Skip to content

King of Gods 940

King Of Gods

บทที่ 940 ประมือระยะประชิด

“จ้าวเฟิง เจ้ายั่วโทสะข้าเสียแล้ว ข้าจะส่งเจ้าลงหลุมเอง!”

เซียนไป่เลี่ยนที่อยู่ด้านล่างเผยสีหน้าเกรี้ยวกราด แววตาลึกล้ำ จิตสังหารแผ่พวยพุ่ง! ภายใต้การเข้าขัดขวางของเขา จีไป๋ก็ยังได้รับภัยคุกคามถึงชีวิต และถูกบีบบังคับให้ใช้ค่ายกลใน ’หยกมังกรคุ้มกัน’ หนีไป อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงคนรุ่นหลังในขอบเขตปราณเทวะช่วงปลาย ไม่ว่าจะเป็นเซียนคนใดก็ไม่อาจจะทนรับความอับอายเช่นนี้ได้ ต่อให้ครั้งนี้จ้าวเฟิงกระตุ้นใช้ค่ายกลจากไป เขาก็จะไล่ล่าสังหารไปเรื่อยๆ เพื่อล้างอาย!

ยามนี้ จีเติงเทียนที่อยู่อีกด้านได้สติ ปรากฏความลนลานขึ้นบนใบหน้า

“เจ้าจะไปเองหรือจะให้ข้าส่ง!”

ประโยคนี้ของจ้าวเฟิงบ่งบอกแล้วว่าเขาเป็นเป้าหมายคนต่อไป

ถึงแม้เขาไม่เชื่อว่าจ้าวเฟิงมีความสามารถเช่นนี้ ทว่าในใจกลับรู้สึกกระวนกระวายอย่างประหลาด

“เซียนไป่เลี่ยน รีบสังหารมัน!”

ฟึ่บ! เซียนไป่เลี่ยนก้าวฝีเท้าที่แปลกประหลาดและทรงพลังตรงไปยังจ้าวเฟิง พลังเซียนระเบิดออกทันที ปราการรอบด้านพังทลายในฉับพลัน

“ดัชนีจักรพรรดิ!”

“เหินเวหา!”

เซียนไป่เลี่ยนปล่อยสองกระบวนท่าโจมตีพร้อมกัน เห็นเพียงแต่เงาขาที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์มหาศาลปรากฏวูบวาบรอบกายจ้าวเฟิง การโจมตีที่แปลกประหลาดสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของเขา

ในเวลาเดียวกัน เงานิ้วมือขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงสีทองประกายผลักมาตรงหน้าพร้อมพลังยิ่งใหญ่อหังการ

“หมัดอัสนีศักดิ์สิทธิ์!”

จ้าวเฟิงใช้ปีกแสงอัสนีสีชาดเปลี่ยนรูปลักษณ์ร่างกาย ปราณที่แท้จริงระเบิดออก เขาดีดตัวขึ้นด้านบนเพื่อเว้นระยะห่าง ก่อนเหวี่ยงหมัดสองข้างเข้าโจมตี

ลำแสงหมัดที่มีอัสนีทองนับไม่ถ้วนเกี่ยวกระหวัด หนักแน่นมั่นคง ทรงพลังและสว่างไสว ปะทะเข้ากับกระบวนท่าของเซียนไป่เลี่ยน

จ้าวเฟิงอาศัยพลังสะท้อนกลับ ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ปีกแสงอัสนีสีชาดสั่นไหว ทะยานตรงไปที่จีเติงเทียน!

“เป็นไปได้อย่างไร?” ใบหน้าของจีเติงเทียนฉายแววหวาดกลัว

กลยุทธ์วิชาหมัดที่จ้าวเฟิงสำแดงออกมา พลานุภาพไม่ต่างจากเซียนไป่เลี่ยนมากนัก อีกทั้งจ้าวเฟิงยังมีกลวิธีโบยบินที่สูงส่งและลึกล้ำอย่างมาก

ต้องอย่าให้เข้าประชิดตัว!

“ดาราม่วงลวงจิต!”

ดวงตาสองข้างของจีเติงเทียนเปล่งประกายสีม่วงแวววับ พลังดวงตาวิญญาณมหาศาลลอยตรงไปยังจ้าวเฟิงอีกครั้ง

ในฐานะที่จีเติงเทียนเป็นอัจฉริยะชั้นยอดรุ่นอาวุโสของตระกูลจี ดังนั้นความสามารถในสายเลือดดวงตาย่อมไม่ได้มีเพียงศาสตร์ลวงตา

ในเมื่อวิชาลวงตาไม่ส่งผลอะไร ก็เปลี่ยนวิธีเสีย!

ทันใดนั้น จ้าวเฟิงสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ความปั่นป่วนวุ่นวายเกิดขึ้นในวิญญาณ พลังในการควบคุมร่างกายและสายเลือดก็ค่อยๆ ลดลงไป

กระทั่งการสัมผัสถึงสิ่งรอบตัวยังเลือนรางผิดปกติ ปีกแสงอัสนีด้านหลังเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง เห็นได้ชัดว่าการโคจรปราณที่แท้จริงมีปัญหา

“ที่แท้ก็เป็นวิชาลวงตาที่สร้างความปั่นป่วนให้วิญญาณและประสาทสัมผัส!”

จ้าวเฟิงตื่นตกใจไปเล็กน้อย

วิชาลวงตาประเภทนี้มีส่วนคล้ายคลึงกับ ‘เนตรจิตวิญญาณเหมันต์’ ของเขา เพียงแต่แกนหลักแตกต่างกัน

เนตรจิตวิญญาณเหมันต์จะรวบรวมพลังวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ ในเวลาเดียวกันยังส่งผลกระทบต่อชั้นกายเนื้อในระดับหนึ่ง และยังต้องเป็นสายเลือดที่ธาตุสอดคล้องกันด้วย

ดาราม่วงลวงจิตกลับสร้างความวุ่นวายต่อพลังวิญญาณของฝ่ายตรงข้าม เป็นการโจมตีวิญญาณที่ลึกลับและบริสุทธิ์มากกว่า

ตั้งแต่มีชีวิตใหม่มา ความสนใจหลักของจ้าวเฟิงก็อยู่ที่กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์กับเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์

หลังจากที่สายเลือดวารีเหมันต์ค่อยๆ ถดถอยลงไป ผลของวิชาดวงตาสายเหมันต์จึงไล่ตามความสามารถที่พัฒนาขึ้นของจ้าวเฟิงไม่ทัน กลับกัน ‘ดาราม่วงลวงจิต’ ของจีเติงเทียนเหมาะสมกับจ้าวเฟิงมาก

จีเติงเทียนเห็นจ้าวเฟิงชะงักไปเล็กน้อย มุมปากจึงยกขึ้นอย่างได้ใจ

“เด็กผู้นี้มีพลังต้านทานต่อวิชาลวงตาพอสมควร วิชาลวงตาสูงส่งที่สร้างความวุ่นวายต่อจิตวิญญาณ เกรงว่าเขาคงจะไม่เคยเห็น!”

จีเติงเทียนยิ้มเยาะ

เมื่อตกอยู่ใน ‘ดาราม่วงลวงจิต’ ของเขา ต่อจากนั้นเซียนไป่เลี่ยนก็จะสามารถจัดการจ้าวเฟิงได้อย่างง่ายดายขึ้น

แต่ทันใดนั้น ทั่วร่างของจ้าวเฟิงพลันเปล่งประกายอัสนีโปร่งใส

ภายในวิญญาณที่มีสีม่วงเข้มเกาะตัว ตราประทับอัสนีเทวะจำนวนนับไม่ถ้วนทอประกายราวฝนดาวตกในผืนนภาที่ดำมืด

โครม! พลังดวงตาวิญญาณสีม่วงอ่อนที่แฝงเข้าไปในดวงวิญญาณของจ้าวเฟิง ถูกอานุภาพอัสนีเทวะที่เป็นอมตะกระแทกจนแหลกสลาย

ในเวลาเดียวกัน ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมีแสงสีทองอำพันหมุนวน ความเร็วในการโคจรดวงตาซ้ายมาถึงขีดจำกัด

ฉับพลันทันใด! ดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงทอแสงประกายสีทองเข้มราวภาพฝันมายา

“วิญญาณพิศวง!” พลังวิญญาณสีม่วงเข้มที่ทรงพลานุภาพปกคลุมบนร่างจีเติงเทียนผ่านเจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิง

ฟู่~

“นี่มัน?” ฝีก้าวของจีเติงเทียนไม่มั่นคงเล็กน้อย ดวงตาเลื่อนลอยมองจ้าวเฟิง ทั้งประหลาดใจและหวาดกลัว

“นี่มันดาราม่วงลวงจิตของข้านี่!”

จีเติงเทียนพูดไม่ออกในฉับพลัน สีหน้าตื่นตะลึง ลอยลงมาด้านล่าง

“เป็นไปได้อย่างไร ทำไมเจ้าถึงรู้…เคล็ดวิชาดวงตาของตระกูลจี!”

จีเติงเทียนงุนงงพูดอะไรไม่ออก

ปราณที่แท้จริงในร่างของเขาวุ่นวายอย่างมาก ถึงขั้นในเวลาอันสั้นนี้ไม่สามารถใช้วิชาดวงตาได้!

จีเติงเทียนรีบร้อนโคจรพลังดวงตาและพลังวิญญาณเพื่อทำลายวิชาดังกล่าว

“ผลลัพธ์ไม่เลวเลย!”

จ้าวเฟิงยิ้มแย้มเล็กน้อย

ดาราม่วงลวงจิตก็เป็นประเภทหนึ่งในวิชาลวงตา จ้าวเฟิงจะคัดลอกก็ไม่ยุ่งยาก

วิชาลวงตาประเภทนี้บวกกับพลังดวงตาวิญญาณที่สุดยอดของเขา พลังจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เป็น

วูบ! ลมกรรโชกแรงพัดผ่านเข้ามา

“แย่แล้ว!” จ้าวเฟิงดำดิ่งกับการคัดลอกเคล็ดวิชาเมื่อครู่จนเกินไป ยามนี้ลมหมัดของเซียนไป่เลี่ยนระเบิดปะทะเข้ามา ถึงระยะทางจะห่างไกล จ้าวเฟิงก็ยังสัมผัสได้ว่ากายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เจ็บแสบ แสงอัสนีสีฟ้าทองค่อยๆ อับแสงลงไป

“เกราะอัสนีคุ้มกาย!”

จ้าวเฟิงกระตุ้นพลังวายุอัสนี เกราะลายสายฟ้าเก่าแก่ที่สมจริงเกาะกลุ่มกันบนผิวกาย แสงอัสนีทองเป็นประกายวาววับ

บึ้ม! เกราะอัสนีแตกละเอียด ร่างจ้าวเฟิงถูกอัดเข้าไปในส่วนลึกของกำแพง ความรู้สึกถูกฉีกทึ้งจนเจ็บปวดกระจายไปทั่วร่าง

ฟู่!

กลุ่มเงาสีดำทะลวงเข้ามาต่อเนื่อง สำนึกรู้ที่ทรงอำนาจตรงเข้าบีบจ้าวเฟิง ไม่ให้โอกาสเขาหายใจแม้แต่น้อย

“เหอะ!” สีหน้าของจ้าวเฟิงสงบนิ่ง ขณะโคจรปราณที่แท้จริงวายุอัสนี ปีกแสงอัสนีสีชาดด้านหลังโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง จ้าวเฟิงกลายเป็นแสงสายฟ้าสายหนึ่ง ปะทะเข้ากับเซียนไป่เลี่ยนอย่างรุนแรง

เมื่อครู่ถ้าหากไม่ใช่เพราะเคล็ดวิชาจิตวิญญาณของจีเติงเทียน สร้างผลกระทบให้ปราณที่แท้จริงภายในร่างกายปั่นป่วน การป้องกันของกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ลดอานุภาพลง จะปล่อยให้เซียนไป่เลี่ยนโจมตีสำเร็จได้อย่างไร

ทว่าก็ช่างประไร เขาเรียนรู้เนตรดาราม่วงของตระกูลจีได้แล้ว!

จ้าวเฟิงลอบโคจรวายุอัสนีธาตุน้ำและวายุอัสนีธาตุไม้ ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากหมัดเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว

“ดัชนีจักรพรรดิ!”

“หมัดนภาเพลิง!”

“ไหมเมฆาไร้เงา!”

เซียนไป่เลี่ยนใช้ทั้งมือและเท้า ไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย กระบวนท่าโจมตีไหลลื่นและรุนแรงมาก

เงาเท้า ฝ่ามือ และหมัดปกคลุมรอบตัวจ้าวเฟิง

พลังรุนแรงบ้าคลั่ง ผ่าภูผาแยกธารา!

“กายศักดิ์สิทธิ์อัสนี เกราะอัสนีคุ้มกาย!”

จ้าวเฟิงกระตุ้นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไปจนถึงขีดสุด แสงอัสนีทองส่องประกายแสบตาอยู่บนร่าง เกราะลายสายฟ้าเก่าแก่โอบล้อมรอบกาย เสียงครึกโครมของวายุอัสนีดังขึ้นไม่หยุด!

จ้าวเฟิงไม่สนใจว่าเซียนไป่เลี่ยนจะสำแดงกระบวนท่าไหนออกมา

เขาต้านทานทั้งหมดไว้ได้!

ตู้ม ตู้ม โครม!

เกราะอัสนีป้องกันกายระเบิดออกในฉับพลัน แสงอัสนีสีทองเจิดจ้าแสบตา ก่อให้เกิดพลังตอบโต้อย่างรุนแรง โจมตีปราณที่แท้จริงศักดิ์สิทธิ์จนถอยไปหมดสิ้น

พู่ว! มุมปากเซียนไป่เลี่ยนยิ้มเย็น เคยเห็นเคล็ดวิชาป้องกันตัวของจ้าวเฟิงมาก่อน เขาจะติดกับได้อย่างไร

เซียนไป่เลี่ยนกลายเป็นเงาสีดำสายหนึ่ง ก้าวฝีเทาที่น่าอัศจรรย์ออกมา ก่อนมุดเข้าไปในช่องโหว่ของพลังที่โจมตีกลับ เหมือนไม่โดนพลังจากเกราะอัสนีคุ้มกายกระแทกกลับแม้แต่น้อย

“หมัดเทพทลายฟ้า!”

พลังสำนึกรู้ทั่วร่างของเซียนไป่เลี่ยนรวมอยู่ที่หมัดขวา ลมพายุที่กดดันโจมตีไปทั่วบริเวณหอบเงาหมัดเทวาเร้นลับโจมตีเข้ามา ประดุจยอดเขายักษ์กดทับลง!

เมื่อปล่อยกระบวนท่านี้แล้ว กลิ่นอายของเซียนไป่เลี่ยนอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด สำนึกรู้ลดลงไปอย่างมาก

“หมัดอัสนีศักดิ์สิทธิ์!”

จ้าวเฟิงโคจรตราอัสนีเทวะในมิติแก่นผลึก ในเวลาเดียวกันก็รวบรวมและกระตุ้นพลังอัสนีโบราณบนกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์

แสงสายฟ้าเทพที่ดั้งเดิมและทรงอานุภาพรวมอยู่ที่หมัดสองข้างของจ้าวเฟิง ลำแสงอัสนีทองแก่กล้าพลันพุ่งออกมาราวมหาสมุทรขุนเขาอัสนี!

โครม… พายุทำลายล้างมหึมาพัดจ้าวเฟิงและเซียนไป่เลี่ยนลอยออกไปพร้อมกัน จากนั้นกระแทกเข้าไปในส่วนลึกของกำแพงทั้งสองด้าน!

จีเติงเทียนที่อยู่ไกลออกไปใบหน้าซีดเผือด ท่ามกลางระเบิดสะเทือนฟ้าดิน เขารีบถอยห่างไปหลายสิบจั้ง สีหน้าอึ้งตะลึง

“ต่อสู้ประชิดตัวกับเซียนไป่เลี่ยน ไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย!”

จีเติงเทียนไม่อยากจะเชื่อสายตา น้ำเสียงสั่นพร่า

การประมือกันครั้งแรก เซียนไป่เลี่ยนอาจเก็บงำบางส่วนเอาไว้ จ้าวเฟิงใช้เคล็ดวิชากลยุทธ์และกลวิธีการบิน ถึงรับการโจมตีของเซียนไป่เลี่ยนเอาไว้ได้

แต่เมื่อครู่ เซียนไป่เลี่ยนปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา และแสดงกลยุทธ์ขั้นฟ้า แต่ก็ยังคงต่อสู้กับจ้าวเฟิงอย่างสูสี

ต้องรู้ว่า เซียนไป่เลี่ยนเป็นคนของตระกูลเฉาแห่งแปดตระกูลใหญ่

ตระกูลเฉาเป็นถึงตระกูลที่เชี่ยวชาญการรบ พอมีคุณสมบัติฝึกฝนร่างกาย และยังศึกษากลยุทธ์การต่อสู้ในชั้นวัตถุอย่างลึกล้ำ จึงสามารถต่อสู้แบบประชิดตัวได้เก่งกาจที่สุดในแปดตระกูล!

“นี่ไม่ใช่เรื่องจริง มีสายเลือดดวงตาที่น่ากลัวขนาดนี้ แล้วยังมีการโจมตีร่างกายที่สู้ระยะประชิดกับเซียนได้!”

ทั่วร่างของจีเติงเทียนสั่นอย่างหวาดกลัวน้อยๆ

ดวงตาสองข้างของเขาอ่อนแสงลง ฉายแววหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขาไม่กล้าจะลงมือ

เขากลัวว่าจะดึงดูดความสนใจของจ้าวเฟิงขึ้นมา เช่นนั้นแล้วเขาก็จะมีจุดจบอย่างเดียวกันกับจีไป๋!

โครม บึ้ม!

ในกำแพง เงาสว่างสองสายทะลุออกมา และเกี่ยวกระหวัดเข้าหากันอีกครั้ง

“จ้าวเฟิง ดูซิว่าเจ้าจะทนต่อไปได้อีกสักกี่น้ำ!”

เซียนไป่เลี่ยนกัดฟันแค่นเสียงเยาะ พลางเรียกใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ ในตอนนี้ เขามองจ้าวเฟิงเป็นยอดฝีมือในรุ่นเดียวกันแล้ว

การป้องกันร่างกายของจ้าวเฟิงแปลกประหลาดมาก

ถึงกระทั่งเหนือกว่าตระกูลสือ และเขาเองก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ในชั่วขณะหนึ่ง แต่เส้นกั้นมหาศาลระหว่างขอบเขตปราณเทวะและและขอบเขตเทวาเร้นลับอยู่ตรงจุดนั้น

กายศักดิ์สิทธิ์ของขอบเขตเทวาเร้นลับครอบครองพลังฟื้นฟูและความสามารถในการรักษาตัวเองที่แข็งแกร่งยิ่ง อีกทั้งพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทวาเร้นลับ ในขณะที่โจมตียังสามารถส่งผลกระทบต่อชั้นวิญญาณด้วย

ต่อให้จ้าวเฟิงมีศักยภาพมากมาย แต่นอกเหนือจากการโจมตีแล้ว เขายังต้องประคับประคองกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ รักษาอาการบาดเจ็บภายใน จึงใช้ปราณที่แท้จริงราวสายน้ำหลาก

“เหอะๆ!” มุมปากจ้าวเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มตื่นเต้น

การต่อสู้ในระยะประชิดตัวอย่างดุเดือดกับเซียนไป่เลี่ยน ทำให้จิตใจและร่างกายของจ้าวเฟิงกระชุ่มกระชวย เลือดร้อนที่กระหายการต่อสู้ในส่วนลึกพลุ่งพล่าน

เพราะแรงกดดันของมิติบรรพกาล เซียนไป่เลี่ยนสำแดงพลังได้สี่ส่วนเท่านั้น ไม่สามารถเรียกพลังทั้งหมดออกมาได้

จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้วิชาดวงตาวิญญาณเช่นกัน แต่ต่อสู้ระยะประชิดตัวกับเขา

โครม!

ทันใดนั้น ทั้งร่างของจ้าวเฟิงทะลักไอเพลิงโชติช่วงดุจอาทิตย์เลือด กลิ่นอายที่น่าพรั่นพรึงลุกโหมร้อนแรง ปะทุลุกลาม ประหนึ่งสุริยันแดงฉานที่เผาไหม้ ระเบิดแสงเพลิงโลหิตออกมา

เพลิงร้อนแรงเผาไหม้ในทางเดินเก่าแก่

“นี่มัน? เพลิงมารโลหิต?” สีหน้าเซียนไป่เลี่ยนฉายแววตะลึงและสงสัย

เหตุใดจ้าวเฟิงจึงมีสายเลือดตระกูลเถี่ยได้?

ตู้ม! จ้าวเฟิงเหมือนมารเพลิงโลหิตตนหนึ่ง ทั่วร่างลุกไหม้ แสงสว่างแดงฉาน ปีกอัสนีโบกสะบัด แรงระเบิดจากการโจมตีของฝ่ามือไปถึงขั้นที่น่าสะพรึงกลัว

จ้าวเฟิงผลักฝ่ามือออกมา กลุ่มเพลิงสีโลหิตระเบิดออก แสงอัสนีที่หมุนวนอยู่ภายในเผาผลาญกัดกร่อนทันที พลังที่ระเบิดออกมาไม่ต่างจากเคล็ดวิชาต่อสู้ของเซียนไป่เลี่ยนเลย

ในวินาทีที่ประมือกัน เซียนไป่เลี่ยนก็รู้สึกว่าปราณเลือดลมทั่วร่างถูกจ้าวเฟิงดูดซึมไป

มองกลับมาที่จ้าวเฟิง สีหน้าของเขากลับมาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

ปราณและเลือดลมของกายศักดิ์สิทธิ์ขอบเขตเทวาเร้นลับไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าจะดูดซึมไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

สำหรับราชันปราณเทวะเป็นการรักษาบำรุงมหาศาล

“นี่คือ ‘เพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์’ ของตระกูลเถี่ยที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วหายไปในยามก่อน!”

ใจของเซียนไป่เลี่ยนตื่นตะลึง ทิ้งระยะห่างจากจ้าวเฟิง ด้วยเป็นคนในแปดตระกูลใหญ่เหมือนกัน เขาจึงเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version