ตอนที่ 42 คนอวดเก่ง (1)
“คืนนี้ท่านจะไปแล้วหรือ ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยล่ะคะ”
“ทำไมต้องรีบไปด้วยล่ะท่าน”
เมื่อได้ยินว่าท่านปรมาจารย์กำลังจะจากไป ทุกคนต่างพากันตกใจเป็นอย่างมาก อุตส่าห์มีนักตรวจสอบสมบัติระดับเซียนมาถึงที่นี่ทั้งที อยู่ได้แค่ไม่กี่วันก็จะไปเสียแล้ว
“ผมยังมีเรื่องอื่นๆ ที่จะต้องไปจัดการ”
ปรมาจารย์โม่หยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยบารมีเป็นที่น่าเกรงขามยิ่งนัก “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เมื่อครู่ที่ผมบอกว่าจะช่วยชี้แนะให้ห้าคน เอาเป็นว่าวันนี้ผมจะชี้แนะให้สิบคนไปเลย หมายความว่าวันนี้ผมจะช่วยคนจำนวนสิบคนทำการตรวจสอบอัญมณีทุกก้อน ทุกท่านก็น่าจะรู้ดีว่าการตรวจสอบอัญมณีไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สิบคนเป็นจำนวนที่ผมสามารถรับได้มากที่สุดแล้ว…”
“ท่านปรมาจารย์โปรดวางใจ หากท่านช่วยผมเลือกก้อนอัญมณี ผมยินดีที่จะจ่ายค่าตอบให้อย่างงาม…” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่กลางฝูงชนตะโกนขึ้น
“ถูกต้อง พวกเราทุกคนยินดีที่จะจ่ายค่าเหนื่อยให้ครับ”
“ขอแค่ท่านปรมาจารย์ช่วยเลือกก้อนอัญมณี ค่าของอัญมณีก้อนนั้นเท่าไหร่ ผมก็ยินดีจะจ่ายค่าเหนื่อยให้เท่ากับค่าของอัญมณีก้อนนั้นเลยครับ”
จาก ‘ผลงาน’ การเลือกก้อนอัญมณีที่ปรมาจารย์โม่หยางได้แสดงออกมาในไม่กี่วันที่ผ่านมา อัญมณีทุกชิ้นที่เขาเลือกกับมือนั้นราคาเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายสิบเท่า เมื่อคิดถึงการที่จะได้รับอัญมณีที่มีค่าควรเมือง การจะยอมเสียค่าเหนื่อยเล็กน้อยให้ปรมาจารย์โม่หยางสักส่วนหนึ่งจะเป็นอะไรไป
ปรมาจารย์โม่หยางโบกมือเพื่อหยุดการสนทนาของผู้คนโดยรอบ สีหน้าของเขาเข้มขึ้น “ผมเรียนรู้วิชาการตรวจสอบอัญมณีและสมบัติที่มีค่าต่างๆ ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะแสวงหาผลกำไรจากตรงนี้ ถ้าต้องการเงินทองจริงๆ เพียงแค่ผมตรวจสอบก้อนอัญมณีแล้วนำอัญมณีที่ได้มาไปขาย เพียงเท่านี้ผมก็สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลด้วยตนเองแล้ว”
ทุกคนที่ได้ยินต่างพูดไม่ออก
อีกฝ่ายพูดถูก เขาเป็นคนที่มีความสามารถ ที่จริงแล้วเขาสามารถที่จะซื้อขายอัญมณีแล้วทำกำไรเองก็ย่อมได้
“เหตุผลที่ผมช่วยทุกคนตรวจสอบและชี้แนะการซื้อก้อนอัญมณี เกิดจากผมเห็นว่าทุกคนให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี สำหรับตัวผมเอง เงินทองเป็นเพียงสิ่งของนอกกาย อยากได้เมื่อไหร่ก็สามารถหาได้ แต่มิตรภาพต่างหากที่เป็นของมีค่าอย่างแท้จริง”
ปรมาจารย์โม่หยางไพล่มือไปไว้ด้านหลัง ให้ความรู้สึกของความเป็นผู้มีบุญญาธิการสูง “ผมเคยบอกแล้วว่า ที่ผมช่วยทุกคนก็เพราะมิตรภาพ ไม่ใช่เงินทอง ถ้าใครจะพูดถึงเรื่องเงินทองก็อย่ามาขอให้ผมช่วยตรวจสอบก้อนอัญมณีเลย”
“ท่านปรมาจารย์สั่งสอนได้ถูกต้อง ขออภัยที่พวกเราล่วงเกิน”
“จริยธรรมของท่านปรมาจารย์ช่างสูงส่งยิ่งนัก พวกเราเทียบไม่ติดเลย”
“ผมไม่เคยนับถือใครมาก่อนในชีวิต แต่วันนี้ผมนับถือท่านปรมาจารย์อย่างสุดใจ”
เมื่อได้ยินคำพูดของปรมาจารย์โม่หยาง คนที่เมื่อสักครู่ตะโกนว่าจะให้เงินต่างๆ นานาก็พากันรู้สึกละอายใจจนพูดอะไรไม่ออก
เห็นไหมว่าคนตรงหน้าเป็นคนดีขนาดไหน แล้วดูตัวเองสิ ดีได้ถึงครึ่งของเขาไหม?
เทียบกันไม่ติดเลย
มิน่าล่ะเขาจึงได้เป็นถึงปรมาจารย์ ส่วนตัวเองเป็นได้แค่คนธรรมดา
“แต่ก่อนจะให้คำชี้แนะ ผมมีบ้างอย่างจะบอกให้ทุกคนได้รู้ไว้ นักตรวจสอบสมบัติช่วยทำให้โอกาสการได้รับโชคลาภของพวกท่านทุกคนเพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ทุกคนสามารถได้รับโชคลาภอย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ” ปรมาจารย์โม่หยางพูดต่อ
“พวกเราเข้าใจดีครับว่าการเล่นอัญมณีมีความเสี่ยง ท่านปรมาจารย์ไม่ต้องกังวล แต่สายตาของท่านจะต้องดีกว่าสายตาของพวกเราอย่างแน่นอน”
“พวกเรารู้จักท่านดีครับ แล้วก็เชื่อมั่นในสายตาของท่านมากด้วย”
“พวกเราเข้าใจในกฎเกณฑ์นี้ดีครับ การตรวจสอบอัญมณีจะไม่เกิดความผิดพลาดเลยได้อย่างไรกัน แต่หากท่านปรมาจารย์เป็นคนเลือกให้พวกเรา พวกเราเชื่อว่าจะต้องได้กำไรอย่างแน่นอน”
คนรอบข้างต่างพากันตะโกนขึ้น
“ในเมื่อทุกท่านเชื่อมั่นในตัวผม เช่นนั้นผมจะเริ่มตรวจสอบก้อนอัญมณีเลยแล้วกัน ไม่ทราบว่าใครอยากจะให้ผมช่วยตรวจให้ก่อน”
“ผมครับ”
“ผมด้วยครับ”
คนจำนวนมากมายพากันแย่งยกมือ
คำพูดของนักตรวจสอบสมบัติมีอิทธิพลอย่างมาก พูดแค่ประโยคเดียวก็ได้เสียงตอบรับนับไม่ถ้วน
“เอาล่ะ งั้นคุณก็แล้วกัน”
ปรมาจารย์โม่หยางชี้นิ้วออกไป มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน ท่าทางเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองได้รับเลือก “ผมหรือ ใช่ผมจริงๆ ด้วย”
“คุณนั่นแหละ” ปรมาจารย์โม่หยางพยักหน้าแล้วยิ้มให้เบาๆ ดูมีมาดเป็นคนเหนือคนจริงๆ
“ขอบพระคุณท่านปรมาจารย์มากครับ” ชายวัยกลางคนดีใจจนแทบจะกระโดด เขามองไปที่ใบหน้าของปรมาจารย์โม่หยางซึ่งเป็นผู้ที่มีอาวุโสกว่า ด้วยสีหน้าที่เลื่อมใสสุดๆ “เรียนถามท่านปรมาจารย์ ผมควรจะซื้อก้อนอัญมณีก้อนไหนดีหรือครับ”
“ขอผมดูก่อนนะครับ” ปรมาจารย์โม่หยางสะบัดแขนเสื้อแล้วก้าวออกไป มองลงไปที่ก้อนอัญมณีมากมายที่วางแสดงอยู่บนโต๊ะ
เมื่อเห็นว่าปรมาจารย์เริ่มตรวจสอบก้อนอัญมณีแล้ว ทุกคนต่างไม่กล้าออกเสียง ไม่กล้าแม้แต่จะกระซิบ กลัวจะทำให้ปรมาจารย์โม่หยางเสียสมาธิ
ไม่ช้าเขาก็หยิบก้อนอัญมณีก้อนหนึ่งขึ้นมาแล้วทาบไปรอบร่างกายของตน จากนั้นเขาก็เริ่มสั่นเล็กน้อย สีหน้าเริ่มซีดลง ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังใช้เคล็ดวิชาอะไร
“เอาล่ะ คุณจงซื้อก้อนอัญมณีก้อนนี้เถิด เมื่อครู่ผมใช้พลังปราณตรวจดูให้แล้ว สมบัติที่ซ่อนอยู่ข้างในมีราคาที่ค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว”
“ก้อนนี้หรือครับ” ชายวัยกลางคนรีบมองไปที่ก้อนอัญมณีที่ปรมาจารย์โม่หยางถืออยู่ในมือ มันเป็นอัญมณีที่วางซ้อนอยู่ด้านใน มองจากภายนอกเหมือนหินธรรมดาก้อนหนึ่ง
อัญมณีก้อนนี้มีขนาดใหญ่ สูงเกือบเท่ากับตัวคนคนหนึ่ง หากจะเจียระไนออกมาน่าจะต้องใช้เวลาสักสองสามวัน
“ใช่” ปรมาจารย์โม่หยางพยักหน้า
“ในเมื่อเป็นท่านปรมาจารย์แนะนำ งั้นผมจะซื้อเลย” ชายวัยกลางคนมองไปที่คนขาย “เท่าไหร่ครับ”
“ห้าหมื่นเหรียญครับ” เจ้าของร้านก้าวออกมาแล้วตอบทันที
“ห้าหมื่นเหรียญเลยหรือ!” ชายวัยกลางคนถึงกับตะลึง นี่เป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างมาก ต่อให้เป็นคนที่มีฐานะดี เงินจำนวนนี้ก็น่าจะเป็นเงินเก็บทั้งหมดของคนคนนั้น
อาจารย์ระดับสูงอย่างเสิ่นปี้หรูยังได้รับเงินเพียงหนึ่งพันเหรียญต่อเดือน ห้าหมื่นเหรียญเป็นเงินที่เธอต้องเก็บหลายเดือนเลยทีเดียว
“ผมจะซื้อครับ ก้อนอัญมณีนี้เป็นก้อนที่ท่านปรมาจารย์แนะนำ ถ้าคุณไม่ซื้องั้นผมขอละกัน…” เมื่อชายวัยกลางคนเริ่มลังเล ก็มีเสียงตะโกนออกมาจากหมู่คนที่มุ่งดูอยู่ดังขึ้น
“ถูกต้อง ของที่ท่านปรมาจารย์แนะนำให้ แม้จะมีราคาถึงห้าหมื่นเหรียญ แต่พอเจียระไนออกมาก็อาจกลายเป็นอัญมณีที่มีราคาหลายล้าน เราอาจจะรวยข้ามคืนได้เลย…”
“ที่ผ่านมาท่านปรมาจารย์ช่วยดูให้แค่อัญมณีก้อนเล็กๆ คราวนี้กลับดูให้ก้อนใหญ่ แบบนี้คุณต้องได้กำไรแบบหลายเท่าตัวอย่างแน่นอน…”
หลายคนต่างพูดขึ้นมาทันที