บทที่ 973 จัดการอย่างรวดเร็ว
“รนหาที่ตาย!”
เซียนวิญญาณทมิฬก็โกรธแล้วเช่นกัน พลังวิญญาณล้นทะลัก กระบี่สั้นสีเทาหม่นในมือวาดออกเป็นลายคลื่นสีดำรางเลือน ลายคลื่นสีดำมืดบางเฉียบ ราวกับคมมีดที่แสนจะคมกริบแหวกไปในอากาศ แผ่ซ่านกลิ่นอายวิญญาณที่ชวนให้คนหวาดผวาออกมา
เซียนวิญญาณทมิฬไม่เชื่อว่าจ้าวเฟิงที่เป็นแค่ราชันจะสามารถจัดการกับคนชุดดำได้
สมาชิกขององค์ชายเก้าต้องช่วยกันรุกโจมตีจนเขาล่าถอย แล้วจึงรีบไปช่วยจ้าวเฟิง ก่อนร่วมมือกันจัดการคนชุดดำแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง ระหว่างฝ่ามือทั้งสองของบัณฑิตหน้าหยกซัดออกเป็นเงาฝ่ามือลายขาวทองหลายสาย ร่วมกับการโจมตีชั้นวิญญาณของเซียนวิญญาณทมิฬ
ฟิ้ว ฟุ่บ ฟุ่บ!
จ้าวเฟิงมองไปยังการโจมตีของคนทั้งสอง แต่ไม่ได้หลบหลีก ราวกับมองไม่เห็นอย่างนั้น แล้วพุ่งตรงไปยังบัณฑิตหน้าหยก!
“หึๆ รนหาที่ตายจริงๆ!”
เซียนวิญญาณทมิฬอดเย้ยหยันไม่ได้ ต่อให้เป็นเซียนทั่วไปก็ไม่กล้าเพิกเฉยการโจมตีวิญญาณของเขา แต่สีหน้าของบัณฑิตหน้าหยกกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้น
การกระทำแปลกประหลาดของจ้าวเฟิง ทำให้ใจของเขาไม่สงบสุขเป็นอย่างมาก
ในโลกมีนักฝึกสัตว์เช่นนี้ที่ไหนกัน บุกจู่โจมเซียนเองไม่ว่า ซ้ำยังกล้าเมินเฉยการโจมตีจากเขาทั้งสองอีก
การกระทำเช่นนี้ สำหรับคนอื่นแล้วยังไงก็คือรนหาที่ตายชัดๆ
ฟิ้ว! ในชั่วขณะนั้น จ้าวเฟิงพลันขับเคลื่อนพลังวิญญาณเข้าป้องกันวิญญาณจากลายคลื่นสีดำ แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เช่นนี้ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากเซียนวิญญาณทมิฬได้ พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงโดนฟันขาด ลายคลื่นสีดำก็ตามไปตัดวิญญาณของเขาฟู่ ฟุ่บ ฟุ่บ!
ในชั่วพริบตา ในวิญญาณของจ้าวเฟิง ตราอัสนีเทวะนับไม่ถ้วนส่องประกายขึ้น
ตราอัสนีเทวะทั้งหมดเคลื่อนไหวอยู่ในวิญญาณของจ้าวเฟิง รวมตัวไปยังตำแหน่งที่คมคลื่นสีดำมืดพุ่งมาแล้วทำให้มันกลายเป็นผุยผง แต่ทั้งหมดนี้สำหรับคนภายนอกแล้ว จ้าวเฟิงดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น การโจมตีวิญญาณที่ฟันมาหาเขาก็หายไปดุจก้อนหินที่จมสู่ทะเล
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
เซียนวิญญาณทมิฬรู้สึกได้ว่าจ้าวเฟิงขับเคลื่อนพลังวิญญาณมาป้องกันการโจมตีวิญญาณของเขา พลังวิญญาณกลุ่มนั้นเลือนรางมาก แข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่มีทางจะป้องกันการโจมตีวิญญาณของเขาได้
ฟิ้ว! ความเร็วของจ้าวเฟิงไม่ลดลง จัดการทลายการโจมตีวิญญาณของเซียนวิญญาณทมิฬ ชั่ววินาทีถัดมาก็พุ่งชนไปที่เงาฝ่ามือลายขาวทองของบัณฑิตหน้าหยก
ตูม! เงาฝ่ามือลายขาวทองแตกกระจายทันที
จ้าวเฟิงโฉบออกมาจากกลุ่มควันแสงสีขาวที่ตลบอบอวลไปทั่วฟ้า
“แย่แล้ว!” สีหน้าของบัณฑิตหน้าหยกตื่นตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อสัมผัสได้ถึงวิกฤตอันตราย การโจมตีของเขาและเซียนวิญญาณทมิฬโดนจ้าวเฟิงต้านเอาไว้ได้อย่างสบายๆ และในยามนี้ เป้าหมายของจ้าวเฟิงก็คือเขา!
“ฝ่ามือหยกสะกดวิญญาณ!”
ภายใต้ความรีบร้อน บัณฑิตหน้าหยกซัดวิชาฝ่ามือออกไปหลายครั้ง
ในเสี้ยวนาทีนั้น ผืนฟ้าและผืนดินใกล้ๆ ราวกับตกอยู่ในบึงโคลน กระทั่งเกิดความรู้สึกเหมือนเวลาไหลช้าลง
ครืน! ฝ่ามือลำแสงสีทองหลายสาย ในช่วงที่บิดเบี้ยวก็จมดิ่งไปในฟ้าดิน เข้าโจมตีไปยังจ้าวเฟิง การเคลื่อนไหวและความเร็วของจ้าวเฟิงพลันแข็งค้าง
บัณฑิตหน้าหยกอาศัยช่องโหว่เวลานี้เคลื่อนหนีไปข้างหลัง
“หืม? ฝ่ามือนี่…”
จ้าวเฟิงอุทานเบาๆ วิชาฝ่ามือที่บัณฑิตใช้ในยามนี้ เหมือนกับ ‘ฝ่ามือผนึกนภา’ ที่คุนอวิ๋นน้อยใช้ตอนนั้นไม่มีผิด แต่ด้วยพื้นฐานความชำนาญในสำนึกรู้ของบัณฑิตหน้าหยก วิชาฝ่ามือนี้สร้างภัยคุกคามให้จ้าวเฟิงไม่ได้เลย
ตูม! จ้าวเฟิงกระตุ้นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ลวดลายแก่นแท้พลังอัสนีตลบอวลไปทั่วผืนฟ้า เกิดเสียงเปรี้ยงปร้างครืนคราน
“เซียนวิญญาณทมิฬ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ยามนี้ บัณฑิตหน้าหยกรีบซักถามขึ้นทันใด
การโจมตีของเซียนวิญญาณทมิฬเหมือนไม่ส่งผลกระทบอะไรกับจ้าวเฟิง
“หึ เจ้าเด็กนี่ ข้าจัดการเอง!”
เซียนวิญญาณทมิฬมีสีหน้าเคร่งเครียด โจมตีจ้าวเฟิงโดยไม่ได้อธิบายอะไร
ครั้งนี้เขาจะไม่ประมาท
การโจมตีของเขาถูกจ้าวเฟิงป้องกันเอาไว้อย่างง่ายดาย ทำให้เขาเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง และในยามนี้ จ้าวเฟิงก็กำลังหลุดพ้นออกจากผนึกสำนึกรู้วิชาฝ่ามือของบัณฑิตหน้าหยก
สีหน้าของจ้าวเฟิงไม่สะทกสะท้าน มองไปยังเซียนวิญญาณที่บุกเข้ามา ดวงตาซ้ายประกายแสงสีทองหม่นวูบวาบราวกับความฝัน
“วิญญาณพิศวง!”
พลังวิญญาณสีม่วงที่แข็งแกร่ง ผ่านเจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิง เข้าไปปกคลุมร่างของเซียนวิญญาณทมิฬทันที
“เป็นเจตจำนงดวงตาที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”
เซียนวิญญาณทมิฬพลันตื่นตกใจ สำนึกได้ว่าตัวเองประเมินจ้าวเฟิงต่ำไป
ขณะโดนวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงโจมตี เซียนวิญญาณทมิฬพลันรู้สึกร่างกายมึนงงล่องลอย พลังศักดิ์สิทธิ์และพลังวิญญาณตกอยู่ในสภาวะสับสน ไม่อาจควบคุมได้
ส่วนจ้าวเฟิงก็โฉบผ่านข้างเซียนวิญญาณทมิฬไปอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งทะยานไปยังบัณฑิตหน้าหยก
“เจตจำดวงตาของเจ้าเด็กนี่ส่งผลกับข้า!”
เซียนวิญญาณทมิฬรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างไม่ฟังคำสั่ง มองจ้าวเฟิงที่บินผ่านไปจากด้านข้าง นึกอยากใช้พลังโจมตี แต่กลับช้าไปครึ่งจังหวะ
“เจ้าทำอะไรน่ะ เซียนวิญญาณทมิฬ?”
สีหน้าบัณฑิตหน้าหยกมืดทะมึนเซียนวิญญาณทมิฬกับจ้าวเฟิงเฉียดไหล่ผ่านกันไป แต่ระหว่างทั้งสองคนกลับไม่มีการโจมตีเกิดขึ้น หากไม่ใช่เพราะบัณฑิตหน้าหยกสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังดวงตาของจ้าวเฟิง คงคิดแม้กระทั่งว่าเซียนวิญญาณทมิฬเป็นหนอนบ่อนไส้ที่ซ่อนอยู่ฝั่งองค์ชายเจ็ด แต่วิชาดวงตาของจ้าวเฟิงจะเกิดผลกับเซียนวิญญาณทมิฬไปได้อย่างไร!
“ให้องค์ชายเจ็ดยอมแพ้ซะ!”
ในขณะที่บัณฑิตหน้าหยกกำลังขบคิด เสียงของจ้าวเฟิงก็ดังขึ้นในหัวของเขา
บัณฑิตหน้าหยกพลันรู้สึกว่าชั้นวิญญาณคล้ายถูกสายฟ้านับหมื่นพุ่งผ่าน ทำเอาปวดชา
ยามเขาฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง แก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งก็บดขยี้เข้ามา ทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปทั่วทั้งร่าง หายใจลำบาก
สีหน้าของบัณฑิตหน้าหยกหวาดหวั่น สัมผัสได้ถึงความลึกซึ้งในวิญญาณของจ้าวเฟิงกับตัวเอง
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมเซียนวิญญาณทมิฬจึงโดนวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงเข้า
บัณฑิตหน้าหยกรีบถอยทันที ในมือมียันต์สีดำปรากฏขึ้นใบหนึ่ง บนนั้นมีอักขระแปลกประหลาดนับไม่ถ้วนสลักเอาไว้ คลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์ทรงพลานุภาพทำให้จ้าวเฟิงสั่นสะเทือน แต่จ้าวเฟิงจับจ้องทุกการกระทำของบัณฑิตหน้าหยกเอาไว้อย่างชัดเจนโดยตลอด
ขณะที่บัณฑิตหน้าหยกหยิบยันต์แผ่นนี้ออกมา จ้าวเฟิงก็เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว
“หนามจิตวิญญาณ!”
สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมีผลึกหนามสีทองม่วงเย็นเยือกแผ่กระจายออก พุ่งเข้าไปยังชั้นวิญญาณของบัณฑิตหน้าหยก
“อ๊าก!” ความเจ็บปวดรุนแรงในวิญญาณขัดจังหวะอากัปกิริยาของบัณฑิตหน้าหยก ยันต์จึงไม่ถูกปล่อยออกมา
ครืน บึ้ม!
จ้าวเฟิงกระพือปีกทั้งสอง หนึ่งหมัดบดขยี้เข้าไป พลังกายอันน่าหวาดหวั่นทำเอาบัณฑิตหน้าหยกลอยเข้าไปอัดอยู่ในกำแพง เป็นตายไม่รู้แน่ชัด
จากนั้น เจ้าแมวขโมยน้อยกระโดดลงบนบ่าจ้าวเฟิง อุ้งเท้ามันถือยันต์สีดำใบนั้นราวกับกำลังโอ้อวด
“อะไรน่ะ?”
องค์ชายเจ็ดและคนอื่นๆ ที่กำลังต้านทานสัตว์อสูรบนกำแพงเหล็กกล้า เมื่อเห็นบัณฑิตหน้าหยกลอยผ่านไปข้างๆ ใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะมองไปยังจุดต่อสู้ที่ห่างไปไกล
เซียนจิงเฟิงถูกสมาชิกองค์ชายเก้าเข้าโอบล้อม ในนั้นมีการป้องกันจากสืออวี่เหลยเป็นหลัก รวมกับการรุมโจมตีจากทุกคน เซียนจิงเฟิงจึงตกอยู่ในสถานการณ์ถูกจู่โจม
ส่วนเจียงฮ่าวและหลู่เทียนจื่อก็ถูกล้อมโดยวานรทองสะท้านฟ้าทั้งเจ็ด
หลังจากที่เมื่อครู่เส้นไหมของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนบุกจู่โจมสำเร็จ ทั้งสองก็ค่อยๆ เสียเปรียบ
เช่นนั้น ผู้ที่ทำให้บัณฑิตหน้าหยกระเบิดกระเด็นไปได้ ก็มีเพียงจ้าวเฟิงเท่านั้น
“ย้าก จ้าวเฟิง ข้าจะฆ่าเจ้า!” เซียนวิญญาณทมิฬเกรี้ยวกราดคำรามก้อง
จ้าวเฟิงกล้าจัดการบัณฑิตหน้าหยกต่อหน้าเขา นี่เป็นการหยามหน้ากันถึงเพียงไหน
“เหอะ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น หมุนตัวไปมองเซียนวิญญาณทมิฬ
จัดการกับมันสมองของกองกำลังองค์ชายเจ็ดได้แล้ว ต่อไปก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นอีก
“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”
ในตาซ้ายของจ้าวเฟิง เปลวเพลิงพลังดวงตาอันน่าสะพรึงล้นทะลักออก แสงม่วงทองหมุนวน ลวดลายอัสนีเทวะสีทองหม่นลอยเอ่อ
ฉัวะ ครืน
กลุ่มอัสนีเพลิงโปร่งแสง พร้อมด้วยกลิ่นอายของอัสนีเทวะทำลายล้าง ระเบิดทำลายบนร่างของเซียนวิญญาณทมิฬ
เซียนวิญญาณทมิฬรู้สึกว่ามีด่านเคราะห์หมื่นอัสนีระเบิดอยู่ภายในร่าง อีกทั้งเนตรเพลิงวิญญาณที่หลอมรวมอัสนีเทวะก็กำลังไหม้ลุกลามอย่างต่อเนื่อง
แต่เซียนวิญญาณทมิฬเป็นเซียนที่เชี่ยวชาญสายวิญญาณ มีภาชนะกายศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณหรือร่างกาย แรงต่อต้านเพลิงเนตรอัสนีวายุก็แข็งแกร่งมาก
เสี้ยววินาทีที่เขากำลังฟื้นฟู ก็กวัดแกว่งกระบี่สั้นเทาหม่นในมือ คิดจะหยุดการโจมตีของจ้าวเฟิง เห็นเพียงคลื่นคมมีดดำมืดที่บางเฉียบแหวกผ่านอากาศจากทั่วทุกทิศทาง ฟาดฟันไปยังจ้าวเฟิง
ตูม! เผชิญหน้ากับการโจมตีสุดกำลังของเซียนวิญญาณทมิฬ พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงพลันระเบิดออกพร้อมด้วยสายฟ้ามหาศาล พุ่งปะทะเข้ากับการโจมตีจากเซียนวิญญาณทมิฬ
การปรากฏของพลังดวงวิญญาณจ้าวเฟิง ทำให้คนในที่นั้นรู้สึกว่าชั้นวิญญาณมีสายฟ้าฟาดกึกก้องไม่หยุด ในใจสั่นสะท้าน
“นี่ นี่คือพลังวิญญาณของจ้าวเฟิง?”
เจียงฮ่าวที่กำลังฝืนสู้กับวานรทองสะท้านฟ้าอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้
“แข็งแกร่งเหลือเกิน หรือจ้าวเฟิงจะเป็นคนจัดการคนชุดดำเองจริงๆ?”
หลู่เทียนจื่อกายใจสั่นสะท้าน พลังวิญญาณที่จ้าวเฟิงใช้ไม่แพ้เซียนวิญญาณทมิฬเลย
ฟู่! ในเสี้ยววินาทีที่พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงปรากฏขึ้น
ที่ข้างกายของเขา ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนตัวเขียวมรกต พลันขยับปีกที่โปร่งใส กลีบดอกไม้สีรุ้งกึ่งโปร่งใสกลีบหนึ่งก่อตัวเป็นพายุหมุนสว่างพร่างพรายม้วนตัวไปยังเซียนวิญญาณทมิฬ
“แย่แล้ว พลังเทวาเร้นลับและวิญญาณของข้า!”
เมื่อเผชิญหน้ากับละอองเกสรที่กินขอบเขตกว้างของไหมเมฆาผีเสื้อเซียน เซียนวิญญาณทมิฬไร้หนทางหลบหลีก
ละอองเกสรของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนทะลุผ่านชั้นวิญญาณและวัตถุ มีผลกับเซียนเทวาเร้นลับในระดับหนึ่ง
ฟิ้ว!
หลังจากที่ละอองเกสรไฉ่เมิ่งสร้างภัยคุกคามให้กับเซียนวิญญาณทมิฬแล้ว กายของจ้าวเฟิงก็หายวับไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าเซียนวิญญาณทมิฬ
“วิญญาณทมิฬโจมตี!”
ยามที่จ้าวเฟิงเข้ามาใกล้ เซียนวิญญาณทมิฬหัวเราะเสียงเย็น พลังดวงวิญญาณขั้นเซียนแปรเปลี่ยนเป็นวิญญาณร้ายดำมืด พุ่งทะยานมาทันใด
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าละอองเกสรไฉ่เมิ่งส่งผลกับเซียนวิญญาณทมิฬน้อยมาก และเขาก็จงใจรอให้จ้าวเฟิงเข้ามาใกล้
“หึ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น เผชิญหน้ากับการโจมตีวิญญาณของเซียนวิญญาณทมิฬ ไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น พุ่งหมัดทรงพลังโจมตีไปตรงๆ
ในชั้นวิญญาณ กายวิญญาณอัสนีของจ้าวเฟิง ตราอัสนีเทวะส่องประกายขึ้นอีกครั้ง ทลายวิชาลับพลังวิญญาณของเซียนวิญญาณทมิฬจนแหลกลาญในระดับสูงสุด การโจมตีจากพลังวิญญาณที่เหลือบางส่วนปะทะไปยังกายวิญญาณอัสนีของจ้าวเฟิง แต่สร้างความบาดเจ็บได้เล็กน้อย
ตูม! เซียนวิญญาณทมิฬโดนหมัดของจ้าวเฟิงอัดเข้าให้ ตัวกระแทกลงพื้นดินอย่างรุนแรง
“เป็นไปได้ยังไง ต้านทานการโจมตีวิญญาณของข้าอีกครั้งได้อย่างไร!”
หมัดของจ้าวเฟิงสร้างความบาดเจ็บให้ภาชนะกายศักดิ์สิทธิ์ของเซียนวิญญาณทมิฬได้ไม่มากเท่าไหร่
แต่ความรู้ลึกซึ้งด้านวิญญาณของจ้าวเฟิง กลับทำให้เซียนวิญญาณทมิฬหวาดกลัวขึ้นจริงๆ ถึงแม้วิญญาณทมิฬโจมตีของเขาจะไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดก็ตาม
ฟู่ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!
ตอนที่เซียนวิญญาณทมิฬกระแทกลงบนพื้น จ้าวเฟิงก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา หมัดทั้งสองพร้อมด้วยแก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มหาศาลโจมตีออกไปอีกครั้ง!
“อ๊าก…” เซียนวิญญาณทมิฬร้องโหยหวนไม่หยุดทันที
ในเมื่อเชี่ยวชาญขอบเขตวิญญาณ แน่นอนว่าระดับขั้นชีวิตก็คือจุดอ่อนของเซียนวิญญาณทมิฬ
“จบลงได้แล้วกระมัง!”
เสียงของจ้าวเฟิงกึกก้องดุจดั่งอัสนีบาต ชั้นวิญญาณของทุกคนในที่นั้นตื่นตระหนกตกใจ
ทั่วทั้งสนามรบพลันเงียบสงบ!
และเสียงร้องอย่างทุกข์ทรมานของเซียนวิญญาณทมิฬก็ยิ่งดังชัดขึ้น!