บทที่ 815 รายชื่อจักรพรรดิลำดับที่เก้า
สองวันต่อมา หน้าน้ำตกที่เต็มไปด้วยทางน้ำคดเคี้ยว
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งและบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิ ปิดตาฝึกฝนจิต ผมสีม่วงของทั้งสองคนสะดุดตาอย่างยิ่งท่ามกลางคลื่นลม
“แก่นผลึกราชัน…จิตนทีเทพ…”
ในมือซ้ายขวาของจ้าวเฟิงปรากฏสมบัติล้ำค่าและทรัพยากรสองสิ่ง
ลูกกลมโปร่งแสงสีฟ้าหนึ่งในนั้นอับแสงลงไปสี่ห้าส่วน แก่นผลึกราชันกลับยังเหลือแสงสว่างมากกว่าครึ่ง
“รอให้ ‘จิตนทีเทพ’ ย่อยสลายทั้งหมดก่อน พลังฝึกตนของข้า บางทีอาจจะทะลวงผ่านขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงได้”
จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ
ในความเป็นจริงแล้ว ปราณที่แท้จริงภายในร่างของเขา สิ่งที่เพิ่มขึ้นก่อนคือคุณภาพ สิ่งที่เพิ่มต่อจากนั้นคือจำนวน คุณภาพของปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงในตอนนี้ แข็งแกร่งมากกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงต้นครึ่งหนึ่ง
ประโยชน์เช่นนี้คือ ในสถานการณ์ที่สำนึกรู้สูงส่งและลึกล้ำ การระเบิดของกำลังรบก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่า
ครึ่งวันต่อมา
“เอ๋?” จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเปิดตาออกแทบจะพร้อมๆ กัน
เครื่องประดับจมูกของหนานกงเซิ่งสั่นเล็กน้อย จมูกกระตุกติดต่อกันอยู่หลายครั้ง
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงหดเกร็งลง ทอดสายตาและสอดส่ายไปที่ไกลๆ
“คนเหล่านั้น…ยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ?”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขึ้นเล็กน้อย
บนใบหน้าของหนานกงเซิ่งปรากฏแววไม่สบอารมณ์
ในเวลานี้ พวกที่ตามล่าสังหารของสำนักเหล่านั้นยังไม่สำรวจพบสถานที่แห่งนี้
แต่พึ่งเพียงประสาทสัมผัสกับความสามารถของสิ่งของที่จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งมี ก็สามารถสัมผัสได้ก่อนล่วงหน้าและค้นพบร่องรอยของอีกฝ่าย
“จะกลับไปสังหารคนเหล่านั้นสักคนสองคนเพื่อเตือนไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างหรือไม่”
สีหน้าของหนานกงเซิ่งเย็นชา ตรารูปจันทร์เสี้ยวโลหิตม่วงบนหน้าผากของเขาเป็นประกายสว่างวาบ
จ้าวเฟิงส่ายศีรษะพลางเอ่ย “คนพวกนี้เคยเห็นความสามารถของพวกเรามาก่อน แถมยังกล้าไล่ตามมาอีก เห็นได้เลยว่าจะต้องมีที่พึ่งพา”
เมื่อเปรียบกันแล้ว เขาค่อนข้างจะเข้าใจมากกว่า
ก่อนอื่น พวกเขาเอาชนะจิวอู๋จี้เป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ บวกกับการต่อสู้แบบตัวต่อตัว และยังดูแคลนศัตรูอีกด้วย ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม พลังของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งยังไม่แข็งแกร่งพอ
นอกเสียจากว่ามีกำลังรบที่แกร่งกล้าในระดับขั้นเทียบเท่ากับจ้าวหยูเฟย จึงจะสามารถเอาชนะการล้อมโจมตีของจิวอู๋จี้และพวกราชันของเขา อีกทั้งไม่ต้องกลัวกลยุทธ์คนมาก
“ถอย!”
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเร้นกายเข้าไปในส่วนลึกของคุ้งน้ำที่สลับซับซ้อนภายใต้การปกคลุมของแสงสีเงิน
“จ้าวเฟิง เมื่อไหร่พวกเราถึงจะบุกทะลวงไปทั่วทิศโดยไม่ต้องหวาดกลัวอะไร?”
หนานกงเซิ่งเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้
พลังของผลึกปีศาจทำให้ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาด้วย
“รอให้ ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์’ ของข้าทะลวงผ่านขั้นที่ห้า และฟื้นฟู ‘พลังจักรพรรดิ’ ได้ประมาณห้าส่วนก่อนเถอะ… ถึงตอนนั้น พวกไล่ล่าสังหารเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่ฝูงมดปลวกเท่านั้น”
ในดวงตาของจ้าวเฟิงสว่างวาบ
เขาเปลี่ยนร่างถือกำเนิดใหม่ เข้ามาในมิติเทพลวงตา สิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุดก็คือผลประโยชน์ ในตอนนี้เสี่ยงเป็นศัตรูกับกองกำลังจำนวนมหาศาลพวกนั้น เรียกได้ว่าได้ไม่คุ้มเสีย
“พลังจักรพรรดิ?” หนานกงเซิ่งใจกายกระตุก
เดาได้เลยว่า เมื่อพลังจักพรรดิฟื้นฟูไปประมาณห้าส่วนแล้วนั้น บางที ‘เทพราชาดวงตาซ้าย’ อาจจะกลับมารุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้ง
แน่นอนว่าการฟื้นฟูของพลังจะเกิดขึ้นบนพื้นฐานของระดับขั้นดวงวิญญาณ
ในตอนนี้จ้าวเฟิงยังขาดสมบัติศาสตร์วิญญาณพวกนั้น สมบัติในศาสตร์วิญญาณทั่วๆ ไปไม่ได้ส่งผลมากนักต่อการฟื้นฟูดวงวิญญาณของเขาในตอนนี้
สวบ! แสงสีเงินที่คนทั้งสองอยู่ภายในค่อยๆ เข้าใกล้กลิ่นอายของ ‘มังกรวารีล้างโลกา’ ไปทีละนิด
“กลิ่นอายของมังกรวารีทมิฬตัวนี้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกที หลังจากที่มังกรตัวนี้ทำลายผนึกไปแล้ว เป้าหมายของมันเหมือนจะชัดเจนอย่างยิ่ง”
จ้าวเฟิงแย้มยิ้มเล็กน้อย
ในเวลานี้
ไม่เพียงแต่เขาที่สามารถไล่ตามมังกรวารีทมิฬ ประสาทสัมผัสทางการดมกลิ่นผ่านเครื่องประดับจมูกของหนานกงเซิ่งก็มีความสามารถเช่นนี้
ขณะเดียวกัน พลังของสัตว์อสูรที่คนทั้งสองประสบพบเจอในระหว่างทางก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
บางคราวจะเห็นกลิ่นอายของราชันในบรรดาฝูงสัตว์อสูรส่วนหนึ่ง และบางครั้ง จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งไม่อยากหาเรื่องยุ่งยาก จึงถึงขั้นยอมเดินทางอ้อมเสียด้วยซ้ำไป
สัวต์อสูรพวกนั้นมีพรสวรรค์และความสามารถที่ค่อนข้างพิเศษ หากปรากฏเป็นฝูง ต่อให้เป็นกองกำลังหนึ่งก็ยังไม่ควรจะเข้าใกล้
ในเวลาใดเวลาหนึ่ง
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งก็โบยบินมาถึงเขตเนินเขาที่กว้างใหญ่
“แย่แล้ว! หนานกงเซิ่งได้กลิ่นอะไรบางอย่างในฉับพลัน หน้าเปลี่ยนสีไป
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงอดสำรวจเนินเขาใต้ฝ่าเท้าไม่ได้
โครม! ทันใดนั้นเอง แรงดึงดูดมหาศาลที่ไร้ขอบเขตกลุ่มหนึ่งลอยมาจากพื้นที่เนินเขารอบบริเวณ
เลือดลมของคนทั้งสองปั่นป่วน ด้วยส่วนประกอบขั้นราชันในระดับลึกซึ้งของหนานกงเซิ่ง เรือนร่างล้วนแต่หนักอึ้งลง
หากเปลี่ยนเป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงทั่วไปแล้วละก็ คงจะร่วงลงกระแทกพื้นจนร่างกายแหลกลาญในทันที
โครม! เนินเขาใต้ฝ่าเท้าสั่นไหว ในฝุ่นละอองและก้อนหินที่ลอยคละคลุ้ง ‘สัตว์ประหลาดแห่งขุนเขา’ ขนาดใหญ่ราวภูเขาเผยกาย
เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขา จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเป็นเพียงเด็กน้อยเบื้องหน้ายักษ์ก็เท่านั้น
หากไม่ใช่ว่า ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ของจ้าวเฟิงใกล้จะถึงขั้นที่สี่ระดับสุดยอดแล้วละก็ เพียงแค่แรงดึงดูดกดดันที่มืดฟ้ามัวดิน ก็รุนแรงมากพอจะทำให้ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดที่อยู่ในขั้นเดียวกันกระอักเลือดจนตายได้
โฮก! สัตว์ประหลาดแห่งขุนเขาร้องคำราม ในแววตามีความขุ่นแค้น โบกเสาหินขนาดใหญ่ตรงดิ่งมาที่จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่ง
“รีบหลบเร็ว!”
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งรีบถอยร่นอย่างรวดเร็วในแสงสีเงินม่วง แต่ทว่า สัตว์ประหลาดแห่งขุนเขาหอบเอาอาณาเขตแรงดึงดูดหนึ่งมาด้วย คนทั้งสองเหมือนตกลงภายในบ่อโคลน ความเร็วลดลงฮวบฮาบ ถึงแม้จะเป็นพรสวรรค์มิติของหนานกงเซิ่งก็ยังถูกจำกัดด้วย
เปรี้ยง โครม!
เสาหินที่สัตว์ประหลาดแห่งขุนเขากวัดแกว่ง ทำให้พื้นที่เนินเขาดังกล่าวถูกตัดแยกออกเป็นร่องที่ลึกจนไม่เห็นก้น
“แก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์!”
ระลอกสีเงินทั่วร่างจ้าวเฟิงเต้นระยับ ในกำปั้นทะลักแก่นแท้พลังที่รุนแรงออกมา และยังห่อหุ้มด้วยกลุ่มเพลิงที่กำลังเผาไหม้ ปะทะไปยังร่างของสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขา ใจกลางฝ่ามือของหนานกงเซิ่งปรากฏลำแสงคลื่นมีดสีม่วงเงินฟันฉับลงไปบนร่างของมัน
พรึ่บ!
การโจมตีของแก่นแท้พลังและสายเลือดของจ้าวเฟิง เหมือนปะทะเข้าใส่กำแพงเหล็กกล้า สัตว์ประหลาดแห่งขุนเขาไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ทิ้งไว้เพียงรอยไหม้เส้นหนึ่งก็เท่านั้น
ตูม! การโจมตีของหนานกงเซิ่งทำได้เพียงตัดเศษหินร่วงหล่นจากร่างของสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขา แรงป้องกันและคุณสมบัติร่างกายที่น่ากลัวนั้น ทำให้คนทั้งสองต้องสูดหายใจลึก
“ที่แท้ก็เป็นราชันแห่งขุนเขา”
เบื้องหลังของจ้าวเฟิงงอกปีกแสงที่เป็นกระแสวายุอัสนี รองเท้าโบราณสีฟ้าใต้เท้าของตนก็สาดกลุ่มแสงเพลิงสีเขียวเส้นหนึ่ง
เปรี้ยง! ร่างของจ้าวเฟิงโบยบินออกไปในทันทีเพื่อหนีออกจากใจกลางพื้นที่แรงดึงดูดของ ‘ราชันแห่งขุนเขา’
เปรี้ยง——
พื้นที่ที่จ้าวเฟิงหายตัวไปถูกเสาหินขนาดใหญ่ฟาดลงไปอย่างรุนแรงจนแหลกละเอียด ต่อให้เป็นเรือนกาย-ของขั้นราชันก็ยังต้องโดนทำลายจนกลายเป็นก้อนเนื้อเท่านั้น
พรึ่บ! ในเวลาเดียวกัน หนานกงเซิ่งจึงเรียกเคล็ดวิชามิติและหนีไป
ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นราชันทั่วไป มีความเป็นไปได้ว่าจะเสียชีวิตทันที โชคดีที่คนทั้งสองไม่เหมือนคนทั่วไป
“ ‘ราชันแห่งขุนเขา’ ขั้นราชันตนนี้ พลังป้องกันแทบจะไร้เทียมทานเมื่ออยู่ในหมู่ขั้นเดียวกัน…”
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งไปรวมตัวอยู่ในขอบฟ้าที่ไกลลิบ
ในตอนนั้น ณ ตำหนักยอดนภา จ้าวเฟิงก็เคยเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตคล้ายคลึงกันกับสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขา แต่ระดับสายเลือดต่ำอยู่บ้าง เป็นเพียงแค่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด แต่สำหรับจ้าวเฟิงในตอนนั้น สัตว์ประหลาดแห่งขุนเขาในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดก็ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้เทียมทานแล้ว
โฮก! ราชันแห่งขุนเขาตัวนั้นแววตาเคียดแค้นยืนอยู่บนพื้นแถวๆ นั้น
ทั้งสองตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
คนทั้งสองค้นพบว่าไกลออกไปหลายสิบลี้มีศพของสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขากองหนึ่ง
‘ราชันแห่งขุนเขา’ ที่เป็นศพพวกนั้น หากจะนับเรื่องขนาด มีซากศพไม่น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวที่อยู่เบื้องหน้า
“เกรงว่าสี่ถึงห้าส่วนของศพพวกนี้จะมี ’ราชันแห่งขุนเขา’ ถูกสังหารลงในคราวเดียว…”
หนานกงเซิ่งมีสีหน้าตื่นตะลึง
ถ้าหากว่าจะสังหารราชันแห่งขุนเขาตัวหนึ่ง เกรงว่าคนทั้งสองร่วมมือกันก็ยังต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนจำนานมก
“ดูจากบาดแผลแล้ว มีคนลงมือแค่คนเดียว อีกทั้งยังจัดการอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด”
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงตรวจตราเรียบร้อยแล้ว จึงได้ข้อสรุปออกมา
ข้อสรุปเช่นนี้ทำให้หนานกงเซิ่งจิตใจสั่นไหวอยู่ไม่น้อย
คนผู้หนึ่งจัดการราชันแห่งขุนเขาสี่ห้าตนได้อย่างรวดเร็ว พลังของคนผู้นั้นจะอยู่ในระดับขั้นไหนกัน?
“คนลงมือน่าจะมีกำลังรบเทียบเท่ากับจักรพรรดิเป็นอย่างน้อย”
จ้าวเฟิงวิเคราะห์ลึกเข้าไปอีก
หลังจากนั้น จ้าวเฟิงจึงพบร่องรอยเท้ามนุษย์คู่หนึ่งแถวนั้น เมื่อตรวจสอบต่อจึงพอจะจำแนกได้ว่า ผู้ที่ลงมือเป็นไปได้ว่าจะเป็นผู้มาเยือนจากโลกภายนอกที่เข้ามาในมิติเทพลวงตา
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนผู้นี้จะมีเป้าหมายเหมือนพวกเรา” หนานกงเซิ่งสีหน้าตึงเครียด
คนทั้งสองไล่ตามต่อไปอีกครู่หนึ่ง หนานกงเซิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของคนผู้นั้น เหมือนว่าก็กำลังไล่ตามมังกรวารีทมิฬ อยู่เช่นกัน
แต่ว่านี่ก็ถือว่าสมเหตุสมผล กำลังรบของคนผู้นั้นเทียบเท่ากับจักรพรรดิ ย่อมมีความสามารถสูงส่งและใจกล้า
ชวิ้ง สวบ!
คนทั้งสองไล่ตามไปเรื่อยๆ ไม่ได้ถอดใจในการไล่ตามมังกรวารีล้างโลกาแต่อย่างใด
และในเวลานี้เอง
สวบ! อีกฟากหนึ่งของหุบเขา ปรากฏคมกระบี่สายฟ้าที่สว่างแสบตาโค้งวนมา
“เอ๊ะ?” จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่าจิวอู๋จี้มากกว่าหนึ่งขั้นขึ้นไป
กลิ่นอายพลังฝึกตนของผู้มาเยือนใกล้ราชันระดับสุดยอด
“เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อยู่ด้านหน้ายังไม่รีบๆ ไปอีก……”
ในคมกระบี่ลายสายฟ้า ปรากฏชายหนุ่มผู้ผู้องอาจในชุดนักรบสีม่วงคราม ในมือกำกระบี่อัสนีสีเขียวครามด้ามหนึ่งเอาไว้
เพียงแค่กระบี่อัสนีครามในมือของเขา ทั้งกลิ่นอายและระดับขั้นล้วนแต่ไม่ด้อยไปกว่ากระบี่ฟ้าดินของหนานกงเซิ่ง
จ้าวเฟิงแอบรู้สึกได้ว่าใบหน้าของชายผู้นี้ดูแล้วคุ้นตาอย่างยิ่ง
เปรี๊ยะ!
ชายหนุ่มในชุดรบสีม่วงครามแหวกอากาศมา ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อย มุมปากปรากฏคราบเลือด สถานการณ์ดูไม่ดีนัก
“หนีไป ทำไมกัน?”
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งสีหน้าแปลกประหลาด
แต่ว่ากลิ่นอายพลังของอีกฝ่ายและอาวุธบนร่างทำให้คนทั้งสองต้องระแวดระวัง
เปรี้ยง! แล้วในทันใดนั้นเอง แรงดึงดูดที่ไร้รูปร่างในบริเวณเนินเขาด้านล่าง ก็ปะทะเข้าใส่ร่างของชายหนุ่มที่กำลังบาดเจ็บอยู่
“ราชันแห่งขุนเขา?”
ชายชุดนักรบสีม่วงครามหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ที่แท้ ในขณะที่เขาหยุดชะงักเพื่อตักเตือนพวงกของจ้าวเฟิง ก็โดนโจมตีจากราชันแห่งขุนเขาที่อยู่ด้านล่าง
“คมดาบเก้าอัสนี!”
กระบี่อัสนีครามในมือของชายชุดนักรบลากคมดาบอัสนีสายฟ้าที่น่ากลัวเส้นหนึ่งออกมา ท้องฟ้ามืดมิดถูกคมกระบี่แสงอัสนีที่สว่างเจิดจ้าปกคลุมเอาไว้
แคร่ก!
‘ราชันแห่งขุนเขา’ ตัวใหญ่ยักษ์เบื้องล่างโดนตัดออกเป็นสองท่อน เกิดรอยไหม้เต็มไปหมด
“เป็นพลังที่แข็งแกร่งนัก!”
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งสบตากันเล็กน้อยอย่างตื่นตกใจ
ชายชุดนักรบสีม่วงครามเป็นอัจฉริยะของสำนักใดกันแน่ ถึงมีกำลังรบที่น่ากลัวขนาดนี้?
“ ‘เว่ยจิ้ง’ อยู่ในลำดับที่เก้าของรายชื่อจักรพรรดิ เป็นอัจฉริยะต่างเผ่าพันธุ์ของราชวงศ์จันทราทมิฬ เขาได้ไล่ตามมาแล้ว พวกเจ้าสองคนรีบกระจายตัวหนีออกไปเถอะ หากไม่เช่นนั้นแล้วจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
ชายชุดนักรบสีม่วงครามเช็ดคราบเลือดบริเวณมุมปาก แล้วจึงกลายร่างเป็นคมกระบี่สายฟ้าแหวกอากาศจากไป
รายชื่อจักรพรรดิที่เก้า…เว่ยจิ้ง?
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งแน่ใจว่าชายชุดนักรบสีม่วงผู้นี้โดนไล่ล่าสังหารเช่นกัน
แต่ทิศทางที่ชายชุดนักรบสีม่วงครามผู้นั้นหนีไป เป็นคนละทิศกับมังกรวารีล้างโลกาพอดิบพอดี
และในเวลานี้เอง
บนท้องฟ้าที่ไกลออกไป ฝนพรำสีฟ้าจางร่วงหล่นมาพร้อมกับสายฟ้าและอัสนีที่เกี่ยวกระหวัดกัน
“ฮ่า ฮ่า… องค์ชายเก้า! ดูว่าเจ้าจะหนีไปที่ไหนกัน!”
ในฝนพรำปรากฏชายหนุ่มต่างเผ่าพันธุ์รูปร่างสูงใหญ่มีเกล็ดสีฟ้าขึ้นรางๆ
“อ๊าก อ๊าก อ๊าก…”
ภายใต้สายฝนสีฟ้ายังมีสมาชิกของราชวงศ์ที่โดนไล่ล่าจนหนีหัวซุกหัวซุน เปล่งเสียงร้องโหยหวน
อัจฉริยะยอดฝีมือส่วนหนึ่งร่างกายถูกแช่แข็งเมื่อปะทะเข้ากับสายฝนพรำ จากนั้นจึงหลอมละลายกลายเป็นน้ำไป