บทที่ 902 ไล่ตาม
ณ ทะเลหมอกแห่งความว่างเปล่า
ปีกวายุอัสนีสีชาดกลางหลังของเด็กหนุ่มผมสีม่วงมีขนาดใหญ่นับร้อยจั้ง
ปีกวิหคเพลิงที่ร้อนแรงดั่งเปลวไฟโบกสะบัดไปมาอย่างมีชีวิตชีวา ไอความร้อนจากวายุอัสนีธาตุไฟทำให้หมอกควันที่กินพื้นที่นับพันนับหมื่นลี้สลายหายไป
ฟู่~ ลมหายใจของจ้าวเฟิงค่อยๆ สงบลง สีหน้าเรียบนิ่งมีทีท่าระมัดระวัง
รวมปีกวายุอัสนีเข้ากับวายุอัสนีธาตุไฟ ส่งผลให้การบินของเขาดีขึ้นในระดับหนึ่ง เมื่อใช้พลังปีกอัสนีผ่านฟ้า ระยะห่างของการข้ามผ่านฟ้าก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี้เกินกว่าที่จ้าวเฟิงคาดการณ์เอาไว้เสียอีก
แต่ยามนี้จ้าวเฟิงกลับไม่มีเวลาได้คิดอะไรมาก เพราะต้องรีบฟื้นฟูบาดแผลบนร่างกายและไอสวรรค์ที่สูญเสียไป
เมื่อคิดถึงการต่อสู้ในช่วงสั้นๆ ก่อนหน้านี้กับ ‘เจ้าลัทธิมารนิรย’ จ้าวเฟิงรู้สึกหนักใจ หากไม่เป็นเพราะตัวเขายอมเผาผลาญแก่นสำคัญและเลือดของชีวิต ฝืนยกระดับเพลิงมารโลหิตกับกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขึ้นแล้วละก็ คงไม่เพียงแค่บาดเจ็บแล้วหนีมาได้ง่ายๆ เช่นนี้เป็นแน่
“หากปะทะกันซึ่งๆ หน้า ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของระดับเซียนแน่ เพราะเพียงแค่เข้าไปใกล้ ข้าก็จะถูกกฎเกณฑ์แห่งโลกมิติส่วนตัวของจ้าวลัทธิมารเก้านิรยเข้าควบคุม หรือกระทั่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ครั้งนี้เป็นเพราะจ้าวลัทธิมารเก้านิรยพลั้งเผลอหรอก ข้าจึงสามารถหลุดออกจากพันธนาการของมิติส่วนตัวนั้นมาได้”
จ้าวเฟิงถอนหายใจยาว
เพราะข้อแตกต่างของระดับพลังที่ห่างกันมากเกินไป จึงจำเป็นต้องใช้วิธีที่พิเศษอย่างยิ่ง
ฟิ้ว ฟู่…
ชั่วขณะนั้นเอง ลำแสงสีดำสายหนึ่งทะยานเข้าใกล้จ้าวเฟิงดุจอัสนีบาต พร้อมด้วยพลังสายมารที่สะเทือนทั่วทิศ กวาดล้างทำลายทุกสิ่งอย่างไม่เกรงกลัวผู้ใด
ในความเป็นจริงแล้ว หากเป็นความเร็วปกติ จ้าวเฟิงยังมิอาจเทียบเคียงกับเซียนเทวาเร้นลับได้เลยแม้แต่น้อย
จ้าวเฟิงได้เปรียบที่ปีกวายุอัสนีสามารถแสดงวิชาปีกอัสนีผ่านฟ้า ความเร็วในการบินข้ามมิติถึงขีดสูงสุด แต่ถึงกระนั้น หากคิดจะสลัดเซียนเทวาเร้นลับให้หลุดก็เป็นเรื่องที่ยากอยู่เช่นกัน
ฟิ้ว!
“ผู้เยาว์ เจ้าจะหนีไปไหน!”
จากใจกลางเงาลำแสงทมิฬ มีพลังลำแสงดำมืดจากเทวาเร้นลับสายมารสายหนึ่งพุ่งแยกออกมา เพียงพริบตาเดียวก็ตรงเข้ามาโดยไม่แยแสสิ่งใด พลังสายมารที่ทรงพลังเกินจะเปรียบพุ่งเข้ามา ทำให้ปีกวายุอัสนีสีชาดของจ้าวเฟิงบิดเบี้ยวไปบ้าง ราวกับโดนกดทับไว้ จึงทำให้ความเร็วตกลง บินได้ช้าลง
ปีกอัสนีผ่านฟ้า!
จ้าวเฟิงไร้ซึ่งความลังเล บินทะยานหนีอีกครั้ง แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสายฟ้าแล้วหายวับไปในท้องฟ้า
“เคล็ดวิชาลับนี่อีกแล้วรึ ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะใช้มันได้อีกสักกี่ครั้ง!”
เจ้าลัทธิมารนิรยแค่นเสียงเย็นเยียบ ก่อนจะเงยหน้าอย่างฉับพลัน
เห็นเพียงลูกธนูแสงที่ห่อหุ้มด้วยอัสนีและพายุคลั่ง ลุกไหม้สว่างพร่างพราย พุ่งเข้าปะทะจ้าวลัทธิมารเก้านิรยโดยไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างแม่นยำ
ครืน!
ห่างออกไปหมื่นลี้ จ้าวเฟิงเก็บธนูเหนือนภา ก่อนจะเอ่ยอย่างเรียบเฉย “ไม่ค่อยได้ผล”
ลูกธนูดอกนั้นไม่เพียงแต่รวมเอาไว้ซึ่งพลังโลหิตเพลิงและอัสนีสีชาดที่เพิ่งฝึกสำเร็จเท่านั้น ยังมีพลังอัสนีเทวะที่ไม่ดับสลายปะปนอยู่ด้วย
เมื่อโจมตีแล้ว จ้าวเฟิงจึงรีบบินทะยานอีกครั้ง
“ผู้เยาว์ เจ้าทำแบบนี้รังแต่จะทำให้เจ้าตายอย่างทรมานยิ่งขึ้น!”
กลางพายุคลั่งที่เกิดจากการผสานของอัคคีและอัสนี ลำแสงสีดำทมิฬพลันพุ่งออกไป ลำแสงมารและพลังเซียนอันท่วมท้นทำให้ทั่วทั้งผืนฟ้าสั่นสะเทือน
ผืนปฐพีด้านล่างถูกพลังมหาศาลจากขั้นเซียนกดอัดจนเกิดเป็นหลุมลึกขนาดยักษ์ ผู้ฝึกตนจำนวนไม่น้อยร่างดับสลายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ราชันปราณเทวะที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นก็ไม่อาจที่จะขัดขืนได้ ต่างล้มลงบนพื้น ส่วนผู้ที่อยู่ขั้นต่ำกว่านั้นไร้ซึ่งสติไปในทันที
“นี่เซียนเทวาเร้นลับผู้มิสนใจเรื่องราวของโลกภายนอกรึ?”
“แต่กลิ่นอายที่บินผ่านไปเมื่อครู่ อย่างมากก็แค่จักรพรรดิไร้เทียมทานเท่านั้น!” ผู้เฒ่าที่สีหน้าซีดเผือดร้องอย่างตระหนก
………
ธนูแสงอัสนีสีชาดพุ่งเข้าใส่จ้าวลัทธิมารเก้านิรยอีกครั้ง ทำให้เกิดพลังระเบิดขึ้นอย่างน่าสะพรึง
“เจ้าเด็กไร้ยางอาย!” จ้าวลัทธิมารเก้านิรยคำรามอย่างโกรธแค้น
ทุกครั้งที่จ้าวลัทธิมารเข้าใกล้จ้าวเฟิงเป็นต้องโดนโจมตีเช่นนี้ตลอด
เมื่อถึงขั้นเซียนที่วิญญาณและกายเนื้อหลอมรวมกันจนถึงระดับสูงแล้ว ลำดับขั้นของชีวิตจะแปรสภาพไปจนเหนือคนธรรมดา คล้ายกับสภาพร่างกายอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์วิญญาณ พลังฟื้นฟูแข็งแกร่ง สามารถรับการโจมตีซึ่งมองข้ามชั้นกายเนื้อภายใต้สถานการณ์ที่ระดับพลังแตกต่างกันมากได้โดยตรง
แต่สายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบและพลังอัสนีเทวะของจ้าวเฟิง สามารถเข้าควบคุมร่างของขั้นเซียนได้พอควร
เพลิงสุริยันที่เผาไหม้เลือดลมและพลังปราณของเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์ เมื่อปะทะกับจ้าวลัทธิมารเก้านิรยก็ส่งผลให้เกิดการ ‘ระเบิด’ ได้โดยตรง เพียงแต่น่าเสียดายที่ขอบเขตพลังของทั้งสองห่างกันมากเกินไป ไฟสุริยันของเพลิงมารโลหิตจึงถูกกดข่มไว้โดยสมบูรณ์ แต่ถึงแม้ว่าพลังอัสนีเทวะจะโจมตีได้ไม่รุนแรง แต่ก็ไม่มอดดับ หากเผาผลาญต่อไปเรื่อยๆ ก็สามารถทำให้จ้าวลัทธิมารเก้านิรยบาดเจ็บเล็กน้อยได้เช่นกัน และสิ่งที่ทำให้จ้าวลัทธิมารอับจนหนทางก็คือ การโจมตีของธนูแสงอัสนีสีชาดนั้นมีทิศทางประหลาด แต่กลับเล็งเป้าหมายมายังเขาอย่างแม่นยำ หากคิดจะหลบจากการโจมตี จะต้องทิ้งระยะห่างจากจ้าวเฟิงอีกครั้ง
จ้าวลัทธิมารเก้านิรยมีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่นึกไม่ฝันว่าหลังจากออกจากการปิดด่านบำเพ็ญนับร้อยปี ศึกแรกที่เจอจะเป็นเช่นนี้ ซ้ำร้ายยังถูกเด็กรุ่นหลังในขอบเขตปราณเทวะช่วงกลางทำร้ายเอาได้
“อีกแล้วรึ!”
สีหน้าจ้าวลัทธิมารเก้านิรยเกรี้ยวกราด ฝ่ามือหนึ่งยกขึ้นวาด พลังเทวาเร้นลับสีดำทมิฬมากมายมหาศาลก็โหมขึ้นตั้งรับ
ครืน!
จ้าวลัทธิมารเก้านิรยตกตะลึงเล็กน้อย สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นพลังมารเทวาเร้นลับของตนถูกธนูแสงอัสนีสีชาดพุ่งผ่านไปบางส่วน
พลังเทวาเร้นลับของเขาพุ่งสู่ท้องฟ้า แต่เศษเสี้ยวจากธนูแสงอัสนีสีม่วงที่เหลืออยู่กลับพุ่งตรงมายังวิญญาณของเขา
เฮือก!
“น่ารังเกียจนัก ภายใต้ธนูอัสนีสีชาด กลับซ่อนการโจมตีพลังวิญญาณไว้รึ!”
กายเนื้อของจ้าวลัทธิมารเก้านิรยสั่นไหว พลางกล่าวด้วยความคับแค้น
ท่ามกลางการโจมตีจากพลังของเซียนเทวาเร้นลับ ก็แอบซ่อนการจู่โจมในชั้นวิญญาณไว้ส่วนหนึ่ง และถูกจ้าวเฟิงโจมตีวิญญาณเข้าอย่างจัง
ในชั่วขณะที่ไม่ได้ป้องกัน บาดแผลส่วนใหญ่เขาได้รับจากธนูแสงซึ่งโจมตีวิญญาณ พลังที่ทำร้ายเขาได้หลักๆ มาจากพลังอัสนีเทวะที่ไม่มีทางมอดดับได้
“การโจมตีจากวิญญาณของเจ้าเด็กนี่ใกล้เคียงกับขั้นเซียนเลยทีเดียว!”
จ้าวลัทธิมารเก้านิรยทั้งโกรธทั้งตกใจ อีกทั้งเขายังสามารถสัมผัสได้ว่า พลังอัสนีเทวะที่แฝงอยู่ในการโจมตีวิญญาณแก่กล้าและบริสุทธิ์ยิ่งกว่า
เมื่อคิดดูแล้ว จ้าวลัทธิมารเก้านิรยโดนโจมตีวิญญาณจากขั้นเซียนเช่นเดียวกัน บาดแผลเมื่อรวมๆ แล้วก็เจ็บหนักกว่าร่างกายก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก
“พลังศักดิ์สิทธิ์เก้านิรย!”
ในทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งร่างของจ้าวลัทธิมารเก้านิรยสาดลำแสงดำมืดกระจายออกหมุนวนรอบกายเขาอย่างไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ใดๆ
ร่างกายของเขาสูงใหญ่ขึ้นในชั่วพริบตาเดียว ทั่วทั้งกายมีเปลวเพลิงทมิฬแผ่กระจาย ดุจดั่งวิหคทองที่แผ่รัศมีทมิฬไปทั่ว พลังสายมารมากมายมหาศาล
ฟ้าดินเปลี่ยนสี รัศมีพันลี้ล้วนได้รับผลกระทบจากพลังศักดิ์สิทธิ์สายมารอันท่วมท้น พลันมืดมิดลงเพราะโดนพลังมารดำทมิฬเข้ากลืนกิน
“ผู้เยาว์ เจ้าบังคับให้ข้าใช้พลังเก้านิรยจนได้ ตอนนี้เจ้าจงตายอย่างภูมิใจเสีย!” จ้าวลัทธิมารกล่าวขึ้นอย่างน่าครั่นคร้าม ทั่วทั้งร่างมีเปลวไฟมืดดำ
‘พลังศักดิ์สิทธิ์เก้านิรย’ เป็นหนึ่งในวิชาลับขั้นสูงใน ‘คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เก้านิรย’ สามารถเพิ่มสำนึกรู้และความแข็งแกร่งให้พลังเซียนเทวาเร้นลับในชั่วระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งพลังในการควบคุมพลังกฎเกณฑ์ฟ้าดินยังขึ้นอยู่กับผู้ที่ใช้วิชาอีกด้วย
ผู้ยิ่งใหญ่เช่นจ้าวลัทธิมารเก้านิรยกลับต้องใช้เคล็ดวิชาลับนี้เพียงเพื่อไล่สังหารราชันขอบเขตปราณเทวะช่วงกลาง
และนี่คือสาเหตุที่ทำให้จ้าวลัทธิมารเก้านิรยต้องใช้วิชาลับในวันนี้ ไร้ซึ่งหนทางแล้วจริงๆ
………
ห่างออกไปหมื่นลี้ จ้าวเฟิงยิ้มบางๆ เมื่อเห็นจ้าวลัทธิมารเก้านิรยถูกโจมตีที่วิญญาณ
แต่ทันใดนั้นเอง ทั่วทั้งร่างของจ้าวลัทธิมารเก้านิรยก็แผ่พลังมหาศาลที่น่าพรั่นพรึงออกมา ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตายในทันที ในห้วงลึกของดวงตาเทพเจ้าส่งสัญญาณเตือนถึงอันตราย
“แย่แล้ว เจ้าลัทธิมารเก้านิรยเอาจริงแล้ว!” จ้าวเฟิงใจบิดเกร็ง เกราะแขนมีแสงเงินวูบไหว ทั้งร่างพลันเลือนหายไปในเงาสีเงินยวงในชั่วพริบตา
ในชั่วเวลาต่อมา จ้าวลัทธิมารเก้านิรยปรากฏกายขึ้นในบริเวณที่จ้าวเฟิงหายตัวไป ดุจดั่งมารทมิฬจากขุมนรกเข้าปกคลุมทั่วผืนฟ้า เสียงกึงก้องดังอยู่ทุกสารทิศ
“ข้างหน้านี้ไม่มีกลิ่นอายของศาตร์อัสนี ไม่ใช่ว่าเจ้าเด็กนั่นใช้วิชาลับอยู่ข้างหน้านี่หรอกรึ?” จ้าวลัทธิมารเก้านิรยรู้สึกสับสน
แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ว่าเบื้องหลังมีคลื่นปราณแท้จริงศาสตร์อัสนีปรากฏอยู่เบาบาง “ทำไมไปอยู่ข้างหลัง? ผู้เยาว์คนนี้มีวิชาลับไม่น้อยเลยทีเดียว!”
วังเก้านิรยไล่สังหารจ้าวเฟิง ชัดเจนว่าเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ได้จากมิติเทพลวงตา แต่ดูจากตอนนี้ ข่าวที่วังเก้านิรยได้มาจะไม่ครบสมบูรณ์เท่าไรนัก ประกายละโมบพลันปรากฏขึ้นในแววตาของจ้าวลัทธิมารเก้านิรย
……..
“อันตรายจริงๆ ดีที่ข้าใช้มนตราอากาศทิ้งสัญลักษณ์ไว้ระหว่างที่หลบหนี” ในใจของจ้าวเฟิงหวาดหวั่น พลางรีบเก็บกลิ่นอายพลังรุนแรงของศาสตร์อัสนี
จริงๆ แล้วจ้าวเฟิงสามารถใช้มนตราอากาศหนีไป อย่างไรจ้าวลัทธิมารเก้านิรยก็ไม่สามารถตามมาได้ทัน
แต่หากจู่ๆ เขาหายไปโดยไร้ร่องรอย จ้าวลัทธิมารเก้านิรยจะต้องไปที่สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นหรือตระกูลจ้าวแห่งเขาเมฆาเป็นแน่
ดังนั้น เมื่อสักครูนี้จ้าวเฟิงจึงตั้งใจปลดปล่อยพลังวายุอัสนีธาตุไฟอย่างเต็มที่ ให้กลิ่นอายกระจายไปทั่วทุกทิศ ทั้งนี้ก็เพื่อดึงดูดความสนใจจากจ้าวลัทธิมารเก้านิรย และชี้บอกทางให้ตามมาสังหารตนเอง แต่ว่า การที่เขาเผยไพ่ตายเมื่อครู่นี้ ก็ยังผลให้เจ้าลัทธิมารสนใจในตัวเขามากยิ่งขึ้น
“เจ้าแมวขโมยน้อย ฝากเจ้าด้วย!”
จ้าวเฟิงเรียกพาหนะเพลิงวายุออกมา แล้วให้เจ้าแมวขโมยน้อยเป็นผู้ขับ
“มีเพียงแค่ต้องสำเร็จกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกเท่านั้น ข้าจึงจะสามารถสู้กับจ้าวลัทธิมารเก้านิรยได้อย่างซึ่งหน้า” จ้าวเฟิงวางแผนไว้ในใจ
ในขอบเขตดวงวิญญาณ ถึงแม้จะใช้เคล็ดวิชาลับวิญญาณขั้นสูงสุด รวมเข้ากับพลังอัสนีเทวะ แต่ก็ไม่มีผลอะไรมากในการต่อสู้ ตรงกันข้าม หลังพลังอัสนีเทวะถูกใช้จนหมด การฟื้นฟูพลังจะถดถอย ทำให้ตกอยู่ในสภาวะอันตราย
ทว่า เมื่อกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สามารถสำเร็จขั้นหกแล้วละก็ เขาจะมีพลังที่ต่อกรกับจ้าวลัทธิมารเก้านิรยได้อย่างซึ่งหน้า และสามารถต้านพลังจากกฎเกณฑ์ของโลกมิติส่วนตัวได้พอสมควร
ภายใต้พลังของร่างกายที่แข็งแกร่งและการป้องกันจากเกราะอัสนี เขาไม่สนใจการโจมตีส่วนใหญ่ที่มาจากเซียนทั่วไปได้ นอกจากนั้น ผลจากการที่เพลิงมารโลหิตสมบูรณ์แบบดูดเลือดคืนปราณ ก็สามารถยืดเวลาให้เขาต่อสู้นานขึ้นไปอีก ยิ่งเมื่อรวมกับการโจมตีวิญญาณของดวงตาเทพเจ้าแล้ว แผนการนี้จึงจะเป็นแนวทางการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
การประมือเมื่อสักครู่ ถึงแม้จะทำให้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ก้าวไปอีกขั้น แต่จะให้ถึงขั้นห้าระดับสุดยอด ยังขาดไปอีกเสี้ยวหนึ่ง
เมื่อดื่มโอสถวิเศษช่วยรักษาบาดแผลแล้ว กายและใจของจ้าวเฟิงก็เข้าสู่ภาวะบำเพ็ญเพียร โดยส่วนมากจะใช้วายุอัสนีธาตุไฟเสริมกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เจ้วลัทธิมารใช้วิชาลับ ‘พลังศักดิ์สิทธิ์เก้านิรย’ ก็ออกไล่สังหารจ้าวเฟิงอีกครั้ง ดุจดั่งลำแสงมารที่เร็วอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้
ระดับความเร็วการโบยบินของจ้าวเฟิงในขณะนี้จะอาศัยจากพาหนะเพลิงวายุ ความเร็วย่อมไม่อาจเทียบได้กับปีกอัสนีผ่านฟ้า ดังนั้นระยะห่างของทั้งคู่จึงใกล้กันเรื่อยๆ
“ผู้เยาว์ ตายซะเถอะ!”
จ้าวลัทธิมารเก้านิรยเห็นจ้าวเฟิงที่บินหนีอยู่ไกลลิบไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาลับในการบินเพื่อทิ้งระยะห่างจากเขา ในใจจึงนึกยินดี
“ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี่จะใช้วิชาลับไม่ได้แล้ว!” แววตาของจ้าวลัทธิมารเก้านิรยปรากฏความชั่วร้าย ระดับความเร็วพลันประทุขึ้นอีกระดับ ลำแสงมารเก้านิรยภูมิที่ทรงพลังสายหนึ่งซัดออกโจมตีในชั่วพริบตา
เขาเชื่อว่าภายใต้การเพิ่มพลังของพลังศักดิ์สิทธิ์เก้านิรย ถึงแม้จะเป็นการป้องกันร่างกายที่แสนพิสดารนั่น จ้าวเฟิงก็ไม่มีทางป้องกันพลังนี้ได้
ตูม!
จ้าวเฟิงที่โดนพลังมารเข้าโจมตีสลายไปราวกับหมอกควัน
“หืม? ตัวปลอมรึ?” จ้าวลัทธิมารเก้านิรยหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น ไม่นึกไม่ฝันว่าจะโดนลูกไม้ของจ้าวเฟิงปั่นหัวอีกครั้ง ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะมีวิชาสร้างร่างปลอม อีกทั้งตัวปลอมยังเหมือนจริงเสียขนาดนี้
เจ้าลัทธิมารเก้านิรยรู้สึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง เขาควรสังหารจ้าวเฟิงเสียตั้งแต่ทีแรก ตอนนี้เขาอับอายจนแทบแทรกแผ่นดิน
ในชั่วขณะที่ร่างปลอมเลือนหาย ณ อีกด้านหนึ่ง เจ้าลัทธิมารเก้านิรยจับได้ถึงคลื่นพลังอ่อนๆ ของปราณแท้จริงอัสนีเพลิง
“จ้าวเฟิง! ในวันนี้ข้าเจ้าลัทธิมารเก้านิรยจะต้องสับเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น!”
เจ้าลัทธิมารเก้านิรยเงยหน้าร้องคำรามก้องฟ้า เพลิงทมิฬกระจายออกจากทั่วทั้งร่างอีกครั้ง ก่อนจะทะยานออกไปอย่างบ้าคลั่งด้วยท่าทีที่พร้อมจะทำลายทุกสรรพสิ่ง