บทที่ 779 ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน
ตอนนี้จ้าวเพิ่งได้รับคําเชิญจากบ้านสกุลถั่วและจวนอ๋องโหวพร้อมๆ กันผู้เฒ่าหน้ากลมและพวกที่ก่อนนี้วุ่นวายไม่ยอมเลิกมีสีหน้าตกใจอย่างยิ่ง
“ขุนพลผู้นี้ ข้าเองก็อยากไปเปิดหูเปิดตาที่จวนอ๋องโหว แต่สหายสองสามคนนี้ของสกุลถั่วต้องการดึงตัวข้าไป ร่วมงานเลี้ยงของพวกเขาให้ได้”
จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้พิษภัย ถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม ทันทีที่เอ่ยประโยคดังกล่าว คนทั้งสามของบ้านสกุลลั่วหน้าเปลี่ยนสีไปทันที เกือบจะกระอักเลือดออกมา “สกุลลั่วอะไรกัน?”
สีหน้าของแม่ทัพชุดฟ้าในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชันเคร่งขรึมลงไป ตราคําสั่งอ๋องโหวที่อยู่ในมือสาดซัดอํานาจมังกร ของราชาทะลวงทั้งฟ้าดิน
ด้วยความช่วยเหลือของตราคําสั่งอ๋องโหว แม่ทัพชุดฟ้าในขันครึ่งก้าวสู่ราชันจึงสามารถสาดซัดพลังขันราชันออกมาได้
“ไม่ ไม่! ใต้เท้าท่านเข้าใจผิดแล้ว!” ผู้เฒ่าหน้ากลมตื่นตกใจจนเหมือนวิญญาณออกจากร่าง
ต่อให้เขามีความกล้าขนาดไหน ก็ไม่กล้าจะช่วงชิงแขกของจวนอ๋องโหวมา
จวนอ๋องโหวนั้นเป็นสถาบันการปกครองของดินแดนเกาะเทียนเฟิง เท่ากับว่าควบคุมพื้นที่กลุ่มดินแดนขนาด ใหญ่ไว้
หากพูดถึงฐานะ “หนานเฟิงอ๋อง” ผู้นั้นเป็นอนุชาของจักรพรรดิเฉียนองค์ปัจจุบัน เมื่อองค์ชายแปดพบเจอก็ ต้องเรียกเขาว่า “ท่านอา” ระดับใหญ่โตเช่นนี้ ต่อให้เป็นสํานักระดับสามดาวก็ไม่กล้าไปหาเรื่องด้วยง่ายๆ
บ้านสกุลลัวและสํานักศักดิ์สิทธิ์วันเป็นต้น ล้วนได้ชื่อว่าอยู่ในการควบคุมของ “หนานเฟิงอ๋อง
“คะ..คุณชายจ้าว! รอท่านไปจวนอ๋องโหวก่อน แล้วค่อยมางานบ้านสกุลลัวก็ยังไม่สาย”
ผู้เฒ่าหน้ากลมเอ่ยเอาใจแล้วยิ้มแย้ม
“เช่นนั้นก็ดี” แม่ทัพชุดฟ้ายิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
ต่อจากนั้น จ้าวเฟิงก็จากไปพร้อมกับแม่ทัพชุดฟ้า ทิ้งคนของตระกูลจ้าวและสกุลลัวไว้เบื้องหลัง
“นี่มันเรื่องอะไร! จ้าวเพิ่งได้รับคําเชิญจากจวนอ๋องโหว? ต้องรีบรายงานเรื่องนี้ต่อท่านผู้นําตระกูลและนายน้อยให้เร็วที่สุด”
“ดูๆ ไปแล้ว เรื่องที่จะรับมือกับจ้าวเฟิงต้องวางแผนกันยาวๆ” คนของสกุลถั่วทั้งสามมีสีหน้าตื่นตกใจ
ในทันทีที่จ้าวเฟิงและจวนอ๋องโหวสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันแล้ว แรงสนับสนุนเบื้องหลังจะน่ากลัวกว่า สํานักศักดิ์สิทธิ์วั่นอย่างมาก เพราะจวนอ๋องโหวคือผู้ปกครองของดินแดนเกาะเทียนเฟิง
เพียงห้วงความคิดเดียวของ “หนานเฟิงอ๋อง” ก็อาจจะอยู่เหนือความเป็นตายของขั้วอํานาจในดินแดน มหาสมุทรแห่งนี้ได้
ครึ่งวันจากนั้น จวนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางมวลแมกไม้บุปผา ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของจ้าวเฟิง
ถึงจะเป็นระยะทางที่ห่างไกล ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมังกรราชวงศ์ที่ไร้รูปร่าง เกาะกลุ่มกันในจุดดังกล่าว
“ที่นี่คือจวนอ๋องโหวงั้นหรือ?”
จ้าวเฟิงลอบอุทานตกใจ ทะเลสาบ สวนน้ําตก และภูเขาภายในจวน ทิวทัศน์เช่นนี้เหมือนสภาพแวดล้อมใน อุทยานครึ่งเซียน
หากเรียกว่าเป็นจวน ไม่สู้เรียกว่าอาณาจักรส่วนตัวขนาดย่อมจะดีกว่า
“ท่านแม่ทัพ สรุปแล้วเป็นใครกันแน่ที่เชิญข้ามาที่นี่?” สุดท้ายจ้าวเฟิงก็เปิดปากเอ่ย
ตลอดทางที่บินมาจนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งจะเป็นฝ่ายถามก่อน
แม่ทัพชุดฟ้าเผยแววชื่นชมออกมาเล็กน้อย อัจฉริยะที่เป็นนักฝึกสัตว์อายุสิบสี่สิบห้าคนนี้ ความอดทนอดกลั้น ของเขาอยู่เหนือกว่าคนในวัยนี้มาก
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง ท่านอ๋องเองก็อยู่ที่จวนด้วย ถ้าหากโชคดีเจ้าอาจจะได้เจอ”
แม่ทัพชุดฟ้าเอ่ยปนยิ้ม แต่กลับไม่ได้ตอบคําถามตรงๆ จ้าวเฟิงจึงไม่ถามอะไรอีก
เขาเองก็สนใจเรื่องลําดับบรรดาศักดิ์ของราชวงศ์ต้าเฉียนอยู่
ตามความเข้าใจของเขา บรรดาศักดิ์ของราชวงศ์ จากชั้นสูงสุดลงไปแบ่งเป็น จักรพรรดิ กง โหว ป๋อจือ และ หนาน “จักรพรรดิ” ซึ่งสูงที่สุดก็คือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ของต้าเฉียน
นอกจากนี้ บิดาขององค์จักรพรรดิหรือฮองเฮา
ตามกฏแล้วนับว่าอยู่ใน ตําแหน่งจักรพรรดิ” หรือไม่ก็ ครึ่งจักรพรรดิ ถัดจากตําแหน่งจักรพรรดิ ก็คือกง เรียกว่าต้ากงหรือกงอ่อง ทั้งราชวงศ์ต้าเฉียนนี้ คนในบรรดาศักดิ์กงอ่องมีอยู่เพียงน้อยนิด “ต้ากง” ส่วนหนึ่งที่ควบคุมดูแลดินแดนมี พลังฝึกตนอยู่ขั้นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับด้วยซ้ำและยังมีส่วนหนึ่งที่เป็นญาติผู้อาวุโสของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต้าเฉียน
ตั้งแต่ตําแหน่งต้ากงลงมา บรรดาศักดิ์ อ๋องโหว” เป็นบรรดาศักดิ์ระดับสูง โดยปกติแล้วอย่างน้อยจะควบคุม กลุ่มดินแดนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง หรือไม่ก็พื้นที่ของกลุ่มดินแดนหลายแห่ง
“หนานเฟิงอ๋อง” ผู้นี้ยังเป็นอันดับต้นๆ ในตําแหน่งอ๋องโหวอีกด้วย
บางที่อาจมีคนเคยกล่าวไว้ว่า บรรดาศักดิ์ของราชวงศ์ นอกจากตําแหน่งและอํานาจก็ไม่ได้มีความหมายใด
ถ้าหากคิดเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นความคิดที่ผิดมหันต์! เพราะว่าบรรดาศักดิ์ของราชวงศ์ จะมี “ชะตา” ที่สอดคล้องกับระดับนั้นๆ ยิ่งบรรดาศักดิ์สูง ชะตาราชวงศ์ที่ได้รับก็จะยิ่งสูงตาม
ตัวอย่างเช่น จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต้าเฉียนในตอนนี้
จะได้รับชะตาอันยิ่งใหญ่ของเขตการปกครองไพศาลทั้งราชวงศ์ด้วยความช่วยเหลือจากโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่นี้ ต่อให้เป็นร่างพิการไร้วิญญาณ
ขอเพียงแค่เขาได้รับแต่งตั้งเป็น “จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต้าเฉียน ก็สามารถทะลวงผ่านขอบเขตปราณเทวะได้อย่างสบายๆ ยิ่งไปกว่านั้น คุณสมบัติสายเลือดราชวงศ์เป็นจุดสูงสุดของต้าเฉียน จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทุกคนแทบจะอยู่ในขั้นจักรพรรดิทั้ง สิ้น หรือกระทั่งฝึกตนในขั้นเซียนของขอบเขตเทวาเร้นลับ
จากจุดนี้จะสามารถเห็นความมหัศจรรย์ของ “ชะตาราชวงศ์ ได้ บรรดาศักดิ์อื่นๆ ภายใต้ตําแหน่งจักรพรรดิลงไป ก็จะได้รับชะตาราชวงศ์ในแต่ละลําดับขั้น
พลังของชะตาราชวงศ์ เป็นพลังไร้รูปร่างลึกลับชนิดหนึ่ง สามารถใช้ผลักดันในการฝึกตน และยังเพิ่มพูน ปัจจัยที่มีผลดีกับตนเอง เพียงแค่มีชะตาที่แข็งแกร่งมากพอ จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตฝืนลิขิตฟ้าก็เป็นไปได้
เพราะเหตุนี้ ยอดฝีมือที่ฝึกตนจํานวนไม่น้อยในราชวงศ์ต้าเฉียนจึงแก่งแย่งชิงดีอยากครอบครองบรรดาศักดิ์
“ดังนั้น เพียงแค่อยู่ในอาณาเขตของราชวงศ์ต้าเฉียน หากมีเขตภายในดินแดนแห่งไหนก่อตั้งราชวงศ์พื้น เมืองขึ้นมา ก็จะส่งผลต่อชะตาของราชวงศ์ และต้าเฉียนจะสัมผัสได้”
จ้าวเฟิงกระจ่างแจ้ง
ข้อมูลเหล่านี้ก็เป็นความลับเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาเพิ่งจะรู้หลังจากที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่นี่
ราชวงศ์ยิ่งใหญ่รุ่งเรืองของดินแดนบุปผาครามในยามก่อน ก็ถูกทําลายลงเพียงในคืนเดียวเพราะเหตุผลเช่นนี้
ขอแค่ราชวงศ์ต้าเฉียนสัมผัสได้ว่ามีที่ไหนก่อตั้งราชวงศ์ขึ้น จะมีคําสั่งและภารกิจให้สํานักที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ หรือสถาบันของราชวงศ์ไปจัดการทําลายทิ้ง
“คุณชายจ้าว..โปรดรอสักครู่”
แม่ทัพชุดฟ้าพาข้าวเพิ่งมาถึงหน้าลานหอคอยที่สวยสดงดงาม
จ้าวเฟิงยืนนิ่ง สํารวจรอบด้านอย่างสนอกสนใจ
แม่ทัพชุดฟ้าออกมาอย่างรวดเร็ว เอ่ยปนยิ้มว่า “ท่านหญิงเรียกให้เข้าพบ”
“ท่านหญิง?”
จ้าวเฟิงชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงรีบค้นความทรงจําภายในหัวทันที
เขาไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก เดินตรงดิ่งไปภายในลานชวนฝันสีชมพูอย่างช้าๆ
เขาชนเข้ากับใครคนหนึ่งทั้งๆ ที่เพิ่งจะเดินเข้าไป
คนผู้นั้นคือชายหนุ่มท่าทางองอาจในชุดคลุมมังกร
“เป็น.เป็นเจ้า!” จ้าวเฟิงและชายผู้สง่างามคนนั้นร้องออกมาในเวลาเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างมองกันอย่างแปลกใจ
“องค์ชายแปด!”
“จ้าวเฟิง!”
ทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน
“เฮอะเฮอะ…น้องจ้าวเฟิง พวกเราช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ”
องค์ชายแปดปรับสีหน้าเป็นปกติ แล้วจึงยิ้มออกมาอย่างสง่างาม
ก่อนที่เขาจะจากไป ได้ยินว่าท่านหญิงได้เชิญนักฝึกสัตว์คนหนึ่งมา เดิมที่ไม่ได้สนใจอะไร
“พวกท่านรู้จักกัน” น้ําเสียงใสประหนึ่งระฆังดังออกมาจากส่วนลึกของลานสีชมพูนั้น
องค์ชายแปดส่ายศีรษะพลางยิ้ม ก่อนเดินมุ่งไปในลานที่พักพร้อมกับจ้าวเฟิง
“น่าแปลก.จ้าวเฟิงผู้นี้ ตกลงมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ เขายังรู้จักกับองค์ชายแปดด้วย”
ใบหน้าของแม่ทัพชุดฟ้าผู้นั้นฉายแววประหลาดใจ เขาค้อมตัวก่อนจะจากไป
จ้าวเฟิงและองค์ชายแปดเดินเหยียบบุปผาสีลูกท้อที่ปลิดปลิวเต็มพื้น จนมาถึงหน้าหอคอยที่อยู่ในส่วนลึก ของลานที่พัก
ด้านหน้าหอคอยมีเด็กสาวท่าทางสูงส่ง ใบหน้าสวยงามผู้หนึ่งยืนอยู่
สาวน้อยผู้นั้นสวมชุดกระโปรงมีจีบงามวิจิตร อยู่ในวัยแรกรุ่น แต่กลับมีใบหน้าสวยสดงดงามดั่งกระเบื้องเคลือบ มองเพียงปราดเดียวก็รู้เลยว่าดรุณีผู้นี้เหมาะเหลือเกินที่จะเรียกว่าองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ในนิทาน
“ท่านหญิง” จ้าวเฟิงรู้สึกคุ้นตาอย่างรวดเร็ว
ดรุณีที่อยู่เบื้องหน้า และสาวน้อยชุดม่วงที่บังเอิญเจอที่ป่าได้เลือนรางในความทรงจําเหมาะเจาะกันพอดี
ในตอนนั้น เป้าหมายของจ้าวเฟิงคือ วิหคนิลกาฬ” ส่วนพวกของนางเขามองผ่านๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจเท่านั้น
คิดไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยผู้นี้จะเป็นท่านหญิงของจวนอ๋องโหว หากจะพูดถึงความสัมพันธ์แล้ว ท่านหญิงผู้นี้และองค์ชายแปดน่าจะมีความสัมพันธ์แบบลูกพี่ลูกน้องกัน
“จ้าวเฟิง! เจ้าเป็นนักฝึกสัตว์ลึกลับคนนั้นที่ข้าต้องการหานั่นเอง”
ท่านหญิงยิ้มหวานแล้วเอ่ยอย่างดีใจ
ดูจากใบหน้าแล้ว คนทั้งสองน่าจะมีอายุอยู่ราวๆ สิบสี่สิบห้าปี ไม่น่าจะมีช่วงห่างระหว่างวัยมากนัก
เมื่อเห็นจ้าวเฟิงที่มีท่าทางตื่นตะลึงเล็กน้อย ท่านหญิงจึงละลักละล่ําแนะนําตัว “ข้าชื่อโจวอชิง”
โจวอรี่ชิง ท่านหญิงอรี่ชิง!
จ้าวเฟิงพยักหน้าอย่างตกตะลึง เขาไม่ได้สงวนท่าที่จนเกินไป แต่กลับดูสบายๆ
“อวี่ชิง เจ้ารู้จักกับจ้าวเฟิงได้อย่างไร?” องค์ชายแปดเอ่ยเสียงเรียบ
แต่เดิมเขาคิดจะจากไปแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าท่านหญิงอวี่ชิงเรียกพบจ้าวเฟิงจึงเปลี่ยนใจ
“ตอนที่อยู่ในป่าไร่เลือนราง…”
โจวอรี่ชิงเล่าเรื่องในขณะที่พบจ้าวเฟิงที่ป่าไร้ปราณี ว่าอีกฝ่ายจัดการ วิหคนิลกาฬ ได้สบายๆ ยังไงบ้างอย่าง ออกรส ท่าทางลิงโลดอยู่เล็กน้อย
ในขณะที่ฟัง แววตาขององค์ชายแปดเปล่งประกาย
“ดูๆ ไปแล้ว ขอบเขตความถนัดของจ้าวเฟิงน่าจะเป็นศาสตร์วิญญาณ!” มุมปากขององค์ชายแปดยกขึ้นเล็กน้อย
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตั้งใจอยู่ต่อ เพื่อที่จะทําความเข้าใจในขีดความสามารถของ “จ้าวเฟิง” ให้มากยิ่งขึ้น
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อองค์ชายแปดพบกับจ้าวเฟิงจึงมักจะระลึกถึง “ซินอู่เหิน” ผู้เก่งกาจราวปรมาจารย์ในความทรงจําคนนั้น
ซินอู่เหิน เป็นอัจฉริยะผู้เก่งกาจที่ปรากฏกายขึ้นในระยะหลายปีมานี้ของราชวงศ์ดินแดนทวีป
ด้วยพลังฝึกตนขั้นครึ่งก้าวสู่ราชัน ในระยะเวลาสั้นๆ ชินอู่เหินก็ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่สามสิบเก้าของรายชื่อ อัจฉริยะราชวงศ์ต้าเฉียน
รายชื่อราชวงศ์ต้าเฉียนมีห้าร้อยตําแหน่ง รวบรวมอัจฉริยะผู้สูงส่งจากแต่ละหนแห่งของราชวงศ์ต้าเฉียนเอา
หนึ่งร้อยลําดับแรกแทบจะถูกผูกขาดโดยราชวงศ์ ตระกูลชนชั้นสูงทั้งแปด และสํานักระดับสามสี่ดาว แต่ชินเหินไร้สํานักและตระกูล กลับใช้พลังฝึกตนในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชันทําให้ตนเองติดอยู่ในลําดับที่สามสิบกว่าได้
ในรายชื่ออัจฉริยะราชวงศ์สองร้อยลําดับต้น พลังฝึกตนของเขาอยู่ในลําดับปลายๆ ด้วยซ้ํา!
“ท่านหญิงอวี่ชิง ท่านให้ข้ามาที่จวนคงจะไม่ใช่เพียงแค่เพื่อพบปะกันเท่านั้นสินะ?”
จ้าวเพิ่งเปิดปากเอ่ย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น วงหน้าผุดผาดของท่านหญิงอวชิงก็แดงระเรื่อเพียงชั่วครู่ แล้วจึงเลือนหายไป
ณ ป่าได้เลือนรางในวันนั้น เด็กหนุ่มผมสีม่วงผู้ลึกลับ เพียงยกมือก็กําราบ “วิหคนิลกาฬ” ได้ ทําให้นางยากจะ ลืมเลือนไปได้อีกนาน
เรือนผมสีม่วงที่ปลิวไสวของบุรุษหนุ่มผู้นั้น ใบหน้าที่หล่อเหลา รวมไปถึงท่วงท่าเย็นชามักจะปรากฏขึ้นในหัวของนางเสมอ
ในฐานะที่เป็นดรุณีในวัยสิบสี่สิบห้าปี นางเองก็ชื่นชมวีรบุรุษเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับบุรุษ ที่อยู่ในช่วงอายุเดียวกัน แล้วยังหล่อเหลาลึกลับเช่นนี้
ในช่วงชีวิตนี้ จ้าวเฟิงมีใบหน้าที่หล่อเหลา เสน่ห์ของบุรุษที่แผ่กระจายออกมาทําให้สตรีตกหลุมรักได้ง่ายๆ
“จ้าวเฟิงที่ข้าเรียกหาเจ้าในครั้งนี้เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
ท่านหญิงอวี่ชิงเก็บอารมณ์ แล้วจึงปรับกิริยาให้สง่างามอย่างที่ผ่านมา ก่อนยิ้มแย้มน้อยๆ
“หืม?” องค์ชายแปดเกิดความสนใจ เรื่องที่จวนอ๋องโหวยังแก้ไขไม่ได้น่าจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา
เขาจะได้ฉวยโอกาสในครั้งนี้ ทําความเข้าใจขีดความสามารถของจ้าวเฟิงพอดี
“ดูสิ!” ท่านหญิงอวี่ซึ่งทําหน้าราวกับมีลับลมคมใน ขวดแก้วกึ่งโปร่งใสขวดหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ ในขวดแก้วมีดักแด้ตัวเล็กราวก้อนผลึกหยกตัวหนึ่ง ขนาดประมาณหัวแม่โป้ง แต่กลับมีปีกโปร่งแสงคู่หนึ่ง
ดักแด้ตัวเล็กนั้นเป็นเหมือนกับงานศิลปะจากหยกชิ้นหนึ่ง ลําตัวอวบอ้วน แต่กลับอยู่ในห้วงนิทรา กลิ่นอาย อ่อนแอจนยากจะสัมผัสได้
ถึงแม้จะมีขวดที่ทําจากวัสดุพิเศษบรรจุอยู่ ดักแด้น้อยซึ่งเป็นดังหยก ยังคงสาดชัดกลิ่นอายจากยุคบรรพกาลออกมาน้อยๆ
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกระโดดออกมายืนอยู่บนไหล่ของจ้าวเฟิง ดวงตากลมสุกใสกลอกไปมา
“ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน!”
เมื่อองค์ชายแปดเห็นดักแด้ตัวนี้ก็พูดไม่ออก
“อวี่ชิง! เหมือนว่านี่จะเป็นของสะสมของบิดาเจ้า เป็นดักแด้ในตํานานซึ่งอยู่ใน รายชื่อหมุนเผ่าพันธุ์โบราณ ไม่ใช่หรอกหรือ?”