ตอนที่ 169 : พลังใหม่
เมื่อเห็นสีนัยน์ตาไคลน์กลับเป็นปรกติ อาวุโสเครสไทน์อมยิ้มก่อนกล่าวเสริม
“ลองทดสอบขยับร่างกายดูสักพักเพื่อทำความเคยชิน รวมถึงการค้นหาแก่นพลังใหม่จากโอสถ”
ไคลน์ผงกศีรษะรับ มันตระหนักว่าตนควรเชื่อฟังผู้มีประสบการณ์อย่างอาวุโสใหญ่ การทดสอบค้นหาพลังใหม่ต่อหน้าชายคนนี้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
ท่วงท่าแรกคือหมัดตรงจากบทเรียนกาเวน ชายหนุ่มก้าวขาไปด้านหน้า บิดเอวเอียงตัว จากนั้นก็ทิ้งหมัดขวาพุ่งตรง
ฟุ่บ!
เสียงกำปั้นแหวกอากาศดังแจ่มชัด ประสิทธิภาพการทะลุทะลวงเหนือกว่าจินตนาการไคลน์ไปมาก
ในวินาทีดังกล่าว ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกับการนั่งในรถม้าถูกเบรกกะทันหัน สมดุลร่างกายถูกทำลายพร้อมกับถลำเซไปด้านหน้า
ด…เดี๋ยวก่อน นี่มันเหมือนเรื่องราวน่าอับอายของเลียวนาร์ด!
แต่น่าเหลือเชื่อ ไคลน์พลันตระหนักว่าตัวเองยังสามารถควบคุมมัดกล้ามเนื้อและจุดศูนย์ถ่วงร่างกายได้อย่างอิสระ
มันถ่ายแรงจากกระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นในจังหวะพร้อมเพรียง ร่างกายถูกจัดระเบียบกลับมาอยู่ในท่ายืน แม้จะผิดเพี้ยนไปจากตอนแรกเล็กน้อย
…ยิ่งทดสอบก็ยิ่งตระหนักว่า ทักษะการรักษาสมดุลร่างกายสูงขึ้นจากเดิมมาก สิ่งนี้คงเป็นพลังหลังจากดื่มโอสถตัวตลก มันไม่มีทางเสียหลักให้กับการโจมตีของศัตรูนอกจากร่างกายกำลังอ่อนแรง
เหมือนกับนักกายกรรมไม่มีผิด…
ไคลน์มั่นใจมากว่าตนสามารถสมัครเป็นสมาชิกคณะละครสัตว์และเริ่มงานได้ทันที!
การเดินไต่เชือกไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เหมาะสมกับชื่อโอสถตัวตลกมาก… ความคิดขบขันแล่นเข้ามาในหัวชายหนุ่ม
มันทดสอบขยับร่างกายเป็นหนสุดท้ายเพื่อปรับความเคยชินให้เข้ากับพละกำลัง ความคล่องแคล่ว และว่องไวในปัจจุบัน
ตัวมันในตอนนี้คงมีฝีมือระดับเดียวกับครูฝึกกาเวน… หากยิ่งเคยชินกับร่างกายและยิ่งฝึกฝนศิลปการต่อสู้ควบคู่ รับประกันได้เลยว่าฝีมือต่อสู้โดยรวมจะสูงขึ้นอีกหลายเท่า
ไคลน์หยุดยืนไตร่ตรองความเป็นไปได้หลายสิ่งในอนาคต
จากแผนการเดิม มันประเมินว่าตัวเองจะเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้หลังจากผ่านไปราวครึ่งปี
แต่เมื่อพิจารณาพลังตัวตลกอย่างถี่ถ้วน ระยะเวลาได้ย่นลงเหลือเพียงหนึ่งเดือน ไม่สิ บางทีอาจสองถึงสามสัปดาห์ข้างหน้า
อีกไม่นาน ไคลน์จะกลายเป็นตำรวจสายต่อสู้เต็มตัวแน่นอน
นี่สินะ ความแตกต่างระหว่างมนุษย์ปรกติและผู้วิเศษ เหมือนกับมนุษย์ผู้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์อันล้นเหลือและทำทุกสิ่งได้โดดเด่นกว่าคนอื่น
เครสไทน์เฝ้ามองตัวตลกมือใหม่อย่างเงียบงันโดยไม่กล่าวสิ่งใด จนกระทั่งไคลน์ทดสอบตัวเองเสร็จและหยุดนิ่ง อาวุโสใหญ่แห่งโบสถ์รัตติกาลจึงพยักหน้าอมยิ้ม
“เสริมสมรรถภาพด้านต่อสู้เต็มตัวสินะ”
โดยไม่เปิดโอกาสให้ไคลน์พูด
“ตอนนี้คุณได้ยินเสียงใดในหัวบ้าง”
“เป็นเสียงพึมพำเกี่ยวกับโฮนาซิสครับ”
มันต้องการเก็บ ‘เฟรเกีย’ ไว้เป็นความลับอีกสักพัก จนกว่าจะถึงเวลาเหมาะสม
ชายหนุ่มหวังสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองจากเครสไทน์เพื่อประเมินว่า ชายคนนี้คิดจะเปิดเผยข้อมูลของเทือกเขาโฮนาซิสและแคว้นรัตติกาลให้ตนทราบหรือไม่ หากเครสไทน์ยอมร่วมมือ บางมีมันอาจตัดสินใจเล่าถึงคำว่าเฟรเกียเพิ่มเติม
“จงจำเอาไว้ว่า ผู้วิเศษขั้นสูงสามารถสร้างอิทธิพลทางจิตใจกับผู้วิเศษขั้นต้นในเส้นทางเดียวกันได้ ดังนั้นในบางเส้นทางซึ่งมีผู้วิเศษระดับใกล้เคียงเทพ เสียงกระซิบในหัวอาจมาจากพวกมันโดยมีเจตนาชั่วร้ายแอบแฝง ยิ่งเป็นเส้นทางของเทพนอกรีตยิ่งต้องระวังให้มาก พวกมันไม่เคยมีเจตนาดีกับผู้วิเศษขั้นต้น ผมเพิ่งได้คุยกับดันน์มาเมื่อครู่ เหยี่ยวราตรีคนล่าสุดในทีมพวกคุณก็เพิ่งเผชิญเหตุการณ์แบบเดียวกัน”
ลุงนีลล์… ปราชญ์เร้นลับ…
สีหน้าไคลน์พลันดำมืดขณะพยักหน้า
“ขอสัญญาครับท่าน ผมจะจดจำคำเตือนเหล่านี้เอาไว้ จะไม่ถูกล่อลวงโดยเสียงกระซิบภายในหัว จะไม่ถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นสัตว์ประหลาดเด็ดขาด”
ในเวลาเดียวกัน ไคลน์เริ่มครุ่นคิดถึงสิ่งอื่น
หรือนี่จะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้โบสถ์รัตติกาลพยายามโน้มน้าวเหยี่ยวราตรีให้อยู่ในเส้นทางผู้ไร้หลับและผู้เก็บซากศพ?
เส้นทางผู้ไร้หลับคือเส้นทางสมบูรณ์ซึ่งขึ้นตรงต่อเทพธิดารัตติกาลโดยตรง ส่วน ‘เทพมรณา’ ซึ่งเป็นตัวแทนเส้นทางผู้เก็บซากศพได้ถูกจำกัดไปแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล
สาเหตุของการเปิดเผยเส้นทางผู้ส่องความลับและนักทำนายในลำดับ 9 เพราะเส้นทางผู้ไร้หลับและผู้เก็บซากศพบกพร่องด้านพิธีกรรมและการแกะรอยในลำดับ 9.8.7.เหยี่ยวราตรีสาขาย่อยจึงจำเป็นต้องมีผู้วิเศษสายสนับสนุนลำดับต่ำคอยช่วยเหลือ เมื่อคำนวณจากประโยชน์ใช้สอย ก็นับว่าคุ้มค่ากับการยอมเสี่ยงถูกอิทธิพลของเทพและครึ่งเทพก่อกวน
แต่สมมติฐานข้างต้นไม่สามารถอธิบายว่า เพราะเหตุใดถึงต้องซ่อนชื่อและรายละเอียดของโอสถในเอกสารลับเหยี่ยวราตรี
อย่างน้อยก็ควรระบุรายละเอียดไม่ใช่หรือ เหยี่ยวราตรีจะได้หาวิธีรับมือผู้วิเศษเส้นทางดังกล่าวได้ถูกต้องเมื่อเผชิญหน้า
ไคลน์เริ่มสลายความคิดฟุ้งซ่าน
ขณะเหลือบเห็นเครสไทน์หยิบกระเป๋ากล่องสีเงินเตรียมกลับ ชายหนุ่มแสร้งถามด้วยน้ำเสียงเจือปนความสับสน
“ท่านครับ… แล้วแบบนี้ผมไม่ต้องไปทำงานกับคณะละครสัตว์หรอกหรือ”
เครสไทน์ใช้มือขวาจัดระเบียบปกเสื้อกันลมพลางส่งเสียงคิกคัก
“จากข้อมูลและทฤษฎีปัจจุบันของทางโบสถ์รัตติกาล ความเข้าใจของคุณยังไม่ถูกต้องนัก ชื่อโอสถไม่ได้หมายถึง ‘อาชีพ’ เสมอไป ผมอยากให้มองเป็น ‘กลุ่มคน’ มากกว่า ยกตัวอย่างเช่นนักทำนาย ทางโบสถ์มีวิธีจำแนกแตกต่างจากคุณเล็กน้อย พวกเราไม่ได้มองว่านักทำนายคือ ‘หมอดู’ เหมือนกับคุณ แต่จำแนกให้เป็นกลุ่มคนผู้สามารถมองเห็นโชคชะตา แต่ขณะเดียวกันก็เคารพต่อโชคชะตา แม้จะดื่มโอสถเดียวกันเข้าไป แต่ภายในกลุ่มก็ยังมีกฎแตกต่างกัน ผมเคยกล่าวไปแล้วว่าคุณไม่สามารถอ้างอิงประสบการณ์จากบุคคลอื่นได้ ใช้เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น”
ไคลน์พยักหน้ารับพลางครุ่นคิด
“เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว… ผมสามารถสวมบทบาทเป็นตัวตลกในชีวิตประจำวันได้ หากเข้าใจหลักการของมันดีพอ ใช่ไหมครับ?”
“ในทางทฤษฎีละนะ”
เครสไทน์ตอบอย่างระมัดระวัง มันไม่กล้าฟันธงเรื่องสำคัญซึ่งส่งผลต่ออนาคตผู้อื่น เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ทฤษฎีของโบสถ์รัตติกาลมาจากการทดลองและประสบการณ์ของบรรพบุรุษ หาใช่ความจริงของโลก
“…เข้าใจแล้วครับ”
ไคลน์ผงกศีรษะพร้อมวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงกลางหน้าอก
“ขอบคุณครับ ขอให้เทพธิดาอวยพรท่าน”
…แก่นแท้ของตัวตลกคืออะไรกันนะ?
หากไม่มองความหมายจากโลกเก่า คำนึงถึงเฉพาะโลกปัจจุบัน ตัวตลกคงหมายถึงบุคคลสร้างความบันเทิงให้ผู้อื่นด้วยหลากหลายวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นการทำตัวเฉิ่ม เรียกเสียงหัวเราะด้วยวาจา รวมถึงกลอุบายท่าทางตลบตะแลง
ไม่ยากไปหน่อยหรือ…
ถ้าอย่างนั้นต้องลองมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ อ้างอิงจากตัวตลกโบราณจำพวกวนิพกดีไหม?
ไคลน์ครุ่นคิดอย่างเงียบงันเมื่อเริ่มตระหนักว่าตัวเองถึงทางตัน
เครสไทน์ยืนจ้องมองพลางวาดจันทร์แดงตอบรับกลางหน้าอก มันอมยิ้มจนเผยรอยย่นมุมดวงตา
“ขอให้เทพธิดาคุ้มครองคุณเช่นกัน”
ทันใดนั้น ไคลน์พลันเห็นนิมิตล่วงหน้าว่าเครสไทน์กำลังจะก้าวขาออกจากห้องโดยใช้เท้าซ้ายก่อน
ชายหนุ่มสำรวจอีกฝ่ายอย่างเงียบงันเพื่อพิสูจน์ความจริง อาวุโสเครสไทน์หยิบกระเป๋าเงินพร้อมกับเดินออกจากห้อง
ขณะกำลังเคลื่อนตัวผ่านประตู เครสไทน์ย่ำเท้าซ้ายลงพื้นก่อน!
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว…
ชายหนุ่มยืนมองร่างเครสไทน์·ซีสม่าเลือนหายไปจากทางเดินใต้ดิน
นี่มัน…
ไคลน์ยืนมึนงงสักพัก ก่อนจะได้สติกลับมาพร้อมกับความตื่นเต้น
พลังตัวตลกเจ๋งขนาดนี้เชียว…?
ยอดเยี่ยมกว่าในจินตนาการหลายเท่า!
ถึงขนาดมองเห็นนิมิตลางสังหรณ์ล่วงหน้าเลยหรือ…
ตรงตามคำอธิบายในเอกสารลับเหยี่ยวราตรีไม่มีผิด ลำดับแปดของเส้นทางนักทำนายจะมีพลังต่อสู้ระดับสูง เอาชนะศัตรูด้วยกลอุบายเล่ห์เหลี่ยม… หากประเมินจากคุณสมบัติการรักษาสมดุล ความคล่องแคล่วว่องไวเหนือมนุษย์ รวมถึงพละกำลังอีกพอประมาณ
…ไคลน์เริ่มมองเห็นแสงสว่าง ลำดับ 8 มีไว้เพื่อกลบจุดอ่อนของนักทำนาย!
…แต่ยังไม่จบแค่นี้ หัวหน้าและมาดามดาลีย์เคยสันนิษฐานว่า เส้นทางนักทำนายจะได้รับพลังใหม่อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะกลายเป็นผู้วิเศษขั้นสูง
พลังนิมิตลางสังหรณ์เมื่อครู่ก็แสดงผลก่อนจะเกิดเหตุการณ์จริงเพียงไม่นาน แถมไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา คงฝากชีวิตไว้กับมันไม่ได้
แต่แน่นอน สิ่งนี้จะเป็นปัจจัยช่วยพลิกผันกระแสสงครามขณะความเป็นความตาย จากเสียเปรียบกลายเป็นชนะได้ทันที
…จริงสิ หลังจากขจัดผลกระทบด้านลบของโอสถตัวตลกหมดเมื่อไร เราต้องรีบทดสอบการ ‘อัญเชิญตัวเอง’ จากมิติสายหมอกโดยเร็ว
เกือบลืมไปแล้วเชียว นี่หัวหน้าเอาโรคความจำเสื่อมมาติดเราหรือไง?
ท่ามกลางความคิดพลุ่งพล่าน ไคลน์ตัดสินใจทดสอบขีดจำกัดของพลังตัวตลกอีกสักสองสามสิ่ง เผื่อว่าตกหล่นพลังใดไป
เอกสารลับเหยี่ยวราตรีระบุไว้ว่า หากโอสถชนิดใหม่มอบพลังทางเวทมนตร์เพิ่มเติม ตัวผู้ดื่มจะตระหนักถึงวิธีใช้เวทมนตร์ได้เองอย่างเลือนราง
แต่มันกลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย…
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ พลังตัวตลกไม่ได้มอบเวทมนตร์ร่ายไวเหมือนกับในเอกสารลับเหยี่ยวราตรี
…หืม แล้วคำว่า ‘เจ้าเล่ห์’ หมายถึงสิ่งใด?
หลอกลวงศัตรูด้วยภาษากายและสีหน้าท่าทางซึ่งควบคุมได้ดังใจนึก?
และต้องโกหกผู้อื่นด้วยใช่ไหม?
…ให้ตายสิ ถนัดชะมัด!
ไคลน์เอียงคอไปมาคล้ายกับกำลังยืดเส้นยืดสาย หัวสมองของมันกำลังประมวลผลและสรุปพลังตัวตลกออกมาทีละข้อ
ขณะเดียวกันก็อดนึกถึงตัวตลกสวมสูทในคดีก่อนหน้าไม่ได้ อีกฝ่ายมาพร้อมเวทมนตร์หลากหลายซึ่งสร้างความประทับใจให้ไคลน์ไม่น้อย เก่งกาจถึงขนาดเหยี่ยวราตรีสามคนรุมยังเอาตัวรอดมาได้
…นั่นสินะ มันเป็นถึงสมาชิกลัทธิเร้นลับ อย่างน้อยก็คงอยู่ลำดับ 7 หน้ากากตัวตลกคงมีจุดประสงค์เพื่อปกปิดใบหน้าแท้จริงซึ่งอาจกำลังถูกประกาศจับ
แม้จะลำดับ 7 เหมือนกัน แต่มันสามารถต่อสู้อย่างสูสีกับลำดับ 7 ฝันร้ายอย่างหัวหน้าและมิสเตอร์อายร์ได้พร้อมกัน แถมยังมีมาดามโรล็อตลำดับ 8 อีกหนึ่งคนคอยสนับสนุน
หากมันทราบว่าเราสามารถหลุดพ้นจากอิทธิพลครอบงำของ 2-049 ได้ ต่อให้มีเราสิบคนก็คงไม่พอรับมือ!
…จริงสิ ตัวตลกไม่ได้ไร้เวทมนตร์เสียทีเดียว ยังมีเจ้าสิ่งนี้อยู่
ไคลน์เดินไปบนโต๊ะยาวพร้อมกับหยิบกระดาษหนังสูตรโอสถตัวตลก
นัยน์ตาดำของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ชายหนุ่มสะบัดข้อมือสุดแรงพร้อมกับขว้างแผ่นกระดาษแหวกอากาศ
ฉึก!
แผ่นกระดาษแสนธรรมดาพุ่งปักผนังหินของห้องแปรธาตุอย่างง่ายดาย!
พลังนี้สามารถปรับใช้กับไพ่ได้สบายมาก แถมไพ่ยังเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ทำนาย การพกสำรับไพ่ติดตัวจะช่วยเสริมเขี้ยวเล็บตนได้อีกหนึ่งระดับ
ไคลน์ยิ้มอย่างพึงพอใจขณะก้มหน้าเก็บกวาดอุปกรณ์ปรุงยาให้เรียบร้อย
เมื่อเสร็จสรรพ ชายหนุ่มเผาสูตรผลิตโอสถทิ้งด้วยการเสียดสีพลังวิญญาณ จากนั้นก็พ่นลมหายใจแผ่วเบาและเดินออกจากห้องปรุงยา
ประตูลับถูกปิดสนิทแนบเนียน
ด้วยความสัตย์จริง ไคลน์ต้องการทดสอบเล่นตลกต่อหน้าคนอื่นเพื่อสำรวจว่าอัตราการย่อยโอสถเร็วขึ้นหรือไม่ แต่บรรยากาศปัจจุบันคงไม่เหมาะสักเท่าไร ความตายของลุงนีลล์ส่งผลให้ทุกคนกำลังเศร้าซึม
…ฟู่ว! ประสบการณ์ใหม่กำลังจะเริ่มต้น
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตนไม่ใช่เหยี่ยวราตรีสายสนับสนุนอีกแล้ว ถึงผู้ใช้พลังแกะรอยจะเหลือเพียงคนเดียวในทีมก็เถอะ
ไคลน์เชื่อว่า อีกไม่นาน วิหารศักดิ์สิทธิ์ต้องส่งผู้วิเศษสายสนับสนุนมาสมทบเพิ่มแน่ หากไม่ใช่นักทำนายก็ต้องเป็นผู้ส่องความลับ
ชายหนุ่มเดินเลียบผนังซึ่งมีตะเกียงแก๊สติดเรียงรายจนกระทั่งถึงบันไดวนหินนำพาไปสู่บริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ
สายตามันชำเลืองมองเข้าไปในห้องนันทนาการและได้พบแสงแดดอบอุ่น
เป็นแสงสีทองอร่ามซึ่งมาพร้อมความรู้สึกชำระล้างจิตใจให้ผ่อนคลาย
……………………