บทที่ 974 เข้าเมือง
“จบลงได้แล้วกระมัง!”
เสียงของจ้าวเฟิงดุจดั่งอัสนีบาต ชั้นวิญญาณของทุกคนที่อยู่ในสนามตื่นตระหนกตกใจ
สมาชิกกลุ่มองค์ชายเจ็ดรู้สึกเหมือนว่าชั้นวิญญาณมืดมิดไปชั่วขณะ สายฟ้าดังสะเทือนเลื่อนลั่น
“เซียนวิญญาณทมิฬ!”
เจียงฮ่าวสีหน้าตื่นตระหนก มองไปยังเซียนวิญญาณทมิฬที่ถูกจ้าวเฟิงต่อยจนร่างเปลี่ยนรูปกลางหลุมลึก
“เซียนวิญญาณทมิฬก็แพ้แล้ว!”
องค์ชายเจ็ดตะลึงตาค้างอยู่บนกำแพงเหล็กกล้า
ข้างล่างกำแพงเมือง กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวมากมายราวกับคลื่นยักษ์ซัดโหมมาเป็นชั้นๆ ต่อให้เซียนวิญญาณทมิฬไม่โดนจ้าวเฟิงโจมตีจนพ่ายแพ้ องค์ชายเจ็ดและคนอื่นๆ ข้างล่างกำแพงก็ใกล้ต้านทานการจู่โจมที่เหี้ยมโหดของกลุ่มสัตว์อสูรไม่ไหวแล้ว
“ผู้เยาว์คนนี้ เขา….”
เซียนจิงเฟิงก็หยุดการโจมตี มองไปยังจ้าวเฟิง
ภายใต้สถานการณ์ที่ฝูงสัตว์อสูรแตกต่างกันมากถึงเพียงนี้ การที่กลุ่มขององค์ชายเจ็ดกล้าฝืนสู้กับกลุ่มองค์ชายเก้า ก็เพราะอาศัยกำลังรบของเซียนทั้งสองในกลุ่ม
ทว่าตอนนี้ เซียนวิญญาณทมิฬร่วมมือกับบัณฑิตหน้าหยก แต่กลับโดนจ้าวเฟิงโจมตีจนพ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างคนทั้งสามเกิดการสู้รบกันอย่างไร ทุกคนล้วนจินตนาการไม่ออก
แต่เป้าหมายของทุกคนค่อยๆ เปลี่ยนไปยังแมวขโมยน้อยและไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่อยู่ข้างกายจ้าวเฟิง พลังกำลังเสริมของไหมเมฆาผีเสื้อเซียน ทุกคนล้วนรู้ดีว่าจะต้องส่งผลกับเซียนได้ระดับหนึ่ง
คิดไปแล้วแมวสีเทาตัวนั้นก็ต้องมีอะไรแตกต่างจากพวกเป็นแน่
ในระหว่างการต่อสู้ จ้าวเฟิงอาจจะนำสัตว์วิเศษอะไรออกมาอีกก็ได้
มิฉะนั้นแล้ว ลำพังแค่จ้าวเฟิงเอง ไม่มีทางจะโจมตีบัณฑิตหน้าหยกและเซียนวิญญาณทมิฬจนพ่ายแพ้ได้แน่ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น พลังของตัวจ้าวเฟิงก็อยู่ในขั้นที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมากแล้ว
“จ้าวเฟิง!” สืออวี่เหลยเผยสีหน้าตื่นตะลึงระคนนับถือ
“นี่…” ตาเฒ่าอิงก็ไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ
พวกเขาล้วนทำตามการชี้นำของจ้าวเฟิง
ในความคิดของพวกเขา พลังของจ้าวเฟิงแข็งแกร่ง น่าจะตรึงเซียนวิญญาณทมิฬและบัณฑิตหน้าหยกเอาไว้ได้ ขอเพียงแค่รอให้ฝูงสัตว์อสูรทำลายกำแพงเมืองเหล็กกล้าได้ก็เพียงพอแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาขัดขวางเซียนจิงเฟิงเพียงแค่ชั่วครู่
จ้าวเฟิงก็สามารถจัดการเซียนวิญญาณทมิฬและบัณฑิตหน้าหยกได้แล้วต่อให้อาการบาดเจ็บของจ้าวเฟิงฟื้นฟูดีแล้ว ก็ไม่น่าจะเร็วได้ถึงเพียงนี้!
“ไม่คิดจะไปรึ? เช่นนั้นข้าก็จะฆ่าให้หมด!”
สายตาของจ้าวเฟิงกวาดไปยังสมาชิกขององค์ชายเจ็ด กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นพุ่งพรวด
ในหลุมลึกเบื้องหน้าจ้าวเฟิง เซียนวิญญาณทมิฬที่ยังมีสติเหลืออยู่เผยสีหน้าหวาดหวั่นทันที เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ฆ่าทั้งหมดที่จ้าวเฟิงพูดถึง คนแรกก็คือเริ่มจากเขานี่เอง
สมาชิกกลุ่มองค์ชายเก้าฟังประโยคนี้แล้วในใจฮึกเหิมพลุ่งพล่าน
สมาชิกกลุ่มองค์ชายเจ็ดสีหน้าดูไม่ได้อย่างยิ่ง จ้าวเฟิงมีความสามารถฆ่าทิ้งทั้งหมดได้แน่นอน
บนสนามรบ บรรยากาศเงียบสงัดเป็นที่สุด
“ไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายเจ็ด!”
ด้านหลังกำแพง บัณฑิตหน้าหยกค่อยๆ บินขึ้นมา เสื้อตรงหน้าอกขาดวิ่น เผยให้เห็นเกราะป้องกันที่อยู่ภายใน
ถึงแม้จะมีเกราะป้องกัน แต่ด้วยการโจมตีจากพลังหมัดนั้นของจ้าวเฟิง ก็ทำให้บัณฑิตหน้าหยกเจ็บหนักได้
“เสียกำลังรบเซียนไปหนึ่ง พวกเราไม่สามารถเอาชนะองค์ชายเก้าได้เลย ก่อนช่วงที่สองจะจบลงยังเหลือเวลาอีกสามวัน ตอนนี้เก็บพลังเอาไว้ก่อน อาจจะยังมีโอกาส!”
เสียงของบัณฑิตหน้าหยกดังก้องในหัวของสมาชิกที่เหลือ
“ไปเถอะ หลู่เทียนจื่อ!”
กระบี่หยกขาวเล่มยาวในมือเซียนจิงเฟิงเลือนหายไป
หลู่เทียนจื่อก้มหน้าอับอาย เดินออกจากสนามรบไป
องค์ชายเจ็ด จางอี้ และคนอื่นๆ ก็ออกจากกำแพงเหล็กกล้าไปเช่นกัน
ความจริงแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เซียนวิญญาณทมิฬถูกโจมตีจนพ่ายแพ้ พวกเขาก็รู้ว่าไม่มีหวังแล้ว เพียงแต่ทุกคนไม่อยากยอมรับความจริงที่โดนกองกำลังองค์ชายเก้าโจมตีพ่ายแพ้
ต้องรู้ก่อนว่า องค์ชายเก้าอยู่ที่เจ็ดในอันดับของหน่วยข่าวกรอง แต่องค์ชายเจ็ดอยู่อันดับที่สาม
“ชนะแล้ว!”
สายตาขององค์ชายเก้ามองไปยังกำแพงเมืองเหล็กกล้าเบื้องหน้า อีกทั้งสิ่งก่อสร้างน่าอัศจรรย์ในกำแพงเมือง
เรื่องน่าอัศจรรย์ในเมืองความลับสวรรค์ทั้งสี่ทิศ เขาได้ยินเสด็จอาทั้งหลายพูดไม่รู้กี่ครั้ง แต่พวกเขาไม่เคยเข้าไปมาก่อน นอกจากนั้น เมืองความลับสวรรค์ทั้งสี่คือสถานที่จัดการแข่งขัน ‘องค์ชายวางกลยุทธ์’ ในช่วงที่สาม
หรือก็หมายความว่า องค์ชายเก้าตอนนี้มีสิทธิ์เข้าร่วม ‘องค์ชายวางกลยุทธ์’ แล้ว
“เร็ว รีบเข้าไปเร็วเข้า!”
ในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท หลักๆ ตาเฒ่าอิงทำเพื่อช่วยองค์ชายเก้า แต่เขาในตอนนี้ยังอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
ซากเมืองของเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์ เขาเองก็ไม่เคยเข้าไปมาก่อน ในนั้นจะต้องมีข้อมูลลับหรือความลับสมัยบรรพกาลที่หลายคนไม่รู้มาก่อนเป็นแน่
จากนั้น สมาชิกกลุ่มองค์ชายเก้าก็เข้าไปในเมืองความลับสวรรค์แห่งนี้ด้วยความตื่นเต้นฮึกเหิม
สถานการณ์ของเมืองความลับสวรรค์ทั้งสี่เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งแรก
ผู้ที่จากไปคือองค์ชายเจ็ด ผู้ที่ก้าวเข้ามาคือองค์ชายเก้า
“ไม่น่าเชื่อว่ากองกำลังขององค์ชายเจ็ดจะแพ้แล้ว!”
“ฝูงสัตว์อสูรของจ้าวเฟิงมีจุดเด่นในด้านการตัดสินใจ”
“ไม่ใช่หรอก ที่สำคัญคือเซียนวิญญาณทมิฬถูกจ้าวเฟิงโจมตีจนพ่ายแพ้ไปแล้วต่างหาก!”
ฝั่งกลุ่มความร่วมมือขององค์ชายทั้งสาม ยอดฝีมือไม่น้อยหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง ผลลัพธ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่คาดคิดมาก่อน
พวกเขาในตอนนี้ยังไม่ได้โจมตีเมืองความลับสวรรค์ที่องค์ชายแปดอยู่เลยแต่กลุ่มองค์ชายเก้ากลับบุกจู่โจมองค์ชายเจ็ดที่อยู่อันดับแรกๆ จนพ่ายแพ้ไปแล้ว
“พี่รอง พวกเราเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีองค์ชายเก้าดีหรือไม่!”
องค์ชายห้าพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง
กลุ่มขององค์ชายเก้าและองค์ชายเจ็ดเพิ่งผ่านศึกใหญ่ สัตว์อสูรทั้งหลายบาดเจ็บ สมาชิกบางส่วนก็น่าจะบาดเจ็บพอควร
“ไม่ได้ ฝูงสัตว์อสูรของพวกเขามีมากเกินไป อีกทั้งพลังของจ้าวเฟิงไม่ด้อยไปกว่าเซียนทั่วไปเลย”
องค์ชายสองส่ายหน้าเบาๆ
ในยามที่ผู้ครองเมืองความลับสวรรค์เกิดการเปลี่ยนแปลง เมืองความลับสวรรค์จะปิดหนึ่งวัน ในช่วงระยะนี้ กลุ่มขององค์ชายเก้าอาจจะแลกเปลี่ยนสัตว์อสูรมาเยอะกว่านี้ และอาจวางค่ายกลป้องกัน
อีกทั้งกลุ่มขององค์ชายเจ็ดในยามนี้ ถึงแม้จะจากเมืองความลับสวรรค์ไปแล้ว แต่พวกเขาต้องไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน
องค์ชายสองและคนอื่นๆ จะต้องลงมืออย่างรอบคอบ
“หึ เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ในรอบที่สาม สิ่งที่สู้กันไม่ใช่ฝูงสัตว์ อันตรายจากองค์ชายเก้าที่มีต่อพวกเราก็ยิ่งน้อย!”
ในเมืองความลับสวรรค์ องค์ชายสิบสามแค่นเสียงเย็น ท่าทีไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
“พลังแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
สายตาของหยูเทียนฮ่าวเพ่งมองไปยังจ้าวเฟิงโดยตลอด
การต่อสู้ที่จ้าวเฟิงแสดงให้เห็น เขาสังเกตอย่างละเอียด
จ้าวเฟิงเปลี่ยนร่างถือกำเนิดใหม่ ถึงแม้จะเป็นเพียงขอบเขตราชัน แต่พลังกลับน่ากลัวยิ่งกว่า
…..
ด้านใน ไม่ไกลจากหน้ากำแพงเหล็กกล้า มีอาคารบ้านเรือนเหล็กมากมาย เตรียมไว้เป็นที่อยู่สำหรับสมาชิกที่เข้ามาในที่แห่งนี้
องค์ชายเก้าเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง เดินมายังแท่นหิน แล้วนำตรารัชทายาทจำลองประทับไปบนนั้น
ทันใดนั้น กำแพงเมืองของเมืองความลับสวรรค์แห่งนี้ก็ปิดเองทันที
“กลไกการปกป้องชนิดนี้มีเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น แต่ระยะเวลาก่อนที่จะจบช่วงที่สองเหลืออีกสามวัน ทุกคนอย่าได้ประมาทไป!”
ตาเฒ่าอิงพูดขึ้น
จ้าวเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย กฎนี้ทำได้เข้ากับมนุษย์นัก ให้กลุ่มขององค์ชายที่เพิ่งผ่านศึกใหญ่มาเมื่อครู่ได้มีเวลาเตรียมพร้อมและฝึกบำเพ็ญตน
“เอาละ ต่อไป ทุกคนก็ไปหาโอกาสของตัวเองเถอะ หลังจากวันที่สองต้องมารวมตัวกันที่นี่!”
ตาเฒ่าอิงสีหน้าท่าทางตื่นเต้น พูดจบเขาก็จากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
จากนั้น ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปสำรวจเมืองอันน่าพิศวงเมืองนี้
ในเมืองความลับสวรรค์กับนอกกำแพงเมืองเป็นโลกสองใบที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ที่นี่สงบเงียบ ลึกลับ รุ่งเรือง ไม่มีสงครามเกิดขึ้น ไม่มีภัยอันตรายตลอดกาล
เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยตื่นเต้นมาก มันนำทางให้แก่จ้าวเฟิง
เหมือนกับเมื่อครั้งที่แล้ว ก่อนอื่นทั้งสองมายังห้องหนังสือแห่งหนึ่ง ซื้อแผนที่เมืองหนึ่งแผ่น กวาดสายตาคร่าวๆ จ้าวเฟิงก็พบว่าเมืองความลับสวรรค์แห่งนี้มีขนาดค่อนข้างเล็กกว่าเมืองความลับสวรรค์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอด
แต่เมื่อนึกได้ว่าที่นี่มีเมืองความลับสวรรค์แบบนี้อีกสี่เมือง ก็ไม่คิดอะไรพวกนี้แล้ว
“ไปอุทยานสัตว์วิเศษก่อน!”
จ้าวเฟิงพูดกับแมวขโมยตัวน้อย
เจ้าแมวขโมยน้อยมีทีท่าเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย ทรัพยากรที่ได้รับในซากมิติบรรพกาลถูกจ้าวเฟิงครอบครองเอาไว้หมด มันจึงทำได้เพียงเดินตามจ้าวเฟิงเท่านั้น
“มิทราบว่านายท่านต้องการดูแลสัตว์เลี้ยง ฝึกฝน หรือจะซื้อขอรับ?”
หุ่นเชิดผู้อาวุโสตัวเตี้ยเดินมาช้าๆ
จ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย เลี้ยงดูสัตว์วิเศษเขาเข้าใจได้ ก็คือเอาสัตว์วิเศษทิ้งไว้ที่นี่ แล้วให้อุทยานสัตว์วิเศษรักษาดูแล
แต่ ‘ฝึกฝน’ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
“ฝึกฝนสัตว์วิเศษก็คือการฝึกฝนสัตว์วิเศษให้กับท่านผ่านวิธีการพิเศษเฉพาะ เพิ่มพลังในบางด้าน หรือมอบความสามารถใหม่ให้!”
ผู้อาวุโสยิ้มน้อยๆ ค่อยๆ พูดอธิบาย
จ้าวเฟิงพยักหน้าแสดงว่าเข้าใจแล้ว
ฝึกฝนคือการกระตุ้นศักยภาพของสัตว์วิเศษ
แต่จ้าวเฟิงรู้สึกว่า เช่นนี้มิสู้ฝังพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งเข้าไปให้กับสัตว์วิเศษ ผลลัพธ์ดีกว่า ‘ฝึกฝน’ อีกทั้งยังไม่ต้องใช้เวลามากด้วย
“ข้าต้องการสัตว์วิเศษประเภทบินขั้นจักรพรรดิสามตัว!”
จ้าวเฟิงบอกถึงจุดประสงค์ที่มา
“รับทราบ!”
ผู้อาวุโสยื่นมือออกมาเล็กน้อย กลางอากาศก็มีม่านแสงสีขาวปรากฏขึ้น ในนั้นมีรูปสัตว์อสูรมากมายนับไม่ถ้วน รูปพวกนี้กะพริบอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก บนนั้นก็เหลือเพียงสัตว์วิเศษประเภทโบยบินในขั้นจักรพรรดิ
“ราคานี้เลยรึ!”
คิ้วของจ้าวเฟิงขมวดเล็กน้อย
สัตว์อสูรบนม่านแสงเป็นสายพันธุ์หายากมาก แต่เรื่องของราคาสูงกว่าเมืองความลับสวรรค์ที่จ้าวเฟิงเข้าไปเมื่อครั้งที่แล้วมาก ทว่าจ้าวเฟิงในยามนี้มีทรัพยากรมากมาย จึงไม่ได้อิดออดอะไรกับตาแก่นั่นในเรื่องค่าใช้จ่ายของสัตว์วิเศษขั้นจักรพรรดิสามตัว
สุดท้าย จ้าวเฟิงเลือกสัตว์อสูรประเภทบินที่ค่อนข้างธรรมดามาสามตัว
ไปจากอุทยานสัตว์วิเศษแล้ว หยกมังกรคุ้มกันสามชิ้นก็ปรากฏขึ้นในมือของจ้าวเฟิง
จากนั้นสัตว์วิเศษประเภทบินสามตัว ก็ใช้กรงเล็บจับหยกมังกรคุ้มกันไปตัวละชิ้น
ฟิ้ว! สัตว์วิเศษทั้งสามตัวพลันโผบินไปยังท้องฟ้า ออกห่างจากเขตเมืองความลับสวรรค์
“นี่เป็นหยกมังกรคุ้มกันสามชิ้นสุดท้ายแล้ว!”
จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเบา
ตั้งแต่เริ่มก้าวเข้ามาในสุสานราชวงศ์ จ้าวเฟิงชิงเอาหยกมังกรคุ้มกันจากกลุ่มเล็กๆ กลุ่มอื่นมาได้แปดชิ้น
ยามที่ร่วมกลุ่มกับโจวซู่เอ๋อร์ ในช่วงที่ว่างก็นำหยกมังกรคุ้มกันสี่ชิ้นมอบให้กับนกอสูรโบราณและสัตว์อสูรประเภทบินสามตัวที่เขาปราบพยศในสุสานราชวงศ์
หลังจากนั้นก็มารวมตัวกับตาเฒ่าอิง จ้าวเฟิงสยบเหยี่ยวสีดำอีกตัวในห้วงฝันบรรพกาล และนำหยกมังกรคุ้มกันออกมาอีกครั้ง
ครั้นรวมตัวกับกลุ่มย่อยของเฉินจีจื่อ ระยะเวลากระชั้นชิด จ้าวเฟิงจึงไม่ได้ไปเสาะหาสัตว์ปีศาจบินได้
เมื่อเข้ามาในเมืองความลับสวรรค์ในวันนี้ จ้าวเฟิงจึงจัดการหยกมังกรคุ้มกันสามชิ้นสุดท้ายเสีย
“เชื่อว่าสุดท้ายแล้ว สัตว์วิเศษของข้าน่าจะนำความแปลกใจมาให้ข้าได้บ้าง!”
จ้าวเฟิงพูดกับตัวเอง แย้มยิ้มเล็กน้อย
หยกมังกรคุ้มกันทำได้เพียงแค่ดูดซับพลังชะตามังกรรอบด้าน จ้าวเฟิงคนเดียวมีหยกมังกรคุ้มกันเก้าชิ้น พลังรวมของการดูดซับพลังชะตามังกรก็ไม่เพิ่มอยู่ดี
ดังนั้น เเรกเริ่มสุด จ้าวเฟิงจึงวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะใช้สัตว์วิเศษประเภทบินไปรวบรวมพลังชะตามังกร
เมี้ยว เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยกระโดดมายังเบื้องหน้าของจ้าวเฟิง
“อยากไปหอตีเหล็กงั้นรึ?”
จ้าวเฟิงเข้าใจความหมายของเจ้าแมวขโมยน้อย
เวลาที่เหลือยังมีอีกมาก จ้าวเฟิงจึงตามใจเจ้าแมวขโมยน้อยไปก่อน
เมี้ยว! แมวขโมยน้อยกระโดดเข้าไปยังหอสูงใหญ่
หอตีเหล็ก หลักๆ จะเพิ่มความแข็งแกร่งและสั่งทำอาวุธ
“มีอะไรให้รับใช้” หุ่นกลไกวัยกลางคนตัวสูงใหญ่ดำเมี่ยมเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ