บทที่ 1178 นับจากนี้ห้วงวัฏสังสารไม่มีข้าอีกต่อไป!
ม่านสีแดงถูกเปิดออกในภาพประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับระลอกคลื่นในใจของนายน้อยบุตรผู้นำเซียนจี๋กวงเสี้ยวขณะนี้
มาจากความทรงจำที่ถูกผนึกไว้ของเขา
แม้ว่าในปัจจุบัน ความทรงจำนี้ในวันนี้หลังจากห้วงเวลาเนิ่นนานความจริงจะคลายออกไปบ้างแล้ว และนายน้อยบุตรผู้นำเซียนจี๋กวงผู้ที่เฝ้ารอเวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ในวังเซียน และบ้าคลั่งมาเป็นเวลาไม่รู้เท่าไร ไม่ว่าจะมากก็น้อยก็มีคำตอบตั้งนานแล้ว
แต่ในเสี้ยวขณะที่เห็นประวัติศาสตร์ที่แท้จริงเองกับตา เขาก็ยังคงไม่อาจสงบนิ่งได้
ดังนั้น มือของหลิงหวงยิ่งจับแน่นขึ้น
และสวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้กับนายน้อยบุตรผู้นำเซียนจี๋กวงนับว่าอยู่ในสภาวะที่หลอมรวมกัน ก็สัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นอารมณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
เขาทำความเข้าใจได้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่เงียบนิ่ง
ชีวิตคนเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก ในห้วงเวลาที่เป็นความสิ้นหวังกับความหวัง การสอดประสานของเสียงร้องไห้และเสียงหัวเราะ สุดท้าย…
ล้วนเป็นความรักของบิดา
เพียงแต่คนคนนั้นที่นำความรักของบิดามาให้ ก็หายไปในห้วงกาลเวลาเช่นกัน
ยกมือขึ้น ประดุจเม็ดทรายใต้ก้นแม่น้ำ ไหลร่วงลงมาตามง่ามนิ้ว
ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ มีเพียงในห้วงกาลเวลา ไม่หวาดหวั่นต่อความห่างไกลระหว่างความเป็นกับความตาย วิญญาณฝันล่องลอย มาพร้อมด้วยความจนปัญญาและความเศร้าโศก แบกรับความคะนึงหาอย่างเต็มเปี่ยม ก้าวข้ามความเป็นความตาย เดินผ่านกาลเวลา
ไม่รู้กี่ครั้งที่เหาะลมไปถามสารทุกข์สุกดิบ
สวี่ชิงถอนหายใจ
เขานึกถึงเมืองเป็นเอก นึกถึงเงาร่างของพ่อแม่ที่แม้ความทรงจำที่รางเลือนไปบ้างแล้ว แต่กลับไม่มีวันลบหายไป
นึกถึงสำนัก 7 เนตรโลหิต นึกถึงอาจารย์ นึกถึงหัวหน้าเหลย นึกถึงปรมาจารย์ไป่
สุดท้าย เงาร่างเหล่านี้ก็กลายเป็นเสียงเก่าแก่โบราณผ่านห้วงกาลเวลามาเนิ่นนาน ดังสะท้อนก้องในจิตสำนึกรับรู้ของเขา
……
ภาพประวัติศาสตร์ในห้วงกาลเวลายังคงหลั่งไหล
การเปิดออกของม่านสีแดงไม่ได้นำสีแดงออกไป แต่สีสันของวันสมรส ในประวัติศาสตร์นี้แผ่ซ่านอาบย้อมมา
ประดุจเลือด
ในภาพฉาก ผู้นำเซียนจี๋กวงยิ้มอย่างยินดีชื่นชม
นายน้อยบุตรผู้นำเซียนจี๋กวงและเซียนหลิงหวงกำลังทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน
เพียงแต่…ในประวัติศาสตร์ที่แท้จริง ฝั่งของแม่น้ำด้านนี้ ไม่มีผู้ใดต่อเวลาธูปดอกนั้นให้พวกเขา
และการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน ระลอกคลื่นของทะเลแสง ในเสี้ยวพริบตาที่การคำนับครั้งที่ 1 สิ้นสุด…ก็พลันบังเกิด
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ถูกคว้าเด็ดลงมา
สีแดงกลายเป็นทุกอย่างของผู้นำเซียนจี๋กวง และท้องฟ้า…นับจากนี้ไร้ซึ่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ นับจากนี้แสงเรืองรองแห่งขั้วโลกสีแดงฉานจะกลายเป็นแสงบนฟากฟ้าเพียงหนึ่งเดียว
ในแสงบนฟากฟ้า ฟองอากาศนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอีกครั้ง
สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาด้วยยังมีมือที่แก่ชราข้างนั้น
มันบีบฟองอากาศแตก เสียงแตกร้าวดังก้อง นำความรุ่งโรจน์ของวังเซียนไป…และทำให้คู่บ่าวสาวทั้ง 2 ที่อยู่ในที่รกร้าง สีหน้าอึ้งตะลึง ในใจเกิดลมพายุสติสัมปะชัญญะเลือนราง
เรื่องบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเซียนหรือจอมเซียนต่างไม่อยากให้คู่บ่าวสาวคู่นี้ได้รับรู้
ดังนั้นพวกเขาจึงถูกสกัดกั้น ตกสู่ห้วงไร้สติสัมปะชัญญะ
ก่อนสลบ นายน้อยบุตรผู้นำเซียนจี๋กวงในภาพฉากสิ่งสุดท้ายที่เห็นยามเงยหน้าขึ้นมอง คือบิดาของตัวเองเลือกที่จะกบฏต่อวิถี จะเปลี่ยนธรรมนูญให้กลายเป็นกฎเกณฑ์ กำลังจะทะยานสู่ห้วงท้องฟ้าดารา
ยอมถูกสยบ ก็จะขอสู้กับจอมเซียนสักครา!
จากนั้นนายน้อยบุตรผู้นำเซียนจี๋กวงในภาพฉากก็สลบไป
ภาพฉากในประวัติศาสตร์ยังคงดำเนินต่อไป
นายน้อยบุตรผู้นำเซียนจี๋กวงและหลิงหวงที่เดินออกมาจากภาพสะท้อน ก็ยังคงจ้องมอง มอง…คววามจริงในประวัติศาสตร์
ดังนั้นพวกเขาจึงได้เห็น
ผู้นำเซียนจี๋กวงที่พุ่งตรงไปยังดวงดาว แม้ทั่วทั้งร่างจะเปล่งแสงสีแดงฉานเจิดจรัส แต่เขากลับ…ไม่มีเจตนาที่จะต่อสู้แม้แต่น้อย!
เขากำลังหัวเราะ เขากำลังน้ำตาหลั่งริน เขากำลังส่งเสียงตะโกนคำรามไปยังมือเก่าแก่โบราณข้างนั้น
“ท่านพ่อ ฆ่าข้าเสีย!”
ประโยคนี้ประดุจสายฟ้านับแสนล้านฟาดผ่ากึกก้องมาในใจของนายน้อยบุตรผู้นำเซียนจี๋กวง
นี่ไม่ใช่ศึกสยบกำราบเพราะการกบฏต่อวิถี
นี่เป็น…
“ท่านพ่อกำลัง…ร้องขอความตาย…” นายน้อยบุตรผู้นำเซียนจี๋กวงร่างสั่นสะท้าน ในยามที่พึมพำอย่างขมขื่น เสียงถอนหายใจเก่าแก่ผ่านห้วงกาลเวลามาเนิ่นนานก็ดังก้องในประวัติศาสตร์
ฟองอากาศทั้งหมดต่างกะพริบแสงวูบวาบ ประกายแสงหลอมรวม ก่อเป็นเงาร่างอันยิ่งใหญ่ร่างหนึ่ง
ปรากฏท่ามกลางท้องฟ้าดารา ปรากฏข้างหน้าผู้นำเซียนจี๋กวง ปกคลุมทุกสิ่ง
ประดุจว่าเขาก็คือห้วงท้องฟ้าดารา
ในดวงตาของเขามีความซับซ้อน มีความรู้สึกผิด มีความอับจนปัญญา มีความโศกเศร้า ปากส่งเสียงแหบแห้งออกมาอย่างช้าๆ
“เจ้าเคืองแค้นข้าหรือไม่ ที่ผนึกพิบัติเทพไว้ในร่างของเจ้า…”
ผู้นำเซียนจี๋กวงเงยหน้า มองเงาร่างที่คุ้นเคยเบื้องหน้าร่างนี้
นั่นคือบิดาของเขา นั่นคือตัวตนที่สูงส่งสูงสุดของระบบดาวที่ 5 ทั้งดวง
จอมเซียน!
เป็นเขาที่นำผู้บำเพ็ญจากโลกใบเล็กมากมาย พลิกย้อนสถานการณ์ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด!
เป็นเขาที่โค่นล้มการปกครองของเทพเจ้า จบสิ้นความเจ็บปวดของสรรพชีวิตทั้งหลาย
เป็นเขาที่ถมระบบดาวที่ 5 จนราบเรียบ ทำให้ที่นี่นับแต่นั้นกลายเป็นดินแดนของผู้บำเพ็ญ
คุณงามความดีของเขา ในระบบดาวที่ 5 ในอดีตไม่มีใครเทียบได้
และเป็นวีรบุรุษในใจที่ไม่สามารถมีใครมาแทนที่ได้ ทั้งยังถูกเคารพบูชาในใจของผู้คนมากมายนับตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่
“ข้าไม่แค้น”
“ข้ารู้ว่าท่านสู้กับจอมเทพนั่นในตอนนี้ ดูเหมือนจะชนะ แต่ความจริงแล้ว ก่อนจอมเทพจะตายได้ทิ้งพิบัติเทพเอาไว้ ทำให้ร่างของท่านแปดเปื้อน”
“เทพเจ้า จะอย่างไรก็แปรเปลี่ยนมาจากร่างที่แท้จริงของของระบบดาวชั้นบน เป็นส่วนหนึ่งของระบบดาวชั้นบน ดังนั้นระดับเทพเจ้า จึงเป็นอมตะนิรันดร์ ขอเพียงมีคนจำได้ แม้จะผ่านศักราชไปนับไม่ถ้วน แต่ขอเพียงมีการร้องเรียก ก็สามารถกลับมาได้”
“ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…จอมเทพ”
ผู้นำเซียนจี๋กวงมองจอมเซียนที่อยู่ข้างหน้า ประกายแสงสีแดงของร่างตนแผ่ระลอก เสียงสะท้อนก้อง
“และด้วยพลังของการพังทลายของคุณสมบัติเทพแห่งจอมเซียน เคราะห์คำสาปสูงสุดที่แปรเปลี่ยนมาจากอำนาจเทวะ ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นท่าน ก็ยังไม่อาจลบล้างมันได้หมด ยังเหลืออีกกลุ่มหนึ่ง กลายเป็นตราประทับ”
“ดังนั้น หลังจากศึกนั้น ท่านจึงเลือกปิดด่าน”
“ข้ารู้ เหตุที่ทำเช่นนั้นเพราะท่านพบว่า จอมเทพ…คิดจะอาศัยเคราะห์นี้ มาฟื้นคืนชีพ…บนร่างท่าน”
“แม้ว่าการฟื้นคืนชีพนี้จะต้องใช้เวลาอันยาวนานอย่างยิ่ง แต่หากไม่แก้ไข เช่นนั้นการฟื้นคืนชีพก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และในเสี้ยวพริบตาที่ฟื้นคืนชีพ ก็จะเป็นเวลาที่ดินแดนของผู้บำเพ็ญระบบดาวที่ 5 กลายเป็นเถ้าธุลี”
“เพื่อป้องกันเหตุการเช่นนี้ ท่านพเนจรไปยังระบบดาวบนล่างทั้งหมด อวตารลงไปนับไม่ถ้วน หาวิธีแก้ไข จนกระทั่งหาวิธีแก้ไขวิธีหนึ่งเจอ”
พูดถึงตรงนี้ เสียงของผู้นำเซียนจี๋กวงก็หยุดลง ในน้ำเสียงฉายความขมขื่น
“นั่นก็คือให้ร่างของตัวเองหลับใหล เพื่อหลบเลี่ยงความคิดของพิบัติเทพ ถ่ายโอนมันไปจากการนี้!”
“และวิธีการถ่ายโอนเงื่อนไขก็เข้มงวด องค์ท่านไม่อาจแบ่งแยกได้ และมีเพียงสายเลือดรุ่นหลังเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นถึงจะทำได้ นับจากนั้นท่านจึงมีบุตรชายเพียงคนเดียว ข้าเองก็เช่นกัน มีบุตรชายได้เพียงคนเดียว บุตรชายของข้าก็เช่นกัน”
“ผ่านไป 4,900 รุ่นก็จะสามารถแก้ไขได้”
“อีกทั้งยิ่งผ่านพ้นไปในรุ่นหลัง เคราะห์นี้ก็จะยิ่งอ่อนแรงลง จวบจนกระทั่งหายไปโดยสมบูรณ์”
“ดังนั้น สุดท้ายแล้วท่านเพื่อระบบดาวที่ 5 ก็เลือกที่จะถ่ายโอนพิบัติเทพ วิธีนี้…มาที่ข้า ตัวเองจมสู่ห้วงนิทราลึก”
“และนี่ก็เป็นเหตุที่ทำไมระบบดาวที่ 5 ทุกศักราชจะต้องมีการผลัดเปลี่ยน เพราะร่างจริงของท่านหลับใหลในห้วงนิทราลึก ต่อให้เป็นร่างแยก ในหลายๆ ครั้งก็จำต้องหลับไหลพร้อมกัน”
“ข้ารู้ นี่คือท่านทำเพื่อระบบดาวที่ 5 เสียสละสายเลือดนี้ของตัวเอง ใช้ความเจ็บปวดทุกข์ทนของสายเลือดตัวเองสายนี้ผนึกพิบัติเทพไปทุกรุ่น ถ่ายโอนไปทุกรุ่น ลดทอนพลังของมันทุกรุ่น”
“เรื่องเหล่านี้ข้าเข้าใจ และพยายามจะไปยอมรับ”
ผู้นำเซียนจี๋กวงพึมพำ
“แต่ว่า…ท่านพ่อ การหลอมรวมจากพิบัติเทพคือเหตุที่ทำให้มารดาของหมิงเอ๋อร์ต้องตาย นาง…ตายไปจากการที่พิบัติเทพเสียการควบคุมครั้งแรกของข้า”
“ข้า…ฉีกนาง…เป็นชิ้นๆ ด้วยมือตัวเอง”
“ข้าสังหาร…คนรักของข้า…ด้วยมือตัวเอง”
“ท่านรู้ไหม นางไม่หลบหลีก ไม่เคืองแค้น ก่อนนางตายยังคงมองข้าอย่างอ่อนโยน นางใช้ชีวิตของตัวเองปลุกข้าจากการเสียการควบคุม”
“ข้าไม่อาจเผชิญหน้าได้ ข้าทำได้แค่เลือกที่จะหลับใหล”
ดวงตาของผู้นำเซียนจี๋กวงน้ำตาหลั่งริน เขามองจอมเซียนที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าเจ็บปวด ภาพฉากเมื่อครั้งนั้น เขาไม่อาจทนรับได้ ไม่อาจยอมรับได้ และยิ่งไม่อาจให้อภัยตัวเองได้
แต่เขาก็ไม่อาจไม่ไปเข้าใจบิดา ไม่อาจไม่เข้าใจจอมเซียนที่เสียสละสายเลือดของตนเองเพื่อระบบดาวที่ 5
เพียงแต่ ยิ่งพยายามเข้าใจมากเท่าไร เขาก็ยิ่งตำหนิตัวเองมากขึ้นเท่านั้น การตำหนิตัวเองนี้กลายเป็นหลุมดำ คอยกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างของเขาอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น ในความเจ็บปวดอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ เขาเลือกที่จะผนึกตัวเอง
เพราะเขากังวลว่า ตัวเองในสภาวะเช่นนี้มีความเป็นไปได้ที่จะทำร้ายผู้คนมากขึ้นกว่าเดิม
นี่คือสาเหตุที่ผู้นำเซียนจี๋กวงในประวัติศาสตร์เลือกที่จะหลับใหล
“หมื่นปีหลังจากนั้น ข้าตื่นขึ้นมา เดิมทีข้าคิดว่าตัวเองควบคุมได้สำเร็จแล้ว ดังนั้นข้าจึงปลดผนึกหมิงเอ้อร์…ข้าคิดอยากจะใช้ชีวิตที่เหลือคอยเคียงข้างเขา”
“การเติบโตของหมิงเอ๋อร์ สำหรับข้าแล้วก็เป็นการเยียวยาอย่างหนึ่งเช่นกัน…”
“แต่ว่าท่านพ่อ ข้าคิดไม่ถึง ข้าไม่เคยควบคุมได้สำเร็จเลย วันนั้น…ข้าเสียการควบคุมอีกครั้ง”
ผู้นำเซียนจี๋กวงร่างสั่นเทา เสียงก็สั่นสะท้านไปเช่นกัน
“วันนั้น ข้าเกือบ…ฉีกหมิงเอ๋อร์เป็นชิ้นๆ อีกเพียงนิดเดียว อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น…”
“นับจากนั้นข้าก็ตัดสินใจสร้างอุโมงค์ใต้ดิน ผนึกตัวข้า บอกหมิงเอ๋อร์ว่า เมื่อราตรีมืดมาเยือน อย่าได้มาหาข้า”
“เดิมทีข้าคิด…ให้การผนึกของตัวเองหนาแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย”
“จวบจนกระทั่ง…ข้าสังเกตว่าธรรมนูญของหมิงเอ๋อร์ถูกเปลี่ยนแปลงไป ข้ารู้ เป็นท่านที่เปลี่ยนธรรมนูญของเขา จากกระจกไปเป็น…การถ่ายโอนพิบัติเทพ เป็นผนึก 3 กรรม 10 ประการบาป…ที่ผนึกพิบัติเทพ!”
“ท่านคิดอยากให้ข้า ในช่วงที่แบกรับไม่ไหว ถ่ายโอนต้นกำเนิดความเจ็บปวดนี้ไปให้หมิงเอ๋อร์”
“แต่ข้าจะให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานแบบเดียวกันกับข้า ทั้งวันทั้งคืน คอยแบกรับความเจ็บปวดเช่นนี้ แบกรับความเจ็บปวดแสนสาหัสจากการฆ่าคนรักของตัวเองได้อย่างไร!”
ผู้นำเซียนจี๋กวงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ยกมือชี้ไปที่ผู้นำเซียนสูงสุด
“ท่านพ่อ สำหรับระบบดาวที่ 5 ท่านในฐานะจอมเซียน คุณูปการยิ่งใหญ่มากล้น ไร้ผู้ใดเสมอเหมือน! เสียสละสายเลือดของตนเองเพื่อสิ่งนี้ ข้าไม่แค้นท่าน!”
“แต่…ข้าเองก็เป็นพ่อคนเช่นกัน!”
“ข้าไม่ได้ยิ่งใหญ่เช่นนั้นเหมือนกับท่าน ข้าไม่ยินดีและไม่อาจถ่ายทอดความเจ็บปวดของข้าไปให้ลูกหลานของข้าได้!”
“และข้าก็รู้ว่า ที่จริงแล้ว การแก้ไขพิบัติเทพนี้ ยังมีอีกวิธีหนึ่ง และก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้นเลย”
“ความจริง หลังจากที่ท่านถ่ายพิบัติเทพมาให้ข้าในตอนนั้นแล้ว ก็สามารถใช้วิธีที่ท่านวางแผนไว้ กำจัดพิบัติเทพได้อย่างสมบูรณ์”
“นั่นก็คือ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ในช่วงจังหวะที่สุกงอม ลงมือฆ่าข้าด้วยตัวเอง!”
“ตอนนี้…ข้ากับพิบัติเทพหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว จังหวะมาถึงแล้ว!”
“และข้าได้กบฏต่อวิถีแล้ว เปลี่ยนธรรมนูญเป็นกฎเกณฑ์ จิตเทพกำลังจะฟื้นตื่น ท่านพ่อ เวลาของท่าน…ไม่มากแล้ว!”
“ดังนั้น…ฆ่าข้า!!”
“บดกายเนื้อของข้า ขยี้ไขกระดูกของข้า ทำลายวิญญาณของข้า ทำลายทุกสิ่งของข้า ให้อดีต ปัจจุบัน อนาคต ไม่มีจิตของข้าอีกต่อไป!”
“ให้ในความทรงจำของสรรพชีวิต สรรพสิ่งทั้งหลายไร้ซึ่งร่องรอยของข้า!”
ให้ห้วงวัฏสังสารนี้ นับจากนี้ไม่มีข้า เหมือนว่าข้า…ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน!”
“เหมือนว่าท่าน ไม่เคยมีข้ามาก่อน!”
ผู้นำเซียนจี๋กวงพลันผงาดขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว!
แสงเรืองรองแห่งขั้วโลกสีแดงฉานอาบย้อมประวัติศาสตร์…
นั่นเป็นสีของวันมงคลสมรส และเป็นสีของเลือดสดๆ เช่นกัน!
ทั้งยังเป็น ความรักของบิดา
ท่ามกลางความรางเลือน คล้ายว่ามีประโยคหนึ่ง ดังก้องมาในประวัติศาสตร์
“หมิงเอ๋อร์ นับจากนี้…เจ้าจะเป็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ของระบบดาวที่ 5 ในใจมีแสงอันไร้สิ้นสุด ไม่ถูกแปดเปื้อนแม้แต่น้อย ยิ่งมีจิตเทพเจ้านำอยู่ข้างหน้า นับจากนี้พิบัติเทพจะไม่ข้องเกี่ยวกับเจ้าอีกต่อไป!”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
