Skip to content

King of Gods 971

King Of Gods

บทที่ 971 โจมตีสุดกำลัง

ในตอนที่กลุ่มพลังต้องห้ามเลือนหายไป สมาชิกกลุ่มองค์ชายเก้าที่รอคอยอย่างร้อนรนด้านนอกก็เข้ามาทันที

“จ้าวเฟิง!”

ทุกค้นพบว่าจ้าวเฟิงนั่งสมาธิอยู่บนพื้นหญ้ารก ใจที่แขวนอยู่พลันผ่อนคลายลง

ดูท่าจ้าวเฟิงจะชนะแล้ว

“พวกเราก็รออยู่ที่นี่แล้วกัน!” ตาเฒ่าอิงเสนอความเห็น

สมาชิกที่เหลือไม่มีใครคัดค้าน

ไกลออกไปนับพันลี้ พวกเขาล้วนสามารถสัมผัสได้ถึงขอบเขตการต่อสู้ของจ้าวเฟิงและจักรพรรดิแห่งความตาย คลื่นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงไหวกระเพื่อมเป็นระลอก ใกล้เข้ามาเพียงเล็กน้อย พลังชีวิตในกายก็หลั่งไหลออกโดยทันที

ยากจะจินตนาการได้ว่าจ้าวเฟิงและคนชุดดำต่อสู้กันได้น่าหวาดหวั่นเช่นใด

แต่ในตอนนี้ จ้าวเฟิงยังมีชีวิตอยู่ สำหรับพวกเขาแล้ว นี่คือปาฏิหารย์

ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ทุกคนต่างมีจ้าวเฟิงเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง หากจ้าวเฟิงเกิดเป็นอะไรไป การคัดเลือกรัชทายาทครั้งนี้ของพวกเขาก็ถึงเวลาจบสิ้น

“องค์ชายเก้า พวกเรายังมีความหวัง!”

ตาเฒ่าอิงปลอบโยนให้กำลังใจ

แต่เดิมพลังชะตามังกรในตรารัชทายาทจำลองขององค์ชายเก้านับว่ายังมีอยู่เยอะ เกินกว่าความคาดหวังในตอนแรก แต่การต่อสู้นอกเหนือความคาดหมายครั้งนี้ ในยามที่เผชิญหน้ากับเซียนวิญญาณทมิฬ ก็ได้ใช้ ‘พลังชะตามังกร’ ไปแล้วส่วนหนึ่ง

หลังจากนั้น องค์ชายเก้าก็เสี่ยงชีวิตเข้าไปในอาณาเขตการต่อสู้ของจ้าวเฟิงและจักรพรรดิแห่งความตายเพื่อช่วยจ้าวเฟิง และก็ใช้ ‘พลังชะตามังกร’ ส่วนหนึ่งไปอีกครั้ง

ในตอนนี้ พลังชะตามังกรใน ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ ขององค์ชายเก้าใช้ไปแล้วกว่าครึ่ง

“อืม ขอเพียงแต่มีสหายจ้าวอยู่ ทั้งหมดล้วนมีความหวัง!”

องค์ชายเก้าพยักหน้า

สำหรับผลลัพธ์เช่นนี้ เขาไม่เสียใจเลยสักนิด หากไม่มีความช่วยเหลือจากจ้าวเฟิง เขาก็ไม่สามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้เลย พลังชะตามังกรส่วนใหญ่ในตรารัชทายาทจำลอง ก็เป็นเพราะจ้าวเฟิงถึงได้มา

เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“พวกเราไปกันเถอะ!”

จ้าวเฟิงที่นั่งสมาธิมาแล้วสามวัน ในที่สุดก็พูดขึ้น

ที่จริงแล้วอาการบาดเจ็บของร่างกายจ้าวเฟิงหายดีนานแล้ว แต่การโรยราของวิญญาณคือสิ่งที่จ้าวเฟิงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ดีที่ ‘พลังสายฟ้าบรรพกาล’ ในท่อนไม้ไหม้เกรียม มีประโยชน์บำรุงเป็นอย่างมากสำหรับวิญญาณของจ้าวเฟิง

นี่ก็อาจจะเป็นคุณสมบัติพิเศษของ ‘กายวิญญาณอัสนี’ ที่สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของชั้นวิญญาณได้โดยผ่านการดูดซับพลังสายฟ้า

ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงค้นพบว่าการต่อสู้กับจักรพรรดิแห่งความตาย สร้างพื้นฐานสำหรับการฝึกบำเพ็ญ ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อมตะ’ ได้ระดับหนึ่ง

วันนั้นจ้าวเฟิงไม่สามารถสำเร็จ ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อมตะ’ ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น จึงวางเอาไว้ก่อน

หลังผ่านการตกตะกอนของเวลาเช่นนี้ รวมกับ ‘ความช่วยเหลือ’ จากเสวียนอ้าวมรณะของจักรพรรดิแห่งความตาย ต่อไปก็สามารถลงมือฝึกบำเพ็ญได้แล้ว

ใจทุกคนพรั่นพรึง จ้าวเฟิงฟื้นตัวแล้วรึ?

ศัตรูที่น่าหวาดกลัวและการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ จ้าวเฟิงรักษาตัวเองโดยใช้เวลาแค่สามวันก็ได้แล้ว?

โจวซู่เอ๋อร์ที่เป็นแพทย์ยังสงสัย สังเกตประเมินจ้าวเฟิง จนกระทั่งมั่นใจว่าร่างกายของจ้าวเฟิงไม่มีบาดแผลที่สาหัส จึงวางใจลงได้

“จ้าวเฟิง จักรพรรดิแห่งความตายนั่นล่ะ?”

ตาเฒ่าอิงหยั่งเชิงถาม

ตอนที่เขารู้ตัวตนที่แท้จริงของคนชุดดำและกายวัฏสงสาร ก็ตกใจเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน

กายอมตะ ระดับวิญญาณสูงถึงขั้นเซียน อีกทั้งมีเนตรสังสารวัฏ เช่นนี้ต่อให้จักรพรรดิแห่งความตายเป็นแค่เซียนธรรมดาก็ไร้พลังที่จะต่อกร แต่เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง คนที่อยู่รอดกลับเป็นจ้าวเฟิง

ตาเฒ่าอิงทำได้แค่ปลง ยังไงเขาก็ไม่มีวันมองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ได้ทะลุปรุโปร่ง

สายตาสมาชิกที่เหลือพลันมองไปยังจ้าวเฟิง ถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาชนะแล้ว แต่พวกเขาก็อยากจะได้ยินจ้าวเฟิงพูดออกมาจากปากตัวเอง

“ไปแล้ว!” จ้าวเฟิงตอบคำถามง่ายดายชัดเจน

ไปแล้ว?

ทุกคนตะลึงงันเล็กน้อย คำตอบนี้ทำให้ยากจะมั่นใจในผลชนะ

“ถ้าเช่นนั้น จ้าวเฟิง หลังจากที่เจ้าออกจากสุสานราชวงศ์แล้ว เจ้าก็รั้งอยู่ในวังหลวงเถอะ!”

ตาเฒ่าอิงราวกับคิดอะไรอยู่

ครั้งนี้ จ้าวเฟิงอาจจะชนะนำไปได้

แต่จักรพรรดิแห่งความตายเป็นอมตะ ในชั่วขณะความตายของเขา ก็อาจจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใน ‘วัฏสงสารแห่งความตาย’ แล้วก็เป็นได้

จ้าวเฟิงอยู่ในวังหลวงจึงจะแน่ใจว่าสามารถอยู่รอดปลอดภัย

“ใช่ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ สหายจ้าวอยู่กับข้าชั่วคราวได้!”

องค์ชายเก้ารีบรับคำ

“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถิด!”

สำหรับความปราถนาดีของตาเฒ่าอิงและองค์ชายเก้า จ้าวเฟิงไม่ได้ตอบรับและไม่ได้ปฏิเสธ ในตอนนี้เขาก็ยังไม่แน่ใจถึงทิศทางต่อไปหลังออกจากสุสานราชวงศ์เช่นกัน

จะอยู่ในวังหลวงชั่วคราว หลบวังเก้านิรย หรือจะกลับหอควันสมุทร ไม่ก็ตามหาเนตรสังสารวัฏ….

จ้าวเฟิงยังคงจำคำพูดของปราชญ์ลิ่วอูได้เสมอ

‘หากต้องการยืนยันที่ไปของหลิวฉินซิน มีแต่ต้องหาเนตรสังสารวัฏให้เจอ’

อาจเป็นเพราะเนตรสังสารวัฏมีพลังในด้านนี้ จ้าวเฟิงก็ไม่แน่ใจเรื่องนี้เช่นกัน

แต่ว่า เรื่องของจักรพรรดิแห่งความตาย ทำให้จ้าวเฟิงยากที่จะตัดสินใจ เนตรสังสารวัฏเป็นมิตรหรือศัตรู….

…………

ฟากองค์ชายเจ็ดที่อยู่ในกำแพงเมืองเหล็กกล้า

“ออกไปยืนยันความเป็นตายของจ้าวเฟิงดีหรือไม่?”

เจียงฮ่าวถามขึ้น

“เจ้าบ้าไปแล้ว จ้าวเฟิงตายไปแล้วแน่นอน พลังที่เจ้าคนชุดดำใช้ แม้แต่ข้ายังไม่กล้าเข้าใกล้!”

ปฐมเซียนคนหนึ่งรีบตะคอก

ในวันนั้นหลังจากที่เซียนวิญญาณทมิฬกลับมา เขาก็ถูกส่งตัวออกไป เข้าไปใกล้สถานที่ต่อสู้ของจ้าวเฟิงกับคนชุดดำจากอีกฟากหนึ่ง

เขาไม่เห็นแม้กระทั่งคน ทว่าก็ถูกเสวียนอ้าววิญญาณมรณะที่น่ากลัวทำให้ตกใจกลับมา

“แต่ว่าคนชุดดำก็ไม่ได้กลับมาเหมือนกัน!”

เผชิญหน้ากับปฐมเซียนคนนี้ เจียงฮ่าวไม่เกรงใจแม้แต่น้อย

ประโยคนี้ของเจียงฮ่าว ทำให้คนที่อยู่ที่นั่นเงียบลงโดยทันที

กลุ่มขององค์ชายเก้าและคนชุดดำล้วนไม่ได้กลับมา ตรงจุดนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลบางอย่าง

“วางใจเถอะ ต่อให้จ้าวเฟิงยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่ ไม่มีทางโจมตีพวกเราได้หรอก!”

เซียนวิญญาณทมิฬรู้ดีถึงความเชี่ยวชาญด้านวิญญาณของคนชุดดำ ใบหน้ามั่นใจ

จ้าวเฟิงคือนักฝึกสัตว์ที่สำคัญที่สุดในการบุกโจมตีเมือง เมื่อวิญญาณได้รับบาดเจ็บ ย่อมไม่มีทางควบคุมสัตว์อสูรได้

“องค์ชายเก้าและจ้าวเฟิงมาแล้ว!”

เสียงของจางอี้พลันดังขึ้น

เซียนวิญญาณทมิฬหน้าดำคล้ำ นึกเสียใจกับประโยคที่พูดออกมาเมื่อครู่

จางอี้และแพทย์คนหนึ่งกำลังดูแลสัตว์ปีศาจอยู่ด้านนอก สัตว์ปีศาจที่ถูกกัดกินจากเสวียนอ้าวมรณะพวกนี้ หากไม่รักษาแล้วละก็ ผ่านไปอีกไม่นานก็จะล้มตายลงอย่างแน่นอน

เขาไม่คิดเลยว่าเพราะเหตุนี้จะทำให้ได้เห็นภาพนี้ เขามองจ้าวเฟิงด้วยใบหน้าหวาดผวา “นี่เขาเป็นตัวประหลาดอะไรกันนี่?”

ฟิ้ว ฟิ้ว!

สมาชิกขององค์ชายเจ็ดมาถึงบนกำแพงในทันที มองไปยังที่ไกลๆ

“จ้าวเฟิงไม่เป็นอะไรเลยงั้นรึ?”

ปฐมเซียนที่ถูกส่งออกไปแล้วไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของจ้าวเฟิงและจักรพรรดิแห่งความตายมีสีหน้าตื่นตกใจ

“เป็นไปไม่ได้ คนชุดดำเชี่ยวชาญการโจมตีวิญญาณด้วยเสวียนอ้าวมรณะ วิญญาณของจ้าวเฟิงน่าจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก อย่างน้อยก็ไม่น่าจะควบคุมสัตว์ปีศาจได้สบายๆ เช่นนี้!”

ดวงตาที่ห่อเหี่ยวของเซียนวิญญาณทมิฬจับจ้องไปยังจ้าวเฟิง

คนชุดดำนั่น แม้แต่เขายังแอบหวาดกลัว เขาไม่อยากจะยอมรับความจริงเรื่องที่จ้าวเฟิงปลอดภัยดีนี่เลย

“ท่าทางศึกนี้คงยากจะหลีกเลี่ยงเสียแล้ว!”

บัณฑิตหน้าหยกมองสมาชิกทั้งหมดขององค์ชายเก้า สรุปผลลัพธ์ออกมาจากสีหน้าท่าทางของพวกเขา

การกลับมาอีกครั้งของกลุ่มองค์ชายเก้า ในกลุ่มความร่วมมือขององค์ชายสามและส่วนที่เหลือในเมืองความลับสวรรค์ล้วนตกตะลึงเช่นกัน

“เจอการไล่ล่าของคนชุดดำและเซียนวิญญาณทมิฬ สมาชิกกลุ่มองค์ชายเก้ายังคงไม่มีใครตายงั้นรึ?”

สีหน้าขององค์ชายสองสงสัยตกใจ

“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน? คนชุดดำล่ะ? ไม่ได้กลับมา!”

องค์ชายสิบสามเผยสีหน้าเคร่งเครียด มองไปยังจ้าวเฟิง ในดวงตาอัดอั้นมีไอสังหารล้นทะลัก

“จ้าวเฟิง!”

ดวงตาทั้งสองของหยูเทียนฮ่าวเปี่ยมล้นไปด้วยจิตต่อสู้

“ใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ!”

องค์ชายแปดทอดถอนใจเล็กน้อย

กองกำลังขององค์ชายเก้ามาถึงนอกเมืองความลับสวรรค์ที่องค์ชายเจ็ดอยู่อีกครั้ง

พวกองค์ชายเก้าในตอนนี้ไม่โดนเยาะเย้ยถากถางจากใครทั้งสิ้น

กลุ่มขององค์ชายเจ็ดล้วนตั้งท่าพร้อมรบ

“วิญญาณของเขา…”

เซียนวิญญาณทมิฬประเมินจ้าวเฟิงอย่างละเอียด แต่กลับพบว่าจ้าวเฟิงไม่มีท่าทีได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไรเลย กลิ่นอายวิญญาณยิ่งแข็งแกร่งอย่างที่ประเมินไม่ได้

“โจมตีสุดกำลัง เป้าหมายแรกคือจ้าวเฟิง ทำลายการควบคุมสัตว์อสูรของเขาก็ได้แล้ว!”

บัณฑิตหน้าหยกรีบส่งกระแสจิตให้กับสมาชิก อธิบายถึงแผนการต่อสู้ทันที

“จ้าวเฟิง ไม่มีปัญหากระมัง!”

เฒ่าอิงสอบถาม

เขารู้ว่าการต่อสู้ของจ้าวเฟิงและจักรพรรดิแห่งความตาย จะต้องเป็นการปะทะในด้านวิญญาณอย่างแน่นอน

“อืม!” จ้าวเฟิงพยักหน้า

“โจมตีจนสุดกำลังได้เลย!” ดวงตาทั้งสองของจ้าวเฟิงเฉยชา

ครั้งนี้ไม่มีใครขัดขวางอีกแล้ว เมืองความลับสวรรค์แห่งนี้ เขาจะเอามาให้ได้ ได้ยินจ้าวเฟิงพูดเช่นนี้ ใจของทุกคนตื่นเต้นฮึกเหิม พวกเขารู้ว่าครั้งนี้จ้าวเฟิงจะเอาสัตว์อสูรทั้งหมดออกมา ให้พวกนั้นได้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของกลุ่มองค์ชายเก้า

“บุก!”

บัณฑิตหน้าหยกคำรามดัง สมาชิกทั้งหมดบุกประจันหน้าทันที พลังอันยิ่งใหญ่ที่น่ากลัวแผ่กดดันออกไป เป้าหมายก็คือจ้าวเฟิง

จางอี้ก็รีบสั่งสัตว์อสูรให้จัดแถวทันที

จ้าวเฟิงมองสมาชิกขององค์ชายเจ็ดที่ท่าทางทรงพลังน่าหวั่นเกรง ใบหน้านิ่งสงบไม่เปลี่ยน แขนซ้ายเพียงสะบัด!

ตูม!

กลิ่นอายเหี้ยมโหดของสัตว์อสูรพลันปรากฏขึ้นนอกกำแพงเมืองขององค์ชายเจ็ด กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวฝ่าผ่านพลังการโจมตีจากสมาชิกฝั่งองค์ชายเจ็ดจนแตกพ่ายไปทันที

กลิ่นอายพลังเหี้ยมโหดอันเข้มข้นนี้ กระทั่งทำให้คนทั้งหมดรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้กลายเป็นอาณาจักรของสัตว์อสูร ส่วนพวกเขากลายเป็นเหยื่อ

ฟู่~

ฝูงปีศาจดำเมื่อมเข้าล้อมกำแพงเมืององค์ชายเจ็ด

ฝูงแมงป่องริ้วดำ ฝูงหมาป่าสายลม ฝูงหมาป่าราตรี ฝูงงูเหมันต์หัวแดง ฝูงหมาป่าปีกนก และยังมีวานรทองสะท้านฟ้าอีกเจ็ดตัว กับสัตว์วิเศษขั้นจักรพรรดิอีกหลายตัว

หลายคนที่พุ่งออกมาจากกำแพงเมืององค์ชายเจ็ดหยุดชะงักเท้าเสียดื้อๆ เกือบจะสะดุดล้มไปกองอยู่บนพื้น

ส่วนจางอี้ที่ยัง ‘จัดกระบวนพล’ อยู่ด้านหลัง ล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย

สัตว์อสูรที่เขาควบคุมแตกตื่นถอยหลัง ส่งเสียงยอมศิโรราบ

“นี่….นี่ตกลงแล้วมีสัตว์อสูรกี่ตัวกันแน่?”

เสียงของจางอี้บางเบาและสั่นเครือ ไม่กล้าจะเชื่อ

อีกทั้งสัตว์ปีศาจพวกนี้ล้วนเป็นเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมจากห้วงฝันบรรพกาล พวกมันเหี้ยมโหดอำมหิต ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ส่วนกลางมือของจ้าวเฟิงในยามนี้ หนอนไหมมรกตตัวอ้วนดุกดิกตัวหนึ่งค่อยๆ บินออกมา

กลิ่นอายบรรพกาลอันน่าหวาดหวั่นพลันแผ่ซ่าน

สัตว์อสูรนับไม่ถ้วนรอบกายจ้าวเฟิงคำรามอย่างบ้าคลั่งทันใด กลิ่นอายดุร้ายอำมหิตสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน

ในชั่วพริบตา เผ่าพันธุ์สายเลือดเดิมในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณตัวนี้ ก็กลายเป็นผู้นำของสัตว์อสูรทั้งหลาย

ภายใต้สายเลือดบรรพกาลที่บริสุทธิ์จากไหมเมฆาผีเสื้อเซียน พวกมันยินยอมศิโรราบและออกรบเพื่อมัน

“นี่ จะทำยังไงดี?”

องค์ชายเจ็ดใบหน้าซีดขาวทันที มองไปยังบัณฑิตหน้าหยก

“สมาชิกทั้งหมดเข้าต่อสู้ก็แล้วกัน แต่เปลี่ยนแผนการสู้!”

บัณฑิตหน้าหยกสูดหายใจลึก

“เป้าหมายเปลี่ยนเป็นองค์ชายเก้า ใช้พลังทั้งหมดเข้าบีบบังคับเขา หรือกระทั่งคุกคามชีวิตเขา!”

เสียงเด็ดเดี่ยวของบัณฑิตหน้าหยกดังเข้าไปในหัวของทุกคน องค์ชายเจ็ดอึ้งไปเล็กน้อย เข้าใจถึงความหมายของบัณฑิตหน้าหยก ขอเพียงแค่องค์ชายเก้าขอความช่วยเหลือผ่าน ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ เช่นนั้นทุกอย่างก็จะจบสิ้น จ้าวเฟิงมีสัตว์อสูรอีกมากเท่าใดก็ไร้ประโยชน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version