Skip to content

King of Gods 972

King Of Gods

บทที่ 972 กุมสถานการณ์

ในตอนที่กลิ่นอายโหดเหี้ยมน่าหวั่นเกรงจากสัตว์อสูรปรากฏอยู่ที่นอกกำแพงเมืองเหล็กกล้าขององค์ชายเจ็ด

ย่อมไม่ใช่แค่ฝั่งองค์ชายเจ็ดเท่านั้นที่ตกใจ สมาชิกของเมืองความลับสวรรค์ที่เหลือทั้งสามแห่ง กลุ่มความร่วมมือของสามองค์ชายนอกเมืองความลับสวรรค์ด้านตะวันตก และผู้ชมการต่อสู้ทั้งหมดที่อยู่ในราชวงศ์ต้าเฉียน ก็ล้วนตื่นตะลึงเพราะภาพตรงหน้า

“นี่ ทำไมถึงมีสัตว์อสูรมากมายถึงเพียงนี้?”

องค์ชายห้ายืนอึ้งมองดูจากที่ไกล

เขารู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นน่าจะให้องค์ชายสองไปเชิญองค์ชายเก้ามา

ด้วยฝูงสัตว์อสูรเช่นนี้ การจะทำลายกำแพงเมืองขององค์ชายแปดก็เป็นเรื่องที่แสนจะง่ายดาย อีกทั้งความสามารถที่แท้จริงของกลุ่มองค์ชายเก้าก็ไม่อ่อนแอ เผชิญหน้ากับคนชุดดำและเซียนวิญญาณทมิฬ แล้วไม่มีใครตาย

“ดูท่าจ้าวเฟิงคงจะรู้สึกจริงๆ ว่าโจมตีพวกเราไม่มีอะไรสนุก!”

องค์ชายแปดที่อยู่ข้างลั่วจุนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะพูดขึ้น

เขารู้สึกเสียใจภายหลังนักที่ในตอนแรกไม่ได้สนิทสนมกับจ้าวเฟิง และตอนนี้เขายิ่งรู้สึกว่าโชคดีที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับอีกฝ่าย ด้วยพลังที่แท้จริงของกลุ่มองค์ชายเก้าในตอนนี้ ไม่เพียงแต่องค์ชายเจ็ดเท่านั้นที่เกิดความหวาดกลัวในใจ แม้กระทั่งกลุ่มองค์ชายสิบสามและองค์ชายสี่ ก็ต่างหวาดหวั่นกันทั้งนั้น

“เขาเป็นนักฝึกสัตว์จริงๆ รึ?”

ใบหน้าของเซวียนหยวนเหวินเคร่งขรึม

นักฝึกสัตว์ที่น่ากลัวเช่นนี้ ต่อให้สามารถกุมพลังของอาวุธเทพชั้นรองได้สามสี่ส่วน เซวียนหยวนเหวินก็ไม่อยากต่อสู้กับจ้าวเฟิงที่อยู่ในสภาพนี้

“จ้าวเฟิงผู้นี้นี่!”

เซียนมารทมิฬแห่งวังเก้านิรยมีสีหน้าเคร่งเครียด

ยามนี้เขารู้สึกสงสัยขึ้นเล็กน้อยว่าตอนที่สู้กับจ้าวเฟิงคราวนั้น จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด อย่างน้อยก็ไม่ได้ใช้สัตว์อสูรสักตัว

วังหลวงราชวงศ์ต้าเฉียน เสียงฮือฮาดังไปทั่ว!

“หรือนี่คือความสามารถฝึกสัตว์ของจ้าวเฟิงงั้นรึ?”

“มีสัตว์อสูรมากมายเช่นนี้เชียว!”

“ต่อไปก็มีอะไรสนุกๆ แล้วสิ ฝั่งองค์ชายเจ็ดมีเซียนถึงสองคนเชียวนา!”

เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายในที่นั้น ส่วนมากร้องอุทานตกตะลึง มีเพียงในตำหนักขององค์ชายเก้าที่ฮึกเหิมดีใจ

ยอดฝีมือที่เคยสงสัยในตัวจ้าวเฟิง ยามนี้ละอายใจยิ่งนัก

“ไม่คิดเลยว่าความสามารถในการฝึกสัตว์ของจ้าวเฟิงจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”

“ฮ่าๆ กองกำลังองค์ชายเก้า ในตอนแรกออมพลังที่แท้จริงเอาไว้ต่างหาก!”

“ข้าว่าองค์ชายเก้ามีความหวังอยู่บ้าง!”

ผู้อาวุโสจากสำนักคนหนึ่งแววตาเป็นประกาย

หนานเฟิงอ๋องก็ยิ้มน้อยๆ พลางพยักหน้า เขาเลือกยืนอยู่ฝั่งองค์ชายเก้า ในระดับหนึ่งแล้วก็เพื่อตอบแทนน้ำใจจ้าวเฟิง ไม่เคยคิดเลยว่าองค์ชายเก้าจะสามารถชิงตำแหน่งรัชทายาทมาได้หรือไม่

แต่ยามนี้เขาคิดว่าองค์ชายเก้ามีโอกาสแน่นอน

ไม่แน่ว่าสุดท้ายแล้ว เขาตามจ้าวเฟิงไปอาจได้ประโยชน์ก็เป็นได้

….

เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรจำนวนมากมายของกลุ่มองค์ชายเก้า

ในที่สุดกลุ่มองค์ชายเจ็ดก็เข้าใจแล้วว่า กลุ่มขององค์ชายเก้าที่พวกเขาดูถูกมาโดยตลอดจะเป็นศึกที่ยากลำบาก

“จางอี้ พยายามตรึงกำลังฝูงสัตว์อสูรของจ้าวเฟิงเอาไว้!”

บัณฑิตหน้าหยกรีบบัญชาการศึก

“ได้!” จางอี้อดกลั้นจนหน้าแดง ตอนนี้เขาไม่สนความสามารถควบคุมสัตว์หรือฝึกสัตว์ของเด็กรุ่นหลังอย่างจ้าวเฟิงแล้ว เขาต้องการแค่ชนะ ปกป้องเมืองนี้ได้ก็พอแล้ว

ฟู่! ครั้งนี้ สมาชิกทั้งหมดในกลุ่มองค์ชายเจ็ดเตรียมพร้อมรบ!

“ระวัง พวกเขามาแล้ว!”

ตาเฒ่าอิงคำรามเสียงต่ำ

ถึงแม้สัตว์อสูรของจ้าวเฟิงจะมีเยอะ แต่ฝั่งพวกเขาไม่มีกำลังรบชั้นยอดหากกลุ่มองค์ชายเจ็ดเลือกป้องกันเมือง ข้อดีของพวกเขาก็อาจจะเยอะหน่อย แต่บัณฑิตหน้าหยกมองสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน จึงเลือกที่จะบุกโจมตี

“ปกป้องจ้าวเฟิงให้ดี!”

ตาเฒ่าอิงคิดๆ แล้วก็ยังคงพูดออกไปเช่นนี้

ตามหลักแล้ว ในการต่อสู้นี้จะต้องปกป้องนักฝึกสัตว์เป็นสิ่งแรก แต่ว่านักฝึกสัตว์ในกองกำลังของเขากลับแข็งแกร่งที่สุด!

“สืออวี่เหลย เจ้าดูสองคนจากหอกระบี่ฟ้าเอาไว้!”

ตาเฒ่าอิงมอบหมายหน้าที่ให้กับสืออวี่เหลย

สืออวี่เหลยเชี่ยวชาญการป้องกันชั้นวัตถุ สามารถต้านทานการโจมตีศาสตร์กระบี่ที่ทรงพลังจากหอกระบี่ฟ้าได้ดี

ส่วนตาเฒ่าอิงกับซูชิงหลิงก็จับตามองเซียนวิญญาณทมิฬเอาไว้

“ได้!”

สืออวี่เหลยจับตามองเซียนจิงเฟิงและหลู่เทียนจื่อทันที

เเน่นอนว่าเขาไม่ใช่คู่มือของคนทั้งสอง แต่สืออวี่เหลยเพียงแค่ปกป้องการโจมตีจากจอมกระบี่ทั้งสองให้สุดกำลังก็เพียงพอแล้ว

ฟุ่บ ฟิ้ว! สมาชิกในกลุ่มองค์ชายเจ็ด นอกจากองค์ชายเจ็ดและจางอี้แล้ว หกคนที่เหลือทั้งหมดก็พุ่งทะยานออกไป มองเพียงปราดเดียว เป้าหมายก็คือจ้าวเฟิง

“ไม่ผิดคาด!” สีหน้าตาเฒ่าอิงเคร่งขรึม

เมื่อกลุ่มองค์ชายเจ็ดต้องเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์อสูรมหาศาลเช่นนี้ เป้าหมายแรกยังไงก็คือจ้าวเฟิง

“จ้าวเฟิง เจ้าระวังตัวด้วย!”

ตาเฒ่าอิงร้องเตือน เพราะจ้าวเฟิงในยามนี้ยังไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

“ไม่เป็นไร!” จ้าวเฟิงไม่กังวลแม้แต่น้อย โคจร ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’

ครืน ฟู่! สัตว์อสูรรอบกายทั้งหมดบุกทะยานออกไปพร้อมกัน มุ่งกดดันไปยังกำแพงเมืององค์ชายเจ็ดอย่างมืดฟ้ามัวดิน เหลือเพียงแค่วานรทองสะท้านฟ้าเจ็ดตัวที่ยังอยู่ที่เดิม

“อะไร? เจ้าเด็กนี่จะให้สัตว์อสูรทุ่มพลังทั้งหมดโจมตีรึ?”

เซียนวิญญาณทมิฬตะลึงไปเล็กน้อย

ตามหลักแล้ว พวกเขาทั้งหมดแกล้งทำเป็นโจมตีจ้าวเฟิง อย่างน้อยๆ จ้าวเฟิงจะต้องเหลือสัตว์อสูรส่วนใหญ่เอาไว้ป้องกัน คิดไม่ถึงว่าเขาจะเหลือเอาไว้เพียงวานรทองสะท้านฟ้าเจ็ดตัวเท่านั้น

เหตุการณ์เช่นนี้ แตกต่างกับการวิเคราะห์ของบัณฑิตหน้าหยกเป็นอย่างมาก

“ป้องกันเอาไว้ ปรมาจารย์จางอี้!”

องค์ชายเจ็ดเห็นสัตว์อสูรบุกเข้ามามากมายมหาศาล หัวใจพลันหล่นวูบ

“ได้!”

จางอี้ทุ่มพลังทั้งหมดกระตุ้นพลังวิญญาณ ควบคุมสัตว์อสูรให้ปิดกั้นอยู่หน้าประตูเมือง

“รนหาที่ตายนัก กับอีแค่วานรทองสะท้านฟ้าเจ็ดตัว จะต้านทานการโจมตีจากพวกเราได้งั้นรึ?”

เซียนจิงเฟิงจากหอกระบี่ฟ้ามีสีหน้าเกรี้ยวกราด กระบี่หยกขาวยาวในมือพลันยกขึ้นสะบัดทันที เงากระบี่อันน่าพรั่นพรึงเป็นชุดพร้อมจิตกระบี่มหาศาลพุ่งทะลุชั้นเมฆ

ฟู่! กระบี่ของเซียนจิงเฟิงฟาดฟันลงมา เงาและจิตกระบี่นับไม่ถ้วนพลันหลอมรวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นกระบี่สวรรค์สีขาวมายาเล่มหนึ่ง จิตกระบี่แหลมคมราวกับสามารถแทงทะลุทุกสิ่งได้

“ข้าเอง!” สืออวี่เหลยยกโล่ยักษ์สีเหลืองหม่นตรงมายังเบื้องหน้าของจ้าวเฟิง

ลายหัวมังกรสลักบนโล่ยักษ์พลันส่องประกาย เสียงมังกรคำรามดังแว่วออกมา

เม็ดทรายสีเหลืองประกายทองนับไม่ถ้วนไหลออกจากปากของหัวมังกร ค่อยๆกลายเป็นกำแพงทรายสีเหลืองขึ้นป้องกัน

“เจ้าต้านทานเอาไว้ไม่ได้หรอก!”

เซียนจิงเฟิงแค่นเสียงเย็นเหยียดหยาม

ครืน ฉัวะ! กระบี่สีขาวมายาทำลายกำแพงป้องกันทรายลง

ตูม! แต่ทันใดนั้น พลังกายน่าพรั่นพรึงก็เข้าทำลายพลังที่หลงเหลือบนกระบี่สวรรค์จนย่อยยับ

ฟู่! เห็นแค่เพียงคนยักษ์โลหะประกายสีทองฟ้าระยิบระยับพุ่งเข้ามา

พลังกายอันแข็งแกร่งทำให้อีกห้าคนที่เหลือหยุดชะงักทันใด!

“อะไร? นี่คือจ้าวเฟิง?” สีหน้าของเซียนจิงเฟิงตื่นตะลึง!

หลู่เทียนจื่อคนรุ่นเยาว์จากหอกระบี่ฟ้าอุทานเบาๆ

“ช่างน่าขันนัก เป็นนักฝึกสัตว์แต่คิดจะออกศึกเองงั้นรึ!”

เซียนจิงเฟิงตะโกนเสียงดัง สะบัดประกายกระบี่สวรรค์อันน่าพรั่นพรึงฟาดฟันไปที่จ้าวเฟิงอีกครั้ง

กลุ่มองค์ชายเจ็ดอีกห้าคนที่เหลือก็รีบบุกเข้ามาทันที แกล้งทำเป็นโจมตีจ้าวเฟิง รอโอกาสดีเตรียมพร้อมโจมตีองค์ชายเก้า

ฟุ่บ! สืออวี่เหลยเข้าป้องกันอีกครั้ง ใช้คุณสมบัติป้องกันพิเศษเฉพาะของมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ต้านทานอานุภาพส่วนใหญ่จากประกายกระบี่ของเซียนจิงเฟิงไว้

โฮ่ว โฮก! ฉับพลันทันใด วานรทองสะท้านฟ้าทั้งเจ็ดตัวคำรามก้อง กระโดดออกพร้อมๆ กันจากข้างกายจ้าวเฟิง โถมไปยังผู้แข็งแกร่งกลุ่มองค์ชายเจ็ดทั้งห้าที่บุกมา

“พวกท่านตรึงเซียนจิงเฟิงเอาไว้ให้ได้!” จ้าวเฟิงส่งกระแสจิตไปยังทุกคน

เซียนทั้งสองฝั่งองค์ชายเจ็ด ดูแล้วน่าจะแข็งแกร่งกว่าเซียนจิงเฟิงอยู่หน่อย

แต่ฝั่งองค์ชายเก้า ซูชิงหลิงที่เชี่ยวชาญด้านวิญญาณระดับพลังต่ำเกินไป ไม่อาจต้านทานเซียนวิญญาณทมิฬได้

แต่สายเลือดของสืออวี่เหลย รวมกับฝีมือของทุกคนและมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ป้องกัน สามารถตรึงการโจมตีจากเซียนจิงเฟิงได้

“ได้!” องค์ชายเก้าและคนที่เหลือไม่สงสัยคำพูดของจ้าวเฟิงแม้แต่นิด ลงมือกันพร้อมเพรียง ต้านทานเซียนจิงเฟิงเอาไว้!

ด้านองค์ชายเจ็ด เซียนวิญญาณทมิฬ เจียงฮ่าว และหลู่เทียนจื่อ เมื่อเห็นสภาพนี้ก็ตะลึงงัน!

“นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?”

บัณฑิตหน้าหยกเผยสีหน้าตกตะลึง

ฝั่งองค์ชายเก้า ทุกคนนอกจากจ้าวเฟิงล้วนไปล้อมเซียนจิงเฟิงแต่เมินพวกเขา

ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาควรโจมตีองค์ชายเก้าทันที หรือจัดการจ้าวเฟิงที่ไม่มีใครคุ้มกันเลย?

บัณฑิตหน้าหยกเข้าสู่ห้วงภวังค์

โฮ่ว โฮก! ยามนี้ วานรทองสะท้านฟ้าทั้งเจ็ดก็บุกมา

“ไสหัวไป!”

หลู่เทียนจื่อตะโกนก้อง ฟาดฟันประกายดาบเย็นเยียบน่าเกรงขามนับไม่ถ้วนออกไป

“หอกมารเหมันต์!”

หอกสีขาวในมือเจียงฮ่าวโจมตีออกไปอย่างรวดเร็ว เห็นเพียงเงาสีขาวมากมาย พร้อมด้วยประกายคมเย็นเยือก ฟาดฟันไปยังวานรทองสะท้านฟ้าทั้งเจ็ด แต่วานรทองสะท้านฟ้าร่างกายใหญ่โต อีกทั้งมีการป้องกันที่น่าตกใจ พวกมันบุกจู่โจมอย่างทรงพลัง หมัดทั้งสองกวัดแกว่งเข้าโจมตี

“เซียนวิญญาณทมิฬ ฆ่าจ้าวเฟิงซะ!”

บัณฑิตหน้าหยกตัดสินใจเด็ดขาดอย่างรวดเร็ว

หลู่เทียนจื่อและเจียงฮ่าวรับผิดชอบตรึงกำลังวานรทองสะท้านฟ้าทั้งเจ็ดเอาไว้

ดังนั้นจึงเหลือเพียงบัณฑิตหน้าหยก เซียนวิญญาณทมิฬ และปฐมเซียนอีกคนหนึ่ง

ถึงแม้สภาพการสู้รบตรงหน้า มองอย่างไรก็คือกับดัก แต่เขาก็ไม่เชื่อว่า พวกเขาสามคนจะจัดการนักฝึกสัตว์คนเดียวไม่ได้!

“เหอะๆ พวกเจ้าจะไม่กลับไปป้องกันเมืองหรือ?”

จู่ๆ จ้าวเฟิงก็หัวเราะขึ้น

“เจ้ารีบกลับไปช่วยปรมาจารย์จางอี้เร็ว!”

บัณฑิตหน้าหยกหน้าเปลี่ยนสี รีบบัญชาปฐมเซียนคนนั้นทันที

จ้าวเฟิงเหลือไว้เพียงแค่วานรทองสะท้านฟ้าเจ็ดตัวเท่านั้น ส่วนสัตว์อสูรที่เหลือกำลังบุกเมือง เพียงแค่จางอี้และองค์ชายเจ็ดสองคนต้านเอาไว้ไม่อยู่แน่นอน หากเมืองแตก องค์ชายเจ็ดถูกเหล่าสัตว์อสูรล้อม พวกเขาก็จะแพ้ทันที

ดังนั้นองค์ชายเจ็ดและจางอี้สองคนป้องกันเมือง สถานการณ์จึงอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

ฟุ่บ! ปฐมเซียนคนนั้นบินมุ่งไปนอกกำแพงเมือง

ฟิ้ว! ในชั่วพริบตา บัณฑิตหน้าหยกและเซียนวิญญาณทมิฬก็เข้าโจมตีจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงมองคนทั้งสองแล้วยิ้มเล็กน้อย

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่อยู่ข้างเขาอ้าปากพ่น เห็นแค่เส้นไหมหลากหลายสีส่องประกายระยิบระยับพุ่งไปในอากาศเพียงชั่วพริบตา ครอบคลุมไปทั่วบริเวณนับหลายร้อยจั้ง

เเต่บัณฑิตหน้าหยกและเซียนวิญญาณทมิฬเตรียมการป้องกันไว้นานแล้ว เมื่อเผชิญกับเส้นไหม ไม่หลบหลีกก็ปัดป้อง บุกโจมตีจ้าวเฟิงต่อไป

“แค่ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน จะป้องกันพวกเราได้งั้นรึ?”

เซียนวิญญาณทมิฬแค่นเสียงเย็น พลังวิญญาณไหลทะลัก แต่ทันใดนั้น เบื้องหลังของทั้งสองก็ได้ยินเสียงร้องตกใจของเจียงฮ่าวดังมา

“บัดซบ นี่มันคืออะไรกัน?”

ครรลองสายตาของเจียงฮ่าวถูกวานรทองสะท้านฟ้าบดบัง ดังนั้นจึงไม่ได้ป้องกัน และโดนเส้นไหมมากมายพันรัด

อีกด้านหนึ่ง หลู่เทียนจื่อก็ติดกับ ร่างกายถูกเส้นไหมพันรอบ ความคล่องแคล่วลดลง

บัณฑิตหน้าหยกมีสีหน้าเคร่งเครียด เข้าใจขึ้นมาทันใด การโจมตีของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนไม่ได้มุ่งหมายมาที่เขาทั้งสองอยู่แล้ว

“เจ้าหนุ่มนี่!”

มองไปยังท่าทางสงบสุขของจ้าวเฟิง บัณฑิตหน้าหยกพลันรู้สึกได้ถึงความประหลาด ราวกับว่าในตอนที่เขาเปลี่ยนการตัดสินใจ เลือกจู่โจมจ้าวเฟิง อำนาจควบคุมของการต่อสู้ครั้งนี้ก็ถูกเด็กหนุ่มนี่กุมเอาไว้

“เซียนวิญญาณทมิฬ รีบสู้รีบจบ!”

บัณฑิตหน้าหยกส่งกระแสจิตไปยังเซียนวิญญาณทมิฬ สีหน้าท่าทางสบายใจของจ้าวเฟิง ทำให้ใจของเขาหงุดหงิดกระวนกระวาย

ทว่าพอเขาพูดประโยคเมื่อสักครู่จบ

ฟู่ ครืน ครืน!

ด้านหลังของจ้าวเฟิงก็มีปีกแสงอัสนีสีชาดปรากฏขึ้น ร่างแปรเปลี่ยนเป็นแสงสายฟ้าสีแดงขาว พุ่งตรงมายังพวกเขาทั้งสอง

“อะไร? เขาจะบุกโจมตีเอง?”

สีหน้าบัณฑิตหน้าหยกตื่นตะลึง

การกระทำของเด็กหนุ่มตรงหน้านี้แปลกประหลาดยิ่งนัก ทำให้ผู้คนมองไม่ออกโดยสิ้นเชิง

“รนหาที่ตาย!”

เซียนวิญญาณทมิฬก็โกรธแล้วเช่นกัน พลังวิญญาณล้นทะลัก กระบี่สั้นสีเทาหม่นในมือวาดออกเป็นลายคลื่นสีดำรางเลือน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version