Skip to content

King of Gods 82

King Of Gods

บทที่ 82 : เจ้าเมืองกว่านจวิน

ปึก! ปึก!

เสียงฝีเท้าทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มสาวบีบคั้น มีเพียงองครักษ์สามที่ยืนนิ่งสีหน้าไร้อารมณ์

แคร่กกก!

ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสามร่างที่ก้าวเข้าไปภายใน

ผู้ที่เดินนำเข้ามานั้นเป็นชายหนุ่มที่ค่อนข้างหล่อเหลา ดวงตาใสกระจ่างและมีกลิ่นอายเฉียบคม

“นั่นเขา…”

จ้าวเฟิงพบว่าเขารู้จักอีกฝ่าย

เพ้ย!

ความประหลาดใจแล่นวาบในแววตาของจ้าวหยูเฟ่ย คนผู้นี้คือผู้ที่นำพวกเขามาจากเมืองประกายอรุณ เย่หลินเหลียน เบื้องหลังเย่หลินเหลียนเป็นเด็กหนุ่มสองคน หนึ่งคนแย้มยิ้มขณะที่อีกหนึ่งนั้นไร้อารมณ์

หนานกงฟั่น! เป่ยโม่ย!

เฟิงฮันเยว่และเหล่ยเฮารู้สึกได้ถึงหัวใจที่กระตุก

เหตุใดพวกเขาจึงมากัน?

จ้าวเฟิงรู้สึกตื่นตะลึง เขาได้พูดคุยกับหนานกงฟั่นและเป่ยโม่ยมาก่อน ดังนั้นเขาจึงรับรู้ถึงความน่าหวาดกลัวของทั้งสอง โดยเฉพาะเป่ยโม่ยที่อยู่ในขั้นสุดยอดของขั้นแปดและสามารถจัดการผู้ฝึกตนขั้นเก้าได้

ประกายของสิบองครักษ์ฟ้าดูหมองหม่นเมื่อเทียบกับทั้งสอง

“ศิษย์น้องเย่ก็อยู่ที่นี่ด้วย” องครักษ์สามทักทายเย่หลินเหลียน

จ้าวเฟิงพบว่าที่นั่งของเย่หลินเหลียนนั้นกระทั่งอยู่หน้าองครักษ์สาม

“จอมยุทธ์เย่ก็เป็นศิษย์ของเจ้าเมืองกว่านจวิน?” จ้าวเฟิงนิ่งงันไป

ในตอนนั้นเองที่เขาเห็นเย่หลินเหลียนมองมาทางเขา ชัดเจนว่าอีกฝ่ายตั้งความหวังกับเขาไว้อย่างมาก

“ท่านเจ้าเมืองกว่านจวินจะออกจาการปิดด่านฝึกตนในเวลานี้เพื่อรับศิษย์หลักหนึ่งหรือสองคน เราไม่มีโอกาสแล้ว” เย่หลินเหลียนและองครักษ์สามพูดคุยกัน

ศิษย์หลัก?

สีหน้าสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งสิบ

“ไม่มีสิ่งใดแปลก จอมยุทธ์เย่ หนานกงฟั่น และข้า ล้วนเป็นเพียงศิษย์สายนอก มีเพียงเป่ยโม่ยที่เป็นศิษย์หลัก” องครักษ์สามเอ่ยอธิบาย

ศิษย์สายนอก!

คลื่นความตื่นตะลึงท้วมท้นในหัวใจของสิบองครักษ์ฟ้า

เย่หลินเหลียนและองครักษ์สามล้วนอยู่ในขั้นเก้าทว่าเป็นได้เพียงศิษย์สายนอก!? หนานกงฟั่นได้เข้าสู่ขั้นแปดด้วยอายุเพียงนี้แต่ก็ยังเป็นเพียงศิษย์สายนอก?

มีเพียงเป่ยโม่ยที่เป็นศิษย์หลักของเจ้าเมืองกว่านจวิน

“เป่ยโม่ยนั่นแก่กว่าข้าเพียงปีเดียว ทว่ากลับเข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นแปด ทั้งยังจัดการผู้ฝึกตนขั้นเก้าได้ มีเพียงสุดยอดอัจฉริยะเช่นเขาที่สามารถเป็นศิษย์หลักของเจ้าเมืองกว่านจวินได้…” จ้าวเฟิงสูดลมหายใจเย็นเยียบ

ด้วยความแข็งแกร่งของเป่ยโม่ยนั้น เขาสามารถเอาชนะทุกคนในเมืองประกายอรุณได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเป็นผู้มีฝีมือชั้นแนวหน้าของนครหลวงเช่นกัน ทว่าอัจฉริยะเช่นเขากลับเป็นคู่แข่ง

เมื่อเหล่าเด็กหนุ่มสาวมองไปยังเป่ยโม่ย ดวงตาก็หม่นแสงลง หากเป็นสิบปีที่แล้ว พรสวรรค์ของหนานกงฟั่นและเฟิงฮันเยว่ย่อมเป็นอันดับหนึ่งในรุ่น ทว่าเป่ยโม่ยนั้นปรากฏตัว อัจฉริยะผู้อื่นจึงซีดเซียวลงแทน

ในเวลาหนึ่ง ทุกคนล้วนมองไปยังเป่ยโม่ยด้วยความอิจฉา ริษยา และจนใจ

“ท่านองครักษ์สาม อาจารย์ได้สั่งให้นำสิบองครักษ์ฟ้าไปยังหอจิตวิญญาณการต่อสู้”

ผู้ที่เข้ามานั้นเป็นกองกำลังกว่านจวินที่คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น มีคนทั้งหมดสิบแปดคนในกองกำลังกว่านจวิน ทว่าสามอันดับแรกนั้นล้วนเป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง

“หอจิตวิญญาณการต่อสู้?” เย่หลินเหลียนและองครักษ์สามสบตากัน มองเห็นความสงสัยจากแววตาของอีกฝ่าย

หอจิตวิญญาณการต่อสู้นั้นเป็นสถานที่สำคัญในตำหนักกว่านจวิน ทั้งยังเป็นสถานที่ที่เจ้าเมืองกว่านจวินใช้ในการฝึกตน โดยปกติแล้วจะไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเว้นเสียแต่จะถูกเรียก

“ดูเหมือนว่าอาจารย์จะตัดสินใจรับศิษย์เข้าจำนวนหนึ่ง นี่นับเป็นโอกาสใหญ่สำหรับพวกเจ้าทุกคน” เย่หลินเหลียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึมขณะลุกขึ้นยืนและนำทาง

สิบองครักษ์ฟ้ารับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่าง ทว่าพวกเขารู้ว่านี่นับเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขา

“สามปีก่อน ศิษย์น้องเป่ยโม่ยและข้าไปยังหอจิตวิญญาณการต่อสู้ด้วยกัน ทว่าข้ากลับกลายเป็นเพียงศิษย์สายนอก ขณะที่เขากลายเป็นศิษย์หลัก…” หนานกงฟั่นสูดลมหายใจลึกและเหลือบมองเป่ยโม่ยที่อยู่ข้างกาย

เป่ยโม่ยยืนนิ่งสีหน้าไร้อารมณ์ เมื่อกลับไปก่อนหน้าหนานกงฟั่นก็ไม่อาจจดจำได้ว่ามันถูกตัดสินใจด้วยอันใด ทว่านับแต่วันนั้น โชคชะตาของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขากลายเป็นศิษย์ของเจ้าเมืองกว่านจวิน แม้จะเป็นเพียงศิษย์สายนอก พวกเขาก็ยังได้รับทรัพยากรล้ำค่าเพื่อช่วยในการฝึกตนอย่างมากมาย

ไม่ช้า

ทั้งหมดได้มาถึงหน้าหอเก่าแก่สีเงินเทา หอนี้ดูคล้ายกับว่างเปล่าและตายลงแล้ว

เข้าไปภายในไม่ปรากฏสิ่งมีชีวิตใดๆ ทว่าจ้าวเฟิงกลับรู้สึกได้ถึงกองกำลังกว่านจวินราวๆ สามสี่คนหากเขาเปิดดวงตาของเขาออก

“อาจารย์ พวกเขามาแล้ว” เย่หลินเหลียนยืนที่ประตู ท่าทางเต็มไปด้วยความนบนอบ

“เข้ามา” เสียงดังขึ้นจากส่วนลึกของหอ เสียงนั้นราวกับผ่านเมฆา ไร้ซึ่งความตั้งใจจะสร้างความตกใจให้พวกเขา ทว่าก็ยังคงทำให้ผงะไป

สิบองครักษ์ฟ้ากลั้นหายใจ ทุกๆ ย่างก้าวที่เดินเข้าไปนั้นราวกับกำลังไปยังสวรรค์

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นและความอบอุ่นที่แพร่กระจายจากดวงตาซ้ายไปทั่วร่าง ในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะเปิดดวงตาซ้ายของเขาออกเพราะความรู้สึกที่โดนเฝ้ามองทุกๆ การเคลื่อนไหวนับตั้งแต่ก้าวเข้าไปภายใน

ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!

กลุ่มเด็กหนุ่มสาวเดินเข้าไปอย่างอึดอัด แม้แต่เป่ยโม่ยและหนานกงฟั่นต่างก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ใจกลางห้องโถงกว้างนั้น คนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนฟูก หากคนไม่ได้เห็นด้วยตาของพวกเขาเอง พวกเขาอาจไม่รู้ว่ามีบางคนอยู่ที่นี่

ร่างที่นั่งอยู่บนฟูกนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดสีทองและเงินซึ่งไม่มีกลิ่นอายใดๆ เลยแม้แต่น้อย ราวกับเขาเป็นเพียงคนธรรมดา ยากที่จะเชื่อว่าคนเช่นนี้จะเป็นเจ้าเมืองกว่านจวินในตำนาน

“อาจารย์ สิบองครักษ์ฟ้าอยู่ที่นี่แล้ว” องครักษ์สามเอ่ยขณะค้อมคำนับ

“ดี!” เจ้าเมืองกว่านจวินผงกศีรษะ เปิดเปลือกตาและโบกมือของเขา

วินาทีที่เขาเปิดเปลือกตาออก เหล่าเด็กหนุ่มสาวต่างโดนดึงดูดด้วยมหาสมุทรอันไร้ที่สิ้นสุดภายในนั้น จ้าวเฟิงมีความรู้สึกราวกับการกระทำทั่วไปของอีกฝ่ายนั้นดูเหมือนจะกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม เพียงการโบกมือธรรมดาก็ราวกับราชาที่ส่งสัญญาณให้พวกเขานั่งลง

เย่หลินเหลียน องครักษ์สาม เป่ยโม่ย และหนานกงฟั่นนั่งลงใกล้ๆ เจ้าเมืองกว่านจวิน ในขณะที่เด็กหนุ่มสาวอีกสิบคนนั้นนั่งบนฟูกตามอันดับของพวกเขา

คนแรกนั้นคือเฟิงฮันเยว่ คนที่สองคือเหล่ยเฮา คนที่สามลู่เซียวเหลียน… คนที่สิบจ้าวเฟิง

“อาจารย์ มีอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์บางคนในกองพันองครักษ์ฟ้า” องครักษ์สามพึมพำ

เจ้าเมืองกว่านจวินมีสีหน้าไร้อารมณ์ขณะที่กวาดตามองสิบองครักษ์ฟ้าอย่างไม่ตั้งใจ

อ๊า!

เด็กหนุ่มสาวทั้งสิบรู้สึกราวกับร่างถูกฟ้าผ่า

ในเสี้ยวพริบตา

เจ้าเมืองกว่านจวินได้เห็นระดับพลังการฝึกตนของทั้งหมด

จ้าวเฟิงนั้นมีความรู้สึกว่าแม้ด้วยวิชากลืนวนาลัยของเขาที่เข้าสู่ขั้นหลอมรวมก็ไม่อาจปกปิดพลังฝึกตนของเขาจากสายตาของอีกฝ่ายได้

“แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้ามาก ทว่าไม่มีผู้ใดมีโอกาสที่จะได้เป็นศิษย์หลักของข้า” เจ้าเมืองกว่านจวินเอ่ยสีหน้าไร้อารมณ์ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องธรรมดาสามัญ แต่จ้าวเฟิงก็ยังได้เห็นแววตาผิดหวังของอีกฝ่าย

เฮือก!

ทั้งสิบรู้สึกราวกับร่วงหล่นลงไปในนรก อีกฝ่ายเอ่ยว่าไม่มีอัจฉริยะคนใดเข้าตาเขาเลยแม้แต่ผู้เดียว

“เป็นไปได้อย่างไร!?” เย่หลินเหลียนและองครักษ์สามต่างตื่นตะลึงและเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ในสายตาของพวกเขา แม้ทั้งสิบจะไม่ใช่สัตว์ประหลาดเช่นเป่ยโม่ย แต่ยังคงมีอัจฉริยะเช่นเฟิงฮันเยว่และจ้าวเฟิงที่ต่างเข้าสู่ขั้นเจ็ดทั้งอายุยังน้อย

“อาจารย์ ท่านจะมั่นใจได้อย่างไรหากไม่ทดลอง…?” เย่หลินเหลียนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“ใช่ขอรับ เฟิงฮันเยว่ได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นเจ็ด และจ้าวเฟิงนั้นมีความจำที่ดีกว่าเป่ยโม่ย” องครักษ์สามเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ

อย่างไรก็ตาม อัจฉริยะทั้งหมดนี้ต่างเป็นผู้ที่เขาเลี้ยงดูขึ้นมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version