ตอนที่ 190 : ฝีมือสูสี
คฤหาสน์ดยุคนีแกน
ณ โถงเต้นรำ
ในคราบของบารอนเกรเมียร์ คีลิงเกอร์กำลังถือแก้วไวน์องุ่นแดงสีเลือด ‘เออร์เมียร์’ ไว้ในมือข้างถนัด มันใช้แผ่นหลังเอนพิงราวบันไดคดเคี้ยวซึ่งนำไปสู่ชั้นสอง สายตาชำเลืองมองผู้คนเต้นรำอย่างสนุกสนาน ใบหน้าแดงก่ำคล้ายดื่มด่ำทรวดทรงหญิงงามจำนวนมากซึ่งกำลังสะบัดชดช้อย
อย่างไรก็ตามดวงตาของมันกลับไร้แววหื่นกระหาย สงบนิ่งดุจดังทะเลสาบเยือกแข็ง หางตาเหลือบมองโคมเทียนระย้าและดยุคนีแกนซึ่งกำลังให้ความสนใจสาวงามรอบตัวในลักษณะไม่ต่างกัน
ดยุคผู้นี้สวมเครื่องแบบทหารเรือสีกรมท่า บนบ่ามีริบบิ้นแดงผูกติดกับเหรียญกล้าหาญจำนวนมาก แทบทุกครั้งในการออกงานสำคัญ นีแกนชื่นชอบการสวมชุดทหารเรือซึ่งตัวมันเคยเป็นวีรบุรุษของกองทัพมาก่อน
อย่างไรก็ตาม รูปร่างมิได้ผอมเพรียวเหมือนสมัยอดีตอีกแล้ว นัยน์ตาสีเทาเข้มซึ่งเคยดุดันเริ่มปราศจากจิตสังหารของเพชฌฆาต เหลือเพียงตัณหาราคะตามประสาชายชอบเสพสุข
แต่มันก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะริ้วรอยใต้ตาหรือมุมปากล้วนไม่ชัดเจนเท่าบุรุษวัยเดียวกัน เส้นผมยังดกดำเงางามได้รูปทรง
ทั้งหมดคือคำอธิบายของพาลัส·นีแกน บุคคลผู้ครองตำแหน่งดยุคนีแกนคนปัจจุบัน และยังเป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคอนุรักษนิยมซึ่งมีอากัส·นีแกนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอาณาจักรโลเอ็น
กล่าวกันว่าพาลัส·นีแกนมีอิทธิพลมากเป็นอันดับหนึ่งในราชอาณาจักรโลเอ็นหากไม่นับเชื้อพระวงศ์ออกัสตัส
ขณะเดียวกัน มันคือเหตุผลให้คีลิงเกอร์ลอบแทรกซึมเข้ามาในเบ็คลันด์!
…แค่คิดว่าจะได้ลอบสังหารบุคคลสำคัญเช่นนี้ เนื้อตัวเราพลันสั่นเทิ้มด้วยความปิติ!
คีลิงเกอร์เบือนหน้าหนีพลางหลับตาลง
มันตอบรับภารกิจสุดเสี่ยงเนื่องจากรางวัลตอบแทนมีมูลค่ามหาศาล แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวมันชื่นชอบความตื่นเต้นและหลงรักการผจญภัย
…หากการลอบสังหารครั้งนี้สำเร็จ ชื่อเสียงของเราจะขจรขจายไปทั่วทวีปเหนือใต้ ถูกยกระดับจนทัดเทียมเหล่าสี่ราชาโจรสลัด! แถมยังได้รับรางวัลเป็น ‘ไพ่’ ซึ่งเปี่ยมด้วยปริศนาแห่งเทพของจักรพรรดิโรซายล์!
คีลิงเกอร์พยายามระงับอาการตื่นเต้น มันก้มศีรษะจ้องมองมือซ้ายตัวเอง
ปัจจุบัน ยุบพองหิวโหยอยู่ในภาวะล่องหน ไม่มีใครบอกได้ว่าบารอนเกรเมียร์กำลังสวมถุงมืออยู่ ต่อให้เพ่งมองหรือใช้นิ้วสัมผัสก็ตาม
…สมกับเป็นสมบัติวิเศษ
…หากไม่มีเจ้านี่ ผู้วิเศษลำดับ 6 อย่างเราคงไม่ได้กลายเป็นหนึ่งในเจ็ดพลเรือโจรสลัด
ความคิดมากมายกำลังถาโถมคีลิงเกอร์
ระหว่างการเป็นโจรสลัดหลายปี มันเคยพบเจอผู้วิเศษมาไม่น้อย หลายคนในนั้นคือสมาชิกชุมนุมแสงเหนือซึ่งชื่นชอบการล่องทะเลโซเนียร์
คีลิงเกอร์จึงทราบว่า ยุบพองหิวโหยมีหลายจุดแตกต่างจากคนเลี้ยงแกะตัวจริง
ประการแรก ความเร็วในการสลับพลังค่อนข้างต่ำ ต้องรออย่างน้อยหนึ่งวินาที ส่วนผู้เลี้ยงแกะสามารถสลับพลังได้ในพริบตา
ประการสอง ก่อนนำดวงวิญญาณแกะบรรจุในคอก ยุบพองหิวโหยจะสุ่มพลังของเหยื่อตั้งแต่ 1 ถึง 3 ชนิดและคงอยู่เช่นนั้นเป็นการถาวร แต่คนเลี้ยงแกะตัวจริงสามารถ ‘เลือก’ พลังของเหยื่อได้ 3 ชนิดโดยไม่ต้องสุ่มให้วุ่นวาย
ประการสาม ยุบพองหิวโหยสามารถกักเก็บวิญญาณในคอกได้สูงสุด 5 ดวง ส่วนคนเลี้ยงแกะตัวจริง 7 ดวง
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดส่วนใหญ่ยังคงไม่แตกต่าง สามารถสลับพลังของแกะในคอกมาใช้ได้คราวละหนึ่งดวงเท่ากัน แต่ข้อดีของยุบพองหิวโหยคือ สามารถใช้พลังพิเศษในคอกพร้อมกับพลังเส้นทางปัจจุบันของตัวเองได้ สิ่งนี้สร้างความสับสนให้ศัตรูได้มาก
แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนดวงวิญญาณในคอกให้เป็นพลังใหม่ แกะตัวเก่าต้องถูกทำลายทิ้งสถานเดียว และไม่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้
คีลิงเกอร์ใช้เวลานานราว 8 ปีในการปรับแต่งยุบพองหิวโหย จนกระทั่งกักเก็บดวงวิญญาณผู้วิเศษเส้นทางสำคัญครบ 5 ดวง พลังแต่ละชนิดช่วยส่งเสริมกันจนยกระดับให้เจ้าของแข็งแกร่งเหนือขีดจำกัด
ระหว่างผู้คนกำลังเต้นรำอย่างเร่าร้อน คีลิงเกอร์ยืนจินตนาการแผนลอบสังหารในหัวหลายหนจนมั่นใจ
ขณะเดียวกัน มันถอนหายใจอย่างผิดหวัง
…น่าเสียดาย หากเราหา ‘นักท่องเที่ยว’ คนดังกล่าวพบ พลังในฝันของยุบพองหิวโหยก็จะสมบูรณ์แบบ และแผนการวันนี้ก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล
สำหรับมัน พลังของเส้นทางนักท่องเที่ยวยอดเยี่ยมจนมิอาจประเมินค่าได้ เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดเทคนิคหลบหนีของโลกผู้วิเศษ
ปัจจุบัน ‘ลูกแกะ’ ซึ่งคีลิงเกอร์ปล่อยออกมากินหญ้าคือดวงวิญญาณจำแลงกาย ค่อนข้างโชคร้าย มันสุ่มได้พลังเพียงหนึ่งชนิดจากดวงวิญญาณเหยื่อ จึงไม่มีความสามารถอื่นนอกจากเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์
อย่างไรก็ตามแม้แกะตัวนี้จะทำได้เพียงปลอมตัว แต่กลับเป็นพลังสำคัญอย่างมากจนถูกนำไปใช้ในหลายสถานการณ์ คีลิงเกอร์ไม่กล้าบรรจุวิญญาณอื่นเข้าไปแทน
ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่า คีลิงเกอร์สามารถใช้พลังของลำดับ 6 ผู้รับใช้วายุได้ตลอดเวลาแม้จะอยู่ในร่างจำแลงกาย
ทันใดนั้น มันแสร้งทำทีจ้องมองเรือนร่างหญิงงามนางหนึ่ง แต่ความจริงแอบสำรวจความเคลื่อนไหวของดยุคนีแกนและกลุ่มสุภาพบุรุษรอบตัว
ดยุคนีแกนคือผู้ศรัทธาเคร่งครัดของโบสถ์วายุสลาตัน และยังเป็นสาเหตุให้โบสถ์วายุสลาตันมีอิทธิพลทางการเมืองในโลเอ็นค่อนข้างมาก ไม่แปลกหากจะมีคนคุ้มกันเป็นผู้วิเศษทรงพลังจากโบสถ์
ถึงจะไม่ใช่ตระกูลขุนนางอันมีประวัติยาวนานนับพันปี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันตระกูลนีแกนได้ถือครองอิทธิพลเป็นล้นพ้นภายในอาณาจักร ต่อให้ไม่มีคนคุ้มกันจากโบสถ์วายุสลาตัน แต่ย่อมต้องมีคนสนิทเป็นผู้วิเศษแข็งแกร่ง รวมถึงสามารถจัดหาสูตรโอสถเพื่อฟูมฟักคนเหล่านั้นได้ไม่ยาก
เมื่อไตร่ตรองถี่ถ้วน คีลิงเกอร์ไม่แยแสบุคคลอ่อนแอรอบตัวดยุคนีแกน สายตามันสนใจเพียงคนคุ้มกันซึ่งยืนประชิดตัวเหยื่อตลอดเวลา
บุรุษผู้นี้มีผมน้ำตาลนัยน์ตาฟ้าอ่อน สวมทักซิโดสีดำ สีหน้าเกือบไร้อารมณ์โดยสมบูรณ์ สายตาสังเกตสถานการณ์รอบตัวเป็นระยะ
ทันใดนั้นคีลิงเกอร์พยักหน้าหนักแน่นพร้อมกับกระตุกมือขวาไปด้านหน้าแผ่วเบา
ฟ้าว!
สายลมกรรโชกพัดผ่านฉับพลัน โคมเทียนระย้าทั้งหมดรอบโถงเต้นรำดับมอดในพริบตา
ขณะทุกคนกำลังสับสนและตื่นตระหนกกับความมืด ใบมีดสายลมพุ่งพัดตัดโซ่โลหะแขวนโคมเทียนด้านบน
เคร้ง!
โซ่โลหะขาดสะบั้น โคมระย้าคริสตัลเรือนใหญ่ใจกลางโถงเต้นรำมีอันร่วงหล่น เศษแก้วตกแตกพุ่งกระจัดกระจายบาดแขนขา บรรดาขุนนางต่างฮือฮาและกรีดร้องโหยหวน
ห้องโถงมืดสนิทมาพร้อมช่องว่างให้ลงมือมากมาย ถุงมือของคีลิงเกอร์พลันยุบพองพร้อมแปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม
มาดของมันองอาจขึงขัง ดวงตาเปี่ยมจิตสังหารมองทะลุผ่านความมืด จดจ้องกลุ่มบุรุษข้างกายดยุคนีแกนโดยไม่กะพริบ
ทันใดนั้น สีนัยน์ตาคีลิงเกอร์เริ่มส่องประกายวิบวับประหนึ่งฟ้าผ่า
เพียงพริบตา กลุ่มผู้วิเศษจำนวนมากซึ่งรับงานอารักษ์ขาดยุคนีแกน พลันล้มลงไปนอนบนพื้นพร้อมกับแหกปากกรีดร้องเจ็บปวด
เกิดเสียง ‘ฟุ่บ’ แผ่วเบาตามมา
ร่างคีลิงเกอร์พุ่งแหวกอากาศเข้าประชิดตัวดยุคนีแกนอย่างรวดเร็วชนิดมนุษย์ธรรมดามองตามไม่ทัน
อย่างไรก็ตาม ในมุมสายตาของคีลิงเกอร์ แววตาเหยื่อมิได้ปรากฏอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ดยุคนีแกนกำลังแสยะยิ้มด้วยสีหน้าแสนมั่นใจ
ร่างอวบอ้วนของพาลัส·นีแกนยืนหลังตรงอย่างผ่อนคลายราวกับเหยียดหยันนักลอบสังหารตรงหน้าเสียเต็มประดา
โดยไม่รีรอ ดยุคมาดสง่างามเหยียดแขนขวาผลักมาด้านหน้าพลางพ่นภาษาเฮอร์มิสโบราณในลำคอ
“จองจำ!”
ท่ามกลางบรรยากาศมืดมิด ร่างคีลิงเกอร์พลันชะงักงันหนึ่งอึดใจ รอบตัวถูกล้อมด้วยกำแพงโปร่งใส ขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกคล้ายถูกของเหลวเหนียวหนืดพันธนาการ
เหมือนกับแมลงในหินอำพัน
หรือไม่ก็นักโทษในคุก
สิ่งนี้หมายความว่า ขุนนางแกนนำคนสำคัญของพรรคอนุรักษนิยม ผู้นำตระกูลดยุคชั้นสูงรุ่นปัจจุบัน พาลัส·นีแกนเป็นผู้วิเศษ!
แถมยังเป็นผู้วิเศษทรงพลัง!
ดยุคนีแกนเปล่งเสียงแผ่วเบาพร้อมกับตวัดข้อมือขวา
“เฆี่ยน!”
เพี้ยะ! เพี้ยะ!
คล้ายกับคีลิงเกอร์ถูกแส้ไร้รูปร่างฟาดใส่ตามลำตัว เสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อหนังหลุดเป็นทางยาวเผยให้เห็นกระดูกสีขาวด้านใน
ถัดมา พาลัส·นีแกนโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยและกำหมัดแน่น ก่อนจะแผดเสียงประกาศกร้าวกังวาน
“ตาย!”
ฟุ่บ!
ร่างพาลัส นีแกนพุ่งประชิดอีกฝ่ายด้วยความเร็วสูงจนเกิดภาพติดตา กำปั้นขวาชกใส่ศีรษะรวดเร็วแม่นยำจนมิอาจหลบพ้น
โผละ!
กะโหลกคีลิงเกอร์ระเบิดกระจัดกระจายประหนึ่งผลแตงโม แต่ทันใดนั้นภาพการมองเห็นของพาลัส·นีแกนพลันแตกละเอียดคล้ายเศษกระจก
ร่างของมันยังคงยืนในจุดเดิม ห่างจากคีลิงเกอร์พอประมาณ ทั้งหมดเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน
ไม่มีใครทราบว่าพลเรือโทแห่งวายุดึงดยุคนีแกนเข้าไปในฝันร้ายตั้งแต่ตอนไหน
อย่างไรก็ตาม ความโฉดก็คือ ไม่เหมือนกับผู้วิเศษเส้นทาง ‘ฝันร้าย’ ของโบสถ์รัตติกาล คีลิงเกอร์ใช้พลังผ่านถุงมือ จึงหมายความว่า ร่างต้นสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระขณะลากเหยื่อเข้าสู่ภวังค์!
มันลอบปรากฏตัวด้านหลังดยุคนีแกนอย่างเงียบเชียบ สายตาเย็นชาแอบจดจ้องอีกฝ่ายไม่กะพริบ
ทันใดนั้น กำปั้นซึ่งห่อหุ้มด้วยลมพายุหมุนวนเป็นเกลียวพุ่งกระแทกใส่แผ่นหลังเหยื่อประหนึ่งคมดาบแหลม
ฟ้าว!
ท่ามกลางสายลมกรรโชก หมัดขวาของคีลิงเกอร์เสียดทะลวงหัวใจพาลัส นีแกนอย่างโหดเหี้ยม อย่างไรก็ตาม ร่างตรงหน้ากลับสลายไปในอากาศประหนึ่งเป็นเพียงหมอกมายา
ขณะเศษเสี้ยวพลังวิญญาณกำลังฟุ้งกระจาย ดยุคนีแกนตัวจริงทำการเปิดประตูกระจกใสใกล้บันไดวนเดินออกมา บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มแสนพึงพอใจ
…ร่างปลอม? พวกมันเตรียมการล่วงหน้า?
…เพื่อซ้อนแผนซุ่มโจมตีของเรา? ได้ยังไง?
แม้ไม่อยากยอมรับ แต่สถานการณ์ตรงหน้าคิดเป็นอื่นไม่ได้อีกแล้ว ทางออกเดียวจึงเป็นการตอบโต้อย่างสุขุม
ถุงมือเริ่มยุบพองพร้อมกับเปลี่ยนผิวเป็นเกล็ดสีทองเข้ม นัยน์ตาขาวโพลนพลางหดตัวเป็นวงรีคล้ายสัตว์ป่า
ทันใดนั้น คลื่นไร้รูปร่างพลันกระเพื่อมออกไปทุกทิศรอบตัว สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษในโถงเต้นรำต่างสั่นกลัวและเข้าสู่ภาวะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ละคนวิ่งพล่านอย่างไร้จุดหมาย สถานการณ์เป็นไปอย่างโกลาหลจนยากควบคุม
กลุ่มผู้วิเศษไม่ผลีผลามโจมตีมั่วซั่ว พวกมันเกรงว่าจะทำให้ขุนนางใหญ่ของอาณาจักรได้รับบาดเจ็บ
รีบฉวยโอกาสทองดังกล่าว คีลิงเกอร์แหวกอากาศด้วยความเร็วเหนือมนุษย์พร้อมกับสายลมเกรี้ยวกราดรายล้อม มันตัดสินใจพุ่งเข้าไปในห้องนอนแขกและทำลายกระจกมุขหน้าต่างทิ้ง
เพล้ง!
หลังจากเสียงกระจกแตกดังเพียงอึดใจ คฤหาสน์ของดยุคนีแกนพลันสั่นคลอนไปทั้งหลังจากผลของมวลลมพายุมหาศาล
คีลิงเกอร์หนีหายไปจากการมองเห็นของทุกคนอย่างง่ายดาย
………
ถัดมาไม่นาน ร่างกายของมันร่อนลงพื้นซึ่งเป็นเส้นทางหนีตามแผน สวนสาธารณะของเทศบาลประจำกรุงเบ็คลันด์
เพียงพริบตา คีลิงเกอร์จำแลงกายปะปนรวมกันฝูงชนและหนีหายไปอย่างเงียบเชียบ กรุงเบ็คลันด์แห่งนี้มีประชากรกว่าห้าล้านคน การไล่จับผู้มีพลังปลอมตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
ขณะเดียวกันก็เป็นคำตอบว่า เหตุใดคีลิงเกอร์ถึงกล้ารับภารกิจความเสี่ยงสูงเช่นนี้
………
ผ่านไปไม่กี่นาที พายุสลาตันของจริงพัดผ่านน่านฟ้ากรุงเบ็คลันด์ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพระคาร์ดินัลแห่งโบสถ์วายุสลาตัน อาร์คบิชอปแห่งวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์มุขมณฑลเบ็คลันด์
ผู้ขับขานแห่งเทพ เอซ·สเน็ก
มันถึงคฤหาสน์ดยุคนีแกนพร้อมกับหน่วยทูตพิพากษาจำนวนไม่มาก ทั้งหมดคือบุคคลซึ่งประจำการอยู่ในวิหาร ณ ขณะนั้น
เอซไม่มีเวลารวบรวมคนมากพอ
อัลเจอร์คือหนึ่งในสมาชิกร่วมเดินทางมาพร้อมผู้ขับขานแห่งเทพ แต่อารมณ์ของมันค่อนข้างขุ่นมัว เนื่องจากเหลือบเห็นกระจกหน้าต่างแตกและไม่พบศพของคีลิงเกอร์ในงานเลี้ยง รวมถึงหน่วยผู้วิเศษจำนวนหนึ่งเริ่มกระจายกำลังค้นหาโดยรอบ
สิ่งนี้หมายถึง
คีลิงเกอร์หลบหนีสำเร็จ
…………….