บทที่ 938 เปิดทาง
ระหว่างศึกชิงตำแหน่งผู้ติดตาม จ้าวเฟิงจดจำสมาชิกทั้งหมดในที่นั้นไปพร้อมกัน
ชายวัยกลางคนผมม่วงทั้งสองคนเป็นอัจฉริยะอาวุโสของตระกูลจี แต่บุรุษชุดดำร่างกำยำเป็นเซียนของตระกูลเฉา
คนทั้งสามไม่ได้ลงสนามในศึกชิงตำแหน่งรายชื่อ จึงไม่อาจล่วงรู้ถึงพลังของพวกเขา
“ท่านรอข้าอยู่ที่นี่ หากเจอภยันอันตรายอะไร ก็กระตุ้นค่ายกลใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ เสีย!”
จ้าวเฟิงเอ่ยกำชับ มองดูคนด้านหน้าทั้งสามค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปในมรดกสวรรค์
“เจ้าจะไปจริงหรือ?” โจวซู่เอ๋อร์มีทีท่าร้อนรน
เมื่อครู่นางยังคิดอยู่เลยว่าหากมีใครมายั่วโทสะจ้าวเฟิง คงต้องมีจุดจบที่น่าอเนจอนาถมากเป็นแน่ แต่ตอนนี้นางรู้สึกเสียใจภายหลังเสียแล้ว
ตระกูลเฉาและตระกูลจีต่างเป็นตระกูลใหญ่เบื้องหลังองค์ชายแปด ความแข็งแกร่งทั้งหมดขององค์ชายแปดจัดอยู่ในลำดับที่สี่
บุรุษผมสั้นสีม่วงผู้นั้นเป็นถึงปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ที่มีชื่อเสียงยาวนานในต้าเฉียน นามจีไป๋
ส่วนบุรุษร่างกำยำชุดดำนามเฉาจาง ฉายาเซียนไป่เลี่ยน (ร้อยหลอม) ลือกันว่าเขาฝึกฝนวิชาชั้นพิภพระดับสุดยอดจนสมบูรณ์ถึงร้อยชนิด เป็นอัจฉริยะอาวุโสชั้นยอดของตระกูลเฉา
ฝ่ายตรงข้ามมีทั้งนักฝึกสัตว์ มีสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งอย่างเนตรดาราม่วง และยังมีกำลังรบที่น่ากลัวของเซียนไป่เลี่ยน
ถึงจ้าวเฟิงจะโดดเด่นในด้านต่างๆ มาก แต่ก็ยังด้อยกว่าจักรพรรดิไร้เทียมทาน คงจะเอาชนะกลุ่มเช่นนี้ไม่ได้
ตอนนี้ โจวซู่เอ๋อร์นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย เหตุใดนางต้องเป็นผู้รักษา
“อืม!” จ้าวเฟิงตอบง่ายๆ ไม่อธิบายอะไร
เห็นท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ของจ้าวเฟิง โจวซู่เอ๋อร์คิดว่าอาจเป็นตนเองที่ประเมินเขาต่ำไป
ในมรดกสวรรค์
จีไป๋หัวเราะเสียงเย็น “จีเติงเทียน เจ้าเด็กนั่นเข้ามาคนเดียวแล้ว!”
“แบบนี้ก็ดีสิ ข้าจะได้ใช้เนตรดาราม่วงเอาชนะเขาเสีย!”
จีเติงเทียนมีสีหน้าหยิ่งผยอง แววตาเย็นชา
เดิมทีตระกูลจีเตรียมเข้าร่วมกับพรรคพวกขององค์ชายเก้า แต่เมื่อเซียนซิงหมัวล่วงรู้เรื่องจ้าวเฟิงเป็นสมาชิกในสังกัดขององค์ชายเก้าก็แยกตัวไปทันที และเข้าฝักฝ่ายกับองค์ชายแปดแทน
โดยบอกพวกเขาว่า “วิชาดวงตาของพวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเฟิง อาจจะไม่ได้ตำแหน่งรายชื่อมา!”
หนำซ้ำลูกหลานตระกูลจีรุ่นใหม่ก็เอาแต่ถกกันเกี่ยวกับวิชาดวงตาที่ลึกลับของจ้าวเฟิง
“ข้าจะทำให้เจ้าเด็กนั่นรู้ถึงความน่ากลัวของเนตรดาราม่วง ตระกูลจีของข้าเป็นถึงตระกูลชั้นสูงที่มีสายเลือดดวงตาแข็งแกร่งที่สุดในราชวงศ์ดินแดนทวีป!”
ตั้งแต่จีเติงเทียนเริ่มฝึกบำเพ็ญตน ก็ไม่เคยเสียเปรียบให้สายเลือดดวงตาอื่นนอกเหนือจากของตระกูลจีมาก่อน จะให้เขายอมรับว่าวิชาดวงตาของตนเองด้อยกว่าคนรุ่นหลังที่อยู่ในขอบเขตปราณเทวะช่วงปลายคนหนึ่งน่ะหรือ ไม่มีทางแน่นอน
“เหอะๆ ได้ยินมาว่าจ้าวเฟิงใช้สถานะปรมาจารย์นักฝึกสัตว์เข้าร่วมการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท!”
ความตื่นเต้นพาดผ่านในแววตาของจีไป๋
“ไร้สาระ ก็แค่ผู้เยาว์ขอบเขตปราณเทวะเท่านั้น!”
เซียนไป่เลี่ยนที่บินอยู่ด้านหน้าแค่นเสียงเยาะ
“เซียนไป่เลี่ยน เจ้าคงยังไม่รู้กระมัง จ้าวเฟิงครอบครองไหมเมฆาผีเสื้อเซียนตัวหนึ่งด้วย!”
จีไป๋ยิ้มเจ้าเล่ห์
“อ้อ?” เซียนไป่เลี่ยนชะงักฝีเท้าพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าความเย้ายวนใจของไหมเมฆาผีเสื้อเซียน ถึงจะเป็นเซียนก็ยังไม่อาจหักห้ามได้
“เพียงแต่ค่ายกลใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ของเขาน่าจะยังไม่ได้ใช้ หากพวกเราผลีผลามลงมือบีบบังคับเขาคงไม่ดีแน่!”
จีไป๋เอ่ยต่อ
ต่อมา เสียงของทั้งสามก็เงียบไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใช้ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณสื่อสารกันแทน
รูปลักษณ์ภายนอกของมรดกสวรรค์เป็นตำหนักหลังหนึ่ง หลังจากเข้ามาแล้ว ภายในมีเพียงทางเก่าแก่โล่งกว้างเส้นหนึ่งเท่านั้น บนพื้นปกคลุมไปด้วยเม็ดทราย สุดปลายทางมืดมิด ทอดยาวไปยังที่ไกลลิบซึ่งไม่รู้ชื่อ
ในส่วนลึกของเส้นทางนี้
โครม วูบ! ผู้แข็งแกร่งหกคนและสัตว์ประหลาดก้อนกรวดรูปร่างมนุษย์หลายตัวเข้าสังหารกัน แต่ด้านหน้า สัตว์ประหลาดก้อนกรวดหลั่งไหลสลับกันเข้ามาอย่างต่อเนื่องเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด
“เซวียหย่วน ข้าไม่ไหวแล้ว ไม่รู้เลยว่าเส้นทางสายนี้จะยาวไกลเท่าไหร่!”
จักรพรรดิร่างเตี้ยผู้หนึ่งเอ่ยเสียงต่ำ เมื่อสิ้นเปลืองปราณที่แท้จริงมากจนเกินไป
“พึ่งพาเพียงแค่สองกองกำลังเล็กๆ ของเราคงไม่ได้จริงๆ ด้วย!”
เซวียหย่วนมองด้านข้าง สถานการณ์ของสมาชิกกองกำลังขององค์ชายสิบสองก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่นัก
ตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มเข้ามาในมรดกสวรรค์ ก็ปะทะกับสัตว์ประหลาดก้อนกรวดเหล่านี้ตลอด สัตว์ประหลาดก้อนกรวดรูปร่างมนุษย์ ถึงแม้จะมีเพียงพลังขั้นครึ่งก้าวสู่ราชันเท่านั้น แต่พลังของทุกคนถูกกดจากมิติบรรพกาล จึงไม่สามารถสำแดงออกมาได้ทั้งหมด ต่อสู้มาตลอดทาง ลำบากยากเย็นอย่างยิ่ง พูดง่ายๆ คือสังหารสัตว์ประหลาดหินกรวดไปหกเจ็ดร้อยตัวแล้ว แต่บริเวณด้านหน้ายังคงมืดสนิท มองเห็นเพียงสัตว์ประหลาดก้อนกรวดแน่นขนัด
“มีกลุ่มอื่นมาแล้ว!”
มีคนหนึ่งตะโกนขึ้น!
“นั่นคือสมาชิกขององค์ชายแปด เป็นคนตระกูลเฉาและตระกูลจี!”
“นั่นมันเซียนไป่เลี่ยนแห่งตระกูลเฉา!”
“อดทนไว้ก่อน กองกำลังของตระกูลเฉาและตระกูลจีมาแล้ว จะต้องพิชิตมรดกแห่งนี้ได้แน่!”
แววตาของเซวียหย่วนเผยความฮึกเหิม เอ่ยปลุกใจจักรพรรดิร่างเตี้ยด้านข้าง
มีเซียนเข้าร่วมรบด้วยก็เก็บกวาดหุ่นเชิดพวกนี้ได้อย่างสบายๆ
บึ้ม โครม!
เซียนไป่เลี่ยนประหนึ่งอุกกาบาตสีดำลูกหนึ่ง พาลมพายุที่ไร้จุดสิ้นสุดตรงดิ่งเข้าปะทะสัตว์ประหลาดก้อนกรวดหลายสิบตัวเสียงดังสนั่น
อานุภาพกดดันของขั้นเซียนทะลักออกมาทันใด พายุน่าพรั่นพรึงไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งกระจายตัวออกไป
ตูม ตูม ตูม!
สัตว์ประหลาดก้อนกรวดนับไม่ถ้วนรอบบริเวณส่งเสียงร้องแหลมอย่างทรมาน ร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเม็ดทรายทันที
“พวกเจ้าจงออกไปจากมรดกสวรรค์เสีย!”
เซียนไป่เลี่ยนหันไปมองคนทั้งหก เปล่งเสียงเย็นชาพร้อมอำนาจบีบคั้น
กลิ่นอายพลังที่ปกคลุมทั่วบริเวณอยู่เหนือกว่าความน่าเกรงขามของเซียนทั้งหมด ทำให้จักรพรรดิทั้งหก แม้กระทั่งจะยืนก็ยังไม่อาจทำได้ หายใจติดขัด
“ถ้าหากยังอยู่ที่นี่ต่อ พวกเราอาจจะพลั้งมือสังหารก็เป็นได้!”
จีไป๋ย่างกรายไปช้าๆ เสียงหัวเราะอำมหิตเย็นชาสะท้อนก้องไปทั่วทางเดินเก่า
เขาโบกมือทั้งสองข้าง
ฉับพลันทันใด ปรากฏงูเหลือมสีเขียวเข้มมากมายบนพื้นดิน เกล็ดทั่วร่างของมันเล็กละเอียด ทอประกายเยือกเย็น
“พวกเจ้า!”
ความเกรี้ยวกราดในใจของเซวียหย่วนเพิ่มขึ้น
พวกเขาบุกมรดกสวรรค์จนมาถึงที่นี่ สิ้นเปลืองแรงไปนับไม่ถ้วน ตอนนี้จะให้ล่าถอยยอมให้ผู้อื่น ใครจะยินยอมกันเล่า แต่ทุกคนต่อสู้มาตลอดทางจนถึงที่นี่ จึงเหนื่อยล้านานแล้ว ถึงจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ คนทั้งหกร่วมมือกันก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลเฉาและตระกูลจี
พวกเขาแตกต่างกับกองกำลังขององค์ชายห้าลำดับแรกเป็นอย่างยิ่ง
“ไป!” เซวียหย่วนแค่นเสียงเย็นออกมา พลางนำสมาชิกอีกสองคนจากไป
ส่วนกลุ่มเล็กๆ อีกกลุ่มหนึ่งทำได้เพียงยอมแพ้ล่าถอยไปเช่นกัน
สุสานราชวงศ์มีมรดกอีกมาก พวกเขายังมีโอกาสอื่นอีก
“เซวียหย่วน ต่อจากนี้จะไปที่มรดกแห่งใด?”
ผู้เฒ่าชุดผ้าป่านผู้หนึ่งเอ่ยพลางยิ้มน้อยๆ
กองกำลังทั้งสองกลุ่ม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน แต่ก็ร่วมมือบุกทะลวงมาจนถึงที่นี่ และยังโดนกลุ่มขององค์ชายแปดขับไล่ออกไปเหมือนกัน จึงพอจะเข้าอกเข้าใจกันบ้าง
“ไปหาพวกมรดกเล็กๆ เถอะ หากเป็นในมรดกใหญ่ แม้แต่เศษที่เหลือเพียงเล็กน้อยพวกเราก็คงไม่ได้ส่วนแบ่ง!”
เซวียหย่วนเอ่ยพลางทอดถอนใจ
เมื่อเผชิญหน้ากับกองกำลังที่มีพลังอยู่ในห้าลำดับแรก พวกเขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงยิ่งนัก
ศักยภาพมากมายของแปดตระกูลใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มอิทธิพลสามดาวทั่วไปจะเทียบเคียงได้
“หืม ด้านหน้ามีคน!”
คนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ
มองเห็นเพียงเด็กหนุ่มผมทองดวงตาสีทองเดินมาเพียงลำพัง
“มอบ ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ มาสองชิ้น แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป!”
จ้าวเฟิงยกมุมปากขึ้นยิ้ม เขายืนอยู่กลางทางเดินด้วยท่าทีเหมือนดักปล้นขู่กรรโชก
“อะไร?”
คนทั้งหกชะงักค้างอยู่กับที่ มองออกว่าจ้าวเฟิงเป็นใคร
พวกเขาแน่ใจว่าหูของตนเองไม่ได้ฟังผิดไป
พวกเขาพอเข้าใจเกี่ยวกับจ้าวเฟิงในระดับหนึ่ง
ได้ยินมาว่านักฝึกสัตว์ในกลุ่มผู้ติดตามขององค์ชายเก้ามีสัตว์วิเศษเผ่าพันธุ์สายเลือดดั้งเดิมในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณตัวหนึ่ง เพียงแต่นักฝึกสัตว์ในขอบเขตปราณเทวะช่วงปลายผู้หนึ่งดักปล้นจักรพรรดิหกคน หากแพร่งพรายออกไป คนไม่น้อยคงขบขันอย่างมาก!
“จ้าวเฟิง เจ้าจงมอบไหมเมฆาผีเสื้อเซียนมา หรือไม่ก็กระตุ้นค่ายกลในหยกมังกรคุ้มกันจากไปเสีย!”
แววตาของเซวียหย่วนเย็นชาดุดัน พลางสาวเท้าเข้าไปใกล้
ในใจของเขาสุมไปด้วยเพลิงแค้นที่ถูกยอดฝีมือตระกูลเฉาและตระกูลจีไล่ออกมา ไม่มีที่จะระบาย
ตอนนี้มีเด็กรุ่นเยาว์ผู้โง่เขลามาหาเรื่องถึงที่พอดี
เมื่อได้ยินดังนั้น อีกห้าคนที่เหลือก็ล้อมเข้ามาพลางเผยรอยยิ้มนึกสนุก
“ดูแล้วพวกเจ้าคงปฏิเสธไม่ยอมมอบ ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ให้!”
ดวงตาสีทองของจ้าวเฟิงกวาดผ่านทุกคน ประหนึ่งมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง จนทำให้ทุกคนใจสั่นสะท้าน
เซวียหย่วนขมวดคิ้วน้อยๆ ในเวลาเดียวกันกับที่หงุดหงิด ก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
“จ้าวเฟิง เจ้ารนหาที่ตายเอง!”
ผู้เฒ่าชุดขาวจักรพรรดิคนหนึ่งในกลุ่มอารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียว ก่นด่าออกมา เตรียมตัวจะลงมือ
“ฮึ กายศักดิ์สิทธิ์อัสนี!”
จ้าวเฟิงสาวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง ทั่วร่างขยายออก เปล่งชั้นแสงลวดลายแก่นแท้ร่างกายสีฟ้าทองสว่างเรืองรอง ประหนึ่งเป็นยักษ์อัสนีทองตนหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน ผิวกายของเขามีเกราะลายสายฟ้าโบราณเสมือนจริงก่อตัวขึ้น อัสนีสีทองเปล่งแสงวาววับ เสียงวายุอัสนีดังเปรี้ยงปร้าง
จักรพรรดิผู้นั้นส่งฝ่ามือข้างหนึ่งลงเหนือเกราะอัสนีโบราณของจ้าวเฟิง การโจมตีทั้งหมดของเขาสลายไปจนสิ้น
ชั่วเวลาเดียวกัน พลังตอบโต้กลับที่แข็งแกร่งมาพร้อมกับวายุอัสนีมหาศาล กระแทกอีกฝ่ายกระเด็นไปหลายจั้งจนกระอักเลือดออกมา ก่อนทรุดลงกับพื้น แววตาจ้องมองไปที่จ้าวเฟิงอย่างพรั่นพรึง
ส่วนห้าคนที่เหลือเลือดลมปั่นป่วนภายใต้แรงกดดันจากกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิง อาการชาวาบแผ่กระจายไปทั่วร่าง ราวกับโดนโจมตีจากค้อนยักษ์
“เป็นพลังกายที่แข็งแกร่งนัก มองข้ามการโจมตีของจักรพรรดิแล้วยังโต้กลับได้อีก!”
“พลานุภาพเช่นนี้ใกล้จะเท่าเซียนแล้ว!”
“เป็นไปได้อย่างไร เขาอยู่ในขอบเขตปราณเทวะช่วงปลายชัดๆ แถมยังปลดปล่อยกำลังรบได้มากกว่าปกติทั้งที่อยู่ภายใต้การกดดันจากมิติบรรพกาล?”
คนทั้งหมดต่างเกิดความสงสัยและตื่นตะลึงในใจ
จ้าวเฟิงในตอนนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าไม่ต่างจากเซียนไป่เลี่ยนเมื่อครู่ ทำให้พวกเขาไม่มีแรงตอบโต้ ทำได้เพียงต้องโอนอ่อนยอมให้เท่านั้น
ในใจเซวียหย่วนตกตะลึงเกินจะเปรียบ มองยังจ้าวเฟิงที่มีสีหน้าราบเรียบ
ในคลังข้อมูลของเขาเคยแจกแจงไว้ การป้องกันร่างกายของจ้าวเฟิงน่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าร่างกายของเขาจะแกร่งถึงระดับนี้
หนำซ้ำได้ยินมาว่าสิ่งที่จ้าวเฟิงชำนาญที่สุดเป็นวิชาดวงตาวิญญาณ
ในตอนนี้ เขาใช้สถานะนักฝึกสัตว์เข้ามาภายในที่แห่งนี้ ในมือต้องมีสัตว์วิเศษสายต่อสู้ชนิดอื่นๆ อีกแน่
“พวกเรายินดีมอบหยกมังกรคุ้มกันหนึ่งชิ้น!”
เซวียหย่วนกัดฟันเอ่ย
แค่มอบหยกมังกรคุ้มกันชิ้นหนึ่งก็เท่านั้น หยกมังกรคุ้มกันสำหรับพวกเขาแล้วไม่ได้มีมูลค่าอะไรมากนัก
องค์ชายที่พวกเขาสนับสนุนไม่มีเจตนาจะแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท สะสมพลังชะตามังกรไปก็ไม่ได้ใช้อะไรเท่าไหร่นัก หากว่าพวกเขาทุกคนกระตุ้นค่ายกลหนีไป ก็ฟุ่มเฟือยวิธีการรักษาชีวิตเพียงหนึ่งเดียวเกินไป
เซวียหย่วนหยิบหยกมังกรคุ้มกันชิ้นหนึ่งมาจากหนึ่งในสมาชิก ก่อนส่งไปที่เบื้องหน้าจ้าวเฟิง
ผู้เฒ่าชุดขาวอีกคนหนึ่งเดินมาข้างกายจักรพรรดิที่ถูกจ้าวเฟิงโจมตีจนกระเด็น และหยิบหยกมังกรคุ้มกันบนร่างของชายคนนั้นมอบให้จ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงรับหยกมังกรคุ้มกันมา ไม่ใยดีพวกเขา เดินตรงดิ่งลิ่วไปภายในทันที
“ตอนนี้ทำได้เพียงปล้นเอาเช่นนี้!”
จ้าวเฟิงถอนหายใจออกมา
คนทั้งหมดค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับสถานที่แห่งนี้ จักรพรรดิทั้งหกคนเมื่อครู่สำแดงพลังออกมาได้สามส่วนแล้ว
“มรดกแห่งนี้ยังมีระยะทางอีกยาวไกล ให้พวกนั้นเปิดทางให้ก่อนแล้วกัน!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงขยับแสงสีทองประหลาดวูบวาบ มองไปด้านหน้าไกลๆ และเดินอย่างสบายอารมณ์
ในส่วนลึกของทางเดิน!
เซียนไป่เลี่ยนประดุจพายุหมุนสีดำสนิทกลุ่มหนึ่ง ในทุกที่ที่เขาผ่านไป สัตว์ประหลาดหินกรวดแตกสลายกลายเป็นผุยผงจนหมด
“หมัดเพลิงนภา!”
“ไหมเมฆาไร้เงา”
“ดัชนีเทพรัศมีทอง!”
……
โครม โครม!
คนทั้งสามใช้ความเร็วสูงสุดเดินอยู่ในเส้นทางเก่าแก่ ทุกที่ที่เขาพวกเขาผ่านไปทิ้งไว้เพียงกองทรายเต็มพื้น
“เจ้าเด็กนั่นคงไม่มากระมัง!”
จีเติงเทียนชะงักไปเล็กน้อย ทอดสายตาไปด้านหลัง
“มาแล้ว เพียงแต่ช้าไปมาก ดูแล้วคงคาดหวังให้พวกเราเปิดทางให้ นั่งดูพวกเราสู้แล้วค่อยเก็บเกี่ยวเอาผลประโยชน์ทีหลัง!”
หลังจากที่จีไป๋ครุ่นคิดอย่างละเอียด ก็เอ่ยพลางหัวเราะเจ้าเล่ห์
“เหอะ ขอแค่เขามาได้ หากมีความสามารถมากพอ จะเอาไปทั้งหมดก็ย่อมได้!”
จีเติงเทียนหัวเราะเสียงเย็น