ตอนที่ 197 : ปฏิบัติการ
‘มีอันตรายอยู่ด้านใน’
อาจไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน
‘หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เชอรอนยังอยู่ในบ้าน มิได้เผ่นหนีออกจากทิงเก็นไปแล้ว’
ไคลน์ชะงักงันเมื่อทราบถึงสาเหตุอันตราย
มันแอบสำรวจตู้นิรภัยด้วยวิธีการพิเศษอย่าง ‘กายจิต’ กลอนนิรภัยแน่นหนาจึงไม่ถูกทำลาย รวมถึงกับดักเวทมนตร์ด้วย
ฉะนั้น มาดามเชอรอนไม่มีทางทราบว่าความลับของตนถูกเปิดโปง อย่างมากเพียงเข้าใจว่านักสืบเอกชนหรือผู้วิเศษบางคนลอบย่องเข้ามาค้นห้องนอนโดยไม่พบเบาะแสใดกลับไป
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เป็นเรื่องปกติหากอีกฝ่ายจะยังพักอาศัยในบ้านราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
‘ระดับเธอไม่มีทางตื่นตูมกับความผิดปกติเพียงเล็กน้อยแน่ มาดามเชอรอนมีอิทธิพลในเมืองทิงเก็นมานาน แถมยังแสร้งทำตัวอ่อนแอได้แนบเนียน คนสุขุมเช่นนั้นเก่งกาจถึงขนาดปกปิดตัวตนลัทธิแม่มดได้นานหลายปี หากโลกนี้มีโทรศัพท์ เธอคงยกหูโทรหาหนึ่งในคนรักอันมากมาย และเล่าถึงความห่วยแตกของระบบรักษาความปลอดภัยเมืองทิงเก็น โดยพยายามชี้นำให้อีกฝ่ายทราบว่าสิ่งเหล่านี้เกิดจากฝีมือมาดามเมย์นาร์ด’
ไคลน์เริ่มพร่ำเพ้อบทนิยายซับซ้อน ก่อนจะหันไปบอกผลลัพธ์คำทำนายกับดันน์และโคเฮนรี รวมถึงสมมติฐานของตน
“อนุมานได้สมเหตุสมผล”
ดันน์กดปีกหมวกพร้อมกับเงยหน้ามองไปยังชั้นสองของบ้านเชอรอน
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ไม่ต้องรีบร้อน”
“ทำไมครับ?”
โคเฮนรีซักถามขณะถือ 3-0217 ในมือ
ว่ากันตามตรงมันค่อนข้างหวาดกลัวกระจกผู้สื่อวิญญาณ ในหัวจินตนาการตลอดเวลาว่าสมบัติวิเศษชิ้นนี้จะเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน
ดันน์สวมถุงมือหนังสีดำพลางจ้องไคลน์
“คุณยังจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขณะพวกเราพยายามบุกจับกุมทริสซี่”
“จำได้ครับ” ไคลน์ตอบหลังครุ่นคิด
“ดูเหมือนเธอสามารถตรวจจับความมุ่งร้ายของพวกเราได้ ส่งผลให้การหลบหนีประสบความสำเร็จ”
‘และผมก็ยังจำได้ว่า วันนั้นได้เสนอแนวทางในการใช้กองทัพปืนใหญ่ล้อมยิงถล่มบ้านหลังต้องสงสัยให้ราบคาบ เพราะนั่นคือวิธีปลอดภัยและได้ผลในเวลานั้น แต่ไม่ใช่กับปัจจุบัน ละแวกใกล้เคียงมีผู้บริสุทธิ์อาศัยแออัดเกินไป หากแจ้งเจ้าของบ้านแต่ละหลังให้แอบอพยพหนี รับรองได้เลยว่าเชอรอนต้องตรวจพบความผิดปกติ และจากคำบอกเล่าของเลียวนาร์ด ทริสซี่สามารถหายตัวได้ชั่วขณะ ต้องไม่ลืมสมมติให้มาดามเชอรอนมีความสามารถแบบเดียวกัน’
ไคลน์พยายามปะติดปะต่อเหตุการณ์
ดันน์มองไปยังจันทร์แดงเลือดนกบนท้องฟ้าพลางกล่าว
“ถูกต้อง คุณเข้าใจสถานการณ์วันนั้นได้อย่างถ่องแท้ พวกเราจึงไม่สมควรรีบร้อนบุกรุกบ้านมาดามเชอรอนจนเธอไหวตัวทัน ผมจะทำการดึงหล่อนเข้าสู่ห้วงความฝันก่อน จากนั้นค่อยถึงตาคุณและโคเฮนรีบุกจู่โจม อนุญาตให้ตัดสินใจเอาเองว่าควรลงมือสังหารเธอหรือไม่ หากอีกฝ่ายดิ้นรนหลุดจากภวังค์ความฝัน พวกคุณสามารถฆ่าทิ้งได้ทันทีจงไม่ลืมว่าความปลอดภัยของสมาชิกเหยี่ยวราตรีมาเป็นอันดับแรกเสมอ”
‘หัวหน้า ภายใต้สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ สติและความทรงจำของคุณมักยอดเยี่ยมไร้จุดบกพร่องเสมอ!’
ไคลน์แอบสรรเสริญ
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ชายหนุ่มพยายามทำความเข้าใจพลังพิเศษของเพื่อนร่วมทีมอย่างถ่องแท้ หมั่นปรึกษาดันน์ เลียวนาร์ด ฟราย และคนอื่นบ่อยครั้ง
จากบรรดาทั้งหมด ลำดับ 7 ฝันร้าย ดันน์สามารถเข้าฝันได้ทุกคนหากเป้าหมายกำลังหลับใหล แถมยังเข้าฝันระยะไกลได้โดยไม่จำกัดขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นบ้านตัวเองหรือสำนักงานรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ
แต่ไคลน์ไม่ได้ถามถึงเทคนิคปลีกย่อย ปล่อยให้เป็นความลับส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม การดึงผู้อื่นเข้าสู่ความฝันจะแตกต่างจากการเข้าฝันเป้าหมาย สามารถกระทำได้ในระยะทางจำกัด มักถูกใช้ในการต่อสู้แบบซึ่งหน้ามากกว่า
ไคลน์เคยได้ยินดันน์เล่าว่า พลังดังกล่าวจะมีฤทธิ์มากหากใช้กับเป้าหมายภายในระยะหนึ่งร้อยเมตร แต่ก็มิอาจแสดงผลทันทีทันใด ลักษณะคล้ายคลึงการกล่อมเด็กนอนต้องใช้เวลาปั้นแต่งพอสมควร
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน แผนของดันน์คือการดึงอีกฝ่ายเข้าสู่ห้วงนิทราเพียงชั่วขณะ มากพอสำหรับให้ไคลน์และโคเฮนรีบุกจู่โจมประชิดตัวเป้าหมาย
“ครับ!”
โคเฮนรีผงกศีรษะ มันเห็นด้วยกับแผน
หัวหน้าเหยี่ยวราตรีเอนตัวไปทางกำแพงพร้อมกับหลับตา สองมือประสานกันด้านหน้าในลักษณะศีรษะก้มลง เสื้อกันลมดำและหมวกไหมพรมเริ่มกลมกลืนราวกับหายตัวไปในความมืดมิด
………
ภายในห้องนอนโอ่อ่า
มาดามเชอรอนกำลังเอนหลังพิงเก้าอี้โยกตัวใหญ่ในสภาพเปลือยกายสมบูรณ์ เรือนร่างปราศจากจุดตำหนิ ผิวพรรณอันขาวผ่องไม่มีส่วนใดถูกปกปิด
สายตาหมั่นชำเลืองกระจกเต็มบานเพื่อเชยชมเสน่ห์อันล้นเหลือของตัวเองเป็นระยะ
ยิ่งจดจ้องใบหน้าเชอรอนยิ่งแดงก่ำพร้อมด้วยน้ำตาคลอเบ้า กิริยาท่าทางอ่อนช้อยเจือปนความมึนเมาล่องลอย
เทวรูปเทพธิดาถูกวางไว้บนโต๊ะข้างลำตัว เส้นผมหนาและใหญ่เกิดประกายแวววาวภายใต้แสงไฟสีชมพูอบอุ่น
ยิ่งเวลาผ่านไป จำนวนครั้งการเหลือบมองกระจกก็ยิ่งน้อยลง จนกระทั่งเปลือกตาของสตรีเลอโฉมปิดสนิทโดยสมบูรณ์
……….
จากวินาทีเป็นนาที
ไคลน์เริ่มสงสัยบางสิ่ง
หัวหน้าจะใช้วิธีใดแจ้งให้ตนและโคเฮนรีทราบหลังจากดึงมาดามเชอรอนเข้าสู่ห้วงความฝันสำเร็จ?
‘มาดามเชอรอนจะตื่นทันทีเมื่อหัวหน้าหลุดออกจากห้วงความฝัน และเธอก็จะพบความไม่ชอบมาพากล หัวหน้าส่งสัญญาณมือในสภาพนี้ได้ไหม?’
ไคลน์เหลือบมองโคเฮนรีผู้กำลังเดินกระวนกระวายไปมา ชายหนุ่มตัดสินใจซักถามปัญหาคาใจเพื่อเบี่ยงประเด็นความกลัวของอีกฝ่าย
แต่ยังไม่ทันอ้าปาก ภาพตรงหน้าไคลน์พลันพร่ามัว ดวงจันทร์แดงเลือดนกขยายขนาดจนใหญ่ผิดเพี้ยน ด้านล่างคือดันน์·สมิทในเสื้อกันลมสีดำยืนจ้องมองตนและโคเฮนรี
ชายหนุ่มตระหนักทันทีว่าตนกำลังถูกลากเข้าภวังค์ความฝัน
‘หัวหน้าดึงเราเข้าฝันเพื่อส่งสัญญาณ! ใช้วิธีนี้เองหรือ? ใครจะไปนึกถึง’
ไคลน์อยากใช้มือลูบหน้าผาก แต่ก็ทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะต้องแสร้งปั้นหน้านิ่งให้เหมือนถูกครอบงำโดยสมบูรณ์
“หัวหน้า?”
ดันน์ผงกศีรษะรับ
“มาดามเชอรอนถูกดึงเข้าห้วงความฝันแล้ว พวกคุณเริ่มลงมือได้ทันที”
จากนั้นก็เน้นย้ำ
“จงจำไว้ให้ดี ห้ามประมาทโดยเด็ดขาด ชีวิตของตัวเองสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด”
ในวินาทีที่เสียงสิ้นสุด ภาพการมองเห็นของไคลน์แตกละเอียดคล้ายเศษกระจก ดันน์·สมิทยังคงยืนเอนตัวเข้าหากำแพงในท่าเดิม
โคเฮนรีซึ่งเคยเดินกระสับกระส่ายพลันลืมตาในจังหวะเดียวกัน
สองคู่หูประสานสายตาพลางผงกศีรษะโดยไม่กล่าวสิ่งใด ไม่มีใครรีรอ ร่างกายเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเต็มฝีเท้าเพื่อเริ่มปฏิบัติการ
แม้หนนี้จะเป็นภารกิจเสี่ยงอันตรายแรกของโคเฮนรี แต่ประสบการณ์โดยรวมก็ยังมากกว่าไคลน์ อารมณ์ตื่นตระหนกเมื่อครู่จึงถูกสลัดออกอย่างรวดเร็ว
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะปัจจุบันคือยามวิกาล เวทีแห่งผู้ไร้หลับ และคงเป็นสาเหตุให้ดันน์เลือกโคเฮนรีเหนือฟราย
“ลุย!”
ในฐานะลำดับ 8 ตำแหน่งของไคลน์จึงสูงกว่าโคเฮนรี ชายหนุ่มรับบทบาทผู้นำ
โคเฮนรีไม่คัดค้าน มันจับกระจกคลุมผ้าดำมิดชิดพร้อมกับตามหลังไคลน์ไม่ห่าง
ชายหนุ่มเงยหน้าเล็งแนวกระโดดร่องเดิมเนื่องจากคุ้นเคยเป็นอย่างดี มันเหยียดแขนจับรอยแตกบนกำแพงพลางส่งตัวขึ้นไปด้านบนอย่างง่ายดาย
ด้วยเทคนิคการทรงตัวเหนือมนุษย์ ไคลน์รีบหันไปตั้งท่ารับกระจกคลุมผ้าดำซึ่งโคเฮนรีเตรียมโยนตามหลัง
ในวินาทีฝ่ามือสัมผัสผ้าพลังวิญญาณชายหนุ่มพลันกระเพื่อมหนักหน่วง ประหนึ่งวัตถุใต้ผ้าดำมิใช่กระจกเงา แต่เป็นประตูนำไปสู่โลกอีกมิติ
‘สมกับเป็นสมบัติวิเศษปิดผนึก มาพร้อมอันตรายรุนแรง’
ไคลน์พึมพำขณะสายตาจ้องมองโคเฮนรีกระโดดปืนกำแพง
เพื่ออำนวยความสะดวก มันห้อยปลายเท้าข้างหนึ่งลงไปหวังให้โคเฮนรีจับ แต่อีกฝ่ายกลับมองไม่เห็นความปรารถนาดี
หลังจากผ่านแปลงดอกไม้ ไคลน์ปีนท่อรางน้ำขึ้นไปบนระเบียงชั้นสองเหมือนเดิมทุกประการ
ถัดมาเป็นการใช้ปลายเท้าเกี่ยวขอบระเบียงไว้และห้อยหัวลง แขนสองข้างยืดออกเตรียมรับกระจกคลุมผ้าดำจากเหยี่ยวราตรีร่างเล็ก
โคเฮนรีผงะเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าเข้าใจในเวลาต่อมา พร้อมกับยื่น 3-0271 ให้ถึงมือ
ด้านไคลน์ก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรอยู่ อย่างไรก็ตาม เพียงการเกร็งสะโพกเล็กน้อยรวมถึงความช่วยเหลือจากแขนซ้าย ลำตัวของมันพลิกกลับขึ้นไปบนระเบียงได้ไม่ยากเย็น
‘เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเราถึงทำแบบนั้น? แถมทุกอย่างเป็นไปอย่างธรรมชาติ เพราะความสามารถตัวตลก?’
ชายหนุ่มครุ่นคิดพลางตระหนักถึงเอกลักษณ์ของตัวตลก
เมื่อรอโคเฮนรีปีนเสร็จมันส่งกระจกกลับคืนพร้อมกับก้มศีรษะปลดกลอนประตู
มาถึงจุดนี้ โคเฮนรีดึงผ้าดำออกเพื่อให้สมบัติวิเศษ 3-0271 เริ่มแผลงฤทธิ์เดช ด้านผิวกระจกถูกคว่ำลงพื้นอย่างระมัดระวัง
หนึ่งในกฎเหล็กการใช้กระจกผู้สื่อวิญญาณระหว่างภารกิจคือ ห้ามทำให้เพื่อนร่วมงานหรือตัวเองได้รับผลของกระจกเด็ดขาด!
เมื่อเก็บผ้าดำเข้ากระเป๋าเสร็จ โคเฮนรีล้วงปืนพกออกมาถือในมืออีกข้าง ทั้งสองคนย่องไปจนถึงประตูห้องนอนมาดามเชอรอนด้วยเสียงฝีก้าวบางเฉียบ
ไคลน์ถือปืนพกในลักษณะพร้อมใช้งานพลางกระทบกรามซ้ายเปิดเนตรวิญญาณ มือข้างหนึ่งเหยียดออกไปจับกลอนประตู
แน่นอน มันไม่กล้าประมาทเนื่องจากผลทำนายบ่งบอกชัดเจนว่ามีอันตรายในระดับปานกลาง
และสาเหตุให้ไม่ทำนายซ้ำก่อนเข้าห้อง เพราะไคลน์ทราบดีว่าเทวรูปแม่มดบรรพกาลอยู่ด้านใน ผลทำนายต้องถูกขัดขวางอย่างแน่นอน นอกเสียจากจะขึ้นไปใช้พลังของมิติหมอกเทา แต่เมื่อโคเฮนรีมาด้วยย่อมมิอาจกระทำเช่นนั้น
หลังจากเปิดประตูแง้ม ภาพแรกในการมองเห็นของไคลน์และโคเฮนรีคือแสงอบอุ่นจากตะเกียงแก๊ส
ถัดมาไม่ห่างเป็นร่างมาดามเชอรอนกำลังนอนแผ่บนเก้าอี้โยกในลักษณะเปลือยเปล่า
แต่เชอรอนมิได้กำลังหลับใหล!
หล่อนฉีกยิ้มกว้างอย่างชั่วร้ายพลางจ้องมองผู้มาเยือนทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา
โคเฮนรีรีบหงายฝ่ามือเพื่อส่องกระจกผู้สื่อวิญญาณใส่เชอรอน
ไคลน์พลันตะโกนห้ามสุดเสียง
“อย่า!”
สาเหตุเพราะชายหนุ่มจดจำได้แม่นยำว่าภายในห้องนอนเชอรอนเคยมีกระจกบานใหญ่วางอยู่ แต่ตอนนี้หายไปจากจุดเดิม
ภาพเชอรอนนอนเปลือยเปล่าคือภาพสะท้อนจากบานกระจกใหญ่อีกทอดหนึ่ง!
โคเฮนรีมองเห็นตัวเองในกระจก และเห็นสมบัติวิเศษ 3-0271 ในกระจกด้วยเช่นกัน
ใบหน้าบุคคลหนึ่งพลันปรากฏบนผิวกระจกผู้สื่อวิญญาณ เป็นภาพโคเฮนรีมาพร้อมรอยยิ้มไร้อารมณ์เจือกลิ่นอายความชั่วร้ายไว้เต็มเปี่ยม
ทันใดนั้นไคลน์เริ่มตระหนักว่าแขนขาของตนถูกเส้นด้ายยืดหยุ่นพันธนาการแน่นขนัด
ในเวลาเดียวกัน เรือนร่างสมส่วนของสตรีเลอโฉมปรากฏด้านข้างกระจกเต็มบาน ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากมาดามเชอรอนในชุดราตรี
สายตาเพ่งพิจารณาสองผู้บุกรุกพลางแสยะยิ้มเหยียดหยัน
“หากไม่เพราะเทวรูปของพระองค์คอยปกป้อง ป่านนี้ฉันคงทำได้เพียงรอให้พวกคุณปลุกให้ตื่นด้วยการจุมพิต”
ไคลน์โพล่งขึ้นเป็นภาษาเฮอร์มิสฉับพลัน
“แดงฉาน!”
มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนนำมือซ้ายล้วงกระเป๋าตั้งแต่เมื่อไร แต่ด้วยความชำนาญของตัวตลก ขอเพียงขยับปลายนิ้วก็สามารถตวัดขว้างวัตถุลักษณะแผ่นบางใส่เป้าหมายได้แม่นยำ
………………