยจั้งขึ้นมา
วายุอัสนีสีทองปรากฏขึ้นในรูปลักษณ์ของหอกยาว รวบรวมพลังทั้งหมดไว้ในนั้น
โครม เพล้ง!
พื้นผิวหอกแสงสีทองสาดกลิ่นอายทำลายล้างและพลังอัสนีเทวะที่ชวนสะพรึงขวัญออกมา แล้วพุ่งทะลุสนามพลังมรณะจนเกิดเป็นรูโหว่หลายต่อหลายจุด
ยามนี้ รอบสนามพลังมรณะปรากฏรอยร้าวและรูโหว่มากมายขึ้น และเริ่มมีแนวโน้มไม่มั่นคง
ตุบ เคร้ง เคร้ง!
จักรพรรดิแห่งความตายร่ายรำ ‘เคียวมรณะ’ ปะทะเข้ากับ ‘หอกแสงสีทอง’ ของจ้าวเฟิง จนก่อให้เกิดพลังต้องห้ามที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง
“รีบถอยเร็ว!”
ราชาฉลามยักษ์และราชาเกล็ดปีศาจหน้าเปลี่ยนสีแล้วถอยร่นไปติดๆ กัน
“เป็นพลังที่น่าตกใจยิ่งนัก…”
จักรพรรดิเหมันต์จันทรารู้สึกได้ถึงพลังจักรพรรดิชั้นยอดที่ปะทะเข้าหากันของจ้าวเฟิงและจักรพรรดิแห่งความตาย
ขนาดนางยังต้องหลบหลีกไปเล็กน้อยด้วยซ้ำ
ดวงวิญญาณอาฆาตในระดับราชันที่เหลืออีกตนหนึ่ง เดิมทีก็บาดเจ็บสะบักสะบอมอยู่แล้ว จึงสูญสลายไปในการต่อสู้ของคนทั้งสองในทันที
จักรพรรดิแห่งความตายใช้พลังทั้งหมดประมือกับจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียน จนไม่อาจใส่ใจดวงวิญญาณอาฆาตพวกนั้น
ยิ่งสู้เขาก็ยิ่งประหลาดใจ
คิดไม่ถึงเลยว่าพลังของจ้าวเฟิงจะมีการเติบโตที่น่ากลัวเช่นนี้
วายุอัสนีสีทองที่เขาครอบครองอยู่เหนือกว่าวิชาของจักรพรรดิวายุอัสนีไปแล้ว กำลังรบนี้แข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิวายุอัสนีในช่วงสุดยอดเสียอีก
“จ้าวเฟิงผู้นี้ได้ครอบครองความสามารถของจักรพรรดิชั้นยอดแล้ว…”
จักรพรรดิเหมันต์จันทราและสองราชันระดับสุดยอดจิตใจสั่นสะท้าน