บทที่ 923 พายุฝนฟ้าคะนอง
ผู้คนที่อยู่ ณ ตรงนั้น บางคนถึงกับไม่เชื่อหูตัวเอง
จ้าวเฟิงกลับปฏิเสธอย่างเด็ดขาดอย่างนั้นเชียวรึ
ปฏิเสธองค์ชายสี่ผู้ที่มีโอกาสได้ตำแหน่งรัชทายาทมากที่สุด แต่ไปช่วยองค์ชายเก้าที่พลังถูกจัดอยู่ในอันดับหก
เขาคิดอะไรอยู่กันแน่? แม้แต่ตัวองค์ชายสี่เองยังรู้สึกประหลาดใจยิ่ง
สิ่งที่เขาคิดคือจ้าวเฟิงอาจจะยังลังเล แต่กลับไม่คิดว่าจะแน่วแน่เช่นนี้ อีกทั้งเหตุผลที่จ้าวเฟิงปฏิเสธนั้นง่ายดายมาก ชวนให้คนนับถือ ยากที่จะเกลี้ยกล่อมต่อไป
หักหลังคือเรื่องที่ทุกคนล้วนรังเกียจ
หรือว่าอยากจะให้จ้าวเฟิงกลายเป็นคนทรยศ?
จูเก๋ออวิ๋นแอบเสียดายเล็กน้อย เขาหวังเป็นอย่างมากว่าจะได้ร่วมมือกับจ้าวเฟิง หากจ้าวเฟิงยอมมายังฝั่งขององค์ชายสี่ พลังที่แท้จริงทั้งหมดขององค์ชายสี่ก็จะเพิ่มขึ้นอีกระดับ นอกจากนั้น จ้าวเฟิงที่มีดวงตาสีทองผมสีทองในตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกยากจะหยั่งถึงมากขึ้นอีก
เขาอดนึกถึงพลังอำนาจที่แข็งแกร่งของมารคู่ผมม่วงในมิติเทพลวงตาขึ้นมาไม่ได้
พ่อบ้านฉีเหงื่อซึมเต็มหน้าผาก ในใจนึกดีใจที่จ้าวเฟิงไม่ตอบรับ มิฉะนั้นก็จะเป็นความผิดพลาดของเขา
เมื่อเงยหน้ามองใบหน้าที่เรียบนิ่งของจ้าวเฟิง ความคิดของพ่อบ้านฉีที่มีต่อเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่ง
เหลียงซังที่อยู่ห่างออกไปเกือบจะยืนไม่อยู่
“เจ้าเด็กนั่นปฏิเสธไปอย่างนั้นรึ!” เหลียงซังร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก ราวกับใกล้จะคุ้มคลั่ง
โอกาสดีเพียงนี้ จ้าวเฟิงเป็นบ้าไปแล้วกระมัง!
“เหลียงซัง ไปเถอะ กลับไปเตรียมตัวเสียหน่อย ดูซิว่าจะได้ตำแหน่งผู้ติดตามจากองค์ชายคนอื่นได้หรือไม่!”
เจ้าเมืองธารสวรรค์ทอดถอนใจเบาๆ พลาดโอกาสดีงามเช่นนี้ไป ยามนี้เห็นทีต้องอยู่ที่โชคแล้ว
“ดี จ้าวเฟิง ข้าหวังว่าจะได้พบกับเจ้าในสุสานราชวงศ์!”
องค์ชายสี่สีหน้าท่าทางทรงอำนาจ พลังไร้รูปร่างแผ่กระจายออก ประหนึ่งส่งสารท้ารบให้กับผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกัน
จ้าวเฟิงกำหมัดยิ้มรับ ไม่ได้พูดอะไรออกไป
จากนั้น องค์ชายสี่ก็นำจูเก๋ออวิ๋นเดินออกจากลานฝึกวิชาไป
“องค์ชายสี่ จ้าวเฟิงเป็นถึงคนมีพรสวรรค์ที่หาตัวจับยากยิ่ง!”
จูเก๋ออวิ๋นแนะนำเสียงต่ำ
“ข้ารู้!” องค์ชายสี่มีสีหน้าเคร่งขรึม
นักฝึกสัตว์ที่สามารถควบคุมเชื้อสายดั้งเดิมของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ มีปรมาจารย์นักฝึกสัตว์สักกี่คนกันที่ทำได้? หากเขาเดาไม่ผิดละก็ ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนตัวนี้น่าจะเป็นตัวเดียวกันกับของท่านอาสิบสาม ได้ยินมาว่าไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเป็นของล้ำค่าของท่านอาสิบสาม ทั้งยังเข้าสู่ภาวะหลับลึก ความตายคืบเข้าใกล้ แต่ในวันนี้กลับปรากฏขึ้นที่นี่โดยมีชีวิตอยู่เป็นๆ อีกทั้งกลิ่นอายยังมีชีวิตชีวา
นี่สามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถของจ้าวเฟิง
มิหนำซ้ำความสามารถช่วยเสริมพลังของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนก็ช่างน่าสะพรึงนัก
ในสุสานราชวงศ์ ไม่ขาดสัตว์วิเศษที่อยู่ช่วงยุคโบราณ หรือแม้กระทั่งยุคบรรพกาล
หากได้ยอดฝีมือนักฝึกสัตว์มาทำใช้เชื่อง เช่นนั้นก็จะเป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งได้
“นอกเสียจากน้องเก้าจะสละสิทธิ์ในศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท จ้าวเฟิงก็ไม่มีทางมาช่วยข้า!”
สายตาขององค์ชายสี่แจ่มชัด หากจ้าวเฟิงช่วยเขา เขาก็จะมั่นใจขึ้นอีกส่วน แต่หากจ้าวเฟิงช่วยองค์ชายเก้า สำหรับเขาแล้ว มันไม่ได้สร้างความเกรงกลัวให้เลย
“ท่านอาสิบสาม?”
องค์ชายสี่มองไปยังด้านหน้า เห็นหนานเฟิงอ๋องกำลังตรงมาอย่างรวดเร็ว
“องค์ชายสี่ จ้าวเฟิงอยู่ข้างหน้านี้ใช่หรือไม่!”
องค์ชายสี่พยักหน้าเล็กน้อย เดิมคิดไว้ว่าจะหารือกับท่านอาสิบสาม แต่เห็นท่าทางที่รีบร้อนของเขาเช่นนี้จึงไม่ได้เอ่ยปาก มองส่งหนานเฟิงอ๋องจนลับสายตาไป
เมื่อสองปีก่อนหนานเฟิงอ๋องทะลวงถึงขั้นเซียน บรรดาศักดิ์แต่งตั้งและที่ดินศักดินาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ภายภาคหน้าหากอยากเข้าตำหนักไท่หวงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส
“ท่าทางหนานเฟิงอ๋องอาจอยู่ข้างองค์ชายเก้า องค์ชายเจ็ดคงจะโมโหไม่เบาเลยทีเดียว!”
จูเก๋ออวิ๋นยิ้มเล็กน้อย หลังจากที่หนานเฟิงอ๋องกลับมายังวังหลวงแล้ว องค์ชายเจ็ดก็มาหารือด้วยหลายครั้ง หากแต่ไม่สำเร็จ
ดูแล้วหนานเฟิงอ๋องคงมารอจ้าวเฟิงอยู่ที่นี่นานแล้ว
“หนานเฟิงอ๋อง!”
ใบหน้าของจ้าวเฟิงฉายแววยินดี มายังวังหลวงที่แผ่นดินใหญ่ สามารถพูดได้ว่าหนานเฟิงอ๋องเป็นเพียงคนเดียวที่เขาคุ้นเคย
“ท่านอ๋อง ไปนั่งที่ตำหนักขององค์ชายเก้าเถิด มีเรื่องอะไรค่อยหารือกัน!”
พ่อบ้านฉีรีบขึ้นมารับหน้า พูดอย่างเคารพนอบน้อม
พ่อบ้านฉีนำจ้าวเฟิงและหนานเฟิงอ๋องมายังตำหนักขององค์ชายเก้า
แววตาอบอุ่นของหนานเฟิงอ๋องมองมายังไหมเมฆาผีเสื้อเซียนในมือจ้าวเฟิง
หากไม่ได้พบกับจ้าวเฟิง ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนอาจจะหลับอยู่ในห้วงลึก หรือไม่ก็หลับไม่ตื่นอีกเลยตลอดกาล และเขาก็คงจะบรรลุขั้นเซียนไม่ได้
“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องที่บรรลุขั้นเซียนได้สำเร็จ!” จ้าวเฟิงอมยิ้ม ประสานมือขึ้นคาราวะ
“ต้องขอบคุณวารีศักดิสิทธิ์ไป่หยวนจากเจ้า ใช่แล้ว จ้าวเฟิง ดวงตาของเจ้า?”
หนานเฟิงอ๋องยิ้มเล็กน้อย ถามคำถามอย่างเอาใจใส่ เขามีภาพประทับใจกับสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงค่อนข้างลึกซึ้ง
“เกิดการแปรสภาพน่ะขอรับ!” จ้าวเฟิงไม่ปิดบัง
“แปรสภาพ?”
หนานเฟิงอ๋องตกตะลึง สายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงเดิมก็แข็งแกร่งและมีเอกลักษณ์มากอยู่แล้ว ในยามนี้ยิ่งเกิดการแปรสภาพ เกรงว่าจะแข็งแกร่งจนไม่สามารถหยั่งถึงได้
มิน่าล่ะ ถึงเขาจะบรรลุขั้นเซียนแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินตื้นลึกหนาบางของจ้าวเฟิงได้อยู่ดี ไม่แม้กระทั่งที่จะกล้ามองดวงตาสีทองราวอำพันสุกใสอย่างละเอียด
สำหรับดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง หนานเฟิงอ๋องรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก หากแต่ไม่ได้ถามอะไรมากมาย
“ทำไมเจ้าจึงช่วยองค์ชายเก้า?”
หนานเฟิงอ๋องค่อนข้างคลางแคลงใจ นี่คือจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของเขา
เขาไม่มีหวังในตัวองค์ชายเก้าแม้แต่น้อย แต่อยู่ในตำหนักขององค์ชายเก้า เขาเองก็ละอายที่จะพูดถึงจุดด้อยของฝ่ายนั้นออกมาตรงๆ
หนานเฟิงอ๋องยังแสดงออกชัดว่า หากจ้าวเฟิงยินยอม เขาสามารถช่วยให้จ้าวเฟิงได้รายชื่อเข้าไปอยู่ในกลุ่มขององค์ชายสิบสาม องค์ชายเจ็ด หรือองค์ชายองค์อื่นๆ ที่มีความหวังมากกว่า แต่เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่ตนจะมา ขนาดการชักชวนขององค์ชายสี่ จ้าวเฟิงก็ยังปฏิเสธไปแล้ว
“แค่เพียงบังเอิญเท่านั้น ข้าอยากเข้าร่วมศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทอยู่พอดี และองค์ชายเก้าก็อยู่ห่างจากข้าไม่ไกลนัก!”
จ้าวเฟิงคิดไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไร เขาอยู่ในวังหลวง จึงไม่กล้าพูดออกมาว่าจะฆ่าองค์ชายสิบสาม
หนานเฟิงอ๋องได้ยินแล้วแทบจะพ่นชาที่ดื่มอยู่ออกมา
หากเขาไม่คุ้นเคยกับจ้าวเฟิงพอสมควร คงต้องคิดว่าจ้าวเฟิงกำลังปั่นหัวเขาเล่นอยู่แน่นอน
“จ้าวเฟิง เจ้ามองทุกสิ่งได้ง่ายดายเหลือเกิน!”
หนานเฟิงอ๋องพูดได้เพียงเท่านี้ หากเป็นคนอื่นจะต้องพยายามให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ทมากขึ้นกว่านี้แน่ จากนั้น จ้าวเฟิงและหนานเฟิงอ๋องก็พูดคุยกันอย่างสบายใจ
ส่วนมากเป็นเรื่องที่หนานเฟิงอ๋องแนะนำวังหลวง ศึกชิงตำแหน่งรัชทายาท และสถานการณ์ขององค์ชายแต่ละคนให้จ้าวเฟิงฟัง
แมวขโมยตัวน้อยและไหมเมฆาผีเสื้อเซียนก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรกันอยู่ข้างๆ
“ท่านอ๋อง ในช่วงนี้ข้าจะปิดด่านฝึกตน เมื่อถึงเวลานั้น หากมีข่าวจากหอควันสมุทรหรือสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น ก็บอกให้พวกเขาเลือกยืนข้างองค์ชายเก้า!”
ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งปี จ้าวเฟิงต้องปิดด่านฝึกตนเพื่อเพิ่มพลัง
หอควันสมุทรเคยเป็นกลุ่มอำนาจอยู่ในสังกัดของวังเก้านิรยมาก่อน ถึงจะมีการพัฒนา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสำนักใหญ่สามดาวระดับสุดยอดก็ยังไร้ซึ่งอำนาจต่อต้านเช่นเดิม
ดังนั้น หากปี้ชิงเยวี่ยใช้นามของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นก็จะมีโอกาสค่อนข้างมาก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปกป้องได้ทั้งหมด!
หนานเฟิงอ๋องราวกับครุ่นคิดอะไร ก่อนจะตบอกแล้วพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!”
เมื่อหนานเฟิงอ๋องจากไป จ้าวเฟิงก็ปิดด่านฝึกตนอีกครั้ง
ได้ข้อมูลจากหนานเฟิงอ๋องมาบางส่วน ทำให้จ้าวเฟิงรู้ว่าการที่องค์ชายเก้าจะชิงตำแหน่งรัชทายาท ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเสียทีเดียว
ในมนตราอากาศ
“สามารถใช้วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนได้แล้ว!”
จ้าวเฟิงรู้สึกอดใจรอไม่ไหว ตั้งแต่ได้วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนมาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้
ในขณะเดียวกัน ห้วงคิดเซียนของจ้าวเฟิงก็แบ่งออกเป็นสองสามส่วน และเริ่มฝึกบำเพ็ญตน
ส่วนที่หนึ่ง เริ่มฝึกฝนเขตแดนวายุอัสนี หากเป็นไปได้ จ้าวเฟิงวางแผนไว้ว่าตอนอยู่ในช่วงศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทจะรวบรวมโลกมิติส่วนตัวออกมา
ในสุสานราชวงศ์ โดยพื้นฐานแล้วเป็นกำลังรบขั้นจักรพรรดิ
การสร้างโลกมิติส่วนตัวออกมาจะสามารถเพิ่มกำลังรบให้กับจ้าวเฟิงได้เร็วที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุด
ส่วนที่สอง ฝึกบำเพ็ญวายุอัสนีธาตุไฟ อีกทั้งยังนำพลังอัสนีเทวะในกายวิญญาณ หลอมรวมเข้าไปในวายุอัสนีธาตุไฟอย่างไม่ขาดสาย
จ้าวเฟิงในยามนี้ เป้าหมายหลักๆ อยู่ที่คุณภาพของปราณที่แท้จริง ไม่ใช่จำนวน
ตามข้อมูลที่ได้มาจากหนานเฟิงอ๋อง หากเขารีบร้อนยกระดับพลังขึ้นมีแต่จะเสียประโยชน์มากกว่าได้ประโยชน์ ส่วนห้วงคิดเซียนอื่นๆ รับผิดชอบเหนี่ยวนำพลังอัสนีเทวะในดวงตาซ้าย หล่อหลอมวิญญาณ และวิเคราะห์โครงสร้างจุดของหลากหลายวัตถุเป็นต้น
จ้าวเฟิงดื่ม ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ ส่วนนั้นลงไปด้วยความระมัดระวัง ทันใดนั้น กลิ่นอายพลังบริสุทธิ์ชุ่มชื้นแทรกซึมไปทั่วทั้งอวัยวะภายใน ทั้งแขนขาองคาพยพ จนไปถึงมิติแก่นผลึก ถึงห้วงลึกของวิญญาณ
จ้าวเฟิงรู้สึกว่า ทั่วทั้งร่างที่ได้รับความชุ่มชื้นจากวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนมีพลังเพิ่มขึ้นในชั่วขณะ หรืออาจเป็นเพราะกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ประสิทธิผลของวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนแล่นเข้าสู่ร่างกายทันที และค่อยๆถูกจ้าวเฟิงดูดซับ
จ้าวเฟิงรีบขับเคลื่อนกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทันที
ฟู่ แซ่ดๆ!
ร่างของเขาขยายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งร่างมีรัศมีสีทองฟ้าเป็นประกายห้อมล้อม ลายสายฟ้าประณีตวิจิตรเดี๋ยวปรากฏขึ้นเดี๋ยวเลือนหาย บางครั้งยังเปล่งแสงสายฟ้าแปลบปลาบ หลังจากที่โคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แล้ว การดูดซับฤทธิ์ยาของวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนก็เพิ่มขึ้นอีกเท่า อีกทั้งประโยชน์ของฤทธิ์ยาที่มากที่สุดคือเข้าช่วยเสริมสร้างกายเนื้อ
ตูม ตูม! ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงก็แบ่งความคิดออกมาอีกส่วน ขับเคลื่อนวายุอัสนีธาตุไฟ หล่อหลอมกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ เพิ่มการดูดซับพลังและประสิทธิภาพให้มากขึ้น
สามวันหลังจากนั้น
จ้าวเฟิงร่างกายสั่นสะท้าน แสงสีทองฟ้าส่องประกายเจิดจ้าอยู่ชั่วขณะ สายฟ้าลั่นกึกก้อง พลังเพิ่มขึ้นในทันใด
“ดูท่าข้าจะประเมินพลังของวารีศักดิ์สิทธิ์ต่ำไป!”
ดวงตาของจ้าวเฟิงส่องประกายสุกสว่าง ฤทธิ์ยาของวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนเพิ่งจะซึมซับไปได้เพียงหกส่วนเท่านั้น กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์บรรลุถึงขีดจำกัดของขั้นห้าสำเร็จแล้ว เขารีบยับยั้งร่างกายไม่ให้ดูดซับฤทธิ์ยาทันที
ฟู่ แซ่ด!
ทั่วทั้งร่างของจ้าวเฟิงมีลายสายฟ้าสีม่วงอ่อนเล็กๆ ปรากฏอยู่เลือนราง จากนั้นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งก็แผ่กระจายออกไป
“ยังเหลือฤทธิ์ยาอีกเยอะ เช่นนั้นก็เอามาเสริมสร้างกายวิญญาณแล้วกัน!”
‘กายวิญญาณอัสนีเทวะ’ โดนจ้าวเฟิงละเลยมาตลอด เพียงแต่ในตอนนี้เขายังไม่ค่อยเข้าใจมันมากเท่าใดนัก
รอในวันข้างหน้าที่เขามีความรู้มากพอ ระดับขั้นสูงขึ้น ประโยชน์อื่นๆ ของกายวิญญาณอัสนีเทวะจะต้องถูกขุดค้นออกมาอย่างแน่นอน
แล้วก็ผ่านไปอีกหลายวัน
ฤทธิ์ยาของวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนถูกวิญญาณของจ้าวเฟิงดูดซับจนหมดสิ้น
วิญญาณของเขาในยามนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไปก็ยิ่งเกาะตัวแน่นกว่า กระทั่งไม่อยู่ในรูปโปร่งแสงอีกต่อไป ตราอัสนีเทวะเส้นเล็กบางเบาปรากฏอยู่บนพื้นผิวของมัน ประเดี๋ยวปรากฏประเดี๋ยวเลือนหาย เมื่อผ่านการชะล้างจากวารีศักดิ์สิทธิ์แล้ว จ้าวเฟิงรู้สึกว่า ‘กายวิญญาณอัสนีเทวะ’ ของเขาแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างบอกไม่ถูก
“กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์บรรลุถึงขีดจำกัดขั้นที่ห้า ต้องลองไปห้วงฝันบรรพกาลเสียหน่อย!”
จ้าวเฟิงนึกตื่่นเต้น นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เข้าไปในห้วงฝันบรรพกาล
หลังจากที่ทะเลสาบสีฟ้าหายไปแล้วมีลูกทรงกลมลึกลับสีทองมาแทนที่ จ้าวเฟิงก็นำจิตสำนึกแทรกซึมสู่ใจกลางของลูกทรงกลม ซึ่งก็มีน้ำวนลึกลับสีทองอยู่อีกชั้นหนึ่งเช่นกัน
ฟู่! จ้าวเฟิงมายังในป่าลึก ต้นไม้โบราณข้างกายสูงเสียดฟ้า นกอสูรและงูหลามยักษ์ยังคงเฝ้าอยู่ที่เดิม แต่ว่าชั่วขณะที่เดินเข้ามา จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ
อานุภาพกดดันแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน กลิ่นอายพลังยุคแรกเริ่มอันน่าสะพรึง ทำให้สายเลือดและปราณที่แท้จริงของเขาสั่นสะท้าน
นี่คือกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงที่เพิ่งพัฒนาขึ้น
เกิดอะไรขึ้น?
“นี่คือ…ฝนฟ้าคะนอง?”
จ้าวเฟิงมองดูทั้งสี่ทิศ ท้องฟ้ามืดมิด ฟ้าแลบแปลบปลาบ พายุคลั่งพัดทำลายล้าง กลิ่นอายทรงพลังที่ไร้รูปร่างมากมายมหาศาลกดเข้ามาอย่างหนักหน่วง
หยาดฝนที่ร่วงหล่นใส่จ้าวเฟิงพลันส่งเสียงดังเปาะแปะ
ครืน! สายฟ้าน่าพรั่นพรึงขนาดมหึมาฟาดลงมา ราวกับเทพลงมาจุติ สร้างความน่าสะพรึงไปทั่วทุกที่ ถึงแม้จะยืนอยู่ที่นี่ แต่กายและวิญญาณของจ้าวเฟิงก็ยังได้รับกลิ่นอายพลังกดดันมหาศาล
สายฟ้ายุคบรรพกาลสายนั้นยิ่งทำให้ใจของจ้าวเฟิงสั่นไหว สีหน้าท่าทาตะลึงค้าง เสียงคำรามของสายฟ้า สะท้อนก้องกลับไปกลับมาในหัวไม่หยุด หากโดนสายฟ้านั่นผ่าเข้าตรงๆ ต่อให้เป็นเซียนก็ดับสูญได้
“นี่คือพายุฝนฟ้าคะนองในยุคบรรพกาล?”
ใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน เนิ่นนานกว่าเขาจะพูดออกมาได้