ตอนที่ 135 : ภาพเหมือนของบารอน
“ตรงนั้นมีอันตราย…”
ไคลน์กล่าวด้วยสีหน้าขึงขังพลางชี้นิ้วไปยังบันไดที่คั่นห้องโถงและห้องทานอาหาร
ในอดีต ชายหนุ่มเคยอ่านเอกสารลับของเหยี่ยวราตรีในหัวข้อ : เหตุใดพลังวิญญาณของผู้วิเศษจึงเกิดการปั่นป่วนฉับพลัน
เอกสารอธิบายไว้ดังนี้ สาเหตุที่พลังวิญญาณของผู้วิเศษปั่นป่วนฉับพลัน โดยมากแล้วจะมาจากการสัมผัสถึงสิ่งชั่วร้ายในปริมาณเข้มข้นจากทิศทางดังกล่าว
หากไม่มั่นใจว่าพลังวิญญาณของตนเหนือกว่า อย่าได้ย่างกรายเข้าใกล้เด็ดขาด ในบางกรณี เพียงจ้องมองก็มากพอจะทำให้เกิดหายนะร้ายแรงกับตัว
ดันน์มองตามนิ้วไคลน์ ในฐานะหัวหน้าเหยี่ยวราตรี ตัวมันย่อมมีสัมผัสวิญญาณรุนแรงกว่าใคร ดันน์พลันตระหนักถึงออร่าความชั่วร้ายปริมาณเข้มข้น
มันหันมาพูดกับไคลน์
“คุณช่วยทำนายว่า พวกเราจะปลอดภัยหลังจากตรวจสอบเจ้าสิ่งนั้นหรือไม่”
หัวหน้าไม่ได้บอกให้ตนทำนายก่อนจะเดินเข้าปราสาท หมายความว่าเขามั่นใจพลังของตัวเองพอสมควร
และนั่นยังหมายถึง สิ่งอัปมงคลตรงบันไดมีความชั่วร้ายรุนแรงกว่าวิญญาณอาฆาตสวมเกราะหลายเท่า
ไคลน์เงียบงัน มันเก็บปืนเข้าซองรักแร้พร้อมกับรบกวนให้ฟรายช่วยถือไม้ค้ำ
ชายหนุ่มปลดสร้อยเงินจากข้อมือซ้ายและทิ้งจี้บุษราคัมลงตามแรงโน้มถ่วง รอจนกระทั่งหยุดนิ่งค่อยเริ่มเปล่งประโยคทำนาย
“การสำรวจห้องลับภายในปราสาทโบราณจะประสบผลสำเร็จ การสำรวจห้องลับภายในปราสาทโบราณจะประสบผลสำเร็จ”
…
หลังจากครบเจ็ดครั้ง ชายหนุ่มลืมตาขึ้นด้วยสีนัยน์ตาที่เริ่มกลับเป็นปรกติ
ภาพตรงหน้า ลูกตุ้มวิญญาณกำลังหมุนตามเข็มในลักษณะแทบมองไม่เห็น ถึงจะเพียงเล็กน้อย แต่มันคือการหมุนตามเข็มไม่ผิดแน่
หมายถึงมีโอกาสสำเร็จสูง
ไคลน์ซึ่งกลายเป็นนักทำนายเต็มตัว หันไปพยักหน้าให้ดันน์และฟราย
“อันตรายจะถูกสยบโดยพวกเรา หรือไม่ก็ปราศจากอันตรายโดยสิ้นเชิง”
ดันน์เก็บ 3-0782 เข้ากระเป๋าเสื้อฝั่งซ้ายพร้อมกับจัดระเบียบหมวกให้เรียบร้อย มันเดินตรงไปยังขั้นบันไดเพื่อสำรวจหากลไกลับ
ฟรายยื่นไม้ค้ำคืนให้ไคลน์ มันกุมมือถือปืนด้วยสีหน้าสุขุมคล้ายกำลังเพ่งสมาธิตรวจจับสิ่งผิดปรกติโดยรอบ
‘ในฐานะเหยี่ยวราตรี เรายังมีความเป็นมืออาชีพไม่มากพอสินะ’
ไคลน์หยิบปืนออกมาถือตามฟราย สายตาสอดส่องเฝ้าระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ไม่กี่นาทีถัดมา ดันน์ในท่าคุกเข่าบังเอิญสะกิดเปิดกลไกลับโดยไม่รู้ตัว เกิดเสียงกุกกักดังจากภายในขั้นบันไดตรงหน้า
พื้นเริ่มแยกตัวออกจากกัน เผยให้เห็นทางเดินสำหรับลงไปข้างล่าง บรรยากาศชวนเย็นสังหลังและน่าสะอิดสะเอียนพวยพุ่งออกจากช่องว่างดังกล่าว คล้ายกับสายลมพยายามต่อตัวเป็นรูปร่างของบางสิ่ง
ดันน์รีบหยิบ 3-0782 โยนเข้าไปในช่องทางเดิน
เกิดเสียงกระทบหลายหน ไม่มีใครทราบว่าตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสุริยันที่บิดเบือนหล่นลงไปลึกมากแค่ไหน
หากด้านในมีวิญญาณร้ายอยู่จริง มันต้องโยน 3-0782 กลับออกมาแน่นอน
เป็นวิธีการที่น่าสนใจมาก…ไคลน์ชมเชยหัวหน้าพลางเฝ้ารอผลลัพธ์อย่างใจเย็น
เพียงไม่นาน บรรยากาศชวนสะอิดสะเอียนและเย็นยะเยือกเริ่มเจือจางลง แทนที่ด้วยความสดชื่นและอบอุ่นของธรรมชาติจากภูเขา
“ไคลน์ลงไปกับผม ส่วนฟรายคอยเฝ้าไม่ให้สิ่งใดปิดกลไกประตูจากด้านนอก”
ดันน์ออกคำสั่งอย่างชำนาญ
“ครับ!”
ไคลน์รับคำ มันเดินตามหัวหน้าลงไปโดยไม่แสดงอาการประหม่า ส่วนฟรายไม่ขานตอบ คอยเฝ้ายามด้านบนอย่างระมัดระวัง
ดันน์·สมิทเดินนำลงไปในความมืดมิด เสียงฝีเท้าแต่ละก้าวดังกังวานทั่ว
มันไม่ต้องพึ่งพาแสงสว่าง สำหรับผู้วิเศษเส้นทางผู้ไร้หลับ ความมืดมิดหาใช่อุปสรรค หากแต่เป็นคำอวยพรจากเทพธิดา
ภาพการมองเห็นของพวกมันกระจ่างใสไม่ต่างจากกลางวันแสก อาจดีกว่าด้วยซ้ำ
แต่หลังจากเดินไปได้สองสามก้าว ดันน์รีบหันกลับมาพูดกับไคลน์ด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ลืมไปเลยว่าคุณมองไม่เห็นในความมืด ผมเคยชินกับการไม่พกอุปกรณ์ส่องแสง”
“…หัวหน้าไม่ต้องห่วงผม เนตรวิญญาณของผู้ทำนายมีประสิทธิภาพดีกว่าที่คิด”
ไคลน์อธิบายอย่างใจเย็น มันตระหนักว่าตัวเองไม่รู้สึกประหม่าแม้แต่น้อย
ในสถานการณ์จริง หัวหน้าสุดเจ๋งของตนมอบความอุ่นใจให้บุคคลรอบข้างได้มากขนาดนี้เชียวหรือ
ด้วยเนตรวิญญาณ ภาพการมองเห็นของไคลน์หาได้มืดสนิท แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร คล้ายกับมองโลกผ่านฟิล์มสีเทา ช่วยให้มองเห็นเค้าลางขั้นบันไดได้บ้าง
สีออร่าของดันน์บ่งบอกว่าสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ แถมยังมีอารมณ์สงบนิ่ง สมกับที่เป็นหัวหน้าทีมผู้วิเศษ..ขณะสำรวจบุคคลเบื้องหน้า ไคลน์บรรจงย่างเท้าลงบันไดอย่างระมัดระวัง
จำนวนขั้นมีไม่มาก ราวสิบสี่ถึงสิบห้าขั้น
เมื่อถึงข้างล่าง บนพื้นปลายขั้นบันไดมี 3-0782 ตกอยู่ตามคาด ของวิเศษต้องห้ามชนิดนี้ช่วยแผ่แสงอบอุ่นรอบตัวในปริมาณเจือจาง ช่วยให้การมองเห็นของไคลน์ดีขึ้นมาก
หลังจากกวาดสายตาครบหนึ่งรอบ ชายหนุ่มตระหนักว่าห้องใต้ดินแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก บรรยากาศที่เคยเย็นวาบและน่าสะอิดสะเอียนไม่หลงเหลือเพราะถูก 3-0782 ชำระล้าง ปรากฏเพียงความชื้นเจือจางที่สัมผัสได้ด้วยผิวหนัง
ใจกลางห้องคือโลงศพสีดำสนิท บนฝาโลงมีเล็บปริศนาสีแดงเข้มวางอยู่
ฝาโลงศพถูกเปิดแง้มเล็กน้อย ด้านในปรากฏโครงกระดูกไร้กะโหลกนอนทอดยาว
ดันน์กวายสายตามองรอบห้องอย่างระมัดระวังก่อนก้มหยิบตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสุริยันบนพื้น
“หัวหน้า…โลงศพนี้ลงอาคมผนึกศพด้านในมิให้กลายเป็นซอมบี้หรือวิญญาณอาฆาต”
ไคลน์กำลังพิจารณาเล็บแดงเข้มบนฝาโลง รอบเล็บรายล้อมด้วยวงอาคมเวทมนตร์ขยุกขยิกรกรุงรัง
ความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับที่ศึกษาจากนีลล์ช่วยให้ชายหนุ่มทราบว่า อาคมเวทมนตร์ดังกล่าวใช้สำหรับผนึกศพภายในโลงมิให้คืนชีพ
ขณะเดียวกัน ไคลน์นึกครุ่นคิดในใจ
ตามปรกติแล้ว ครอบครัวของผู้ตายจะวุ่นวายทำพิธีลงอาคมเวทมนตร์ผนึกเชียวหรือ
หืม…หมายความว่า มีโอกาสสูงที่คนทำศพจะไม่ใช่สมาชิกครอบครัว และเมื่อพิจารณาจากการซ่อนในห้องลับใต้ดินแทนที่จะฝังหลุมศพ พวกมันคงไม่ต้องการให้ศพถูกหาพบได้ง่ายนัก
หลังจากดันน์นำ 3-0782 ใส่กลับกระเป๋าเสื้อฝั่งซ้าย มันเดินเข้าใกล้โลงศพเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด
“ศพน่าจะตายเพราะยาพิษ มีความเป็นไปได้ว่า บุคคลที่วางยาพิษจะลงอาคมโลงศพเพื่อมิให้คนตายลุกขึ้นมาแก้แค้น เหตุการณ์คงเกิดขึ้นเมื่อราวหนึ่งพันสามร้อยปีก่อน แต่ท้ายที่สุด ศพกลับคืนชีพอีกครั้งในฐานะวิญญาณอาฆาต แถมยังเปี่ยมด้วยความแค้นรุนแรงจนน่าตกใจ”
ไคลน์เดินตามหลังดันน์เข้าไปใกล้โลงศพ
“แล้วกะโหลกไปไหน…อาคมเวทมนตร์ไม่จำเป็นต้องตัดศีรษะศพออกสักหน่อย…”
ดันน์ครุ่นคิดก่อนเสริม
“ผมมีสมมติฐาน…วิญญาณอาฆาตคงเพิ่งปรากฏตัวในระยะหลัง ปราสาทแห่งนี้อยู่ห่างจากหมู่บ้านเพียง สิบห้านาทีด้วยการเดินเท้า ถ้าวิญญาณอาฆาตอยู่มานานจริง ต้องเคยมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นบ่อยครั้งแล้ว แต่รายงานคดีของเมืองทิงเก็นกลับไม่เคยมีบันทึกมาก่อน”
ไคลน์พยักหน้าเห็นด้วย
“หัวหน้ากำลังหมายความว่า ใครบางคนเพิ่งเปิดโลงศพและนำศีรษะออกไปเมื่อไม่นานมานี้ อย่างนั้นสินะครับ”
“ถูกต้อง อาคมเวทมนตร์ไม่เพียงผนึกโลงศพไว้ แต่ผนึกความพยาบาทรุนแรงของผู้ตายไว้ด้วย เมื่อฝาโลงถูกแง้มเปิด วิญญาณด้านในจึงก่อตัวเป็นวิญญาณอาฆาตทันทีด้วยความช่วยเหลือจากถุงมือเหล็ก”
“การไม่มีศพของบุคคลที่เปิดฝาโลงหลงเหลือในที่เกิดเหตุ หมายความว่าอีกฝ่ายต้องเป็นผู้วิเศษและหนีรอดจากวิญญาณร้ายไปได้ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงนำส่วนกะโหลกติดตัวไปด้วย…”
ดันน์มอบคำตอบขณะมองไปยังโครงกระดูกภายในโลง
“สาเหตุที่ความพยาบาทคงอยู่เป็นเวลานาน อาจไม่ใช่เพราะถูกอาคมเวทมนตร์ผนึกเพียงอย่างเดียว ขณะยังมีชีวิต ผู้ตายอาจเป็นถึงผู้วิเศษอย่างน้อยขั้นกลาง ผมหมายถึงขั้นกลางในยุคสมัยก่อน ลำดับ ห้า หรือ หก ศพของบุคคลเหล่านั้นจะมีความพิเศษค่อนข้างมาก ส่วนกะโหลกศีรษะอาจนำไปใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมบางชนิด”
ดันน์เว้นวรรคก่อนกล่าวต่อ
“แต่เหนือสิ่งอื่นใด ขอสันนิษฐานของพวกเรายังไม่ได้รับการยืนยัน ต้องสืบสวนอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าสมมติฐานถูกต้อง อาจเริ่มจากการสอบถามผู้คนภายในหมู่บ้าน ว่าเคยมีใครได้รับบาดแผลใกล้กับปราสาทบ้างหรือไม่ คำตอบของพวกเขาจะช่วยพิสูจน์สมมติฐานพวกเราได้ระดับหนึ่ง”
“เป็นไปได้มากทีเดียว…”
ไคลน์ชื่นชมดันน์จากใจ
ถัดมา ชายหนุ่มเริ่มสำรวจห้องใต้ดินอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบเบาะแสใดเพิ่ม
ไคลน์พยายามประกอบพิธีกรรมเวทมนตร์เพื่อทำนายหาบุคคลที่เปิดฝาโลงศพ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวอาจผ่านมานานกว่าหนึ่งเดือน รวมถึงการปรากฏตัวของวิญญาณอาฆาตได้กลบร่องรอยทั้งหมด ผลการทำนายจึงออกมาเป็นหมัน
จากนั้น ไคลน์ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญศพอย่างฟรายรับไม้ต่อ มันสลับตำแหน่งโดยขึ้นมาเฝ้ายามด้านนอกแทน
ผ่านไปราวสิบห้านาที ขณะแสงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าโดยสมบูรณ์ ได้เวลาดันน์และฟรายเดินขึ้นมาจากห้องใต้ดิน
ดันน์ควานหากลไกปิดทางเดินลับจนพบ ส่วนฟรายอธิบายผลลัพธ์กับไคลน์อย่างคร่าว
“ศพตายเพราะยาพิษจริง บริเวณกระดูกต้นคอเกิดรอยบิดซึ่งเป็นของใหม่ เหตุการณ์คงเกิดขึ้นราวสามเดือนก่อน”
ไม่ผิดแน่ ใครบางคนมาที่นี่เมื่อสามเดือนก่อนและขโมยกะโหลกศีรษะกลับไป
ไคลน์พยักหน้ารับ
สามเหยี่ยวราตรีเดินกลับหมู่บ้านลามุดก่อนท้องฟ้าจะมืดสนิท พวกมันเช่าห้องสำหรับ สองคน เพราะต้องมีหนึ่งคนคอยรับหน้าที่พา 3-0782 พเนจรให้ไกลจากชาวบ้านเกินกว่ารัศมี สิบห้าเมตร ทั้งสามต้องผลัดเวรกันทุกสองชั่วโมงเพื่อให้คนที่เหลือฟื้นฟูตัวเองจากผลข้างเคียงชำระล้างของ 3-0782
ด้วยเหตุนี้ การจองห้องพักสำหรับ สองคนจึงนับว่าเพียงพอ
หลังจากเสร็จมื้ออาหารเย็นเรียบง่าย ดันน์ ฟราย และไคลน์ต่างแยกย้ายไปตามบ้านเพื่อดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม เจาะจงเน้นถามเฉพาะบุคคลที่เคยอาศัยในหมู่บ้านลามุดเป็นเวลานาน
ในสถานการณ์เช่นนี้ ตรากรมตำรวจสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
…
“คุณตำรวจ ทำไมถึงถามอะไรพิสดารนัก คุณอยากรู้ไปทำไม ว่าผมเคยไปเล่นที่ปราสาทในสมัยเด็กและได้รับบาดแผลหรือไม่…ต้องแน่นอนอยู่แล้ว! มีเด็กคนไหนไม่เคยได้แผลตอนเล่นซนบ้าง ผมเองก็เคยถูกเศษหินบนภูเขาบาดจนเลือดออก ไม่ห่างจากเขตปราสาทโบราณมากนัก”
ชายผมทองวัยราวสี่สิบขมวดคิ้วขณะตอบคำถามสุดพิสดารของไคลน์ แต่มันก็ยอมเล่าทุกสิ่งออกมาตามจริง
นี่คือชาวบ้านรายที่สิบสี่ หลังจากชายหนุ่มตระเวนเคาะประตูสอบถามหลายหลัง จากบรรดาจำนวนเหล่านั้น มีเพียงสองคนที่จำได้ว่าตัวเองเคยได้รับบาดแผลในวัยเด็ก
ดูเหมือนสมมติฐานของหัวหน้าจะถูกต้อง
ไคลน์ผงกศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับเก็บตราตำรวจเข้ากระเป๋าเสื้อ มันหันไปยิ้มให้ชาวบ้านคนดังกล่าว
“ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ ผมไม่รบกวนแล้ว”
ขณะชายหนุ่มหันหลังเดินออกจากบ้าน ชายผมทองตะโกนเรียกไล่หลัง
“คุณตำรวจ! คุณสนใจปราสาทโบราณหลังนั้นหรือ ผมมีภาพวาดสีน้ำมันเก่าแก่อยู่ภาพหนึ่ง คุณอยากเห็นไหม กล่าวกันว่าเป็นภาพวาดบารอนคนแรกของหมู่บ้านแห่งนี้ ปู่ของปู่ของปู่ผมขโมยมาจากปราสาทบนภูเขาเมื่อนานมาแล้ว มันคือภาพเหมือนของบารอนลามุดตัวจริงเสียงจริง! คุณตำรวจสนใจไหม มันเป็นถึงสมบัติเก่าแก่เชียวนะ!”
ถ้าเป็นสมบัติเก่าแก่จริง ครอบครัวของนายคงขายกินเพื่อเสพสุขไปนานแล้ว
หมอนี่กล้าโกหกต่อหน้าตำรวจเชียวหรือ ชักปืนขู่ให้กลัวสักหน่อยดีไหม
ไคลน์พึมพำในใจ ก่อนจะถามหยั่งเชิงด้วยมาดนักต่อราคาจากโลกเก่า
“ไว้ผมเห็นกับตาก่อน ค่อยยอมเชื่อว่าเป็นสมบัติเก่าแก่จริงหรือไม่”
ชายผมทองฉีกยิ้มกว้าง มันรีบเดินกลับเข้าไปในบ้าน
…
จนกระทั่งเดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับภาพวาดสีน้ำมันขนาดค่อนข้างใหญ่
ไคลน์เพ่งพิศภาพวาดอย่างตั้งใจ มันเห็นใบหน้าลักษณะอ่อนโยนของชายผิวสีแทนคนหนึ่ง ดวงตาลุ่มลึกคล้ายกับผ่านร้อนผ่านหนาวนับไม่ถ้วน เส้นผมขาวโพลนผิดธรรมชาติ คงกำลังสวมวิกอยู่
หือ…
ทำไมถึงได้ละม้ายคล้ายมิสเตอร์อะซิกนัก…
นัยน์ตาไคลน์เริ่มสั่นเทา มันชำเลืองมองติ่งหูข้างขวาของชายในภาพวาดโดยไม่รู้ตัว
แล้วก็ได้พบกับไฝอันเป็นเอกลักษณ์…
ตำแหน่งเดียวกับอะซิกทุกประการ!
……………………