บทที่ 1179 สิ่งที่เหลืออยู่
ภาพประวัติศาสตร์อยู่บนคลื่นสีเลือด
เม็ดทรายนับไม่ถ้วนหลั่งริน แผ่แสงเจิดจรัสกลางกระแสธารกาลเวลา
นอกประกายแสง นายน้อยจี๋กวงมองทุกอย่างตรงหน้าอย่างอึ้งงัน
ปีนั้นการรับรู้ของเขาถูกตัดขาด คำพูดซึ่งไม่อาจได้ยิน ตอนนี้เมื่อภาพประวัติศาสตร์ส่องประกาย เขาได้ยินทั้งหมด
ที่แท้วัยเด็กในวังเซียนล้วนเป็นเรื่องเท็จ
ที่แท้การกบฏต่อวิถีของบิดาก็ทำเพื่อร้องขอความตาย
ที่แท้กฎกรรมจากการขอความตายคือเพื่อปกป้องตน
ร่างกายเขาสั่นไหว มองบิดาพุ่งเข้าหาจอมเซียนบนภาพก่อนหลั่งน้ำตา
เขาเคยไม่เข้าใจว่าเหตุใดบิดาต้องทำเช่นนี้ ส่วนท่านปู่อย่างจอมเซียน…ยิ่งอภัยให้ไม่ได้
แต่ตอนนี้หลังจากเห็นความจริง สิ่งที่เหลือมีเพียงความขมขื่น
เซียนหลิงหวงที่อยู่ด้านข้างทอดถอนใจ ไม่ปล่อยมือแม้แต่น้อย
ส่วนสวี่ชิงที่เป็นผู้สังเกตการณ์ ในใจเขาเกิดคลื่นสะเทือน
ความจริงตามประวัติศาสตร์นี้เหมือนไม่มีข้อผิดพลาด
ผู้นำเซียนผิดหรือไม่…ด้วยไม่อยากเจ็บปวดอีก เขาเลือกกบฏต่อวิถีร้องขอความตาย อาศัยสิ่งนี้ตัดพิบัติเทพของตน ทำให้บุตรชายไม่ต้องเจ็บปวดเหมือนเขา
นี่คือการแสดงความรักของพ่อ ดังนั้นเขาเลยไม่ผิด
จอมเซียนผิดหรือไม่…เพื่อทั้งวงแหวนที่ 5 เขายอมสละสายเลือดตัวเอง ทิ้งส่วนน้อยเพื่อรักษาสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ถือว่าไม่ผิดเช่นกัน
เมื่อมองภาพประวัติศาสตร์นี้ ความจริง…วิธีแก้ปัญหาซึ่งผู้นำเซียนจี๋กวงเอ่ยถึง ด้วยความสามารถของจอมเซียน เห็นชัดว่าเขาทราบนานแล้ว
เขารู้ว่าขอเพียงสบโอกาส สังหารผู้นำเซียนจี๋กวงด้วยมือตัวเองย่อมคลี่คลายทุกอย่างได้ ไม่ต้องจัดการด้วยวิธีผ่อนผันสืบต่อทีละรุ่น
ด้วยความสามารถของเขา แน่นอนว่าทำให้โอกาสมาเยือนเร็วขึ้นได้ ไม่จำเป็นต้องรอถึงตอนนี้
แต่เขาซึ่งยอมสละเกือบทุกอย่างเพื่อวงแหวนที่ 5 กลับเลือกมองข้ามเส้นทางนี้
ความรู้สึกซ่อนแฝงนั้นคือความรักของพ่อ
เขาไม่อยากเสียลูกชายตัวเองไป
ดังนั้นจึงมีวิธีซึ่งเห็นชัดว่าเรียบง่ายตรงไปตรงมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เขาเลือกรับกรรมทีละรุ่น
อย่างน้อยถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เขายังรักษาชีวิตผู้นำเซียนจี๋กวงไว้ได้
‘เขารักบุตรชาย ไม่อาจสังหาร แต่บุตรชายเขาก็รักลูก เลือกเสียสละตัวเอง ไม่อยากให้ดำเนินต่อไป’ สวี่ชิงพึมพำในใจ
ตอนนี้ภาพประวัติศาสตร์ยังสืบเนื่อง
ตั้งแต่ต้นจนจบจอมเซียนซึ่งเหมือนฟ้าดารากว้างใหญ่ กล่าวเพียงประโยคเดียวเหมือนแรกเริ่ม
จากนั้นก็เงียบมาตลอด
ต่อให้ผู้นำเซียนจี๋กวงแผ่แสงแดงชาด ร้องขอความตาย เขาก็ยังเงียบ
ต่อให้ทอแสงประกาย กึกก้องกัมปนาท บัญญัติจากตัวผู้นำเซียนจี๋กวงกำลังกัดกร่อนทุกอย่าง เขาก็เลือกที่จะเงียบ
ปล่อยให้ผู้นำเซียนลงมือ
กระทั่งเรือนผมขาวของผู้นำเซียนจี๋กวงเปลี่ยนเป็นผมดำทีละน้อย
กระทั่งชุดขาวเปลี่ยนเป็นชุดดำช้าๆ
กระทั่งกลิ่นอายเทพเจ้าเริ่มแผ่ออกมาจากตัวผู้นำเซียนจี๋กวง…
เสียงหัวเราะบ้าคลั่งดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงคำรามราววิกลจริตสะท้านฟ้า
คำว่า ‘สังหารข้า’ ป่วนภาพประวัติศาสตร์ ทุกอย่างบิดเบี้ยวและพร่าเลือน
จอมเทพเหมือนยึดร่างผู้นำเซียนจี๋กวง หวนคืนกลับมา!
จอมเซียนหลับตา ยกมือขึ้นเนิบช้า
ก่อนกดลงมาเบาๆ
คล้ายตอนอยู่แดนเล็ก เขาลูบหัวบุตรชาย ยิ้มพลางกล่าวว่ารอเจ้าเติบใหญ่ ข้าจะพาเจ้าไปชมฟ้าดาราภายนอก
เขาทำได้แล้ว
ท่ามกลางเสียงกัมปนาท เมื่อกดฝ่ามือลงมา ร่างผู้นำเซียนจี๋กวงซ่านสลายเหมือนเถ้าถ่านลอยล่อง กระทั่งกลายเป็นดวงแสงสีแดง หลอมรวมกับแสงเหนือทั่วฟ้า
สลายหายไป
กายจิต ดับสูญ
จากนั้นวัฏจักร ไม่มีเขาอีก
ในประกายแสง จอมเซียนหลับตา ไม่ลืมตาขึ้นอีก
เขายืนตรงนั้นเงียบๆ ท่าทางอ้างว้าง
กระทั่งพักใหญ่ เขาหันหลังเดินห่างออกไป
เงาร่างเดียวดายนั้น แผ่นหลังที่เดิมหยัดตรง ยามจากไปเหมือนโก่งงอขึ้นมาก
คล้ายว่าตอนนี้เขาไม่ใช่จอมเซียนแห่งวงแหวนที่ 5 อีก
เขาเป็นเพียงชายชราเดียวดายซึ่งจมอยู่กับความขมขื่นเพราะเสียลูกชายที่รักไป
เงาร่างพร่าเลือนช้าๆ สุดท้าย…ค่อยหลอมรวมกับฟ้าดารา
ในฟ้าดารามีเสียงพึมพำต่ำลึกดังก้อง “จี๋กวง เขาทำเพื่อหาเหตุผลให้เจ้า จอมเซียน สรรพสิ่ง สังหารเขาได้โดยชอบธรรม…”
“อาศัยสิ่งนี้ทำให้ตัวเองหลุดพ้น…”
“หลุดพ้นจากเจ้า…”
“หลุดพ้นจากจอมเซียน…”
“ทำให้ทุกคนสมปรารถนา”
ท่ามกลางเสียงลอยล่อง ในภาพประวัติศาสตร์มีเส้นไหมละเอียดมากมาย
เส้นไหมเหล่านี้เวียนวนท่ามกลางกรวดทราย นั่นคือความลับของประวัติศาสตร์
พวกมันรวมตัวกันช้าๆ ก่อตัวเป็นเงาร่างหนึ่ง ปรากฏกลางภาพประวัติศาสตร์ เผยตัว… ตรงหน้านายน้อยจี๋กวงกับเซียนหลิงหวง
ผู้นำเซียนจิ่วอั้น
นายน้อยจี๋กวงเงียบไป หลิงหวงก้มหน้า
“ประวัติศาสตร์ช่วงนี้…” จิ่วอั้นส่ายศีรษะเล็กน้อย
“ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ระดับต่ำกว่าผู้นำเซียนไม่อาจมองเห็น ไม่อาจรับรู้ แม้ว่าตัดขาดจากพิบัติเทพ แต่เมื่อรับรู้ย่อมเกิดกฎกรรม ก่อตัวเป็นร่องรอย”
“ระดับผู้นำเซียนยังเลี่ยงได้ แต่ระดับต่ำกว่าผู้นำเซียนเสี่ยงอันตรายนัก”
จิ่วอั้นกล่าวเสียงเบา
“ตอนนี้พวกเจ้าเห็นและรับรู้…ความจริงสำหรับจอมเซียนแล้ว จำต้องกำจัดพวกเจ้าเพื่ออนาคตของวงแหวนที่ 5 ถือว่าเป็นทางเลือกซึ่งปลอดภัยและดีที่สุด”
“แต่อีกด้านหนึ่ง คนหนึ่งเป็นบุตรสาวข้า หลานสะใภ้ของเขา”
“อีกคนคือหลานชายเขา ทั้งในกายยังมีชะตาตะวันจันทราไม่ดับมอด ไม่อาจทำลาย ยามวงแหวนที่ 5 เปลี่ยนเป็นแดนแห่งผู้บำเพ็ญติดตัวด้วย”
“อีกสาเหตุหนึ่งคือ…”
ผู้นำเซียนจิ่วอั้นเว้นช่วงไป
“เขาใจอ่อน”
“ชายชราซึ่งทิ้งทุกอย่างเพื่อวงแหวนที่ 5 สุดท้ายเขากลับใจอ่อน”
“เขาเลือกแบกรับกฎกรรมของพวกเจ้า 2 คนเอง”
“ตอนนี้ จากไปได้แล้ว”
จิ่วอั้นยกมือขึ้น ดันไปข้างหน้าเบาๆ
คลื่นประวัติศาสตร์ปั่นป่วนทันที สายธารกาลเวลาก่อเกิดคลื่น พลังไม่อาจต้านทานม้วนพัดมา คิดส่งนายน้อยจี๋กวงกับเซียนหลิงหวงออกจากที่นี่…
เขาหันหน้าไปทางฟ้าดารา ทุกอย่างเบื้องหลังเปลี่ยนเป็นพร่ามัว
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างกำลังซ่านสลาย
นายน้อยจี๋กวงพลันเงยหน้าขึ้น “กฎกรรมของข้ากับหลิงหวงที่มีต่อเรื่องนี้ จอมเซียนแบกรับไว้ ทว่าในกายข้ายังมีจิตสำนึกเสี้ยวหนึ่ง ถือเป็นผู้มีบุญคุณของข้า เขา…”
“เขาไม่เป็นไร” ผู้นำเซียนจิ่วอั้นที่อยู่ห่างไปกล่าวราบเรียบ “กฎกรรมบนตัวเขา จอมเซียนแบกรับไม่ไหว ส่วนพิบัติเทพ…ยิ่งไม่กล้า”
เมื่อเอ่ยวาจาดังก้อง ธารกาลเวลาเกิดคลื่นยักษ์ ฝังกลบทุกสิ่ง ทั้งม้วนซัดเม็ดทรายกลางเกลียวคลื่นซึ่งไม่ใช่ของที่นี่ออกจากแม่น้ำ หลั่งลงบนคันฉ่องเหนือสายธาร
จากนั้นคันฉ่องค่อยหายไป
…
เมื่อทุกอย่างกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ภาพวังเซียนสะท้อนเข้าสู่สายตา
ไม่ใช่ซากปรักหักพังเหมือนตอนจากไป ทุกอย่างคงเดิมเหมือนวันแต่งงาน
ทว่าไม่มีคนส่งเสียงดังเซ็งแซ่อีก
มีเพียงเงาร่างของนายน้อยจี๋กวงกับเซียนหลิงหวง รวมถึง…ร่างรางเลือนซึ่งวิวัฒน์จากจิตสำนึกหนึ่ง
นั่นคือสวี่ชิง
เมื่อกลับมา เขาหลุดพ้นจากร่างผู้นำเซียนจี๋กวง ตอนนี้กำลังลอยกลางอากาศ มองวังเซียน มองนายน้อยจี๋กวงกับเซียนหลิงหวง
เรื่องซึ่งเกิดขึ้นที่นี่เหมือนความฝัน
ทุกอย่างตรงธารกาลเวลายิ่งเหมือนภาพฝัน
ตอนนี้เกือบตื่นจากฝันแล้ว
สำหรับสวี่ชิงแล้วเรียกว่าผลประโยชน์มหาศาล
บัญญัติกาลอวกาศของเขา หลังจากผ่านทุกอย่างนี้ ถือว่าเสริมความเข้าใจเกือบทั้งหมดแล้ว
เขาสัมผัสได้ว่า…
ห่างจากทะลวงขั้นอีกทิศทางเดียว
ทิศทางนี้ เขาต้องเลือกเอง
เมื่อกำหนดแล้วถือว่าเปิดทาง
ส่วนความจริงซึ่งเห็นจากภาพฝัน กฎกรรมสืบเนื่อง สวี่ชิงไม่ใส่ใจ
ต่อให้ผู้นำเซียนจิ่วอั้นไม่ได้กล่าวประโยคนั้น สวี่ชิงก็ไม่ใส่ใจ
ด้วยกฎกรรมจากเสี้ยวหน้าเทพเจ้า เพียงพอจะกำราบทุกอย่างได้
หากพิบัติเทพมาหาตนจริง คิดอาศัยตนนำพาจอมเทพกลับมา สวี่ชิงคิดว่า…เสี้ยวหน้าซ่างฮวงคงยินดีนัก
แต่หลังจากทราบประวัติศาสตร์แท้จริง ตอนนี้ความเอ่อล้นทางอารมณ์ยังแผ่ขยาย
สวี่ชิงจึงมองนายน้อยจี๋กวงกับเซียนหลิงหวง
ทั้ง 2 เงียบไป
สักพักนายน้อยจี๋กวงค่อยสะบัดมือคราหนึ่ง ทรายกาลเวลาลอยออกมา รวมตัวเป็นนาฬิกาทรายตรงหน้าสวี่ชิง
เม็ดทรายในนั้นมากกว่าก่อน
ไม่ใช่ 1 ชั่วยามอีกต่อไป แต่เป็น 1 วัน
“สหายน้อย ตลอดทางนี้…ขอบใจเจ้ามาก”
นายน้อยจี๋กวงมองสวี่ชิงก่อนเอ่ยเสียงเบา
“ข้าไม่นึกเสียดายแล้ว ต่อจากนี้ข้าเลือกจากไป ทำตามความปรารถนาของบิดาข้า ไปใช้ชีวิตของตนเอง…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขามองเซียนหลิงหวงที่อยู่ข้างกาย
แววตาหลิงหวงอ่อนโยน พยักหน้าเบาๆ
บนหน้านายน้อยจี๋กวงเผยรอยยิ้ม รอยยิ้มนี้แฝงความเศร้าโศกซึ่งเคยประสบ ทั้งเจือความปล่อยวาง
จากนั้นพวกเขาเยื้องย่างขึ้นฟ้า ก้าวเดินบนความว่างเปล่า
โลกทั้งใบจากไปพร้อมพวกเขา เริ่มรางเลือน คล้ายกาลเวลาเคลื่อนคล้อยนับพันหมื่นปี ทำให้ทุกอย่างเสื่อมสภาพ
สวี่ชิงเงยหน้ามองทั้ง 2 บนเวิ้งฟ้า ข้างหูมีเสียงจากม่านนภาดังก้อง “สหายน้อย บัญญัติกาลอวกาศของเจ้า ข้าช่วยเจ้าไม่ได้นัก”
“แต่ข้าจำได้ว่าปีนั้นบิดาข้าเคยกล่าวว่าหลังจากกาลอวกาศ…”
“คือทางขนาน!”
เมื่อกล่าวประโยคนี้ พริบตายามกระทบจิตสำนึกสวี่ชิง คล้ายอัสนีบาตนับไม่ถ้วนดังกระหึ่ม ทำให้นัยน์ตาสวี่ชิงแผ่แสงเจิดจ้าถึงขีดสุดทันที
ราวกับรู้แจ้ง
เขาเข้าใจกระจ่างแล้ว!
ตอนนี้เสียงบนเวิ้งฟ้ายังดังก้อง
“ข้ายกวังเซียนให้เจ้า ทุกอย่างที่นี่เป็นของเจ้า”
“ด้วยความเข้าใจที่มีต่อกาลอวกาศของเจ้าตอนนี้ น่าจะรู้แจ้งได้”
“ภายหน้า…มีวาสนาค่อยพบกันใหม่”
“สหายน้อย ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้า รวมถึงช่วยจัดการทุกอย่างให้กับสามีข้า ภายหน้าเจ้าไปเยือนธารโลหิตเทพเจ้าได้ ข้า…จะทิ้งของขวัญไว้ให้เจ้าที่นั่น”
ประโยคสุดท้าย เซียนหลิงหวงเป็นคนกล่าว
เมื่อพวกเขาเอ่ยวาจา เงาร่างจรจากไป การสึกกร่อนทั่ววังเซียนเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ไม่กี่อึดใจยามสวี่ชิงรู้แจ้ง ที่นี่เคลื่อนผ่านเวลาครบพันหมื่นปี
สิ่งปลูกสร้างทั้งหมด รวมถึงโลกใบนี้ กลายเป็นเถ้าถ่านลอยล่องสลายไป
คลื่นกาลอวกาศจากโลกชั้น 4 หายไปด้วย
แต่สายน้ำที่ก่อตัวจากบัญญัติกาลอวกาศในใจสวี่ชิง
เปลี่ยนจากสายธารเล็กเป็นกว้างใหญ่ราวแม่น้ำ
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)
