บทที่ 947 แสงโชติช่วงชวนตะลึง
วังหลวงต้าเฉียน
แผ่นหินเก่าแก่ที่สลักอักษรประหลาดแน่นขนัดลอยอยู่กลางอากาศ ระลอกพลังปริศนาเชื่อมม่านแสงสีขาวทั้งสิบรอบด้านเอาไว้ด้วยกัน
ใจกลางของม่านแสงก็คือเหล่าองค์ชาย
ผู้แข็งแกร่งบนชั้นเมฆและตำหนักรอบทิศเห็นเพียงภาพเหตุการณ์โดยรอบขององค์ชายในระยะไกล อีกทั้งความชัดเจนก็ไม่มากนัก
แต่ยามนี้ จุดรวมสายตาของทุกคนแทบจะอยู่ที่องค์ชายเก้าในม่านแสง
“องค์ชายสองก็มาถึงพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬแล้ว!”
“น่าเสียดาย องค์ชายสองก็ไม่ได้เข้าไปด้วย!”
“องค์ชายจะเข้าไปเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร หากเผชิญกับภัยอันตรายก็ทำได้เพียงขอความช่วยเหลือผ่าน ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ เช่นนั้นก็เท่ากับหมดสิทธิ์ใน ‘การทดสอบคัดเลือกรัชทายาท’ ครั้งนี้แล้ว!”
บนชั้นเมฆ ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละกลุ่มอิทธิพลวิจารณ์อื้ออึง
ตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน ในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท สถานการณ์เกี่ยวกับพื้นที่ต้องห้ามมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ด้วยเหตุนี้จึงดึงดูดความสนใจของผู้คนอย่างมาก
ลองคิดดู พื้นที่ต้องห้ามในมิติบรรพกาลที่ตกทอดมาจะเป็นอย่างไรกันแน่ จะมีสมบัติล้ำค่าตั้งแต่สมัยบรรพกาลซุกซ่อนอยู่หรือไม่
“พื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ เป็นพื้นที่ต้องห้ามที่มีระดับอันตรายอย่างยิ่งในสุสานราชวงศ์ โชคดีที่เฉินเอ๋อร์อยู่ไกลจากที่แห่งนี้มาก!”
บุรุษน่าเกรงขามรู้จักนิสัยขององค์ชายสิบสามเป็นอย่างดี
หากเป็นองค์ชายสิบสามพบว่าสถานที่ต้องห้ามแห่งนี้ไม่ใช่ที่ต้องห้ามอีกต่อไป ย่อมต้องเข้าไปสำรวจแน่นอน แต่จุดที่บรรยากาศตึงเครียดที่สุด คงไม่เกินไปกว่าตำหนักขององค์ชายเก้าและองค์ชายสอง
“ด้วยขอบเขตพลังของจ้าวเฟิง เมื่อเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามน่าจะไม่เป็นอะไรกระมัง?”
ผู้อาวุโสจากสำนักสองดาวผู้หนึ่งตกใจระคนสงสัย
ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ชื่นชมอะไรจ้าวเฟิงมากนัก แต่ค่ายกลใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ ของจ้าวเฟิงถูกใช้ไปแล้ว หาตายอยู่ภายใน สมาชิกขององค์ชายเก้าก็จะหายไปคนหนึ่ง
“มีตาเฒ่าอิงนำกลุ่ม คงจะไม่มีปัญหาใหญ่นัก!”
ถึงแม้หนานเฟิงอ๋องจะพูดเช่นนี้ ในใจกลับไม่สงบเท่าไหร่นัก เมื่อปีนั้นเขาก็เคยเข้าร่วมการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท มีความหวาดกลัวต่อพื้นที่ต้องห้ามอย่างลึกซึ้ง
ว่ากันว่า ในตอนนั้นลมมืดในหุบเขาวายุทมิฬมีแนวโน้มว่าจะอ่อนกำลังลงเช่นกัน
……
พื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ
“พื้นที่มรดกแห่งหนึ่งอีกแล้ว!”
เหลยทงมีสีหน้าแปลกไป
เห็นเพียงประตูหินเก่าแก่บนผาเบื้องหน้า พื้นผิวของประตูหินมีคลื่นน้ำกระเพื่อมชั้นหนึ่ง สะท้อนแสงห้าสีออกมา ตามตรรกะแล้ว มรดกที่เซียนทิ้งเอาไว้จะซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมฟ้าดิน รอให้คนที่มีชะตาต้องกันมาเปิดผนึกออก
แต่ด้านนอกพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ ทางเข้ามรดกจำนวนมากเห็นได้ชัดอย่างยิ่ง เป็นเพราะว่ามรดกเหล่านั้นน่าจะถูกขุดค้นพบไปนานแล้ว เพียงแต่ไม่ถูกทำลาย ด้วยเหตุนี้ปากทางเข้าจึงปรากฏให้เห็น
ตามหลักเหตุผลแล้ว พื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬแทบไม่มีใครสำรวจพบ มีเพียงเซียนที่กำลังจะตายเหล่านั้นซึ่งอาจเสี่ยงอันตรายเข้าไปในหุบเขาวายุทมิฬแล้วจัดแจงมรดก ด้วยเหตุนี้ในสถานการ์ปกติ ทางเข้ามรดกเหล่านี้ควรจะลับตามาก รอให้คนเข้าไปเจอ ไม่ใช่เผยให้เห็นชัดเจน เพียงแต่เวลานี้ ทุกคนก็คงใส่ใจอะไรไม่ได้มากนัก เรื่องที่เหมือนขนมแป้งสอดไส้ร่วงหล่นจากฟ้า (มีลาภลอยโดยไม่ต้องทำอะไร) ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
“เป็นสถานที่แห่งโอกาสจริงๆ!”
จิงข่ายยากจะปกปิดความตื่นเต้นที่เกิดขึ้น โผทะยานขึ้นไปทันที
สมาชิกในกลุ่มผู้เฒ่าชุดม่วงมองสบตากันไปมา ชิงตัดหน้าจิงข่ายพุ่งเข้าไปในประตูหิน
ตาเฒ่าอิงและจ้าวเฟิงก็ไม่ได้อยู่ข้างหลัง ตามเข้าไปเป็นลำดับ
ในวินาทีนั้น สิ่งของรอบบริเวณเปลี่ยนแปลงไป ทุกคนมาถึงเกาะที่รกร้างแห่งหนึ่ง รอบพื้นที่เกาะมีพายุหมุนมังกรดำที่น่าสะพรึงขวัญ ในน้ำก็ปรากฏกระแสน้ำวน ทั้งเกาะเหมือนเป็นสถานที่อันตรายยิ่ง
“นี่จะต้องเป็นพื้นที่มรดกแห่งหนึ่งของขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงแน่ๆ!”
ผู้เฒ่าชุดม่วงรับรู้สิ่งรอบด้าน ในใจกระตือรือร้น
โลกมิติมรดกแห่งนี้ก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก บนโลกมิติส่วนตัวมีรอยปริร้าวจำนวนนับไม่ถ้วน ลมมืดหมุนวนเข้าไปภายใน แต่ถึงแม้จะถูกทำลายจนยับเยินเช่นนี้ มรดกแห่งนี้ก็ยังคงโคจรอยู่ เห็นได้ว่าที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา
“แต่ว่าเหตุใดในมรดกแห่งนี้จึงมีปีศาจลมมืด?”
จักรพรรดิรุ่นเยาว์คนนั้นมองไปที่ด้านหน้าดินแดนเกาะ
บนเกาะมีโครงกระดูกมนุษย์นับไม่ถ้วน ขนาดของเกาะค่อนข้างใหญ่ แต่กลับมองไม่เห็นคนเป็นสักคน มีเพียงปีศาจลมมืดมากมายบินว่อนไปมาทั่วเกาะ ทั้งแปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัว แต่ส่วนกลางของดินแดนเกาะรกร้างมีหอคอยไม้แห่งหนึ่ง แสงแวววาวหลากสีจากภายในอาบหอคอยไม้ธรรมดาจนวิจิตรพร่างพราย
“มีความเป็นไปได้มากว่าเซียนได้ทิ้งมรดกเอาไว้ แต่โลกมิติส่วนตัวผ่านกาลเวลายาวนาน ขุมพลังแห้งขอด จนสุดท้ายแล้วถูกลมมืดในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬกัดกร่อนไป แต่ในโลกมิติส่วนตัวแห่งนี้ มีสิ่งมีชีวิตจำพวกมนุษย์ได้รับผลกระทบจากลมมืดเป็นเวลานานจนตายไปในที่สุด ดวงวิญญาณกลายเป็นปีศาจลมมืดแล้ว!”
ผู้เฒ่าชุดม่วงตื่นเต้นเล็กน้อย
หากเป็นเช่นนี้ การทดสอบของมรดกแห่งนี้ก็คือสังหารปีศาจลมมืดเหล่านี้
อีกทั้งโลกมิติส่วนตัวแห่งนี้ดูไปแล้วคงจะเป็นสถานที่มรดกของขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง
“เฒ่าอิง สมาชิกกลุ่มเจ้ามีกี่คนที่ชำนาญการโจมวิญญาณ?”
ผู้เฒ่าชุดม่วงยิ้มบางพลางถาม
ในสถานการณ์แบบนี้ ทำให้เห็นประโยชน์ของการร่วมมือกันชัดขึ้น
“เช่นนั้นก็ข้าเพียงคนเดียว!” ตาเฒ่าอิงตอบอย่างไม่ลังเล
“เช่นนี้ไม่ได้ ในกลุ่มของพวกข้ามปฐมเซียนคือข้าและเหลยทง สามารถโจมตีวิญญาณได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเจ้าก็ออกแรงน้อยเกินไปแล้ว!”
ผู้เฒ่าชุดม่วงส่ายศีรษะเล็กน้อย ปรายตามองจ้าวเฟิงพลางเอ่ยต่อ
“ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะเป็นเพียงราชันช่วงปลาย แต่สามารถฝึกสัตว์อสูรระดับหมียักษ์ขนผลึก พลังวิญญาณย่อมแข็งแกร่ง น่าจะเคยใช้เคล็ดวิชาโจมตีวิญญาณส่วนหนึ่งกระมัง!”
หลังจากเอ่ยจบ ผู้เฒ่าชุดม่วงย้อมบางขณะมองจ้าวเฟิงอย่างประเมิน
ย้อนกลับไปที่จ้าวเฟิง แววตามองหอคอยไม้ที่อยู่ไกลออกไป ท่าทางเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
ผู้เฒ่าชุดม่วงกระอักกระอ่วนเล็กน้อย อีกอย่างเขาเองก็มองผู้เยาว์ผู้นี้ไม่ทะลุปรุโปร่ง
“เขาเพียงแต่ชำนาญวิชาลวงตา ไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาโจมตีได้!”
ตาเฒ่าอิงตอบแทนจ้าวเฟิง
เขาจับสังเกตได้ว่ากลุ่มของผู้เฒ่าชุดม่วงมีเจตนาร้ายต่อพวกเขาแอบซ่อนอยู่
ด้วยเหตุนี้ในสายตาของคนอื่น จ้าวเฟิงที่ค่อนข้างอ่อนแอและถูกเพิกเฉย ไม่ควรเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงเป็นการดีที่สุด
“ไม่สู้เอาแบบนี้ ให้จ้าวเฟิงเอาสัตว์วิเศษออกมาเป็นเกราะกำบัง แบบนี้จะสามารถแบ่งทรัพยากรมรดกในท้ายที่สุดได้คนละครึ่ง และยังพึ่งพาความสามารถของตนเองได้ด้วยเช่นกัน เป็นอย่างไร?”
ผู้เฒ่าชุดม่วงไม่ค่อยคล้อยตาม
ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะอยู่ในขั้นราชันช่วงปลาย แต่ผู้เฒ่าชุดม่วงรู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่ ไม่เช่นนั้นจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลในมิติเทพลวงตาได้อย่างไร
ตลอดทางที่ผ่านมา จ้าวเฟิงเกิดเหตุการณ์ไม่สมเหตุสมผลหลายอย่าง
ดังนั้นผู้เฒ่าชุดม่วงจึงใช้ความคิดอย่างมาก อยากจะลองหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางของจ้าวเฟิง
“ก็ดี ข้าไม่อยากเอาเปรียบคนอื่นเช่นกัน!”
จิตของจ้าวเฟิงดำดิ่งเข้าไปในมนตราอากาศ เลือกแมงป่องพิษริ้วดำในขั้นราชันชั้นสูงสิบกว่าตัวจากในฝูงมา พิษในหางแมงป่องของแมงป่องพิษริ้วดำมีผลกัดกร่อนวิญญาณ เป็นการโจมตีวิญญาณได้ในระดับหนึ่ง
“ได้ เฒ่าอิง ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ในกลุ่มพวกเจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ แมงป่องพิษริ้วดำพวกนี้ก็เป็นสัตว์อสูรในสุสานราชวงศ์กระมัง!”
แววตาของผู้เฒ่าชุดม่วงหวาดหวั่น มองไปที่แมงป่องพิษริ้วดำตัวใหญ่บนพื้น ออกจะรู้สึกลำพองใจเมื่อเห็นไพ่ไม้ตายของจ้าวเฟิงเผยออกมาอีกใบ
จ้าวเฟิงปรายตามองผู้เฒ่าชุดม่วงคราหนึ่ง ไม่เอ่ยอะไรออกมา
“เริ่มกันเถอะ!”
ในมรดกคราวก่อน เขาเสียประโยชน์ไปให้กับจ้าวเฟิง เหลยทงอยากระบายอารมณ์แทบทนไม่ไหว
“ไปกันเถอะ เฒ่าอิง!”
ผู้เฒ่าชุดม่วงพุ่งทะยานออกไป พลังวิญญาณน่าสะพรึงทะลักออกมา
ผู้เฒ่าชุดม่วงสะบัดมือส่งเดช แสงม่วงสว่างไสวลอยออกมา แฝงไว้ด้วยพลังทำลายทั้งวิญญาณและกายเนื้อ เพราะอย่างไรก็เป็นถึงปฐมเซียน เคยลองทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ ดังนั้นจึงเข้าใจการประสานดวงวิญญาณและปราณที่แท้จริงอย่างมาก
ในเวลาเดียวกัน!
บนเกาะรกร้าง ปีศาจลมมืดมหาศาลถูกดึงดูดมา กลายเป็นลมหมุนสีดำสนิทหลายลูก โหมซัดมาที่กลุ่มคนประหนึ่งพายุดำมืด
ขวับ ขวับ!
ร่างของตาเฒ่าอิงลอยล่อง สะบัดมือภายใต้ชุดคลุมสีดำ ลำแสงสีเทาเข้มหลายสายหลอมรวมเข้าไปในอากาศ จากนั้นก็โจมตีโดนปีศาจลมมืดอย่างรุนแรง
วิธีการโจมตีของตาเฒ่าอิง เห็นได้ชัดว่าเป็นเคล็ดวิชาวิญญาณที่สูงส่งและลึกล้ำยิ่ง ทั้งยังแฝงเสวียนอ้าวมิติอีกด้วย
ส่วนในมือของเหลยทงกลับปรากฏมุกสายฟ้าสีเข้มเม็ดหนึ่ง เขาเพียงแค่ต้องผสานพลังวิญญาณเข้าไปข้างใน ก็จะสามารถปลดปล่อยการโจมตีวิญญาณธาตุอัสนีผ่านทางมุกสายฟ้าได้
เห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมของวิเศษประเภทช่วยเหลือไว้สำหรับการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทครั้งนี้โดยเฉพาะ
ด้านหน้าของคนทั้งสาม แมงป่องพิษริ้วดำสิบกว่าตัวของจ้าวเฟิงดึงดูดพลังไฟของปีศาจลมมืด
จากการผนึกกำลังโจมตีของปฐมเซียนสามคน จึงทำให้ปีศาจลมมืดในเกาะรกร้างแห่งนี้ลดลงไปอย่างรวดเร็ว
ครึ่งชั่วยามต่อมา ปีศาจลมมืดล้มตายหายไปจนหมดสิ้น
ฉับพลันทันใด คนทั้งหกตรงเข้าไปในหอคอยไม้ที่เปล่งแสงเรืองรองหลังนั้น
วิธีการแบ่งคือ ใครมาถึงก่อนก็จะเป็นของคนนั้น!
ตาเฒ่าอิง จิงข่าย และผู้เฒ่าชุดม่วงตรงดิ่งเข้าไปในประตูหน้า ส่วนจ้าวเฟิง เหลยทง และจักรพรรดิรุ่นยาว์บินเข้าไปในหน้าต่างชั้นสอง
“อาวุธวิเศษชั้นพิภพระดับสุดยอด!”
สีหน้าของจักรพรรดิรุ่นเยาว์อึ้งไปเล็กน้อย
ภายในหอคอยไม้ ทั้งกระจก รูปวาด กระถางเครื่องหอม กลิ่นอายที่สาดซัดออกมาจากสิ่งของทั้งหมดที่จัดวางอยู่ถึงชั้นพิภพระดับสุดยอดทั้งสิ้น
“อาวุธวิเศษชั้นนภา!”
แววตาของเหลยทงจ้องยังพู่กันสีทองที่วางเรียงกันบนชั้นบนตู้หนังสือ และโผบินขึ้นไปทันที
นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นอาวุธวิเศษชั้นพิภพระดับสุดยอดชุดหนึ่ง พลังรวมกันแล้วแตะถึงขั้นอาวุธวิเศษชั้นนภา
“กลยุทธ์วิชา!”
จักรพรรดิรุ่นเยาว์ผู้นั้นตรงไปที่ตู้ข้างหัวเตียงไม้ ด้านบนวางหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง
แต่จ้าวเฟิงทะยานไปที่หัวเตียง เจอขวดยาส่วนหนึ่งและผลึกเซียนระดับล่างสิบชิ้นที่ใต้หมอนไม้
“ผู้เยาว์ ผลึกเซียนระดับล่างจำนวนมากเช่นนี้ คิดจะฮุบไว้คนเดียวงั้นหรือ?”
หลังจากเหลยทงเก็บอาวุธวิเศษชั้นนภาก็ตรงมาหาจ้าวเฟิง บนฝ่ามือปรากฏประกายอัสนีสว่างแปลบปลาบ
สีหน้าของจ้าวเฟิงไม่เปลี่ยนแปลง เก็บเอาขวดยาและผลึกเซียนระดับล่างเข้าไปในมนตราอากาศ
มุมปากของเหลยทงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ พายุแสงสายฟ้าเป็นประกายพวยพุ่งไม่หยุดหย่อน
“เหอะ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น พลางโคจรวายุอัสนีธาตุไฟ แล้วส่งหนึ่งหมัดออกไป
โครม!
ฝ่ามือและหมัดปะทะเข้าหากัน แสงอัสนีและเพลิงระเบิดออก จ้าวเฟิงไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย แต่เหลยทงกลับถูกกระแทกจนลอยออกไปปะทะพื้นไม้ ฝ่ามือขวาไหม้เกรียม เกิดความเจ็บแสบเหน็บชาระลอกหนึ่ง เลือดลมภายในร่างปั่นป่วน
“เป็นไปได้อย่างไร?”
สีหน้าของเหลยทงตื่นตะลึง ถึงแม้ฝ่ามือของเขาจะใช้พลังเพียงหกส่วนเท่านั้น แต่คนที่เสียเปรียบทำไมจึงเป็นเขาไปได้?
ฝั่งตรงข้ามเป็นเพียงแค่ราชันในขอบเขตปราณเทวะเท่านั้น!
พลังของจ้าวเฟิงเหตุใดจึงน่ากลัวเช่นนี้?
พลังที่ระเบิดออกกับอานุภาพของธาตุไฟและสายฟ้าที่แฝงอยู่ภายในทำให้คนต้องหวาดกลัว!
“เหลยทง พวกเจ้า…”
จักรพรรดิรุ่นเยาว์คนนั้นเก็บบันทึกโบราณ แล้วจึงเห็นเหลยทงบินออกไป กำลังเตรียมจะเอ่ยปากถาม
ทันใดนั้นเอง
ครืน ครืน!
โลกมิติมรดกทั้งหมดสั่นไหวส่งเสียงครึกโครม รอยปริร้าวที่อากาศด้านบนขยายออกไม่หยุด คลื่นมหาสมุทรด้านล่างสาดซัดปั่นป่วน เกาะที่รกร้างแห่งนี้เหมือนกำลังจะโดนกลืนลงไป
ตูม! “แย่แล้ว โลกมิติส่วนตัวแห่งนี้กำลังจะพังทลาย!”
เสียงของผู้เฒ่าชุดม่วงที่อยู่ด้านล่างดังขึ้น
“รีบไป จิงข่าย จ้าวเฟิง!”
จ้าวเฟิงเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย หยิบเอาของหลายชิ้นติดมือมาด้วย และโบยบินไปกลางอากาศทันที!
เงาคนทั้งหกโบยบินออกจากรอยปริร้าวกลางอากาศของโลกมิติส่วนตัว กลับไปยังหุบเขาวายุทมิฬ
ในวินาทีที่พวกเขาโบยบินออกมา คนทั้งหมดนิ่งอึ้งอยู่กับที่ แววตาจับจ้องไปยังจุดเดียวกัน
เห็นเพียงแสงพร่างพรายเก้าสีจากในส่วนลึกของหุบเขาวายุทมิฬปะทะเข้าทำลายลมมืด ส่องสะท้อนไปทั่วผืนฟ้า
เหมือนที่ส่วนลึกของหุบเขาวายุทมิฬมีสมบัติล้ำค่าควรเมืองที่อยู่เหนือขอบเขตเทวาเร้นลับ พลังสมบัติโชติช่วงของมันตื่นขึ้นในทันใด ต่อให้เป็นหุบเขาวายุทมิฬก็ยังไม่อาจกลบแสงสว่างเรืองรองของมันได้
“ที่นั่น…มีสมบัติอะไรกัน?”
จิงข่ายกลืนน้ำลายลงคอ แววตาจับจ้องไปที่แสงระยิบระยับเก้าสีดั ไม่สามารถจะละสายตาไปจากมันได้
ภายในกองหินระเกะระกะอีกแห่งหนึ่งของหุบเขาวายุทมิฬ กลุ่มคนสี่คนออกมาจากเส้นทางลับ
“หรือว่าอาวุธเทพชั้นรองจะปรากฏ?”
ผู้เฒ่าเคราแพะหนึ่งในสมาชิกของกองกำลังองค์ชายสองตื่นตะลึงเล็กน้อย ทอดสายตามองไปที่ไกลๆ!