บทที่ 751 คำสั่งล่าสังหาร (14)
ครึ่งปีจากนั้น ภายในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าของกลุ่มดินแดนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
เปรี๊ยะ!
เส้นลำแสงมืดมิดราวกับเงาทะลวงผ่านท้องฟ้านอกดินแดน แล้วจึงเข้าไปยังภายในตำหนักวิญญาณ
บนทางเดินปรากฏบุรุษท่าทางโหดเหี้ยม พิการแขนข้างขวาขาดไปข้างหนึ่ง
ชายผู้นี้สวมมงกุฏสีทองเข้มที่เต็มไปด้วยรอยร้าว กลิ่นอายเพลิงมรณะที่หลงเหลือบนร่างทำให้คนที่อยู่ใกล้เคียงต้องกระวนกระวายใจ
ยากจะเชื่อได้ว่าชายในสภาพดูไม่ได้ผู้นี้จะเป็นจักรพรรดิอาวุโสของดินแดนชังไห่
“จักรพรรดิจื่อมู่!” จักรพรรดิแห่งความตายพึมพำเสียงต่ำ แต่กลับไม่มีใครได้ยิน
หลายช่วงลมหายใจต่อมา
โครม วิ้ง~
พลังมหาศาลของจักรพรรดิลอยมาจากมุมใดมุมหนึ่งของตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า
“จักรพรรดิแห่งความตาย?”
เสียงตกใจของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นในตำหนักวิญญาณ
ชายวัยกลางคนชุดสีม่วงที่ล้อมรอบด้วยแสงสีเดียวกันยืนนิ่งไม่ไหวติง กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่แปลกประหลาดโชยออกมา
“จักรพรรดิจื่อมู่!”
ในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า มีเสียงร้องตกใจของยอดฝีมือนอกดินแดนส่วนหนึ่งแว่วมา ในดวงตาเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง
จักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะหาได้ยากอย่างยิ่งในพื้นที่ภายนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แต่ทว่า
ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าแห่งนี้ตั้งอยู่บนกลุ่มดินแดนขนาดใหญ่ กลุ่มดินแดนดังกล่าวมีสำนักสองดาวอยู่ถึงเจ็ดแปดแห่ง ดังนั้นหากที่แห่งนี้ส่งจักรพรรดิปราณเทวะผู้หนึ่งมาคอยดูแลตำหนักวิญญาณก็ไม่มากจนเกินไป
“จักรพรรดิแห่งความตาย เจ้าอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” จักรพรรดิจื่อมู่ออกจะตกใจ
ในระยะปีสองปีที่ผ่านมานี้ เขาล้วนแต่ปิดผนึกฝึกตนจึงไม่รับรู้เรื่องราวของโลกภายนอกแม้แต่น้อย
“จักรพรรดิจื่อมู่ เมื่อหลายพันปีก่อนเจ้าติดหนี้ข้าอยู่ครั้งหนึ่ง ในตอนนี้ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า…”
จักรพรรดิแห่งความตายเอ่ยเสียงต่ำ แล้วเขาจึงเล่าสถานการณ์อย่างคร่าวๆ ให้ฟัง แต่ว่าไม่ได้เล่าเรื่องที่ว่าจ้าวเฟิงครอบครอง ‘เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า’
“คนที่ไล่ล่าสังหารเป็นถึงยอดฝีมือในศาสตร์อัสนี เจ้าที่เป็นจักรพรรดิในศาสตร์พฤกษาสามารถข่มเขาได้พอดี” จักรพรรดิแห่งความตายเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
แต่ละแขนงวิชาจะกดข่มซึ่งกันและกัน
ยกตัวอย่างเช่น จักรพรรดิแห่งความตายจะถูกจ้าวเฟิงกดข่มไว้
แต่ในทำนองเดียวกัน วายุอัสนีสีทองของจ้าวเฟิงจะต้องโดนข่มเช่นกัน
และจักรพรรดิจื่อมู่คือผู้ที่หักล้างศาสตร์แขนงอัสนีได้
“นั่นเป็นใครกันล่ะ กลับสามารถไล่ตามเจ้าจนต้องตกอยู่ในสถาานการณ์แบบนี้ หรือว่าจะเป็นเซียนกัน…”
จักรพรรดิจื่อมู่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“วางใจเถอะ ไม่ใช่เซียน ผู้ที่ไล่ตามมาเป็นเพียงแค่ปราณเทวะช่วงกลาง แต่ว่าวิชาสายเลือดค่อนข้างจะพิเศษเท่านั้นเอง”
จักรพรรดิแห่งความตายอธิบายเรื่องของจ้าวเฟิง
ในขณะที่คนทั้งสองกำลังสนทนากัน
แซ่ด วูบ….
ลำแสงวายุอัสนีสายหนึ่งหอบกลิ่นอายรุนแรงของไฟอัสนีทำลายล้าง ทะลวงเข้าไปด้านในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า
ผู้มาเยือนเป็นชายหนุ่มผมสีม่วงผู้มีแสงปีกสีทองอยู่ด้านหลัง
“ช่างรวดเร็วนัก!”
จักรพรรดิจื่อมู่เปลี่ยนสีหน้าอย่างตกใจ ถึงแม้เขาจะรู้ว่าจ้าวเฟิงมีมรดกของจักรพรรดิวายุอัสนี
“จักรพรรดิแห่งความตาย เจ้าคิดว่าหลบอยู่ภายในตำหนักวิญญาณแล้วข้าจะไม่กล้าลงมือหรือ”
ปีกวายุอัสนีบนหลังของจ้าวเฟิงโบกสะบัด มองลงมาจากบนที่สูง
การตามล่าสังหารในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ เขาไล่ล่าจักรพรรดิแห่งความตายจนไร้หนทางตอบโต้
ร่างศพอมตะและดวงวิญญาณของจักรพรรดิแห่งความตายต้องเผชิญหน้ากับอาการบาดเจ็บสะสมจากพลังอัสนีเทวะ กำลังรบลดลงไปสามสี่ส่วน
“ช่างเป็นคนรุ่นหลังที่เก่งกาจเหลือเกิน”
จักรพรรดิจื่อมู่ลอบมองประเมินจ้าวเฟิง วายุอัสนีสีทองของฝ่ายตรงข้ามแผ่กลิ่นอายจางๆ ที่ทำให้ใจเขารู้สึกกระวนกระวาย
จ้าวเฟิงลอยอยู่กลางอากาศ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมองเห็นจักรพรรดิจื่อมู่แล้ว
จักรพรรดิจื่อมู่และจักรพรรดิตวนมู่ชิงล้วนเป็นจักรพรรดิในศาสตร์พฤกษาเหมือนกัน
แต่ว่าพลังของจักรพรรดิจื่อมู่ผู้นี้ยังต่างกับจักรพรรดิชั้นยอดอยู่ระดับหนึ่ง
“จักรพรรดิจื่อมู่ เจ้าจะต้องช่วยข้า! ถ้าหากข้ารอดพ้นจากอันตรายในครั้งนี้จะตอบแทนเจ้าเป็นสิบเท่า”
น้ำเสียงของจักรพรรดิแห่งความตายแฝงไปด้วยความเว้าวอน
ที่ตำหนักวิญญาณแห่งทะเลความว่างเปล่านี้ นอกจากจักรพรรดิจื่อมู่แล้วยังมีราชันระดับสุดยอดสองคน ราชันระดับลึกซึ้งอีกสี่คน
ขอเพียงแค่จักรพรรดิจื่อมู่สามารถช่วยเหลือได้ จักรพรรดิแห่งความตายก็ยังมีความหวังอยู่ค่อนข้างมาก
“เทพราชาดวงตาซ้าย! บุรุษหนุ่มผมสีม่วงคนนั้น…”
ในตำหนักวิญญาณมีราชันขอบเขตปราณเทวะผู้หนึ่งและแก่นก่อกำเนิดจำนวนหนึ่งมองถึงสถานะของจ้าวเฟิงออก
การไล่ล่าสังหารในครั้งนี้ข้ามผ่านกลุ่มดินแดนเป็นจำนวนมาก ยอดฝีมือระดับสูงส่วนหนึ่งจึงค่อยๆ รู้จักชื่อเสียงอันโด่งดังของจ้าวเฟิง
เทพราชาดวงตาซ้าย?
แววตาของจักรพรรดิจื่อมู่เป็นประกาย เหมือนว่าจะลังเลอยู่เล็กน้อย บนใบหน้ามีอาการต่อต้านขัดขืน
ในยามนี้เอง ราชันผู้หนึ่งในตำหนักวิญญาณกำลังเล่าเรื่องราวระหว่างจ้าวเฟิงและจักรพรรดิแห่งความตายให้เขาฟัง
“จักรพรรดิแห่งความตาย ต้องขอโทษเจ้าอย่างยิ่ง ข้าไม่อาจจะช่วยเจ้าได้ ว่ากันว่าในยามก่อนเจ้าเคยลงมือในตำหนักวิญญาณ เป็นเป้าหมายที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฝูเมิ่งประกาศจับ”
จักรพรรดิจื่อมู่สูดหายใจลึก แล้วจึงเปิดปากเอ่ยในที่สุด
อะไรกัน!
จักรพรรดิแห่งความตายร่างกายสั่นสะท้าน
“เห็นแก่ความสัมพันธ์ในวันก่อน ข้าจะไม่ลงมือต่อเจ้า แต่ว่าตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าเก็ไม่สามารถรับเจ้าไว้เช่นกัน”
สีหน้าของจักรพรรดิจื่อมู่เคร่งเครียดจริงจัง
รอบกายเขาปรากฏเงาสมจริงของโลกมิติส่วนตัวสีเขียวอมม่วง กำลังจะหลอมรวมเข้าไปในฟ้าดินและกดดันจักรพรรดิแห่งความตายเอาไว้
“เจ้า…” จักรพรรดิแห่งความตายสีหน้าดำคล้ำ ดูไม่ได้อย่างยิ่ง
โลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิจื่อมู่จงใจจะลงมือกับเขา กลับไม่ได้ลงมือกับจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสายตาเย็นชา
ดูจากสถานการณ์แล้ว จักรพรรดิแห่งความตายต้องไม่ยินยอมไปจากตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า อยากจะลากจักรพรรดิจื่อมู่และบรรดายอดฝีมือของตำหนักวิญญาณให้พินาศไปพร้อมกัน
“จักรพรรดิแห่งความตาย วันนี้เจ้ายากจะรอดพ้นจากอันตรายได้แล้ว”
ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทะลักเพลิงพลังดวงตาที่น่ากลัวออกมา แสงสีทองหมุนวนไม่หยุด
พู่ว วิ้ง~
กลิ่นอายที่เป็นเหมือนกับมหันตภัยลอยอบอวลในอากาศ ขนาดจักรพรรดิจื่อมู่และราชันหลายคนภายในตำหนักวิญญาณยังรู้สึกกดดันจนหายใจไม่ออก
“ไม่…” จักรพรรดิแห่งความตายรู้สึกถึงวิกฤตอันตรายที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต
ในเวลาเดียวกัน
ภายในทะเลวิญญาณของจ้าวเฟิงปรากฏตราประทับอัสนีเทวะจำนวนเจ็ดแปดร้อยเส้นสายขึ้น มันเชื่อมโยงสอดประสานกันทั้งหมด แล้วสาดซัดกลิ่นอายไม่ดับสลายที่ควบคุมหมื่นสรรพสิ่งออกมา
ผัวะ โครม!
เพลิงอัสนีสีทองกึ่งโปร่งแสงกลุ่มหนึ่งฟาดลงบนร่างของจักรพรรดิแห่งความตายเหมือนสายฟ้าลงทัณฑ์จากเบื้องบน
“อ๊าก——”
จักรพรรดิแห่งความตายร้องโหยหวน เพลิงอัสนีสีทองปะทุเผาผลาญบนร่างศพอมตะ แถมยังค่อยๆ เผาไหม้ในชั้นดวงวิญญาณ
สีหน้าเขาหมดอาลัยตายอยาก มองไปยังร่างที่เป็นดั่งฝันร้ายร่างนั้นอย่างหวาดกลัวกระวนกระวาย
ชั่วเวลาเพียงแค่หนึ่งถึงสองช่วงลมหายใจเท่านั้น ร่างของจักรพรรดิแห่งความตายก็ถูกเผาไหม้จนไม่เป็นรูปร่าง แขนอีกข้างหนึ่งก็ขาดสะบั้นลงไป
แซ่ด!
จักรพรรดิจื่อมู่ผู้นั้นสูดหายใจเข้าลึกโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มผมสีม่วงที่อยู่กลางอากาศยืนเอามือไพล่หลังด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ
ภายในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า
ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดและราชันส่วนหนึ่งต่างขนลุกชัน ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
“นี่คือเทพราชาดวงตาซ้ายที่โจมตีจนจักรพรรดิแห่งความตายไม่มีกำลังเอาคืน”
ภายในตำหนักวิญญาณ ราชันในขอบเขตปราณเทวะหลายคนสั่นสะท้านอย่างไร้สาเหตุ
“จักรพรรดิแห่งความตาย อัสนีเทวะที่ข้าหลอมรวมเข้าไปภายใน พลังของมันสามารถคุกคามคนขั้นเซียนได้ จักรพรรดิชั้นยอดเมื่ออยู่ในมือข้าก็ทนได้ไม่ถึงสิบช่วงลมหายใจด้วยซ้ำ”
จ้าวเฟิงเอ่ยเรียบๆ อย่างไม่แยแสแต่อย่างใด
ระหว่างคำสั่งล่าสังหารในช่วงกว่าครึ่งปีหลังนี้ มีการไล่ล่าและหยุดพักสลับกันไป แต่จ้าวเฟิงกลับไม่เคยหยุดหลอมรวมพลังอัสนีเทวะ
ทำให้ในวันนี้ พลังอัสนีเทวะภายในทะเลวิญญาณของเขาดูดซับไปได้ถึงเจ็ดแปดร้อยเส้นสาย ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าร้อยเท่าของยามอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดในตอนแรก!
เมื่อบวกกับความเร็วที่สูงส่งอย่างยิ่งของจ้าวเฟิง ยังผลให้เขาเป็นราชันไร้เทียมทานซึ่งอยู่เหนือกว่าคนที่อยู่ต่ำกว่าขั้นเซียนลงไป
ในประวัติศาสตร์ของแขนงวิชาอัสนี เคยมีผู้ถูกเลือกในตำนานผู้หนึ่งใช้พลังอัสนีเทวะก้าวขึ้นไปยังระดับสุดยอดของโลกทีละก้าวๆ
ตำนานนั้นมาจากผู้ถูกเลือกของดินแดนทวีปผู้หนึ่งที่ต่อมาได้เป็นถึงเซียน!
เรื่องราวความสำเร็จในตำนานดังกล่าวเหมือนกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งกับจ้าวเฟิง
“พลังอัสนีเทวะ!”
จักรพรรดิจื่อมู่ผู้นั้นใจสั่นไหวอย่างรุนแรง
ในตอนแรกที่เขาไม่เลือกช่วยเหลือจักรพรรดิแห่งความตาย เป็นความคิดที่เขาพิจารณาอย่างลึกซึ้งแล้ว
อันดับแรก จักรพรรดิแห่งความตายโดนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ประกาศจับ
อันดับสอง ยอดฝีมือที่สามารถไล่ล่าสังหารจักรพรรดิแห่งความตายได้จะน่ากลัวในระดับไหน เขาที่เป็นจักรพรรดิธรรมดาๆ จะหาเรื่องได้อย่างไรกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาล่วงรู้มาว่าผู้ไล่ล่าสังหารคนนั้นเป็นผู้ถูกเลือกรุ่นใหม่ที่ปรากฏกายขึ้นราวปาฏิหาริย์
เหตุผลที่สองเป็นเหตุผลหลักๆ เสียด้วยซ้ำ ดังนั้นจักรพรรดิจื่อมู่จึงไม่อยากจะช่วยจักรพรรดิแห่งความตาย
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว จักรพรรดิจื่อมู่รู้สึกว่านี่ช่างเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดเสียนี่กระไร
ถึงแม้ว่าตั้งแต่ที่จ้าวเฟิงเข้ามาภายในตำหนักวิญญาณก็ไม่ได้ทักทายจักรพรรดิจื่อมู่ หรือกระทั่งไม่ได้ปรายตามาที่เขาด้วยซ้ำไป
ในตอนแรกเริ่มจักรพรรดิจื่อมู่ยังรู้สึกไม่เป็นสุขอยู่เล็กน้อย
แต่ตอนที่หลังจากจ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา ใจของจักรพรรดิจื่อมู่ก็ชาวาบจนต้องลอบปาดเหงื่อเย็น
ในความรู้สึกคือจ้าวเฟิงมองข้ามการดำรงอยู่ของเขาไปเลย
มีจักรพรรดิอย่างเขาเพิ่มขึ้น หรือกระทั่งเป็นจักรพรรดิชั้นยอดอีกหนึ่งคน ก็ยังไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
จักรพรรดิชั้นยอดเมื่ออยู่เบื้องหน้าจ้าวเฟิงยังไม่อาจทนต่อได้เกินสิบช่วงลมหายใจ
“อันตรายอย่างยิ่ง…”
จักรพรรดิจื่อมู่ไม่คิดว่าวิชาศาสตร์พฤกษาของตนจะสามารถต้านทานพลังอัสนีเทวะได้
ถ้าหากเมื่อครู่นี้เขาเลือกตัวเลือกที่ผิดไป เกรงว่าจะกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว
จักรพรรดิจื่อมู่ไม่มีการป้องกันเป็นร่างอมตะอย่างจักรพรรดิแห่งความตายเสียด้วย
“จ้าวเฟิง…ข้าพ่ายแพ้แล้ว”
จักรพรรดิแห่งความตายนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น แล้วเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “แล้วแต่เจ้าจะจัดการ!”
แล้วแต่เจ้าจะจัดการ!
ยามที่เอ่ยประโยคดังกล่าวออกมาจะมีความอัปยศในระดับใดกัน?
ขนาดจักรพรรดิจื่อมู่แและคนอื่นๆ ในใจยังสั่นระริก
“แล้วแต่ข้าจะจัดการงั้นรึ? ถ้าหากว่าข้าต้องการชีวิตของเจ้า เจ้าเองก็จะไม่ต่อต้าน?”
แววตาของจ้าวเฟิงเหมือนมีพลังที่ทะลวงผ่านจิตวิญญาณได้
เขามองออกว่าความละอายและความโกรธแค้นในใจของจักรพรรดิแห่งความตาย ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ ความอาฆาตนี้ก็ไม่มีทางจางหายไปเป็นแน่
อีกอย่าง ถิ่นของจักรพรรดิแห่งความตายอยู่ในอาณาเขตของดินแดนจิตวิญญาณว่านเซิน ใครจะรู้ว่าภายหลังเขามีชีวิตรอดไปวันๆ จะดึงจักรพรรดิคนอื่นๆ หรือกระทั่งเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับมารับมือกับจ้าวเฟิงหรือไม่?
“จ้าวเฟิง! หากปรานีได้ก็จงปรานี!”
ใบหน้าของจักรพรรดิแห่งความตายปรากฏร่องรอยโหดเหี้ยมและอำมหิต เหมือนจงใจข่มขู่อยู่กลายๆ
แววตาของจ้าวเฟิงเย็นชาไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
ต้องสังหารจักรพรรดิแห่งความตายให้ได้ ความคิดดังกล่าวนี้ของเขาไม่เคยสั่นคลอนแม้แต่น้อย
แต่ว่าจ้าวเฟิงต้องการขัดขวางการโต้กลับก่อนตายของศัตรูให้ได้
ด้วยเพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงจักรพรรดิเก่าแก่อาวุโส และยังมีเนตรมรณะอีกด้วย
“เช่นนั้น…ก็ตายไปพร้อมกันเสีย!”
ใบหน้าของจักรพรรดิแห่งความตายบูดเบี้ยว พลังมรณะทั่วร่างหดเล็กลงเล็กน้อย ก่อนจะระเบิดออกอย่างรุนแรงในฉับพลัน
“แย่แล้ว ระวัง” จักรพรรดิจื่อมู่พูดอะไรไม่ออก เรียกโลกมิติส่วนตัวออกมาอย่างรวดเร็วในสถานการณ์เร่งด่วน เพื่อใช้ต้านทานพลังระเบิดที่รุนแรงมากพอจะทำลายตำหนักวิญญาณทั้งหลังได้
การระเบิดตนเองของจักรพรรดิเป็นเรื่องที่สะเทือนฟ้าดินอะไรเช่นนี้
“โครม”
ทั่วทั้งตำหนักวิญญาณทะเลความเปล่าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเมื่อถูกเพลิงพลังมรณะไร้ขอบเขตปกคลุมเอาไว้
โลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิจื่อมู่ปริร้าวออกเป็นสี่ห้าส่วนทันใด ต้านทานพลังในการระเบิดตนเองของจักรพรรดิแห่งความตายได้แค่หกเจ็ดส่วนเท่านั้น
“หืม?” จักรพรรดิจื่อมู่ค้นพบว่าอานุภาพของระเบิดน้อยกว่าที่คาดไว้อยู่สามสี่ส่วนทีเดียว
ถึงแม้ว่าตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่าจะกลายเป็นเศษซาก และมียอดฝีมือนอกดินแดนเกินกว่าครึ่งตายในเหตุการณ์นี้ก็ตาม
“อ่อนหัด!”
บุรุษหนุ่มผู้มีปีกอัสนีสีทองโบกสะบัดปรากฏตัวอยู่ที่ทะเลความว่างเปล่านอกดินแดนดั่งเทพมารผู้หนึ่ง
ในวินาทีที่ระเบิดตนเอง จ้าวเฟิงใช้ความเร็วที่เหนือธรรมชาติหลบหนีไปก่อนแล้ว
เวลาเดียวกัน
ดวงตาเทพเจ้าของเขาเล็งเป้าหมายไปยังลำแสงสีดำไม่สะดุดตากลุ่มหนึ่งที่กำลังบินหนีไปอย่างรวดเร็วในที่ไกลๆ
เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว นั่นเป็นเศษเสี้ยววิญญาณดั้งเดิมกลุ่มหนึ่ง ระลอกพลังดวงวิญญาณยังปรากฏ ‘เนตรมรณะ’ สีดำมืดมิดคู่หนึ่งด้วย
“ธนูเหนือนภา ตรึงวิญญาณ!”
จ้าวเฟิงง้างคันธนูสีเงินเข้มในมือ ลำแสงลูกธนูโปร่งแสงที่มีแสงสีเงินและทองเกี่ยวกระหวัดทะลวงผ่านในอากาศ
สวบ!
วิญญาณดั้งเดิมที่เพิ่งจะหนีไปเป็นหลายร้อยลี้ถูกลำแสงลูกศรเล็งวิญญาณแทงทะลุ ราวกับโดนตะปูตรึงไว้กลางอากาศ และกำลังดิ้นรนอย่างสุดแรงเกิด