ตอนที่ 206 : สมบัติวิเศษระดับ 2
ณ ทางเดินมืดสลัวชั้นใต้ดินสำนักงาน
อสุรกายกระดูกขาวหายไปจากการมองเห็นไคลน์อย่างรวดเร็วหลังจากรับจดหมาย
เมื่อสภาพแวดล้อมรอบตัวเหลือเพียงโคมตะเกียงแก๊สแขวนผนัง ชายหนุ่มเก็บนกหวีดทองแดงเข้ากระเป๋าเสื้อและเดินตรงไปยังประตูยานิสทันที
ขณะเขียนจดหมายเมื่อครู่ ไคลน์ตัดสินใจได้แล้วว่าตนจะนำสมบัติชิ้นใดออกมา
ประการแรก นอกจากตราศักดิ์สิทธิ์บิดเบือนแห่งเทพสุริยันซึ่งมาพร้อมพลังแฝงสมบัติระดับ 3 ทั่วไปไม่มีทางสร้างอันตรายแก่ทารกในครรภ์เมกูสได้
ในสถานการณ์รีบร้อนเช่นนี้ ไคลน์ไม่ว่างพอตรวจสอบความลับของสมบัติวิเศษระดับ 3 ทั้งหมดด้านหลังประตู จึงตัดสินใจไม่เลือกใช้สมบัติระดับ 3 เพราะนอกจากจะไม่สร้างความเสียหายแก่ศัตรู ยังจะทำให้ฝ่ายตัวเองอ่อนแอลงโดยไม่เกิดประโยชน์
ประการสอง เหยี่ยวราตรีสาขาทิงเก็นไม่มีสมบัติวิเศษระดับ 1 โดยมีระดับ 2 เพียงสามชิ้นเท่านั้น เดิมที นี่คือความลับนอกเหนือสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลของไคลน์ แต่ในเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้าค่อนข้างวิกฤติ ดันน์จึงถือโอกาสนี้มอบข้อมูล
สำหรับดันน์ผู้ถือเถ้ากระดูกพระแม่เซเลน่าอยู่กับตัวตลอดเวลา มันไม่สามารถใช้งานสมบัติวิเศษชิ้นอื่นในเวลาเดียวกันได้
หลังบานประตูยานิสสาขาทิงเก็น สมบัติวิเศษปิดผนึกระดับ 2 ประกอบด้วยรหัสดังนี้
2-030
2-078
2-105
รหัส 2-030 ‘พิษอนันต์’
ถือกำเนิดจากผู้วิเศษปริศนาไม่ทราบเส้นทาง มันเกิดเสียสติกะทันหันและฆ่าตัวตายด้วยการตัดข้อมือตัวเองทิ้ง เลือดจากข้อมือถูกบรรจงเทใส่จอกเงินธรรมดา
อย่างไรก็ตามหลังจากคราบเลือดแห้งกรังและหายไป จอกเงินดังกล่าวกลับไม่สามารถนำไปใช้เป็นภาชนะใส่ของเหลวได้อีก เพราะไม่ว่าจะเทสิ่งใดลงไป ของเหลวก็จะกลายเป็นสีใสกระจ่างจนน่าหลงใหล สร้างแรงดึงดูดมหาศาลต่อผู้คนรอบตัว จนแม้แต่ผู้วิเศษลำดับ 5 ก็มิอาจหักห้ามใจไหว
และเมื่อดื่มเข้าไปเหยื่อจะเสียชีวิตจากผลของพิษทันที
หลังจากเสียชีวิตพิษจะถูกขับทางรูขุมขนและทวารทั้งเจ็ด ปริมาณของพิษเท่ากับก่อนดื่มเข้าไปทุกประการ ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่หนึ่งมิลลิลิตร
ดันน์เล่าว่าทางวิหารศักดิ์สิทธิ์ประเมินให้พิษชนิดนี้รุนแรงในระดับสามารถสังหารผู้วิเศษครึ่งเทพได้ อย่างไรก็ตาม สมมติฐานนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันเนื่องจากผู้วิเศษครึ่งเทพไม่เคยถูกแรงดึงดูดกระตุ้นให้ดื่มเข้าไป
ยิ่งไปกว่านั้นลักษณะการใช้งานของ 2-030 ค่อนข้างยุ่งยาก ใครเห็นก็ทราบทันทีว่าเป็นจอกพิษ ถ้าต้องการใช้กับศัตรูแข็งแกร่ง ประการแรกต้องพันธนาการอีกฝ่ายให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยกรอกของเหลวในจอกเงินเข้าปาก
แต่ถ้าทำได้ขนาดนั้นพิษในแก้วก็ไม่จำเป็นแล้วกระมัง?
ปัญหายังไม่หมดไป เพราะ 2-030 จะสร้างแรงดึงดูดให้ทุกคนรอบตัวเกิดความอยากดื่ม หากเสียสมาธิแม้เพียงนิดเดียว ใครสักคนจะเดินไปหยิบจอกเงินกรอกปากตัวเองราวกับเป็นสิ่งสมควรกระทำ ไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายเดียวกัน
เมื่อดันน์เล่าจบไคลน์ตัดสินใจทันทีว่าสมบัติวิเศษปิดผนึกชิ้นนี้จะไม่ถูกนำออกมาใช้
รหัส 2-078 ‘ประตูมรณะ’
รูปลักษณ์เหมือนกรอบประตูไม้ทั่วไปทุกประการ แต่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะตายทันทีหากข้ามผ่านเส้นประตู ยังไม่เคยมีผู้วิเศษขั้นสูงเข้าร่วมการทดสอบมาก่อน
สมบัติวิเศษชนิดนี้มีสัญญาณชีพเคยพยายามหลบหนีมาแล้วหลายครั้ง สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ให้คล้ายคลึงบานประตูรอบตัวได้ หากผู้ใช้งานก่อความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย 2-078 จะหลุดจากการควบคุมและจำแลงกายเป็นบานประตูในสภาพแวดล้อม
หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ใช้งานห้ามผ่านประตูส่งเดชโดยเด็ดขาด ต้องยืนรอความช่วยเหลือจากกำลังเสริมเท่านั้น
ไคลน์เคยคิดใช้ 2-078 ในตอนแรก แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มันประเมินว่าจิตสัมผัสของสิ่งมีชีวิตระดับตำนานคงเฉียบคมกว่ามนุษย์ปกติมาก และต้องทราบว่าบานประตูดังกล่าวไม่สมควรเดินผ่าน
ลงเอยด้วยไคลน์เลือกใช้ 2-105
ชื่อของมันคือ ‘เส้นเลือดหัวขโมย’
มองผิวเผินจะเหมือนกับเส้นเลือดปกติ ขนาดค่อนข้างหนาและมีลักษณะแข็ง แต่หากใครใช้งานมัน โดยไม่สนว่าจะสวมอุปกรณ์ป้องกันหรือไม่ อายุขัยของผู้ใช้งานจะถูกช่วงชิงอย่างต่อเนื่อง
ช่วงแรกอาจไม่ประจักษ์ชัด แต่ถ้าผู้ใช้งานไม่ปล่อยมือจากเส้นเลือด หายนะจะเริ่มปรากฏหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ดันน์เล่าว่า เคยมีผู้วิเศษนอกรีตลำดับ 5 ถือเส้นเลือดหัวขโมยไว้นานกว่าสองชั่วโมง ร่างกายของมันเปลี่ยนจากชายวัยสามสิบบึกบึนกำยำ กลายเป็นชายชราหลังค่อมผมขาว ผิวหนังเหี่ยวย่น ฟันหลุดร่วงหมดปาก
คุณสมบัติสำคัญของ 2-105 คือ ผู้ใช้งานมีโอกาส ‘ขโมย’ พลังพิเศษของเป้าหมายได้หนึ่งชนิดภายในระยะทางจำกัด แม้กระทั่งผู้วิเศษครึ่งเทพก็ไม่เว้น แต่โอกาสจะยิ่งต่ำลงเมื่อเป้าหมายยิ่งแข็งแกร่ง
หลังจากขโมยได้สิบนาที ผู้ถือเส้นเลือดหัวขโมยจะใช้งานพลังดังกล่าวได้เต็มประสิทธิภาพ แต่เจ้าของพลังตัวจริงจะสูญเสียความสามารถไปชั่วคราว
สิบนาทีถัดมา พลังดังกล่าวจะหายไปจากร่างผู้ใช้สมบัติวิเศษ ส่วนเป้าหมายต้องรออีกสองสามวันก่อนจะได้พลังกลับคืนมา
ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ แต่เส้นเลือดหัวขโมยก็ช่วยเพิ่มโอกาสชนะได้ราวห้าถึงสิบเปอร์เซ็นต์จากเดิม
‘อย่าลืมว่าเราคือราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ!’
ยิ่งไปกว่านั้น จุดประสงค์ของเหยี่ยวราตรีคือการป้องกันเหตุร้ายล่วงหน้า ไม่ได้แปลว่ามันจะเกิดขึ้นจริงสักหน่อย
‘อาจไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ หรือไม่กำลังเสริมก็อาจมาช่วยได้ทัน’
ไคลน์หยุดยืนหน้าห้องเวรยามผู้คุม แววตาปราศจากความลังเล
เกี่ยวกับผลเสียของ 2-105 ไคลน์ไม่กังวลสักเท่าไร เนื่องจากมันไม่คิดใช้สมบัติวิเศษชิ้นนี้ด้วยตัวเอง
ไคลน์เตรียมมอบให้เลียวนาร์ดถือ เพราะตนมีทั้งยันต์เพลิงสุริยันและนกหวีดทองแดงอยู่แล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่า อย่างหลังจะถูกระงับพลังอีกหรือไม่เมื่อกลับขึ้นไป
‘นักกวีเพื่อนรัก ได้เวลาเผยความลับสำคัญของนายแล้ว’
ไคลน์พึมพำ สายตาเหลือบเห็นซิก้า·ทีรอนกำลังยืนเฝ้าประตูยานิสด้วยมาดแข็งขัน
นักเขียนนิยายผมขาวนัยน์ตาดำยืนเงียบงันหลายวินาทีก่อนเปิดปาก
“ทำไมคุณถึงไม่เฝ้าประตูยานิสและให้ฉันขึ้นไปรับมือศัตรูแทน? ฉันทั้งแข็งแกร่งและมีประสบการณ์มากกว่า”
‘แต่คุณไม่มียันต์เพลิงสุริยัน’
ไคลน์เพียงยิ้ม
“มาดาม ผมเองก็ลำดับ 8 และประตูยานิสจำเป็นต้องมีบุคคลแข็งแกร่งคอยเฝ้าระวังเช่นกัน สมบัติวิเศษหลายชิ้นมีสัญญาณชีพ พวกมันอาจฉวยโอกาสหลบหนีตอนชุลมุน แต่นั่นคงไม่สำคัญถ้าหัวหน้าและพวกผมล้มเหลว ทุกคนในเมืองทิงเก็นจะถึงจุดจบ เชื่อผมเถอะ จุดประสงค์หลักของทีมด้านบนไม่ใช่เอาชนะ แต่เป็นยื้อเวลาจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง สถานการณ์ข้างบนปลอดภัยกว่าประตูยานิสมากจึงต้องให้คนแข็งแกร่งอย่างคุณช่วยดูแลทางนี้”
ซิก้า·ทีรอนเม้มปากแน่น ก่อนจะวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงกลางหน้าอก
“ขอให้เทพธิดาคุ้มครองพวกคุณทุกคน”
เนื่องจากดันน์เขียนเอกสารกำกับเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ทันเวลา ไคลน์จำเป็นต้องให้ซิก้าเข้าไปหยิบสมบัติวิเศษแทน
ผ่านไปสามนาทีเธอกลับมาอีกครั้งพร้อมถือเส้นเลือดหนาในมือซ้าย สีของมันค่อนไปทางขาวซีด ปรากฏคราบโลหิตเปรอะเปื้อนในบางจุด
ไคลน์ยื่นแขนออกไปรับมันสัมผัสถึงความรู้สึกประหลาดได้ทันที คล้ายกับมี ‘กระแส’ ล่องหนไหลผ่านเข้ามาในร่างกาย
……..
ภายในห้องรับแขกบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ
เลียวนาร์ดสลัดอาการแข็งทื่อตะกุกตะกักก่อนหน้าได้แล้ว บทสนทนาเป็นไปอย่างไหลลื่นด้วยสีหน้าปกติ มันกำลังเล่าถึงเหตุการณ์ค้นพบบ้านเช่าลาเนวุสบนถนนฮาเวิส
“อย่างนั้นหรือ? เขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้เลย”
เมกูสตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด
ทันใดนั้นเธอทำการดึงกระจุกเส้นผมสีทองออกมาเต็มกำมือ ก่อนจะทิ้งลงในถังขยะด้านข้างโซฟา
เลียวนาร์ดแทบหยุดหายใจ มันฝืนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก บนฝ่ามือมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นหลายจุด
…….
ไคลน์เดินกลับขึ้นข้างบนพร้อมกับถือเส้นเลือดหัวขโมยในมือซ้าย
สายตาชำเลืองไปทางประตูห้องนอนเหยี่ยวราตรี ณ จุดดังกล่าว ดันน์ในชุดกันลมสีดำกำลังยืนเงียบงัน นัยน์ตาเทาเข้มลุ่มลึกเหมือนกับวันแรก
“ขอแนะนำตัวเองอีกครั้ง ผมคือเหยี่ยวราตรี ดันน์·สมิท”
เสียงจากอดีตย้อนกลับมาดังแว่วในหัวตามด้วยภาพดันน์กำลังคุกเข่าข้างศพโคเฮนรีโดยมีริมฝีปากชุ่มเลือด
ไคลน์ไม่กล่าวสิ่งใดเพียงเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายพร้อมกับยกแขนซ้ายขึ้น
“หัวหน้า ผมเลือก 2-105 เพราะคิดว่าเหมาะสมกับเลียวนาร์ดมากกว่าชิ้นอื่น”
ดันน์ผงกศีรษะแผ่วเบา มันไม่ถามไถ่เหตุผล เพียงชี้นิ้วพลางหันหน้าไปทางห้องทำงานตัวเอง
“วิหารศักดิ์สิทธิ์ส่งโทรเลขกลับมาแล้ว พวกเขาแจ้งว่ากำลังให้ทีมผู้วิเศษระดับสูงรีบเดินทางมาสนับสนุน พร้อมกำชับให้พวกเราพยายามยื้อเวลา ส่วนเรื่องความบังเอิญ…พวกเขายังไม่มีคำตอบมอบให้ ผมคิดว่าคงยังหาสาเหตุไม่ได้ หรือไม่ก็ ฝ่ายโทรเลขยังไม่ทราบสถานการณ์โดยรวม ทำให้ไม่มีข้อมูลสำหรับคาดเดา เวลาทุกนาทีมีค่า ข้อความจากโทรเลขก็เช่นกัน ตามหลักแล้วไม่ควรส่งข้อความยาวในช่วงฉุกเฉิน”
“ครับ” ไคลน์พยักหน้า
จากนั้นก็ขยับตัวเข้าใกล้ฉากกั้น
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”
“ยังไม่เกิดเรื่องผิดปกติ”
ดันน์ก้มมองกล่องบรรจุเถ้ากระดูกพระแม่เซเลน่าในมือซ้าย
เมื่อเห็นเลียวนาร์ดกำลังชวนเมกูสพูดคุยอย่างราบรื่น ไคลน์ไม่กล้าออกไปขัดจังหวะ มันถอยกลับมายืนหน้าห้องนันทนาการและรอโอกาสเหมาะสม
ท่ามกลางทางเดินเงียบงัน มีเพียงไคลน์และดันน์ยืนอยู่ตามลำพัง
ทันใดนั้นดันน์เผยรอยยิ้มขื่นขม
“ผมลืมเล่าให้ฟัง”
“เรื่องอะไรครับ?” ไคลน์ขมวดคิ้ว
ดันน์หันมาจ้องหน้า
“ดาลีย์กำชับให้ผมอธิบายสถานการณ์ของตัวเองให้คุณฟัง”
“หือ?”
ไคลน์อ้าปากค้าง คล้ายกับยังไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายสักเท่าไร
ผ่านไปหนึ่งอึดใจ ก่อนดันน์จะทำการอธิบายต่อมันพลันกระจ่าง
‘มาดามดาลีย์ไม่ได้ตอบจดหมายทันทีเพราะคิดว่าไม่จำเป็น เธอเพียงนำความสงสัยของเราไปบอกกับหัวหน้า เพื่อให้เขาอธิบายเรื่องราวด้วยตัวเอง มะ…หมายความว่า หัวหน้าไม่ได้ผิดปกติ!’
ในช่วงเวลาความเป็นความตาย หัวใจชายหนุ่มพลันพองโตอย่างยินดีปรีดา
……………