ตอนที่ 107 : ฟอร์ส
“นักเขียน?”
ออเดรย์ซักถามพลางสำรวจอากัปกิริยาของกายลินตรงหน้า
ขณะเดียวกันก็ไม่ถือสาแอนนี่ด้านหลังที่กำลังยืนฟัง เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ใช่หัวข้อสนทนาแปลกประหลาดสำหรับคุณหนูคลั่งศาสตร์เร้นลับ
กายลินอมยิ้ม
“ถูกต้อง และผมเชื่อว่าคุณคงเคยอ่านผลงานของเธอแล้ว เป็นหนังสือประเภทนิยายที่ชื่อว่า คฤหาสน์วายุสลาตัน ได้รับคำชมอย่างล้นหลามในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา”
“เล่มนั้นเองหรือ ฉันชอบอ่านมาก โดยเฉพาะตัวละครสุขุมรอบคอบอย่างคุณหนูซีซี่”
ออเดรย์ยิ้ม แต่ภายในใจนึกกรอกตามองบนอย่างเย้ยหยัน
งานอดิเรกในระยะหลังของเธอแทบไม่มีนิยายมาเกี่ยวข้อง ออเดรย์เคยอ่านคฤหาสน์วายุสลาตันบ้างก็จริง แต่พักไว้หลังจากเริ่มได้เพียงหนึ่งในสามเล่ม
นับตั้งแต่เข้าร่วมชุมนุมไพ่ทาโรต์และรู้จักกับมิสเตอร์ฟูลผู้ทรงอำนาจ เธอมีโอกาสกลายเป็นผู้วิเศษเต็มตัวและเริ่มศึกษาศาสตร์เร้นลับอย่างลึกซึ้ง แถมยังหมั่นรวบรวมข้อมูลด้านจิตวิทยาซึ่งอาจต้องใช้ในอนาคต ส่งผลให้ความสนใจด้านอื่นลดลงโดยปริยาย
กายลินยิ้มพร้อมกับผายมือเชิญชวนเด็กสาวให้เดินไปทางโซฟาในห้องโถงใหญ่
“ผมเชื่อว่ามิสฟอร์ส·วอลล์ต้องสร้างความประทับใจให้คุณได้แน่ เธอเหมือนกับตัวละครในนิยายที่ตัวเองเขียน มิสซีซี่ผู้ฉลาด สุขุม และเกียจคร้าน จริงสิออเดรย์ หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป คุณช่วยบรรเลงเปียโนให้พวกเราฟังหลังจากจบซาลอนวรรณกรรมได้ไหม? คงเข้ากับความสุนทรีของนิยายไม่น้อยทีเดียว”
หมอนี่ต้องการนำเราไปโอ้อวดกับผู้อื่นสินะ
ออเดรย์อ่านความคิดจากอากัปกิริยาของกายลิน เธอพยายามทำความเข้าใจกับบุรุษตรงหน้าเสียใหม่ ราวกับไม่ใช่เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน
เด็กสาวตอบโดยยังรักษากิริยาสง่างาม
“ครูสอนเปียโนของฉัน มิสเตอร์วิคเนอร์ เขามักตำหนิว่าฝีมือบรรเลงของฉันถดถอยลงในระยะหลัง ยังต้องฝึกฝนอีกมาก กว่าจะเก่งถึงขนาดแสดงต่อหน้าผู้อื่นโดยไม่อับอาย”
“เข้าใจแล้ว”
กายลินทำสีหน้าครุ่นคิดหลายวินาที ไม่รู้ว่าตนควรชวนคุยในหัวข้อใดต่อ จนกระทั่งมันเหลือบเห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังลิ้มรสขนมหวานบนโต๊ะยาว
“ออเดรย์ นี่คือมิสเตอร์ฟอร์ส·วอลล์ นักเขียนเจ้าของนิยายคฤหาสน์วายุสลาตัน”
เด็กสาวมองไปยังทิศทางที่กายลินผายมือ
มิสฟอร์ส·วอลล์อายุราว ยี่สิบสามปี ส่วนสูงประมาณ 1.65 เมตร สวมเดรสเหลืองอ่อนชายกระโปรงมีลักษณะเป็นจีบเรียบ ผมสีน้ำตาลหยักโศกช่วงปลายตามสมัยนิยม
เมื่อได้ยินกายลินแนะนำ ฟอร์สเงยหน้าขึ้นมองออเดรย์พร้อมกับสวมยิ้ม
เด็กสาวเริ่มรวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลภายในระยะเวลาเพียงสามวินาที
ปลายเล็บมิสฟอร์สมีสีเหลืองจาง หมายถึงสูบบุหรี่จัด
มีรอยหนังด้านบริเวณง่ามนิ้วสำหรับใช้จับปากกา สอดคล้องกับลักษณะอาชีพนักเขียน
ท่วงท่าขยับแขนกระฉับกระเฉงแข็งแกร่ง จุดนี้ไม่สมกับอาชีพนักเขียนสักเท่าไร นอกเสียจากจะชอบออกกำลังกายเป็นงานอดิเรก
อาจเป็นกรรมพันธุ์ หรือไม่ก็เคยประกอบอาชีพต้องใช้แรงกายมาก่อน
ลักษณะภายนอกสุขุมและมีเหตุมีผล คล้ายกับอุปนิสัยของตัวเอกในนิยายคฤหาสน์วายุสลาตัน สิ่งนี้ก็อาจเป็นผลพวงจากอาชีพก่อนหน้าเช่นกัน
ดวงตาและอารมณ์ค่อนไปทางผ่อนคลาย คล้ายกับกำลังดูแคลนตนและกายลิน
นี่คือมุมมองผู้วิเศษต่อมนุษย์ปรกติงั้นหรือ?
หากกายลินพบความเป็นผู้วิเศษของเธอเข้าโดยบังเอิญ มิสฟอร์สควรตื่นตระหนกมากกว่านี้ ควรหวาดระแวงว่ากายลินจะกระทำสิ่งใดและพาใครมาหา ตามปรกติแล้วควรปรากฏอารมณ์หวาดกลัวเล็กๆ ให้เห็น
สรุปได้ว่ามิสฟอร์สจงใจเปิดเผยสถานะผู้วิเศษกับกายลิน อาจเพราะชายคนนี้แสดงออกชัดเจนว่าสนใจศาสตร์เร้นลับ
เธอคงมั่นใจกับผลที่จะตามมาพอสมควร
เหตุใดผู้วิเศษถึงพยายามตีสนิทกายลิน?
ต้องการเงิน? หรือต้องการวัตถุดิบวิเศษ?
ไม่สิ อาจกำลังหวังพลังอำนาจของไวเคาต์
ขณะเดียวกัน กายลินเริ่มแนะนำออเดรย์ให้ทางมิสฟอร์ส·วอลล์รู้จัก
“มาดามครับ เธอคือออเดรย์ที่ผมเคยกล่าวถึง เปรียบดังอัญมณีล้ำค่าแห่งเบ็คลันด์ เป็นบุตรสาวของเคาต์ฮอลล์ คนสนิทของฝ่าบาทและหนึ่งในคณะรัฐมนตรีอันทรงเกียรติ”
“ทิวาสวัสดิ์ค่ะมิสฟอร์ส หนังสือคฤหาสน์วายุสลาตันยังวางอยู่บนหัวเตียงดิฉันทุกคืน”
ออเดรย์กล่าวทักทายตามมารยาทชนชั้นสูง กิริยาท่าทางของเธอชดช้อยงดงาม
แต่ภายในใจแอบกล่าวเสริม ‘นั่นเพราะฉันไม่ได้จับขึ้นมาอ่านเลยต่างหาก’
ฟอร์สก้มศีรษะคำนับตอบ
“ทิวาสวัสดิ์ค่ะมิสออเดรย์ ความงามของคุณช่างสมคำร่ำลือ ทำเอาดิฉันผงะไปครู่ใหญ่ สงสัยจะได้แรงบันดาลใจสำหรับตัวเอกนิยายเรื่องใหม่แล้ว จริงสิ ไวเคาต์กายลินบอกว่าคุณมีพรสวรรค์ด้านดนตรี”
ทั้งสองกล่าวชมกันและกันตามมารยาท
หลังจากเห็นว่าฟอร์สก้มศีรษะลงเพื่อจัดการขนมหวานบนโต๊ะ ออเดรย์เบือนหน้าไปทางโถงจัดงานพร้อมกับเร่งฝีเท้าก้าวเดิน
ในหัวกำลังรวบรวมข้อมูลเมื่อครู่ เพื่อวิเคราะห์ว่าฟอร์ส·วอลล์มีเจตนาใดกับตนและกายลินกันแน่
ปัจจุบันยังมีข้อมูลไม่พอ คงต้องหาโอกาสเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมในอนาคต
ขณะเดินพลางครุ่นคิด ออเดรย์พลาดท่าเหยียบชายกระโปรงจนเสียหลัก
สาวใช้ส่วนตัว แอนนี่ รีบเข้ามาพยุงทันท่วงที เธอกล่าวตักเตือนข้างหูเด็กสาว
“ด้วยชุดพิเศษที่กำลังสวม คุณหนูไม่สมควรเดินไปไหนมาไหนอย่างรีบร้อน”
“ฉันรู้น่า”
ออเดรย์ตอบดื้อรั้น ใบหน้าแดงเริ่มก่ำ
แค่ใช้ความคิดเพลินจนลืมมองปลายเท้า…
เด็กสาวรำพันในใจ
ภายในห้อง ออเดรย์ได้พบนักเขียน นักวิจารณ์ และนักดนตรีชื่อดังอีกหลายคนที่มาร่วมงานซาลอนของกายลิน
เด็กสาวยังคงรักษารอยยิ้มสง่างามไว้เสมอ
จนกระทั่งผ่านไปพักใหญ่ ขณะกล้ามเนื้อบนใบหน้าเด็กสาวเริ่มปวดเมื่อย ออเดรย์เหลือบเห็นสัญญาณจากไวเคาต์กายลิน
เธอยืนรอสองถึงสามนาทีก่อนจะขออนุญาตทุกคนออกมาเข้าห้องน้ำ ออเดรย์ใช้สองมือยกชายกระโปรงขึ้นและรีบเดินออกจากซาลอนรวดเร็ว
เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครตามมา เด็กสาวเดินไปยังห้องหนังสือชั้นล่างและหันไปกำชับกับสาวใช้แอนนี่
“ฉันมีบางสิ่งต้องคุยกับไวเคาต์กายลินเป็นการส่วนตัว ช่วยยืนเฝ้าประตูโดยห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด”
“ได้ค่ะ”
แอนนี่ไม่พบความผิดปรกติ เธอทราบว่าออเดรย์และกายลินมีงานอดิเรกหลงใหลศาสตร์เร้นลับ และมักพูดคุยเป็นการส่วนตัวบ่อยครั้ง
ออเดรย์เดินเข้าห้องหนังสือพร้อมกับล็อกประตู กายลินกำลังตั้งใจควงปากกาหมึกซึมในมือเล่น ส่วนฟอร์สใช้ปลายนิ้วพลิกหน้ากระดาษหนังสือโดยไม่แยแสสิ่งรอบข้าง
“ผมขอแนะนำอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทางนี้คือมิสฟอร์ส ผู้วิเศษตัวจริง”
กายลินวางปากกาลงและเดินมาหา
“ใช่แน่หรือ?”
ออเดรย์จงใจทำสีหน้าเคลือบแคลง
ฟอร์สลุกขึ้นและนำหนังสือไปวางคืนจุดเดิม จากนั้นก็หันมายิ้มให้เด็กสาว
“สงสัยต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตา”
นักเขียนนิยายชื่อดังเดินตรงไปยังบานประตูปิดสนิท ก่อนจะใช้มือกำลูกบิด
ทันใดนั้น ออเดรย์พลันเห็นร่างอีกฝ่ายเริ่มพร่ามัว ลักษณะโปร่งใสคล้ายวิญญาณ เดินทะลุผ่านบานประตูไปง่ายดาย
เด็กสาวแสดงสีหน้าตกตะลึง สิ่งนี้เกิดจากความรู้สึกแท้จริงมิได้เสแสร้ง แต่ขณะเดียวกันก็ยังสุขุมและเพ่งมองอีกฝ่ายด้วยภาวะผู้ชมอย่างไม่กะพริบตา
ฟอร์สหายไปจากการมองเห็น ประตูห้องยังคงถูกปิดและลงกลอนไว้เช่นเดิม
ถัดมาราวสองสามวินาที มิสฟอร์สกลับเข้ามาจากอีกฝั่งของบานประตูในลักษณะเดียวกับที่เดินออกไป
แอนนี่ สาวใช้ส่วนตัวออเดรย์มิได้ตะโกนแจ้งความผิดปรกติเมื่อครู่เข้ามา ราวกับไม่ทราบว่ามีใครบางคนผ่านเข้าออกประตูซึ่งยังปิดสนิท
“สุดยอดมาก!”
กายลินตะโกนตื่นเต้น
ออเดรย์สูดลมหายใจก่อนพยักหน้ายอมรับ
“ฉันไม่สงสัยอีกแล้ว”
เมื่อเห็นดังนั้น เด็กสาวตัดเจตนาของนักเขียนฟอร์สออกไปหลายข้อ ผู้วิเศษเส้นทางทะลุสิ่งกีดขวางคงไม่มีปัญหาเรื่องเงินทองหรือการรวบรวมวัตถุดิวิเศษ
ไวเคาต์กายลินไม่มีผู้วิเศษคอยคุ้มกัน…
หมายความว่ามิสฟอร์สหวังใช้ชื่อเสียงและอำนาจของกายลินเพื่อเข้าใกล้ผลประโยชน์บางอย่าง?
ออเดรย์พยายามใช้พลังผู้ชมคิดวิเคราะห์หาสาเหตุแท้จริง
ฟอร์สหัวเราะคิกคัก
“รีบเข้าประเด็นกันเถอะ พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ฉันเคยเป็นแพทย์ธรรมดาที่คลินิกรักษาโรคทั่วไป แต่บังเอิญมีโอกาสกลายเป็นผู้วิเศษอย่างไม่คาดฝัน เหตุการณ์ผ่านมาแล้วสองปี ฉันต้องการความช่วยเหลือ โดยมีสิ่งแลกเปลี่ยนคือ จะช่วยให้พวกคุณกลายเป็นผู้วิเศษที่แท้จริง มอบสูตรผลิตโอสถในเส้นทางที่ต้องการให้ รวมถึงจัดหาวัตถุดิบวิเศษ”
เมื่อได้ยินข้อเสนอน่าสนใจ กายลินเอ่ยปากถามโดยไม่รีรอ
“แล้วจะให้พวกเราช่วยเรื่องใด?”
“เพื่อนสนิทของฉันถูกคุมขังในคุก อยู่ระหว่างรอคำตัดสินชี้ชะตา ฉันต้องการให้พวกคุณช่วยเธอออกมา ไม่เกี่ยงวิธีการที่ใช้”
ฟอร์สกล่าวราวกับเป็นเรื่องง่าย
ออเดรย์ขมวดคิ้ว
“มิสฟอร์ส แต่พลังของคุณเหมาะสมกับภารกิจนี้มากกว่าใคร…”
ฟอร์สยิ้มพร้อมกับส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่เลย พลังของฉันสามารถทะลุสิ่งกีดขวางได้ก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะนำผู้อื่นผ่านตามมาได้ อย่างดีก็ลอบเข้าไปหาหล่อนเพื่อพูดคุยสองสามประโยค และฉันไม่คิดว่าการนำชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเป็นทางเลือกเหมาะสม ยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังอยากทำก่อนตาย”
หลังจากสำรวจภาษากายและวิธีการเปล่งเสียงของอีกฝั่ง ออเดรย์รวบรวมคำพูดก่อนจะกล่าวออกไป
“เข้าใจแล้ว แต่ฉันอยากทราบว่าเพื่อนของคุณถูกจับกุมด้วยข้อหาใด?”
เมื่อได้ยินคำถาม สีหน้าฟอร์สพลันกระอักกระอ่วนปนเขินอาย
“เอ่อ…เธอมีพลังในการพูดเพื่อให้ผู้คนคล้อยตามจากก้นบึ้งหัวใจ อันที่จริง เพื่อนของฉันเป็นคนจิตใจดีงาม เพียงแต่เกิดเหตุไม่คาดฝันขณะพยายามโน้มน้าวกลุ่มนังเลง จนเรื่องราวเลยเถิดไป”
…
เมื่อว่างเว้นจากคดี กิจวัตรประจำวันไคลน์กลับมาสงบสุขตามเดิมอีกครั้ง เรียนศาสตร์เร้นลับช่วงเช้า และฝึกศิลปะการต่อสู้ช่วงบ่าย
เรียบง่ายจนบางครั้งหลงลืมไปว่า ตนอยู่ในตำแหน่งผู้วิเศษประจำเหยี่ยวราตรีซึ่งต้องคอยรับมือคดีเหนือธรรมชาติ
และดูเหมือน ‘คำสาป’ นำพาสิ่งชั่วร้ายเข้าหาตัวจะสาบสูญไปด้วยเช่นกัน
วันเสาร์เป็นเวรเฝ้ายามประตูยานิส
“คุณสามารถชงกาแฟที่ผมเตรียมไว้ในห้องนี้ได้ตามใจชอบ หรือไม่ก็ชาดำจากห้องเจ้าหน้าที่พลเรือน”
ดันน์อธิบายขณะกวาดสายตามอง
ไคลน์แจ้งข้ออ้างไม่กลับบ้านกับพี่น้องล่วงหน้าแล้ว มันผงกศีรษะรับ
“ขอบคุณครับหัวหน้า สมกับเป็นสุภาพบุรุษใจกว้าง”
ดันน์ยิ้ม
“เครื่องดื่มเหล่านี้จะช่วยให้จิตใจคุณผ่อนคลายลง ความเครียดสั่งสมเป็นเวลานานไม่ใช่เรื่องดีต่อสุขภาพ”
เมื่อพูดจบ ดันน์สวมหมวก หยิบไม้เท้าและเดินไปทางประตู
ขณะกำลังจะก้าวขา มันหันกลับมาเสริม
“ผมลืมกำชับเรื่องสำคัญ ห้ามคุณเปิดประตูยานิสไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นอกเสียจากมันจะถูกเปิดจากด้านใน ขอเน้นย้ำอีกครั้ง ไม่ว่าจะได้ยินเสียงแบบไหน หรือไม่ว่าจะเห็นอะไรเข้า ห้ามเปิดประตูยานิสโดยเด็ดขาด”
หัวหน้า จำเป็นต้องทำหน้าเคร่งขรึมขนาดนั้นด้วยหรือ? ไม่น่ากลัวไปหน่อยหรือไง?
ไคลน์พลันตึงเครียด จิตเริ่มมองเห็นภาพหลอน คล้ายกับความมืดมิดรอบห้องกำลังก่อตัวเป็นรูปร่างและพยายามเอาชนะแสงสว่างจากโคมไฟ
……………………